โดยเฉพาะในปี 2566 ที่กำไรสุทธิพุ่งสูงสุดถึง 6,995 ล้านบาท แต่เมื่อถึงปี 2568 การปรับตัวในผลประกอบการที่ลดลงเล็กน้อย ทำให้ข้อพิพาทเรื่องโบนัสเกิดขึ้น
สินทรัพย์รวม เติบโตจาก 31,452 ล้านบาท ในปี 2564 เป็น 45,983 ล้านบาท ในปี 2567 และลดลงเล็กน้อยเหลือ 45,498 ล้านบาท ในปี 2568
https://www.facebook.com/share/p/1DMpHohoVg/?mibextid=wwXIfr
ข้อพิพาทเกี่ยวกับโบนัสใน "ไดกิ้น อินดัสทรีส์" สะท้อนความท้าทายระหว่างผลประกอบการที่แข็งแกร่งและการเจรจาที่ไม่ลงตัว โดยในปี 2566 บริษัททำกำไรสุทธิสูงสุดเกือบ 7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัญญาณการเติบโตที่พนักงานอ้างถึงในการเรียกร้องโบนัส ปี 2568 แม้จะมีกำไรสุทธิ 5,906 ล้านบาท แต่เจรจาระหว่างสหภาพแรงงานและฝ่ายบริหารไม่สามารถหาข้อยุติได้ จนถึงขั้นต้องประกาศใช้สิทธิ "ปิดงานงดจ้าง"
จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินระหว่างปี 2564-2568 พบว่า "ไดกิ้น" มีฐานะการเงินมั่นคง โดยสินทรัพย์และส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะมีความผันผวนในผลกำไรสุทธิทุกปี โดยเฉพาะในปี 2566 ที่กำไรสุทธิพุ่งสูงสุดถึง 6,995 ล้านบาท แต่เมื่อถึงปี 2568 การปรับตัวในผลประกอบการที่ลดลงเล็กน้อย ทำให้ข้อพิพาทเรื่องโบนัสเกิดขึ้น
แม้จะมีความผันผวนในงบกำไรขาดทุน แต่ภาพรวมของ งบแสดงฐานะการเงิน ยืนยันว่าไดกิ้นยังคงเป็นบริษัทที่มีฐานะมั่นคงมาก บริษัทเป็นบริษัทจำกัดในกลุ่มธุรกิจผลิต และมี สินทรัพย์รวม เติบโตจาก 31,452 ล้านบาท ในปี 2564 เป็น 45,983 ล้านบาท ในปี 2567 และลดลงเล็กน้อยเหลือ 45,498 ล้านบาท ในปี 2568
ความมั่นคงนี้สะท้อนชัดเจนใน ส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้นจาก 20,252 ล้านบาท ในปี 2564 เป็น 32,802 ล้านบาท ในปี 2568 การเพิ่มขึ้นนี้เป็นผลจากการสะสมกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยหนี้สินรวมปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดที่ 14,506 ล้านบาท ในปี 2565 มาอยู่ที่ 12,695 ล้านบาท ในปี 2568 บ่งชี้ว่าบริษัทมีสภาพคล่องสูง และอัตราส่วนหนี้สินต่ำ
การเจรจาครั้งที่ 12 จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ โดยทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานคาดหวังว่าจะสามารถหาข้อสรุปที่เป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่ายได้ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและแรงงานที่เกี่ยวข้อง
ดูชัดๆ ผลประกอบการ 'ไดกิ้น อินดัสทรีส์' ท่ามกลางปมโบนัสที่ไม่ลงตัว
สินทรัพย์รวม เติบโตจาก 31,452 ล้านบาท ในปี 2564 เป็น 45,983 ล้านบาท ในปี 2567 และลดลงเล็กน้อยเหลือ 45,498 ล้านบาท ในปี 2568
https://www.facebook.com/share/p/1DMpHohoVg/?mibextid=wwXIfr
ข้อพิพาทเกี่ยวกับโบนัสใน "ไดกิ้น อินดัสทรีส์" สะท้อนความท้าทายระหว่างผลประกอบการที่แข็งแกร่งและการเจรจาที่ไม่ลงตัว โดยในปี 2566 บริษัททำกำไรสุทธิสูงสุดเกือบ 7,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัญญาณการเติบโตที่พนักงานอ้างถึงในการเรียกร้องโบนัส ปี 2568 แม้จะมีกำไรสุทธิ 5,906 ล้านบาท แต่เจรจาระหว่างสหภาพแรงงานและฝ่ายบริหารไม่สามารถหาข้อยุติได้ จนถึงขั้นต้องประกาศใช้สิทธิ "ปิดงานงดจ้าง"
จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินระหว่างปี 2564-2568 พบว่า "ไดกิ้น" มีฐานะการเงินมั่นคง โดยสินทรัพย์และส่วนของผู้ถือหุ้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะมีความผันผวนในผลกำไรสุทธิทุกปี โดยเฉพาะในปี 2566 ที่กำไรสุทธิพุ่งสูงสุดถึง 6,995 ล้านบาท แต่เมื่อถึงปี 2568 การปรับตัวในผลประกอบการที่ลดลงเล็กน้อย ทำให้ข้อพิพาทเรื่องโบนัสเกิดขึ้น
แม้จะมีความผันผวนในงบกำไรขาดทุน แต่ภาพรวมของ งบแสดงฐานะการเงิน ยืนยันว่าไดกิ้นยังคงเป็นบริษัทที่มีฐานะมั่นคงมาก บริษัทเป็นบริษัทจำกัดในกลุ่มธุรกิจผลิต และมี สินทรัพย์รวม เติบโตจาก 31,452 ล้านบาท ในปี 2564 เป็น 45,983 ล้านบาท ในปี 2567 และลดลงเล็กน้อยเหลือ 45,498 ล้านบาท ในปี 2568
ความมั่นคงนี้สะท้อนชัดเจนใน ส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้นจาก 20,252 ล้านบาท ในปี 2564 เป็น 32,802 ล้านบาท ในปี 2568 การเพิ่มขึ้นนี้เป็นผลจากการสะสมกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยหนี้สินรวมปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดที่ 14,506 ล้านบาท ในปี 2565 มาอยู่ที่ 12,695 ล้านบาท ในปี 2568 บ่งชี้ว่าบริษัทมีสภาพคล่องสูง และอัตราส่วนหนี้สินต่ำ
การเจรจาครั้งที่ 12 จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคมนี้ โดยทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานคาดหวังว่าจะสามารถหาข้อสรุปที่เป็นธรรมต่อทั้งสองฝ่ายได้ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและแรงงานที่เกี่ยวข้อง