หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
แวะเซี่ยงไฮ้ ไปนั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูง
กระทู้สนทนา
รถไฟ
รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT)
สมัครพันทิปมาพักหนึ่งแล้ว อยากลองโพสต์อะไรบ้าง แต่ไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร เลยไปขอเรื่องของเพื่อนมาแชร์ค่ะ เพราะเป็นรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่กำลังสนใจและอยากนั่งอยู่เลย...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่มา:
http://angelontheground.blogspot.com/2015/10/blog-post_14.html
-----------------------------------------------------
ปลายเดือนที่แล้วมีโอกาสเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ แว่บแรกที่ได้เห็นใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ก็รู้สึกว่าความเจริญไม่ค่อยต่างจากเมืองใหญ่ ๆ ในแถบยุโรปหรืออเมริกาเลย จะต่างก็แค่ผู้คนที่หน้าตาแบบเรา ๆ
เซี่ยงไฮ้แบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งเมืองเก่ากับฝั่งเมืองใหม่ มีแม่น้ำคั่นกลาง เหมือน ๆ กับฝั่งกรุงเทพฯ กับฝั่งธนบุรีบ้านเรานั่นเอง โดยทั้งสองฝั่งมีความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมอย่างชัดเจน
การเดินทางระหว่างเมืองเก่ากับเมืองใหม่ ก็มีเส้นทางรถยนต์เข้าอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำ ทำให้เห็นวิศวกรรมการก่อสร้างที่ล้ำหน้าของจีน
ฝั่งเมืองเก่าจะมีกลิ่นอายความเก๋าอยู่ (นึกถึงซีรี่ส์เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้) เป็นฝั่งที่ตั้งของที่อยู่อาศัย เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง รวมทั้งคอนโดรุ่นเก่า เป็นเสน่ห์เร้าใจเรามาก เห็นแล้วนึกย้อนไปถึงยุค 60s - 70s
ตอนนั่งรถผ่านย่านต่าง ๆ ในฝั่งเมืองเก่านี้ ก็ได้เจอะเจอกับ Street Fashion ของแท้แบบแปลกตาตรึงใจ ทั้งเสื้อผ้าทั่วไปและชุดชั้นในทั้งส่วนบนและส่วนล่างของบุรุษและสตรี ที่แขวนตากแดดเรียงรายอยู่ริมถนนอย่างไม่แคร์สายตาผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา ตากกันตั้งแต่หน้าบ้านยันป้ายรถเมล เห็นครั้งแรกก็รู้สึกตะลึงพรึงเพริด นึกในใจว่า “เฮ้ย ตากกันอย่างนี้เลยรึ” คนเดินถนนก็รอดทั้งกางเกงในและยกทรงกันอย่างเฉยชา นี่ถ้าเป็นบ้านเรา คงได้มีของขลังเสื่อมกันมั่งหละ ^^ แต่พอนั่งรถผ่านมาเรื่อย ๆ ก็จะชินตาไปเอง เพราะมีอยู่ทุกที่ทุกมุมตึกก็ว่าได้ พอชินแล้ว ก็อาจจะรู้สึกว่า เออ ก็เกร๋ไกร๋ไปอีกแบบเนอะ หาดูไม่ได้ในบ้านเรา ^^
แต่หากข้ามฟากมาฝั่งเมืองใหม่ ก็จะเหมือนอยู่คนละโลกเลย ฝั่งนี้มีการวางผังเมืองที่ค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน ไม่ต่างกับเมืองใหญ่ ๆ ในยุโรปหรืออเมริกา มองไปทางไหนก็เห็นแต่หมู่ตึก อาคารออฟฟิศสมัยใหม่ สูงเสียดฟ้า ต้องเงยหน้าตั้งฉากเพื่อให้เห็นความงดงามของยอดตึก ฝั่งนี้จะไม่เห็นที่พักอาศัยเลย ถูกออกแบบให้เป็นย่านธุรกิจสมัยใหม่โดยเฉพาะ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะฝั่งนี้เพิ่งถูกพัฒนาเมื่อประมาณ 20 กว่าปีมานี้เอง จึงสามารถวางผังเมืองอย่างเป็นระบบระเบียบได้ตามปรารถนา
เราไปเซี่ยงไฮ้ในช่วงที่ใกล้วันหยุดยาวฉลองวันชาติประจำปี ผู้คนอาจจะเริ่มลางานกันบ้างแล้ว จึงไม่ค่อยได้สัมผัสกับการจราจรอันหนาแน่นคับคั่งดั่งคำร่ำลือเท่าใดนัก ที่พบเจอ ก็ติดขัดสาหัสแบบไม่ต่างจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรบ้านเราสักเท่าไร แต่ที่ต่างกันมากเห็นจะเป็นตรงที่ เซี่ยงไฮ้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีระบบรถโดยสารสาธารณะที่ดีที่สุดในประเทศจีน
มีทั้งแท็กซี่ รถเมลโดยสารที่ผู้คนนั่ง-ยืนแบบสบาย ๆ ไม่เบียดเสียด และขนส่งแบบรางที่มีทั้งรถไฟใต้ดินธรรมดาอย่าง MRT บ้านเรา รถไฟฟ้าพลังแม่เหล็กหรือ Maglev ที่เป็นรถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดโลก ไปจนถึงรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่เชื่อมระหว่างเมือง
ไหน ๆ ก็มาถึงเซี่ยงไฮ้แล้ว เมืองที่มีรถไฟพลังแม่เหล็กที่ขึ้นชื่อ พวกเราก็อยากสัมผัสประสบการณ์ความเร็วสูงสุดในโลกกันสักหน่อย แต่ด้วยเวลาที่ไม่ลงตัว เราจึงต้องเปลี่ยนแผนไปขึ้นรถไฟหัวกระสุนหรือรถไฟฟ้าความเร็วสูงแทน ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เพราะมีแนวโน้มว่าประเทศไทยอาจจะนำโครงการนี้มาทำในไม่ช้าไม่นาน (ถ้าไม่ได้ฝันไป ^^)
ด้วยความที่มีเวลาจำกัด จึงโดยสารได้แค่ในระยะสั้น ๆ คณะเราขึ้นจากสถานีหงเฉียว ในเขตมหานครเซี่ยงไฮ้ ไปยังเมืองหังโจว ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของจีน หรือที่รู้จักกันว่าเป็นสวรรค์บนดิน อยู่ห่างจากเซี่ยงไฮ้ราว ๆ 190 กิโลเมตร นั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปไม่ทันถึงชั่วโมง จอดแค่สองสถานีก็ถึง
พวกเราโชคดีหน่อยที่มีคนจัดการเรื่องตั๋วและเลือกที่นั่งให้ จึงได้ใช้บริการชั้นดีที่สุด (ที่นั่นเรียกว่า ชั้น Business) หรือเทียบกับชั้นที่เรียกว่า First Class ในบ้านเรา ซึ่งเมื่อขึ้นรถมาก็รู้สึกว่าอลังการกว่าที่คิด ห้องโดยสารกว้าง จำนวนที่นั่งน้อย เบาะหนังกว้างขวาง มีที่ด้านหน้าให้เหยียดขาได้อย่างสบาย ไม่ต้องกลัวว่าจะไปเตะที่นั่งของคนข้างหน้า มีปุ่มปรับเอนนอน ที่วางของพับเก็บได้ พร้อมจอมอนิเตอร์ทีวีส่วนตัว เป็นเครื่องอำนวยความสะดวกสำหรับนักธุรกิจหรือคนที่ต้องการพักผ่อนจริง ๆ โดยเก้าอี้นั่งยังสามารถปรับหมุนเข้าหากันได้ หากมาเป็นหมู่คณะก็ปรับให้หันหน้ามาคุยกันหรือเจรจาธุรกิจการค้าได้อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ยังมีพนักงานบริการเครื่องดื่มเหมือนแอร์โฮสเตสบนเครื่องบิน มีห้องน้ำที่กว้างกว่าบนเครื่องบินนิดนึง แต่ที่ดีกว่าเครื่องบินอย่างเห็นได้ชัดคือ พื้นที่ที่สามารถเดินไปหากันได้อย่างสบาย ไม่ต้องนั่งคุดคู้อยู่แต่ที่เก้าอี้ของตัวเอง แถมได้ชมวิวทิวทัศน์ข้างทางอย่างไม่น่าเบื่ออีกด้วย เหมาะสำหรับการเดินทางไกล ๆ ที่ใช้ระยะเวลานาน
รถไฟขบวนที่เรานั่ง วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้วิ่งด้วยความเร็วคงที่แบบนี้ตลอดเส้นทาง ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ที่ 280 – 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่นิ่มและนิ่งมากทีเดียว ไม่โคลงเคลง ไม่สะเทือน ลองทดสอบด้วยการเอาขวดน้ำวางไว้ เพื่อดูอาการสั่นสะเทือน แทบไม่พบเลย
ส่วนตัวแล้ว เรายกสองนิ้วโป้งให้ thumbs up เลยนะกับรถไฟฟ้าความเร็วสูงหัวกระสุนเนี่ย เลิศอ่ะขอบอก นี่ถ้ารัฐบาลเมืองไทยเปิดโหวตว่าจะให้สร้างหรือไม่ให้สร้าง เราเชียร์สุดฤทธิ์ให้สร้างแน่นอนที่สุดเลย เราว่ารถไฟฟ้าความเร็วสูงเนี่ยเหมาะกับคนไทย เพราะเป็นพวกนักเดินทาง ชอบเดินทาง ไม่ว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือคนต่างจังหวัดมาทำงานในเมือง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่เดียว
เราว่ารถไฟฟ้าความเร็วสูงสบายกว่าเครื่องบิน เดินยืดเส้นยืดสายระหว่างการเดินทางได้ มีทิวทัศน์ข้างนอกให้มอง มีความนิ่มและความนิ่งในการเดินรถดีกว่ารถทัวร์ รถไฟธรรมดา และเครื่องบิน เพราะไม่มีปัญหาเรื่องการโคลงเคลง ระยะเบรค การตกหลุมอากาศ ความเสียวตอนออกตัวและหยุดตัว ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าล้อจะกระแทกพื้นแรง ปัญหาเรื่องความกดอากาศก็น้อยกว่าเครื่องบิน ไม่ต้องกังวลเรื่องหูอื้อหรืออาการปวดหู ความเงียบก็แซงหน้า
ที่สำคัญคือความปลอดภัยสูงกว่าการเดินทางโดยรถยนต์และเครื่องบิน
จุดเด่นที่สุดคือเรื่องของความตรงต่อเวลา เป๊ะมาก (แต่อันนี้พอมาเมืองไทยแล้วจะยังเป๊ะอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ถ้าทั่วโลกเค้าเป๊ะกันหมด เมืองไทยจะแหกคอกอยู่ที่เดียว ก็ให้มันรู้ไป ^^)
ด้านราคาเราก็ไม่รู้ว่าพอเมืองไทยมาทำแล้วจะเป็นยังไง แต่ก็คิดว่าไม่น่าและไม่ควรจะสูง เพื่อให้คนส่วนใหญ่มีสิทธิใช้บริการได้ แถมยังต้องแข่งขันกับทั้งเครื่องบิน รถทัวร์ และรถไฟธรรมดา
ที่แน่ ๆ ในจีนราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าความเร็วสูงไม่สูงจนแตะต้องไม่ถึง เป็นราคาที่คนส่วนใหญ่จ่ายได้ เพราะรัฐบาลถือว่าเป็นระบบขนส่งเพื่อประชาชนจึงควบคุมราคาให้เหมาะสมและไม่มีนโยบายขึ้นราคา ได้ฟังคนที่นั่นเล่าอย่างนี้แล้วรู้สึกดีว่า รัฐบาลของเขาห่วงใยประชาชนอย่างจริงจัง ใช้เงินลงทุนสูงกับสาธารณูปโภคชั้นสูง แต่คิดราคาไม่แพงและไม่คาดหวังผลกำไรสูงกลับมา อยากให้เมืองไทยคิดได้แบบนี้บ้างจัง เราจะได้มีรถไฟฟ้าความเร็วสูงกันซะที
[ราคาตั๋ว 219.5 หยวน ขึ้นจากสถานีหงเฉียว ไปลงสถานีหังโจว ตรงที่เป็น XXXXX นั่นคือชื่อผู้โดยสาร ตรง QR Code นั่น เมื่อเอาไปส่องกับเครื่องอ่าน QR Code แล้วจะเห็นรายละเอียดของเที่ยวโดยสารทั้งหมด ตลอดจนแผนที่ที่จะพาเราไปยังประตูทางขึ้นรถไฟด้วย สะดวกและไฮเทคสุด ๆ อ้ะ]
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ปฏิวัติการขนส่งแห่งโลกอนาคต ให้เครื่องบิน,รถไฟ,รถบัสเป็นยานพาหนะสนับสนุนการเดินทางแก่กันและกัน ไม่เป็นคู่แข่งกัน
หลายคนมองว่ารถไฟความเร็วสูงเป็นคู่แข่งของรถบัส เครื่องบินก็เป็นคู่แข่งกับรถไฟความเร็วสูง ซึ่งในบางกรณี ยานพาหนะเหล่านี้ก็สามารถเป็นคู่แข่งกันได้ เพราะอย่างเครื่องบินก็สามารถเดินทางให้ถึงเป้าหมายในระยะ
สมาชิกหมายเลข 4764697
ที่จะประชุมวันนี้ สายสีแดงหัวลำโพง-มหาชัย ขอรถไฟความเร็วสูงสายใต้เส้นนี้ด้วย นำแผนที่ล้มไปมาพิจารณาใหม่ คุ้มแน่
ตามข่าวเดิมเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ก็เคยมีแผนว่าจะสร้างรถไฟความเร็วสูงสายใต้ผ่านแม่กลองนี่แหละ สุดท้ายก็ยกเลิกไป เพราะเห็นว่าต้องเวนคืนพื้นที่มาก โชคร้ายสมุทรสาคร วืดรถไฟความเร็วสูง-สายสีแดงไ
สมาชิกหมายเลข 4764697
วิศวกรรมรถไฟความเร็วสูงจีน
คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (บอร์ดอีอีซี) เพิ่งอนุมัติการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แบบไร้รอยต่อ คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา ซึ่งคาดว่าจะเปิดร่าง TOR
สมาชิกหมายเลข 3761838
เที่ยวเซี่ยงไฮ้-ซูโจว-หังโจวฉบับคนชอบ(เงิน)สด Part:3 หังโจว
Day 7:23/03/68 ทานข้าวเช้าเช็คเอาท์จากรร.เสร็จก็นั่งmetroไปSuzhou railway stationเพื่อนั่งรถไฟความเร็วสูงไปหังโจว ตัวสถานีใหญ่ มีหลายชานชลาเพราะเป็นสถานีหลัก ควรเผื่อเวลาด้วย รถไฟจีนจะประกาศให้ผสด.เตร
สมาชิกหมายเลข 6588177
รัฐควรล้มสัญญารถไฟ 3 สนามบินไป แม้ต้องจ่าย 6 พันล้าน ถ้าไม่ล้ม อาจเสียหายมากกว่า 6 พันล้านก็ได้
เมื่อวาน ก็นึกว่าจะได้บทสรุปอย่างแน่นอนแล้วว่า ซีพีจะทำรถไฟ 3 สนามบินมั้ย จะได้เห็นภาพซีพีแถลงข่าวตอกเสารถไฟเข็มหรือขอยกเลิกสัญญากันแน่ กลายเป็นว่ายังต้องรอเวลา หารือกันอีกรอบ ทำให้ประชาชนรู้สึกเอือมร
สมาชิกหมายเลข 4764697
สถานีรถไฟเดินทางจากดอนเมืองไปห้างพันทิป
เดินทางจากสถานีรถไฟดอนเมืองไปห้างพันธุ์ทิพย์งามวงศ์วานต้องเดินทางอย่างไรครับอยากได้วิธีที่สะดวกหรือไม่ก็ประหยัดรถเมล์รถไฟฟ้ารถตู้ได้หมดเลยครับ
สมาชิกหมายเลข 7504842
ห้าหนุ่มน้อยชวนสามสาวน้อยไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ ตอนที่ 1
ทริปนี้เกิดจาก ตัวตาต้องดูแลยายเกือบตลอดเวลา เลยขอออกไปปล่อยของบ้างปีละ 2 ครั้ง ให้ลูกมาอยู่เวรดูแลแม่แทนชั่วคราว ปกติจะออกทริปครั้งละ 15-20 วัน แต่ห่วงยายครั้งนี้ไปแค่ 12 วัน ตอนจะจองตั๋วเครื่องบิน ก
ห้าสิบกะรัต
ถ้านำแท็กซี่บินได้มาเปิดบริการในสนามบินที่ขาดทุน จะ work มั้ย ตั๋วเครื่องบินเล็กแพงมาก น่าจะไม่รอด
ตอนนี้ในไทยมีสนามบินที่ขาดทุนอยู่ถึง 28 แห่ง เชื่อว่าต่อให้มีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น ก็จะมีจำนวนสนามบินที่ขาดทุนลดลง แต่ลดลงไม่มาก ยังต้องมีอีกหลายสนามบินที่ขาดทุนอยู่ ถ้าอนาคต ภาครัฐหร
สมาชิกหมายเลข 4764697
จากเซี่ยงไฮ้ ไปเที่ยวหังโจวแบบเช้าเย็นกลับได้มั้ยครับ
วางแพลนจะไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ช่วงปลายปีครับ ดูจากพวกทัวร์เค้าไปหังโจว แล้วค้างกัน แต่ผมกะว่าจะไปแบบเช้าไปเย็นกลับ เพราะเหมือนมีรถไฟความเร็วสูงจากเซี่ยงไฮ้ ไปหังโจวแล้ว (เหมือนเคยอ่านเจอ) แต่เสิร์ชรีวิวเก
ชายน้อยมองเหม่อนั่งเอ๋อริมถนน
น่าจะตัดสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาออกไป ดูแล้วไม่น่าจะคุ้มค่าการก่อสร้าง มีโอกาสขาดทุนสูง
ก็ถูกคัดค้านการก่อสร้างมาเยอะ สำหรับการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ยังไม่มีข้อตกลงที่แน่นอนในการสร้างสถานีนี้ซักที ทีนี้ เราก็มาวิเคราะห์กันว่า ถ้ามีสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา คนกรุงเทพซึ่งเป
สมาชิกหมายเลข 4764697
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
รถไฟ
รถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT)
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
แวะเซี่ยงไฮ้ ไปนั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
-----------------------------------------------------
ปลายเดือนที่แล้วมีโอกาสเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ แว่บแรกที่ได้เห็นใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ก็รู้สึกว่าความเจริญไม่ค่อยต่างจากเมืองใหญ่ ๆ ในแถบยุโรปหรืออเมริกาเลย จะต่างก็แค่ผู้คนที่หน้าตาแบบเรา ๆ
เซี่ยงไฮ้แบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่ง คือฝั่งเมืองเก่ากับฝั่งเมืองใหม่ มีแม่น้ำคั่นกลาง เหมือน ๆ กับฝั่งกรุงเทพฯ กับฝั่งธนบุรีบ้านเรานั่นเอง โดยทั้งสองฝั่งมีความแตกต่างทางสถาปัตยกรรมอย่างชัดเจน
การเดินทางระหว่างเมืองเก่ากับเมืองใหม่ ก็มีเส้นทางรถยนต์เข้าอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำ ทำให้เห็นวิศวกรรมการก่อสร้างที่ล้ำหน้าของจีน
ฝั่งเมืองเก่าจะมีกลิ่นอายความเก๋าอยู่ (นึกถึงซีรี่ส์เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้) เป็นฝั่งที่ตั้งของที่อยู่อาศัย เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่อง รวมทั้งคอนโดรุ่นเก่า เป็นเสน่ห์เร้าใจเรามาก เห็นแล้วนึกย้อนไปถึงยุค 60s - 70s
ตอนนั่งรถผ่านย่านต่าง ๆ ในฝั่งเมืองเก่านี้ ก็ได้เจอะเจอกับ Street Fashion ของแท้แบบแปลกตาตรึงใจ ทั้งเสื้อผ้าทั่วไปและชุดชั้นในทั้งส่วนบนและส่วนล่างของบุรุษและสตรี ที่แขวนตากแดดเรียงรายอยู่ริมถนนอย่างไม่แคร์สายตาผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา ตากกันตั้งแต่หน้าบ้านยันป้ายรถเมล เห็นครั้งแรกก็รู้สึกตะลึงพรึงเพริด นึกในใจว่า “เฮ้ย ตากกันอย่างนี้เลยรึ” คนเดินถนนก็รอดทั้งกางเกงในและยกทรงกันอย่างเฉยชา นี่ถ้าเป็นบ้านเรา คงได้มีของขลังเสื่อมกันมั่งหละ ^^ แต่พอนั่งรถผ่านมาเรื่อย ๆ ก็จะชินตาไปเอง เพราะมีอยู่ทุกที่ทุกมุมตึกก็ว่าได้ พอชินแล้ว ก็อาจจะรู้สึกว่า เออ ก็เกร๋ไกร๋ไปอีกแบบเนอะ หาดูไม่ได้ในบ้านเรา ^^
แต่หากข้ามฟากมาฝั่งเมืองใหม่ ก็จะเหมือนอยู่คนละโลกเลย ฝั่งนี้มีการวางผังเมืองที่ค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน ไม่ต่างกับเมืองใหญ่ ๆ ในยุโรปหรืออเมริกา มองไปทางไหนก็เห็นแต่หมู่ตึก อาคารออฟฟิศสมัยใหม่ สูงเสียดฟ้า ต้องเงยหน้าตั้งฉากเพื่อให้เห็นความงดงามของยอดตึก ฝั่งนี้จะไม่เห็นที่พักอาศัยเลย ถูกออกแบบให้เป็นย่านธุรกิจสมัยใหม่โดยเฉพาะ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะฝั่งนี้เพิ่งถูกพัฒนาเมื่อประมาณ 20 กว่าปีมานี้เอง จึงสามารถวางผังเมืองอย่างเป็นระบบระเบียบได้ตามปรารถนา
เราไปเซี่ยงไฮ้ในช่วงที่ใกล้วันหยุดยาวฉลองวันชาติประจำปี ผู้คนอาจจะเริ่มลางานกันบ้างแล้ว จึงไม่ค่อยได้สัมผัสกับการจราจรอันหนาแน่นคับคั่งดั่งคำร่ำลือเท่าใดนัก ที่พบเจอ ก็ติดขัดสาหัสแบบไม่ต่างจากกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรบ้านเราสักเท่าไร แต่ที่ต่างกันมากเห็นจะเป็นตรงที่ เซี่ยงไฮ้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีระบบรถโดยสารสาธารณะที่ดีที่สุดในประเทศจีน
มีทั้งแท็กซี่ รถเมลโดยสารที่ผู้คนนั่ง-ยืนแบบสบาย ๆ ไม่เบียดเสียด และขนส่งแบบรางที่มีทั้งรถไฟใต้ดินธรรมดาอย่าง MRT บ้านเรา รถไฟฟ้าพลังแม่เหล็กหรือ Maglev ที่เป็นรถไฟที่วิ่งเร็วที่สุดโลก ไปจนถึงรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่เชื่อมระหว่างเมือง
ไหน ๆ ก็มาถึงเซี่ยงไฮ้แล้ว เมืองที่มีรถไฟพลังแม่เหล็กที่ขึ้นชื่อ พวกเราก็อยากสัมผัสประสบการณ์ความเร็วสูงสุดในโลกกันสักหน่อย แต่ด้วยเวลาที่ไม่ลงตัว เราจึงต้องเปลี่ยนแผนไปขึ้นรถไฟหัวกระสุนหรือรถไฟฟ้าความเร็วสูงแทน ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เพราะมีแนวโน้มว่าประเทศไทยอาจจะนำโครงการนี้มาทำในไม่ช้าไม่นาน (ถ้าไม่ได้ฝันไป ^^)
ด้วยความที่มีเวลาจำกัด จึงโดยสารได้แค่ในระยะสั้น ๆ คณะเราขึ้นจากสถานีหงเฉียว ในเขตมหานครเซี่ยงไฮ้ ไปยังเมืองหังโจว ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของจีน หรือที่รู้จักกันว่าเป็นสวรรค์บนดิน อยู่ห่างจากเซี่ยงไฮ้ราว ๆ 190 กิโลเมตร นั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงไปไม่ทันถึงชั่วโมง จอดแค่สองสถานีก็ถึง
พวกเราโชคดีหน่อยที่มีคนจัดการเรื่องตั๋วและเลือกที่นั่งให้ จึงได้ใช้บริการชั้นดีที่สุด (ที่นั่นเรียกว่า ชั้น Business) หรือเทียบกับชั้นที่เรียกว่า First Class ในบ้านเรา ซึ่งเมื่อขึ้นรถมาก็รู้สึกว่าอลังการกว่าที่คิด ห้องโดยสารกว้าง จำนวนที่นั่งน้อย เบาะหนังกว้างขวาง มีที่ด้านหน้าให้เหยียดขาได้อย่างสบาย ไม่ต้องกลัวว่าจะไปเตะที่นั่งของคนข้างหน้า มีปุ่มปรับเอนนอน ที่วางของพับเก็บได้ พร้อมจอมอนิเตอร์ทีวีส่วนตัว เป็นเครื่องอำนวยความสะดวกสำหรับนักธุรกิจหรือคนที่ต้องการพักผ่อนจริง ๆ โดยเก้าอี้นั่งยังสามารถปรับหมุนเข้าหากันได้ หากมาเป็นหมู่คณะก็ปรับให้หันหน้ามาคุยกันหรือเจรจาธุรกิจการค้าได้อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ยังมีพนักงานบริการเครื่องดื่มเหมือนแอร์โฮสเตสบนเครื่องบิน มีห้องน้ำที่กว้างกว่าบนเครื่องบินนิดนึง แต่ที่ดีกว่าเครื่องบินอย่างเห็นได้ชัดคือ พื้นที่ที่สามารถเดินไปหากันได้อย่างสบาย ไม่ต้องนั่งคุดคู้อยู่แต่ที่เก้าอี้ของตัวเอง แถมได้ชมวิวทิวทัศน์ข้างทางอย่างไม่น่าเบื่ออีกด้วย เหมาะสำหรับการเดินทางไกล ๆ ที่ใช้ระยะเวลานาน
รถไฟขบวนที่เรานั่ง วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้วิ่งด้วยความเร็วคงที่แบบนี้ตลอดเส้นทาง ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ที่ 280 – 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่นิ่มและนิ่งมากทีเดียว ไม่โคลงเคลง ไม่สะเทือน ลองทดสอบด้วยการเอาขวดน้ำวางไว้ เพื่อดูอาการสั่นสะเทือน แทบไม่พบเลย
ส่วนตัวแล้ว เรายกสองนิ้วโป้งให้ thumbs up เลยนะกับรถไฟฟ้าความเร็วสูงหัวกระสุนเนี่ย เลิศอ่ะขอบอก นี่ถ้ารัฐบาลเมืองไทยเปิดโหวตว่าจะให้สร้างหรือไม่ให้สร้าง เราเชียร์สุดฤทธิ์ให้สร้างแน่นอนที่สุดเลย เราว่ารถไฟฟ้าความเร็วสูงเนี่ยเหมาะกับคนไทย เพราะเป็นพวกนักเดินทาง ชอบเดินทาง ไม่ว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือคนต่างจังหวัดมาทำงานในเมือง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่เดียว
เราว่ารถไฟฟ้าความเร็วสูงสบายกว่าเครื่องบิน เดินยืดเส้นยืดสายระหว่างการเดินทางได้ มีทิวทัศน์ข้างนอกให้มอง มีความนิ่มและความนิ่งในการเดินรถดีกว่ารถทัวร์ รถไฟธรรมดา และเครื่องบิน เพราะไม่มีปัญหาเรื่องการโคลงเคลง ระยะเบรค การตกหลุมอากาศ ความเสียวตอนออกตัวและหยุดตัว ไม่ต้องมาคอยกังวลว่าล้อจะกระแทกพื้นแรง ปัญหาเรื่องความกดอากาศก็น้อยกว่าเครื่องบิน ไม่ต้องกังวลเรื่องหูอื้อหรืออาการปวดหู ความเงียบก็แซงหน้า
ที่สำคัญคือความปลอดภัยสูงกว่าการเดินทางโดยรถยนต์และเครื่องบิน
จุดเด่นที่สุดคือเรื่องของความตรงต่อเวลา เป๊ะมาก (แต่อันนี้พอมาเมืองไทยแล้วจะยังเป๊ะอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่ถ้าทั่วโลกเค้าเป๊ะกันหมด เมืองไทยจะแหกคอกอยู่ที่เดียว ก็ให้มันรู้ไป ^^)
ด้านราคาเราก็ไม่รู้ว่าพอเมืองไทยมาทำแล้วจะเป็นยังไง แต่ก็คิดว่าไม่น่าและไม่ควรจะสูง เพื่อให้คนส่วนใหญ่มีสิทธิใช้บริการได้ แถมยังต้องแข่งขันกับทั้งเครื่องบิน รถทัวร์ และรถไฟธรรมดา
ที่แน่ ๆ ในจีนราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าความเร็วสูงไม่สูงจนแตะต้องไม่ถึง เป็นราคาที่คนส่วนใหญ่จ่ายได้ เพราะรัฐบาลถือว่าเป็นระบบขนส่งเพื่อประชาชนจึงควบคุมราคาให้เหมาะสมและไม่มีนโยบายขึ้นราคา ได้ฟังคนที่นั่นเล่าอย่างนี้แล้วรู้สึกดีว่า รัฐบาลของเขาห่วงใยประชาชนอย่างจริงจัง ใช้เงินลงทุนสูงกับสาธารณูปโภคชั้นสูง แต่คิดราคาไม่แพงและไม่คาดหวังผลกำไรสูงกลับมา อยากให้เมืองไทยคิดได้แบบนี้บ้างจัง เราจะได้มีรถไฟฟ้าความเร็วสูงกันซะที
[ราคาตั๋ว 219.5 หยวน ขึ้นจากสถานีหงเฉียว ไปลงสถานีหังโจว ตรงที่เป็น XXXXX นั่นคือชื่อผู้โดยสาร ตรง QR Code นั่น เมื่อเอาไปส่องกับเครื่องอ่าน QR Code แล้วจะเห็นรายละเอียดของเที่ยวโดยสารทั้งหมด ตลอดจนแผนที่ที่จะพาเราไปยังประตูทางขึ้นรถไฟด้วย สะดวกและไฮเทคสุด ๆ อ้ะ]