ก็ถูกคัดค้านการก่อสร้างมาเยอะ สำหรับการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ยังไม่มีข้อตกลงที่แน่นอนในการสร้างสถานีนี้ซักที
ทีนี้ เราก็มาวิเคราะห์กันว่า ถ้ามีสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา คนกรุงเทพซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่จะขึ้นรถไฟความเร็วสูงมาลงสถานีอยุธยากันมากน้อยขนาดไหน การเดินทางมาอยุธยาก็มีทั้งรถไฟทางไกลและรถตู้ที่วิ่งมาอยู่เป็นประจำ และก็มีแผนการอยู่แล้วว่า จะสร้างรถไฟสายสีแดงมาถึงอยุธยา ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟสายสีแดงก็เร็วมากอยู่ และราคาเป็นมิตรกับผู้โดยสารมาก บางซื่อถึงรังสิต ราคา 20 บาท มีแผนจะต่อขยายเส้นทางรถไฟถึงม.ธรรมศาสตร์ด้วย ซึ่งก็น่าจะให้ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายจนถึงม.ธรรมศาสตร์ เป็นการขยายตัวเมืองและช่วยนักศึกษาด้วย ผ่านม.ธรรมศาสตร์ไป ก็ควรจะเก็บเพิ่มค่าโดยสารเป็น 25-30-40 บาท ว่ากันไปตามระยะทางแต่ละสถานี เช่น นวนคร 25 บาท บางปะอิน 30 บาท อยุธยา 40 บาท ซึ่งค่าโดยสารที่ไม่แพง จะช่วยให้กระจายคนจากในตัวเมืองออกมาอยู่ปริมณฑลหรือเมืองที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพได้ง่ายขึ้น
ขนส่งสาธารณะที่รับส่งคนในเส้นทางกรุงเทพ-อยุธยาในปัจจุบันและในอนาคตที่วางแผนไว้มีดังนี้
รถตู้กรุงเทพ-อยุธยา ราคา 70 บาท ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง 30 นาที
รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-อยุธยา ราคา 195 บาท ใช้เวลา 29 นาที
ส่วนรถไฟสายสีแดงกรุงเทพ-อยุธยา ยังไม่มี ถ้ามีเราขอประเมินว่าน่าจะอยู่ 58-60 นาที อย่างดีก็อาจจะไม่เกิน 55 นาที ราคาให้ซัก 40 บาท
แต่ถ้ารัฐไม่อุดหนุนค่าโดยสาร กรุงเทพ-อยุธยา ก็น่าจะอยู่ที่ราคา 80-90 บาท ซึ่งรัฐก็น่าจะหนุนค่าโดยสารนั่นแหละ เพราะสายสีแดงเป็นรถไฟชานเมือง ช่วยกระจายคนออกมาอยู่นอกตัวเมืองได้ดี บรรเทาปัญหารถติดในเมืองได้มากกว่าสายอื่นๆ การที่ค่าโดยสารราคาถูก ก็ทำให้คนใช้บริการสายสีแดงได้ง่ายด้วย คนตัดสินใจมาอยู่นอกเมืองง่ายขึ้น และที่ผ่านมาพอรัฐอุดหนุนสายสีแดง ก็ยิ่งทำให้คนขึ้นเยอะ รัฐก็ได้ผลตอบแทนในด้านอื่น
ถ้ามีทั้งสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาและสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงอยุธยา เกรงว่าจะเกิดความไม่คุ้มค่ากับรถไฟความเร็งสูงที่วิ่งมาอยุธยา คนจะเลือกใช้สายสีแดงมากกว่า เพราะราคาถูกกว่า ให้นึกถึงแอร์พอร์ตลิงค์ช่วงที่มี express line วิ่งด่วนตรงจากมักกะสันถึงสุวรรณภูมิแบบไม่จอดสถานีใด ค่าโดยสาร 90 บาท สุดท้ายก็ถูกยกเลิกไป ซึ่งรถไฟความเร็วสูงอยุธยาก็มีโอกาสเป็นลักษณะคล้ายแอร์พอร์ตลิงค์มากอยู่ ทำไปไม่เกิดความคุ้มค่า สถานีอยุธยามีโอกาสขาดทุนสูง
ประเด็นที่สำคัญอีก 1 ข้อ ที่จะทำให้คนนั่งรถไฟสายสีแดงมาอยุธยามากกว่ารถไฟความเร็วสูง ก็คือเวลาที่รถไฟออกจากสถานี มีกำหนดไว้ว่า รถไฟความเร็วสูงจะเดินทางออกจากสถานีทุก 90 นาที ส่วนรถไฟสายสีแดงมีให้บริการทุก 15 นาที ถ้าต้องให้รอรถไฟความเร็วสูงทุก 90 นาที สงสัยผู้โดยสารส่วนมาก 80% จะเลือกใช้บริการสายสีแดงมาอยุธยา เหลือไม่ถึง 20% หรือไม่ถึง 10% ที่จะนั่งรถไฟความเร็วสูงมาอยุธยา เว้นแต่ว่าตอนไปรอที่สถานี จะเป็นช่วงที่รถไฟความเร็วสูงใกล้จะออกจากสถานีพอดี ถึงพอตัดสินใจได้ว่าจะนั่งรถไฟความเร็วสูง
ยังมีอีกทางนึงที่จะให้รถไฟสายสีแดงวิ่งไปอยุธยาโดยทำเวลาใกล้เคียงรถไฟความเร็วสูง คือจอดแค่บางซื่อ ดอนเมือง และวิ่งตรงจากสถานีดอนเมืองสู่สถานีอยุธยาโดยไม่ต้องจอกสถานีไหน ซึ่งสายสีแดงน่าจะช้ากว่ารถไฟความเร็วสูงไม่เกิน 10 นาที
ถ้ารถไฟความเร็วสูงใช้เวลา 29 นาที สายสีแดงที่จอดเฉพาะสถานีใหญ่ น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 39 นาที แต่ค่าโดยสารถูกกว่ามาก
ข้อดีของการตัดสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาออกไป ก็คือทำให้เดินทางถึงสระบุรี-โคราชได้เร็วขึ้น และคนสระบุรี-โคราชก็เดินทางเข้ากรุงเทพได้เร็วขึ้นด้วย แต่รัฐก็จะไม่ได้เงินจากผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างกรุงเทพ-อยุธยา อยุธยา-กรุงเทพ ซึ่งประเด็นนี้ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะรายได้จะไปอยู่กับสายสีแดง แค่ย้ายกระเป๋ารับตังค์เท่านั้นเอง
แต่ถ้าไม่มีสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ก็จะต้องขยายรถไฟฟ้าสายสีแดงให้ถึงสระบุรี ให้การเดินทางระหว่างกรุงเทพ-อยุธยา อยุธยา-สระบุรี ง่ายและสะดวก คนอยุธยาที่อยากนั่งรถไฟความเร็วเพื่อไปโคราช-หนองคาย ก็นั่งสายสีแดงไปถึงสระบุรี แล้วไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงที่สระบุรีเอา
ใครอยู่โคราช-หนองคายแล้วต้องการเดินทางมาอยุธยา ก็นั่งรถไฟความเร็วสูงมาสระบุรีแล้วต่อสายสึแดงที่สระบุรีเพื่อเข้าอยุธยาเอา
ส่วนบริเวณพื้นที่ตั้งของสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ก็ทำเป็นทางรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งรถไฟระดับดิน หรือทางรถไฟยกระดับที่มีเสาสูงจากพื้นเล็กน้อยซักไม่เกิน 3 เมตร พอมารถไฟวิ่งผ่านบริเวณที่ถูกคนอยุธยาต่อต้านก็วิ่งไต่ระดับขึ้นไปตามแผนก่อสร้างสร้างเดิมที่วางไว้
พูดถึงเส้นทางสายสีแดงที่ต่อจากม.ธรรมศาสตร์ถึงสถานีอยุธยา ก็จะมีอยู่ทั้งหมด 6 สถานี ไม่รู้ว่าจะยุบซัก 1 สถานีได้มั้ย สถานีเชียงรากน้อย อยู่ห่างจากสถานีนวนครแค่ 2 กิโล ถ้าอนาคตได้ทำสถานีนวนครเป็นรถไฟฟ้าสายสีแดงแล้ว ก็ใช้รถ feeder รับผู้โดยสารจากสถานีสายสีแดงนวนครวิ่งขึ้นมารับส่งคนบริเวณที่สถานีรถไฟเชียงรากน้อยที่ถูกยุบไปตามบอกไว้ แล้วก็วิ่งส่งผู้โดยสารรอบนวนคร มันจะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่ามั้ย ช่วยให้รถไฟสายสีแดงเดินทางถึงอยุธยาได้เร็วขึ้นด้วย
จะว่าไป แม้แต่การเดินทางจากกรุงเทพมาสระบุรีด้วยรถไฟความเร็วสูงก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ผู้โดยสารมากมั้ย เพราะมีรถตู้วิ่งจากกรุงเทพมาสระบุรีด้วยราคา 100 บาท เดินทาง 2 ชั่วโมงถึงสระบุรี รถออกทุก 30 นาที ถ้ารถเต็มก็ออกก่อนเวลา
รถไฟความเร็วสูง ราคา 278 บาท เดินทาง 48 นาทีถึงสระบุรี รถออกทุก 90 นาที รถไฟจะเต็มยังไงก็ออกตามเวลา
เป็นเราก็ขอเลือกนั่งรถตู้ดีกว่า เก็บเงินอีก 178 บาทไว้ซื้ออย่างอื่น แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาล รถติดหนักๆ ค่อยมาเลือกนั่งรถไฟความเร็วสูง ซึ่งถ้าตัดสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาออกไปได้ก็ดี จะทำให้การเดินทางระหว่างกรุงเทพ-สระบุรีรวดเร็วขึ้น อาจเหลือแค่ 40 นาทีก็ได้
สถานีที่เรารู้สึกว่าเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงแล้วคุ้มค่า ก็คือสถานีปากช่องไปจนถึงสถานีโคราช ปากช่องราคา 393 บาท โคราชราคา 535 บาท เดินทางไปปากช่องใช้เวลา 1 ชั่วโมง เดินทางไปโคราชใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที
รถทัวร์ไปปากช่องราคา 220 บาท ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 30 นาที ไปโคราช 232 บาท ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 30 นาที
ดูแล้วการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงให้คุ้มค่า ก็ต้องนั่งมาลงสถานีปากช่องและสถานีโคราชนั่นแหละ
อยากให้ศึกษาให้ดีๆว่า การสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ สำหรับเราแล้วรู้สึกไม่คุ้มค่า เพราะการเดินทางไปอยุธยามีทางเลือกหลายทาง
น่าจะตัดสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาออกไป ดูแล้วไม่น่าจะคุ้มค่าการก่อสร้าง มีโอกาสขาดทุนสูง
ทีนี้ เราก็มาวิเคราะห์กันว่า ถ้ามีสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา คนกรุงเทพซึ่งเป็นฐานลูกค้าใหญ่จะขึ้นรถไฟความเร็วสูงมาลงสถานีอยุธยากันมากน้อยขนาดไหน การเดินทางมาอยุธยาก็มีทั้งรถไฟทางไกลและรถตู้ที่วิ่งมาอยู่เป็นประจำ และก็มีแผนการอยู่แล้วว่า จะสร้างรถไฟสายสีแดงมาถึงอยุธยา ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟสายสีแดงก็เร็วมากอยู่ และราคาเป็นมิตรกับผู้โดยสารมาก บางซื่อถึงรังสิต ราคา 20 บาท มีแผนจะต่อขยายเส้นทางรถไฟถึงม.ธรรมศาสตร์ด้วย ซึ่งก็น่าจะให้ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายจนถึงม.ธรรมศาสตร์ เป็นการขยายตัวเมืองและช่วยนักศึกษาด้วย ผ่านม.ธรรมศาสตร์ไป ก็ควรจะเก็บเพิ่มค่าโดยสารเป็น 25-30-40 บาท ว่ากันไปตามระยะทางแต่ละสถานี เช่น นวนคร 25 บาท บางปะอิน 30 บาท อยุธยา 40 บาท ซึ่งค่าโดยสารที่ไม่แพง จะช่วยให้กระจายคนจากในตัวเมืองออกมาอยู่ปริมณฑลหรือเมืองที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพได้ง่ายขึ้น
ขนส่งสาธารณะที่รับส่งคนในเส้นทางกรุงเทพ-อยุธยาในปัจจุบันและในอนาคตที่วางแผนไว้มีดังนี้
รถตู้กรุงเทพ-อยุธยา ราคา 70 บาท ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง 30 นาที
รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-อยุธยา ราคา 195 บาท ใช้เวลา 29 นาที
ส่วนรถไฟสายสีแดงกรุงเทพ-อยุธยา ยังไม่มี ถ้ามีเราขอประเมินว่าน่าจะอยู่ 58-60 นาที อย่างดีก็อาจจะไม่เกิน 55 นาที ราคาให้ซัก 40 บาท
แต่ถ้ารัฐไม่อุดหนุนค่าโดยสาร กรุงเทพ-อยุธยา ก็น่าจะอยู่ที่ราคา 80-90 บาท ซึ่งรัฐก็น่าจะหนุนค่าโดยสารนั่นแหละ เพราะสายสีแดงเป็นรถไฟชานเมือง ช่วยกระจายคนออกมาอยู่นอกตัวเมืองได้ดี บรรเทาปัญหารถติดในเมืองได้มากกว่าสายอื่นๆ การที่ค่าโดยสารราคาถูก ก็ทำให้คนใช้บริการสายสีแดงได้ง่ายด้วย คนตัดสินใจมาอยู่นอกเมืองง่ายขึ้น และที่ผ่านมาพอรัฐอุดหนุนสายสีแดง ก็ยิ่งทำให้คนขึ้นเยอะ รัฐก็ได้ผลตอบแทนในด้านอื่น
ถ้ามีทั้งสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาและสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงอยุธยา เกรงว่าจะเกิดความไม่คุ้มค่ากับรถไฟความเร็งสูงที่วิ่งมาอยุธยา คนจะเลือกใช้สายสีแดงมากกว่า เพราะราคาถูกกว่า ให้นึกถึงแอร์พอร์ตลิงค์ช่วงที่มี express line วิ่งด่วนตรงจากมักกะสันถึงสุวรรณภูมิแบบไม่จอดสถานีใด ค่าโดยสาร 90 บาท สุดท้ายก็ถูกยกเลิกไป ซึ่งรถไฟความเร็วสูงอยุธยาก็มีโอกาสเป็นลักษณะคล้ายแอร์พอร์ตลิงค์มากอยู่ ทำไปไม่เกิดความคุ้มค่า สถานีอยุธยามีโอกาสขาดทุนสูง
ประเด็นที่สำคัญอีก 1 ข้อ ที่จะทำให้คนนั่งรถไฟสายสีแดงมาอยุธยามากกว่ารถไฟความเร็วสูง ก็คือเวลาที่รถไฟออกจากสถานี มีกำหนดไว้ว่า รถไฟความเร็วสูงจะเดินทางออกจากสถานีทุก 90 นาที ส่วนรถไฟสายสีแดงมีให้บริการทุก 15 นาที ถ้าต้องให้รอรถไฟความเร็วสูงทุก 90 นาที สงสัยผู้โดยสารส่วนมาก 80% จะเลือกใช้บริการสายสีแดงมาอยุธยา เหลือไม่ถึง 20% หรือไม่ถึง 10% ที่จะนั่งรถไฟความเร็วสูงมาอยุธยา เว้นแต่ว่าตอนไปรอที่สถานี จะเป็นช่วงที่รถไฟความเร็วสูงใกล้จะออกจากสถานีพอดี ถึงพอตัดสินใจได้ว่าจะนั่งรถไฟความเร็วสูง
ยังมีอีกทางนึงที่จะให้รถไฟสายสีแดงวิ่งไปอยุธยาโดยทำเวลาใกล้เคียงรถไฟความเร็วสูง คือจอดแค่บางซื่อ ดอนเมือง และวิ่งตรงจากสถานีดอนเมืองสู่สถานีอยุธยาโดยไม่ต้องจอกสถานีไหน ซึ่งสายสีแดงน่าจะช้ากว่ารถไฟความเร็วสูงไม่เกิน 10 นาที
ถ้ารถไฟความเร็วสูงใช้เวลา 29 นาที สายสีแดงที่จอดเฉพาะสถานีใหญ่ น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 39 นาที แต่ค่าโดยสารถูกกว่ามาก
ข้อดีของการตัดสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาออกไป ก็คือทำให้เดินทางถึงสระบุรี-โคราชได้เร็วขึ้น และคนสระบุรี-โคราชก็เดินทางเข้ากรุงเทพได้เร็วขึ้นด้วย แต่รัฐก็จะไม่ได้เงินจากผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างกรุงเทพ-อยุธยา อยุธยา-กรุงเทพ ซึ่งประเด็นนี้ก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะรายได้จะไปอยู่กับสายสีแดง แค่ย้ายกระเป๋ารับตังค์เท่านั้นเอง
แต่ถ้าไม่มีสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ก็จะต้องขยายรถไฟฟ้าสายสีแดงให้ถึงสระบุรี ให้การเดินทางระหว่างกรุงเทพ-อยุธยา อยุธยา-สระบุรี ง่ายและสะดวก คนอยุธยาที่อยากนั่งรถไฟความเร็วเพื่อไปโคราช-หนองคาย ก็นั่งสายสีแดงไปถึงสระบุรี แล้วไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงที่สระบุรีเอา
ใครอยู่โคราช-หนองคายแล้วต้องการเดินทางมาอยุธยา ก็นั่งรถไฟความเร็วสูงมาสระบุรีแล้วต่อสายสึแดงที่สระบุรีเพื่อเข้าอยุธยาเอา
ส่วนบริเวณพื้นที่ตั้งของสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ก็ทำเป็นทางรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งรถไฟระดับดิน หรือทางรถไฟยกระดับที่มีเสาสูงจากพื้นเล็กน้อยซักไม่เกิน 3 เมตร พอมารถไฟวิ่งผ่านบริเวณที่ถูกคนอยุธยาต่อต้านก็วิ่งไต่ระดับขึ้นไปตามแผนก่อสร้างสร้างเดิมที่วางไว้
พูดถึงเส้นทางสายสีแดงที่ต่อจากม.ธรรมศาสตร์ถึงสถานีอยุธยา ก็จะมีอยู่ทั้งหมด 6 สถานี ไม่รู้ว่าจะยุบซัก 1 สถานีได้มั้ย สถานีเชียงรากน้อย อยู่ห่างจากสถานีนวนครแค่ 2 กิโล ถ้าอนาคตได้ทำสถานีนวนครเป็นรถไฟฟ้าสายสีแดงแล้ว ก็ใช้รถ feeder รับผู้โดยสารจากสถานีสายสีแดงนวนครวิ่งขึ้นมารับส่งคนบริเวณที่สถานีรถไฟเชียงรากน้อยที่ถูกยุบไปตามบอกไว้ แล้วก็วิ่งส่งผู้โดยสารรอบนวนคร มันจะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่ามั้ย ช่วยให้รถไฟสายสีแดงเดินทางถึงอยุธยาได้เร็วขึ้นด้วย
จะว่าไป แม้แต่การเดินทางจากกรุงเทพมาสระบุรีด้วยรถไฟความเร็วสูงก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ผู้โดยสารมากมั้ย เพราะมีรถตู้วิ่งจากกรุงเทพมาสระบุรีด้วยราคา 100 บาท เดินทาง 2 ชั่วโมงถึงสระบุรี รถออกทุก 30 นาที ถ้ารถเต็มก็ออกก่อนเวลา
รถไฟความเร็วสูง ราคา 278 บาท เดินทาง 48 นาทีถึงสระบุรี รถออกทุก 90 นาที รถไฟจะเต็มยังไงก็ออกตามเวลา
เป็นเราก็ขอเลือกนั่งรถตู้ดีกว่า เก็บเงินอีก 178 บาทไว้ซื้ออย่างอื่น แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาล รถติดหนักๆ ค่อยมาเลือกนั่งรถไฟความเร็วสูง ซึ่งถ้าตัดสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาออกไปได้ก็ดี จะทำให้การเดินทางระหว่างกรุงเทพ-สระบุรีรวดเร็วขึ้น อาจเหลือแค่ 40 นาทีก็ได้
สถานีที่เรารู้สึกว่าเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงแล้วคุ้มค่า ก็คือสถานีปากช่องไปจนถึงสถานีโคราช ปากช่องราคา 393 บาท โคราชราคา 535 บาท เดินทางไปปากช่องใช้เวลา 1 ชั่วโมง เดินทางไปโคราชใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที
รถทัวร์ไปปากช่องราคา 220 บาท ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 30 นาที ไปโคราช 232 บาท ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 30 นาที
ดูแล้วการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงให้คุ้มค่า ก็ต้องนั่งมาลงสถานีปากช่องและสถานีโคราชนั่นแหละ
อยากให้ศึกษาให้ดีๆว่า การสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยาคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ สำหรับเราแล้วรู้สึกไม่คุ้มค่า เพราะการเดินทางไปอยุธยามีทางเลือกหลายทาง