บล.กรุงศรี : HMPRO แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 17.30 บาท

กระทู้สนทนา
กำไรสุทธิ 2Q56 เติบโต 24%YoY และ 6%QoQ
    HMPRO รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q56 ที่ 730 ล้านบาท (+24%YoY, +6%QoQ)
ตามที่เราคาดไว้สาเหตุมาจาก
    i) ยอดขาย 9.8 พันล้านบาท (+23%YoY, +4%QoQ) เติบโต YoY ตามการขยาย
สาขาถึง 7 แห่ง ระหว่างปี รวมถึงฐานรายได้ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนเมื่ออุปสงค์ชะลอหลัง
การซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหลังอุทกภัยปี 54 ผ่านพ้นไป และคาดว่ากลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นลูกค้าระดับ
กลาง-บนไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แม้บรรยากาศการใช้จ่าย 2Q56 ไม่เอื้ออำนวยหลังภาครัฐ
ไม่มีมาตรการใหม่ๆ มากระตุ้นการบริโภค
    ii) อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 27.2% ขยายตัวทั้ง YoY และ QoQ ดีกว่า
คาด ตามส่วนผสมยอดขายจากสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ที่ยังคงรักษาสัดส่วนไว้ได้ดี อีกทั้งมีการรับรู้ราย
ได้สินค้าลดราคาจากงาน Home Pro Expo ในสัดส่วนที่น้อยลง
    iii) สัดส่วน SG&A/sales เท่ากับ 23.1% เพิ่มขึ้น 0.2%YoY และ 0.3%QoQ จาก
ผลของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ค่าใช้จ่ายรายการส่งเสริมการขาย และค่าเตรียมการสำหรับการ
เปิดสาขาใหม่ของโฮมโปร รวมถึงธุรกิจศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง “เมกาโฮม”
    iv) ค่าใช้จ่ายภาษีลดลง เนื่องจากอัตราภาษีนิติบุคคลลดลงเหลือ 20.8% จาก 22.8%
ใน 2Q55 และ 21.1% ใน 1Q56

ผลการดำเนินงานจะโดดเด่นกว่าในครึ่งปีหลัง
    กำไรสุทธิ 1H56 ที่ 1.42 พันล้านบาท (+18%YoY, -4%HoH) คิดเป็น 40% ของ
ตัวเลขคาดการณ์ทั้งปี เรามองว่ากำไรของ HMPRO ใน 2H56 มีแนวโน้มเติบโตทั้ง YoY และ
HoH โดยผลการดำเนินงานรายไตรมาสจะเติบโตต่อเนื่องใน Q3 และเข้าสู่จุดสูงสุดใน Q4 ซึ่ง
เป็นฤดูกาลขาย อีกทั้งปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนสาขาใหม่มากถึง 8 แห่งที่จะเปิดในครึ่งหลังของ
ปีนี้ แบ่งเป็นโฮมโปร 6 สาขา และเมกาโฮม 2 สาขา คงประมาณการกำไรสุทธิปี 56 ที่ 3.52 พัน
ล้านบาท (+31%YoY) ขยายตัวสูงสุดในหุ้นกลุ่มพาณิชย์ที่เราศึกษา โดยสมมติฐานยอดขายรวม
เติบโต 26%YoY เป็น 4.35 หมื่นล้านบาท และยอดขายสาขาเดิมขยายตัว 6%YoY

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตทั้งระยะสั้นและระยะยาว
    HMPRO ยังเป็น Top Pick ของกลุ่มพาณิชย์ การขยายสาขาเชิงรุกและเข้าสู่ธุรกิจ
ศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง “เมกาโฮม” จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจต่อไปในอนาคต ขณะที่ปัจจัย
บวกต่อผลการดำเนินงานระยะสั้นประกอบด้วย (i) ผลการดำเนินงานที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเข้าสู่
จุดสูงสุดของปีในไตรมาสสุดท้าย (ii) แผนจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ขนาด 3-5 พันล้าน
บาท ใน 2H56 ซึ่งจะมีความชัดเจนมากขึ้น เราประเมินมูลค่าพื้นฐาน 17.30 บาท อิงวิธี DCF
(WACC 8.0% และ Terminal growth 3%) เทียบเท่า 40xP/E ปี 56 หุ้นควรซื้อขายที่
พรีเมียมจากการเป็นผู้นำตลาดศูนย์จำหน่ายอุปกรณ์ตกต่างบ้าน มีการเติบโตของกำไรที่โดด
เด่นกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มพาณิชย์ (17%YoY) และให้ ROE ที่สูงถึง 31% (ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย
กลุ่มที่ 32%)

นักวิเคราะห์ : Vatcharut Vacharawongsith Registration No. 18301
    vatcharut.vacharawongsith@krungsrisecurities.com

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่