จาก 95 กิโลกรัม เหลือ 65 กิโลกรัม ในระยะเวลา 4 เดือน จริงหรือหลอกมาดูกัน !!! (ตอนที่ 2)

จากที่ผมได้ลงกระทู้ในพันทิปไป http://pantip.com/topic/34142387 มีหลายคนถามว่า ทำไมไม่เอารูปลง ออกกำลังกายออกแบบไหน การกินในแต่ละวันกินอะไรบ้าง ทำตามคุณจะลดน้ำหนักได้จริงๆหรอ และอื่นๆ

วันนี้ผมจะมาพูดในหัวข้อประเด็นต่างๆให้กระจ่างกันนะครับ

ประเด็นแรก ทำไมไม่เอารูปลง(before/after)

คืองี้ครับผมมีคนๆหนึ่งที่ไม่อย่างให้รู้ว่าเป็นผมที่เป็นคนเอาเรื่องลดน้ำหนักลงพันทิปผมมีเหตุผลบางประการที่ไม่สามารถบอกให้คนที่มาอ่านกระทู้ทราบได้ เข้าใจผมหน่อยนะครับ  อมยิ้ม17อมยิ้ม17อมยิ้ม17

ประเด็นที่ 2 ออกกำลังกาย ออกแบบไหน

อย่างที่บอกไปในกระทู้เลยครับ 1-3 เดือนแรกไม่ค่อยได้ออกกำลังกายครับ งานเยอะมากเรียนหนักด้วย และที่สำคัญขี้เกียจออกกำลังกายครับ ฮ่าๆๆๆ เอาล่ะครับ เล่าล่ะครับ
ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ คือเรียนคณะวิทยาศาสตร์ ไม่รู้จะใช่นักวิทยาศาสตร์หรือป่าวนะครับฮ่าๆๆ อมยิ้ม16อมยิ้ม16อมยิ้ม16
ตอนที่ลดน้ำหนักอยู่ปี 4 ครับ งานวิจัยยุ่งมากครับ ได้ทำแลปเกือบจะทุกวัน ผมเริ่ม ลดน้ำหนักตอนเดือนเมษาที่ผ่านมานะครับ
คือการทำแลป ขอดีของมันได้เดินครับ ฮ่าๆๆ เดินทั้งวั้น ถ้าวันไหนได้ทำทั้งวันก็เดินทั้งวัน บางทีก็ทั้งคืน ฮ่าๆๆ เป็นนักวิทยาศาสตร์ต้องอดทน รถสิบล้อชนต้องไม่ตาย พูดเล่นนะครับ ฮ่าๆๆ  
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ออกกำลังกายเลยนะครับ ถ้าว่างเมื่อไหรผมก็ออกทั้นทีเลยนะครับ การออกกำลังกายของผม คือ 1.การวิ่ง 2.เล่นซิกแพค 3.วิดพื้น 4.เล่นดัมเบล 5.เต้น Cwalking เป็นบางครั้งนะครับไม่บ่อย
เริ่มต้นที่การวิ่งครับ ผมจะตื่นมาตอนเช้า 5.30น. เตรียมตัวอะไรต่างๆก็ 6.00น. แล้วออกไปวิ่ง วิ่ง 4 กิโลเมตรครับ ไปกลับนะครับจากหน้าหอครับ ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที หลังจากนั้น มาเล่นซิกแพค 8 นาที https://www.youtube.com/watch?v=W-9L0J_9qag  สลับกับวิดพื้นและเล่นดัมเบล จะใช้เวลา ประมาณ 30 นาที ตีไปเกินนะครับจริงๆอาจจะ 15-20 นาที ต่อจากนั้นก็อาบน้ำและไปเรียนครับ
ตอนเย็นหลังกลับมาจาก มหาลัย ก็ทำเหมือนเดิมเลยครับ วิ่งเล่นซิกแพควิดพิ้นและเล่นดัมเบล (ทำในวันที่ว่างนะครับ1-3เดือนแรกไม่ค่อยว่างครับ)ก็เลยไม่ได้ออกกำลังกายซักเท่าไร
ส่วน เดือนที่ 4 ทำทุกวันครับ มีหยุดพักอาทิตย์ละ 1 วัน ครับทำเหมือนที่บอกเลยนะครับ ส่วนเรื่องเต้นถ้าฝนตกก็จะเต้นในห้องแทน เต้นอะไรก็ได้ครับ ขอให้เหนื่อยฮ่าๆๆ แต่ผมเลือก Cwalking ตัวอย่างครับ https://www.youtube.com/watch?v=DX9jwtHSSmM  
เพราะว่าเหนื่อยดีครับ และท่าเต้นมันสวยด้วย ประเด็นอยากเต้นเป็นฮ่าๆๆ จบไปแล้วนะครับกับการออกกำลังกายของผม

ประเด็นที่ 3 การกินในแต่ละวัน (เปลี่ยนแปลงได้ตลอดนะครับ)

หลักๆแล้วก็อย่างที่บอกไปในกระทู้นะครับ กินต้มจืดวุ้นเส้นครับ เป็นเมนูหลักกินทุกวันทุกมื้อ ถ้าวันไหนไม่ไหวก็กินข้าวธรรมดาครับ ให้รางวัลกับตัวเองด้วยนะครับ(อย่าบ่อยนะครับต้องสู้กับใจตัวเองนะครับไม่งั้นก็ไม่ลดอะครับ อ้วนต่อไปฮ่าๆๆ)
ผมเองก็ตบะแตกไปหายครั้งเหมือนกันครับ บางทีบอกกับตัวเองว่าจะทนทำไมวะ หลังจากนั้น กินครับ 1 วันเติม กินทุกอย่างที่มันกินได้  น้ำหนักขึ้น 1-2 กิโล แล้วก็มาโทษตัวเองว่าทำไมถึงทำเช่นนั้นเสียใจมากฮ่าๆ เป็นบ่อยอยู่นะครับ
จะเห็นได้ว่า เราก็กินข้าวนะ ฮ่าๆๆ ถึงจะน้อยก็เหอะ กินต้มจืดผมตีให้ 250 กิโลแคลนะครับประมาณเอานะครับ ถ้าชินแล้ว ไม่เอาเต้าหู้ ไม่เอาวุ้นเส้น น่าจะเหลือ 150 กิโลแคลนะครับ
กินสามมื้อก็ 450 กิโลแคล ส่วนเรื่องขนมหรืออื่นๆ ตามกระทู้เลยครับไปหาแคลกันเอาเองนะครับ มันเขียนติดอยู่แล้วครับ ฮ่าๆๆ
เกี้ยวซ่าในเซเว่น ก็แค่ 200 กิโลแคลเองนะครับ กินต่อ 1 มื้อก็โอเคอะครับ สำหรับผมอิ่มนะครับ คือเอาง่ายๆ ไปลองกับตัวเองดูดีกว่าว่านะครับว่าทดได้มากแค่ไหนฮ่าๆๆ  

อันนี้เล่าให้ฟังเฉยๆนะครับ(ไม่แนะนำให้ทำตามนะครับอันตรายนะครับ) ผมลองกับตัวเองโดยอยากรู้ว่าเราจะไม่กินอะไรเลยมากสุดได้กี่วัน ผมลองทำกับตัวเองมาแล้วครับ ได้ แค่ 2 วันเอง ทนไม่ไหวในวันที่ 3 ครับ กินแหลก ฮ่าๆๆ  หาลิมิตของตัวเองให้เจอก่อนครับ เช่น ใน 1 มื้อเรากินแล้วเราอิ่มที่เท่าไร ตัวอย่างนะครับ ผมซื้อข้าวกล่องธรรมดานะครับ หมูกระเทียม 1 กล่อง 30 บาท ลองดูครับ ว่ากินได้กี่มื้อ ผมลอง แบ่ง กิน 2 มื้อดู ก็โอเคนะครับอยู่ได้ครับ จากนั้นลอง 3 มื้อดู ก็ได้นะครับ 4มื้อได้ไหม บูดก่อนครับ ฮ่าๆๆ ทำได้มากสุด 3 มื้อครับ มื้อที่ 4 บูดก่อน เป็นต้น
ลองทำกับต้มจืดเพราะเก็บเข้าตู้เย็นได้ ฮ่าๆๆ ไม่ไหวครับ กินครึ่งถ้วย ไม่อิ่มจริงๆครับ ทดไม่ค่อยไหวด้วยมันหิว เลยไม่แบ่งกินกินหมดถ้วยทุกครั้งฮ่าๆๆ  รายละเอียดลองไปหาดูของคุณจอร์น วิญญูเอาก็ได้ครับ ได้ความรู้เยอะเลยครับ  ก็จบไปอีกเรื่อง ฮ่าๆๆ

ประเด็นที่ 4 ทำได้จริงไหม

ครับ ทำได้จริงครับ ผมทดลองกับตัวเองนะครับ คนอื่นอาจจะไม่ได้ผลก็ได้ อันนี้ผมไม่รู้นะครับ เพื่อนผมคนหนึ่งก็เคยทำครับ แต่เขาทำโหดเกินไปโหดเกินไปจริงๆอะ กินน้อยมากบางวันก็ไม่กินอะไร เลย อย่างงี้อะ อดหลายมื้อมาก ทำ 2 เดือน 30 กิโลกรัม ร่างกายไม่ไหว เข้าโรงพยาบาลเลยครับ เป็นโรคกระเพาะอาหาร เป็นโรคความดัน และอื่นๆ อีกมากมาย ผมได้มีโอกาศได้เจอเพื่อนคนนั้นเขากลับมาอ้วนเหมือนเดิมแล้ว ผมก็ถามว่าวิธีนี้มันโยโย่หรอ เขาบอกว่า หลังจากเข้าโรงพยาบาล หมอให้กิน ๆๆๆๆๆ กินอย่างเดียว กินมาก เลย ทำให้อ้วน เขายอมรับเองว่าพิดที่ตัวเองที่กินเยอะเอง ถ้าไม่กินเยอะกินพอดี และออกกำลังกาย ก็ไม่โยโย่หรอก อันนี้เล่าให้ฟังเป็นประสบการนะครับ ถ้าดูว่าวิธีผมโหดไป เพิ่มการกินให้มากขึ้นได้นะครับ เอาเท่าที่เราไหวไม่ทรมานอะครับ ถ้ารู้ตัวว่าทรมาน ผมแนะนำให้เพิ่มปริมาณอาหารครับ เดียวจะลดน้ำหนักได้ไม่นานครับ  

สรุปนะครับ ทำได้จริง ครับ กับตัวผมเองนะครับ ผมเองได้แค่แนะนำนะครับ อยู่ที่คุณจะตัดสินใจว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวคุณเองทั้งหมด ไม่ต้องโทษใครเลยเพราะถ้าคุณไม่เชื่อทุกอย่างมันก็จบ แต่ถ้าเชื่อแล้วเกิดผลเสียกับตัวเอง โทษตัวคุณเองเลยครับที่เชื่อคนง่าย คมไหมครับ ฮ่าๆๆ จบไปอีกเรื่องนะครับ

ส่วนเรื่องรูป มาขอดูได้ครับ ผมขยันส่งให้ ฮ่าๆๆ คำปรึกษาก็ให้ได้ครับ ถ้าว่างจะตอบกลับทุกคนครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
จากประสบการณ์นี้เคยลดน้ำหนักมาเหมือนกัน ส่วนตัวผมเชื่อว่าผมมีประสบการณ์มากกว่าคุณแน่นอน ผมเริ่มลดน้ำหนักมาตั้งแต่อยู่ม.ปลาย ด้วยวิธีการกินน้อย อดอาหาร จริงๆทำมาหลายวิธีแล้วครับยกเว้นกินยาลดความอ้วน วิธีนับแคลลอรี่ ผมกล้าพูดว่าผมทำมาก่อนคุณ จอร์น วิญญูเสียอีก ผมยอมรับครับว่ามันได้ผล ตอนนั้น ผมหนักสุงสุด 80 กิโล ผมสามารถลดน้ำหนักได้ 15 กิโลภายใน 4 เดือนครับ ด้วยวิธีกินแบบนับแคลลอรี่ และกินน้อยๆ มันทำให้น้ำหนักลงเร็วนั้นเพราะในช่วงที่เราเป็นวัยรุ่น ร่างกายเรามีระบบการเผาผลาญที่ดีมากครับ ร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ไว และเราอาจจะไม่เห็นผลกระทบใดๆเลยจากการลดน้ำหนักแบบนั้น แต่ทุกวันนี้ผมกล้าพูดว่า วิธีเหล่านั้นเป็นวิธีที่ผิดหลักการการทำงานของร่างกาย มันเป็นวิธีที่ประสบความสำเร็จในแง่มุมของตัวเลขบนตราชั่งครับ คือผลลัพธ์เชิงปริมาณ (น้ำหนักตัวที่ลดไป) แต่ ผลลัพธ์ในเรื่องของคุณภาพติดลบ (ระบบการทำงานของร่างกาย) เพราะเมื่อคุณอายุเยอะขึ้น ระบบเผาผลาญจะแย่ลง การที่คุณลดน้ำหนักด้วยการกินน้อยนั้น มันจะทำให้ระบบเผาผลาญคุณยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

ทุกวันนี้ คนอ้วนที่อยากจะลดน้ำหนักส่วนใหญ่มักจะเอาระยะเวลาอันสั้นมาเป็นเงื่อนไขให้กับตัวเองว่า จะลดน้ำหนักเป็น 10 กิโล ให้ได้ภายใน 3 เดือน 4 เดือน ซึ่งคุณอาจจะประสบความสำเร็จ แต่คุรก็จะประสบความสำเร็จแค่ ตัวเลขบนตราชั่งเท่านั้นแหละครับ แล้วทุกอย่างมันจะกลับมาเมื่อคุณอายุเลย 25 ไปแล้ว ผมรับรองเพราะผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว

ทุกวันนี้ ผมต้องเริ่มทุกอย่างใหม่ในวัยที่เข้าใกล้เลข 30 เริ่มศึกษาใหม่ เกี่ยวกับการลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง วิธีการออกกำลังกาย สร้างระบบเผาผลาญที่มันพังไปใหม่ ก่อนหน้านี้น้ำหนักผมขึ้นมาถึง 75 กิโล จาก 65 กิโล 7 เดือนผ่านมากับการเอาจริงเอาจังกับการออกกำลังกาย เล่นเวทจริงจัง โดยที่ผมไม่ได้อดอาหาร หรือนับแคลลอรี่ แถมกินเยอะกว่าเดิมด้วยซ้ำ ใน 1 วันผมกิน 4-5มื้อ ตอนนี้ผมหนัก 71-72กิโล ผมใช้เวลา 7 เดือนในการออกกำลังกายอย่างจริงจัง ผมลดน้ำหนักได้แค่ 3-4 กิโลเอง แต่....ร่างกายผมเฟิร์มขึ้น size กางเกงลดลงไป 3 นิ้ว เมื่อวัดปริมาณไขมันในร่างกาย ก่อนหน้าที่ผมจะเริ่มออกกำลังกายผมมีปรมาณไขมันอยู่ที่ เกือบ 30 % ตอนนี้ ไขมันในร่างกายผม อยู่ต่ำกว่า 20% คุณเห็นความแตกต่างไหมครับ... ผมว่าตอนนี้ผมพึงพอใจกับหุ่นของผมมากกว่าตอนที่ผมหนัก 65 ด้วยซ้ำ และมันทำให้มเปลี่ยนเป้าหมายจากน้ำหนักบนตราชั่งเป็นปริมาณ ไขมันในร่างกายครับ ทุกวันนี้ผมไม่ค่อยได้ชั่งน้ำหนักตัวเองเท่าไร ส่วนใหญ่จะอาทิตย์ละครั้ง แต่ผมจะใช้เครื่องวัดเปอร์เซ็นต์ไขมันทุกเช้า มันทำให้ผมรู้ว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าตัวผมจะหนักเท่าไร ถ้าผมอยากหุ่นดี ปริมาณไขมันที่อยู่ในตัวผมมันสำคัญกว่า

สุดท้ายจากที่กล่าวมา...ผมแค่อยากจะเตือนสติคนอ้วนที่อยากจะลดน้ำหนักว่า....เรื่องการลดน้ำหนักไม่ว่าจะวิธีใดๆก็ตาม มันก็คือตัวเลือก ตัวเลือกหนึ่ง คือวิถีทางหนึ่งที่จะทำให้ตัวคุณผอมได้ ซึ่งทุกวันนี้ มันมีทางเลือกมากมาย สำหรับคนที่ยอากจะหุ่นดี แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของมันด้วย อยากให้ความสำคัญกับปริมาณแต่เพียงอย่างเดียว เพียงแต่ต้องใส่ใจกับมัน หาสิ่งที่ดีที่สุด คิดสะว่าการลดน้ำหนักคือการที่จเราจะได้ดูแลตัวเองไปด้วย แล้วคุณจะรู้สึกรักและภูมิใจกับตัวคุณเองมากขึ้นมากว่าน้ำหนักที่หายไปจากตราชั่งเสียอีก....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่