@@@ปอปเชียร์ LIT ให้ซื้อแบบนี้ SVOA ผุ้ถือหุ้นใหญ่ก็ขายเอากำไรจากเม่าไทยสบายไปเลยหรือเปล่า??????

กระทู้คำถาม
Company Visit

ลีซ อิท  (LIT)

แนะนำ : ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท): 7.75
ราคาเป้าหมาย (บาท): 11.25
Upside :  45.2%
Dividend Yield : 2.9%
Total Return : 48.1%
มูลค่าตลาด (ล้านบาท): 1,550

เพิ่มประมาณการและ fair value เป็น 11.25 บาท

    แรงไม่หยุดแล้ว ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการขนาดเล็กมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ที่จะใช้จ่ายภายในสิ้นปี 2558 นำไปสู่การเพิ่มประมาณการและ FV ปี 2558 เป็น 11.25 บาท และ 15.15 บาทปี 2559

?    รับผลบวกเต็มๆ จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐ
LIT เป็นผู้ประกอบการที่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของภาครัฐ ซึ่งเป็นมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศไม่เกิน 1 ล้านบาท วงเงินรวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะต้องเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธ.ค. 58 นอกจากนี้ มติการขยายวงเงินการจัดหาพัสดุของส่วนราชการตามระเบียบสำนักนายกฯ ว่าสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างตั้งแต่ราคา 1-5 แสนบาท ให้ส่วนราชการใช้วิธีตกลงราคาซึ่งใช้เวลาดำเนินการเพียง 2-5 วันเท่านั้น จากเดิมที่กำหนดว่าโครงการที่จะตกลงราคาได้ต้องมีมูลค่าไม่เกิน 1 แสนบาท ช่วยหนุนความต้องการสินเชื่อของผู้ประกอบการ SME ที่รับงานจากภาครัฐให้เพิ่มสูงขึ้น และจะยิ่งกระตุ้นยอดปล่อยสินเชื่อของ LIT ให้เป็นไปในเชิงรุกมากขึ้นในงวด 4Q58  

?    ยังเห็นอานิสงค์จากการเร่งเบิกจ่ายงบภาครัฐใน 2H58
ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการผลการดำเนินงานปี 2558-59 ของ LIT ขึ้น 3.0% และ 12.2% จากเดิม โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับเพิ่มการเติบโตของสินเชื่อสุทธิ (ปี 2559) รายได้ค่าธรรมเนียม Spread และ Cost to income ratio ที่ประเมินไว้ต่ำเกินไป สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานงวด 3Q58 คาดว่าจะขึ้นทำ peak ของปี หนุนด้วยการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐก่อนปิดปีงบประมาณในเดือน ก.ย. ของทุกปี และคาดว่างวด 4Q58 ยังสามารถทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับงวด 3Q58 หนุนด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นดังกล่าวข้างต้น

?    Fair value ปี 2558 เท่ากับ 11.25 บาทและ 15 บาทในปี 2559
แนะนำซื้อ โดย Fair value ปี 2558 ภายหลังปรับปรุงเพิ่มเป็น 11.25 บาท และ 15.15 บาท ในปี 2559 อิง PER 30 เท่า จากเดิม 10.00 บาท อิง PER 28.7 เท่า ยังมี upside ถึง 48% จากราคาหุ้นปัจจุบัน

?    บวกเต็มๆ จากมาตรการลงทุนโครงการขนาดเล็กของภาครัฐ
LIT เป็นผู้ประกอบการด้านสินเชื่อแฟคตอริ่ง เช่าซื้อและลีสซิ่ง ในกลุ่ม MAI ที่จะได้ผลบวกโดยตรงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งเป็นมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นการลงทุนในโครงการขนาดเล็กไม่เกิน 1 ล้านบาท ทั่วประเทศ คิดเป็นวงเงินรวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะต้องเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธ.ค.58 ช่วยหนุนความต้องการสินเชื่อของผู้ประกอบการ SME ให้เพิ่มสูงขึ้น และ กระตุ้นยอดปล่อยสินเชื่อของ LIT ในงวด 4Q58  นอกจากนี้เพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจข้างต้น ที่ประชุมของคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) จึงมีมติให้ขยายวงเงินการจัดหาพัสดุของส่วนราชการตามระเบียบสำนักนายกฯ ว่าสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างตั้งแต่ราคา 1-5 แสนบาท ให้ส่วนราชการใช้วิธีตกลงราคาซึ่งใช้เวลาดำเนินการเพียง 2-5 วันเท่านั้น จากเดิมที่กำหนดว่าโครงการที่จะตกลงราคาได้ต้องมีมูลค่าไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งส่งผลบวกโดยตรงต่อ LIT ที่เน้นให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้า SME ที่รับงานจากภาครัฐ

?    เพิ่มประมาณการปี 2558-59 สะท้อนผลบวกมาตรการข้างต้น
ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการผลการดำเนินงานปี 2558-59 ของ LIT ขึ้น 7.9% และ 11.7% จากเดิม โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับเพิ่มการเติบโตของสินเชื่อสุทธิ (ปี 2559) รายได้ค่าธรรมเนียม Spread และ Cost to income ratio ที่ประเมินไว้ต่ำเกินไป สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานงวด 4Q58 คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับงวด 3Q58 หนุนโดยการเร่งใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้ามาเสริมดังกล่าวข้างต้น
สำหรับปี 2558 บริษัทฯ กำหนดเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวม (ประกอบด้วยรายได้ดอกเบี้ย รายได้ค่าธรรมเนียมฯ และรายได้อื่นๆ) ปี 2558 เท่ากับ 50% yoy เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดิมที่กำหนดไว้ที่ 48% yoy ขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ต่างๆ อาทิ การเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อต่อยอดที่ให้ margin สูง ได้แก่ สินเชื่อเพื่อจัดหาวัตถุดิบ (Trade Finance) และสินเชื่อ Project Backup Financing ซึ่งรวมกันเท่ากับ 33% ของสินเชื่อรวม แม้จะมีความเสี่ยงสูงกว่าสินเชื่อขั้นปลาย ได้แก่ แฟคตอริ่ง (37% ของสินเชื่อรวม) ลีสซิ่งและเช่าซื้อ (29% ของสินเชื่อรวม) แต่บริษัทฯ ได้คัดกรองคุณภาพลูกค้าอย่างระมัดระวัง โดยเน้นให้สินเชื่อต่อยอดแก่ลูกค้าที่เคยใช้สินเชื่อขั้นปลายกับบริษัทฯ แล้วมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี นอกจากนี้บริษัทฯ จะเพิ่มฐานลูกหนี้รับซื้อไปยังภาคเอกชนมากขึ้นในระยะยาว จากปัจจุบันรวมกันอยู่ที่ 30% ของสินเชื่อรวม และขยายการให้สินเชื่อออกไปยังลูกค้านอกธุรกิจไอทีมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนราว 50% ของสินเชื่อรวม ซี่งล้วนส่งผลให้ฐานสินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ LIT มีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ Letter of Credit (คล้ายกับสินเชื่อ Bid bond ที่บริษัทฯ ให้บริการ) และ Trust Receipt (คล้ายกับ Project Backup Financing) เพื่อให้บริการแก่ลูกค้า SME ที่นำเข้าสินค้า โดยเป็นบริการในลักษณะเดียวกับ ธ.พ. แต่ไม่ต้องการหลักทรัพย์ค้ำประกัน และเนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูง จึงจะให้สินเชื่อเฉพาะลูกค้าเดิมที่มีคุณภาพ โดยปัจจุบันมีลูกค้ารอใช้สินเชื่อจำนวนหนึ่งแล้ว แต่ฝ่ายวิจัยมองว่าน่าจะยังมีผลต่อกำไรสุทธิในปี 2558 ไม่มากนัก แต่คาดว่าจะผลักดันกำไรสุทธิปีถัดๆ ไปได้มากขึ้น ด้วยความที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ
ทั้งนี้ ข้อมูลตั้งแต่ต้นปี 2558 ถึงสิ้น ก.ค. 58 บริษัทฯ ได้รับซื้อบิลลูกหนี้การค้าที่รับงานจากทั้งภาครัฐ (อานิสงค์จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ) และเอกชน (จากการที่สถาบันการเงินและบริษัทแฟคตอริ่งขนาดใหญ่ต่างก็เข้มงวดสินเชื่อ) ไปแล้วกว่า 1.85 พันล้านบาท เติบโตถึง 101.9% yoy สวนทางกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่กลับเป็นโอกาสของ LIT ในการดำเนินกลยุทธ์แบบกองโจร ที่จะคัดเลือกลูกค้าที่มีคุณภาพเหล่านั้นมาใช้บริการ
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีความตั้งใจที่จะให้รายได้จากสินเชื่อลีสซิ่งและเช่าซื้อเป็น Recurring income ของบริษัทฯ เนื่องจากเป็นสินเชื่อระยะยาว 3 ปี ทำให้มีรายได้ค่อนข้างแน่นอนกว่าสินเชื่อประเภทอื่น อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นการหดตัวของสินเชื่อลีสซิ่งและเช่าซื้อ โดย ณ สิ้นงวด 1H58 หดตัวไปแล้วถึง 11.3% yoy ทำให้บริษัทฯ หันไปให้สินเชื่อลีสซิ่งและเช่าซื้อนอกกลุ่มไอทีมากขึ้น (โดยอยู่ระหว่างการเจรจาที่จะให้สินเชื่อรถเพื่อการพาณิชย์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า และหลอดไฟ LED) จากปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 20% ของสินเชื่อลีสซิ่งและเช่าซื้อรวม

?    คาดกำไร 3Q58 เติบโตทำ peak ของปี
ฝ่ายวิจัยคาด LIT จะมีกำไรสุทธิงวด 3Q58 เท่ากับ 21 ล้านบาท เติบโต 23.6% qoq และ 46.9% yoy ด้วยอานิสงค์จากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐก่อนปิดปีงบประมาณในเดือน ก.ย. ของทุกปี หนุนให้สินเชื่อสุทธิเติบโตต่อเนื่องในงวดนี้ โดยภาพรวมของธุรกิจหลักคาดว่ายังแข็งแกร่งมาก ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก
?    คาดการณ์รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิงวด 3Q58 เพิ่มขึ้น 6.2% qoq และ 42.2% yoy สอดคล้องไปกับการขยายตัวของสินเชื่อสุทธิในงวดนี้ที่ 10.0% qoq และ 55.5% yoy ส่วนใหญ่คาดว่ามาจากการเติบโตของสินเชื่อแฟคตอริ่งและสินเชื่อ Project financing หนุนด้วยการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐก่อนปิดปีงบประมาณในเดือน ก.ย. ของทุกปี
โดยรวมแล้ว คาดการณ์สินเชื่อสุทธิในงวด 9M58 เติบโต 55.5% yoy และ 29.6% จากสิ้นปี 2557 ยังสอดคล้องกับเป้าหมายทั้งปี 2558 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 44.6% yoy เนื่องจากเชื่อว่าสินเชื่อจะเติบโตต่อเนื่องในช่วง 2H58 หนุนด้วยการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
?    คาดการณ์ Spread งวด 3Q58 เพิ่มขึ้น 9bp มาที่ 7.22% โดยคาดการณ์ yield เฉลี่ยของสินเชื่อเท่ากับ 12.37% ทรงตัวใกล้เคียงงวดก่อนหน้า ขณะที่คาดว่าต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายเฉลี่ยลดลงราว 9bp มาที่ 5.15% เนื่องจากบริษัทฯ ใช้หนี้สินที่เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวราว 70% ของหนี้สินรวม ทำให้ได้ผลบวกจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ จึงส่งผลให้ spread เพิ่มขึ้นในงวดนี้
โดยรวมแล้วคาดการณ์ spread ในงวด 9M58 เท่ากับ 7.26% สูงกว่าคาดการณ์ทั้งปี 2558 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 6.59%
?    คาดการณ์ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารงวด 3Q58 เพิ่มขึ้น 5.7% qoq และ 60.7% yoy ส่วนใหญ่คาดว่ามาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนพนักงานและค่าใช้จ่ายในการจูงใจพนักงาน สอดคล้องกับการเติบโตของสินเชื่อสุทธิในงวดนี้ โดยคาดการณ์ Cost to income ratio ในงวด 3Q58 เท่ากับ 37.2% ลดลงจากงวด 2Q58 ที่เท่ากับ 40.6% เนื่องจากคาดว่าการเติบโตของรายได้เป็นไปอย่างเร่งตัวมากกว่า
โดยรวมแล้ว Cost to income ratio งวด 9M58 เท่ากับ 39.2% สูงกว่าสมมติฐานทั้งปี 2558 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 36.9%
?    คาดการณ์ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ งวด 3Q58 เพิ่มขึ้น 22.6% qoq และ 150.2% yoy   โดยคาดการณ์ credit cost เท่ากับ 103bp เพิ่มขึ้นจากงวด 2Q58 ที่เท่ากับ 92bp เนื่องจากการตั้งสำรองเชิงรุกของบริษัทฯ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วน LLR/สินเชื่อรวมไปที่ระดับ 2.3% ของสินเชื่อรวมภายในปี 2558 จาก 2.0% ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นงวด 2Q58 โดยคาดว่าสัดส่วน NPL (ค้างชำระเกิน 3 เดือนขึ้นไป) ต่อสินเชื่อรวมจะเพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นงวด 2Q58 ที่เท่ากับ 1.8% ตามกลยุทธ์การเพิ่มสัดส่วนลูกหนี้บริษัทเอกชนมากขึ้น แต่ยังไม่น่ากังวลนัก เนื่องจากบริษัทฯ มี NPL Coverage ratio อยู่ในระดับสูงและคาดว่าจะสูงขึ้นอีกตามเป้าหมายการตั้งสำรองเชิงรุกดังกล่าวข้างต้น
โดยรวมแล้ว credit cost งวด 9M58 เท่ากับ 87bp สอดคล้องกับสมมติฐานทั้งปี 2558 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 90bp
โดยรวมแล้ว กำไรสุทธิในงวด 9M58 คิดเป็นสัดส่วน 72% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2558 ที่ประเมินไว้

?    ประเด็นเสี่ยงความเสี่ยงหลักๆ ของ LIT

?        ความเสี่ยงจากการลดสัดส่วนการลงทุนของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้แก่ SVOA จะลดสัดส่วนการลงทุนจากปัจจุบัน 39.9% มาที่ 39.5% เนื่องจากสัดส่วนการถือหุ้นที่สูง ทำให้ SVOA อาจต้องจัดทำงบการเงินรวมกับ LIT ซึ่งโดยปกติแล้วบริษัทธุรกิจการเงินมักมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับสูงกว่าธุรกิจอื่นๆ การจัดทำงบการเงินรวมกับ LIT จึงทำให้ SVOA มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจ SVOA เนื่องจาก ธ.พ. มีการกำหนดเงื่อนไขสัดส่วนหนี้สินต่อทุนสำหรับการกู้ยืม แม้ว่าปัจจุบันสัดส่วนหนี้สินต่อทุนของ LIT จะไม่สูงมาก (เพียง 1.35 เท่า ณ สิ้นงวด 2Q58) แต่การเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต จะส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนมีแนวโน้มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามสัดส่วนการลงทุนที่ลดลงนั้นไม่มาก ทำให้เชื่อว่าจะไม่มีผลต่อราคาหุ้นมากนัก
?        คุณภาพสินทรัพย์ และแนวโน้มการเกิด NPL รายใหม่ๆ สอดคล้องกับลักษณะธุรกิจเน้นสินเชื่อแก่ลูกค้า SME size S จากการศึกษาของฝ่ายวิจัย พบว่าในกรณีที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ เทียบกับสินเชื่อรวม (Credit cost) เพิ่มขึ้นทุกๆ 10bp จากคาดการณ์ปัจจุบันที่ 90bp จะทำให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2558 ปรับตัวลดลง 1.2% จากคาดการณ์ปัจจุบัน และทำให้คาดการณ์ Fair value ปี 2558 ลดลง 1.2% จากปัจจุบันที่ 11.25 บาท
?        ความเสี่ยงในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น บริษัทฯ ได้รับผลกระทบไม่มากจากการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ย เนื่องจากมีการใช้เงินกู้ยืมที่สอดคล้องกับสินเชื่อ ทั้งในด้านระยะเวลา (ระยะสั้น/ ยาว) และอัตราดอกเบี้ย (คงที่/ ลอยตัว) อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นยังไม่ใช่ความเสี่ยงที่น่ากังวลขณะนี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่