#ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าในวันที่ 17 ธ.ค.2568 นี้ กนง.จะมีการประชุม ซึ่ง BB Consensus ประเมินดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลงมาที่ 1.25% (ปัจจุบันอยู่ที่ 1.50%) ภายใต้การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเศรษฐกิจไทย รวมถึงการใช้นโยบายการคลัง หลังยุบสภา ทำได้เพียงตามที่เคยได้รับการอนุมัติ (หรือ กกต. เห็นชอบ) ทางฝ่ายวิจัยจึงมองว่าการใช้นโยบายการเงินเข้าช่วยมีความจำเป็น
ขณะที่ Bond Yield ไทยระยะสั้น อยู่ในระดับใกล้เคียงกับคาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายสะท้อนว่าตลาดมองดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีกไม่มาก โดยฝ่ายวิจัยคาดดอกเบี้ยนโยบายปี 2569 ไว้ที่ 1.0% (จุดสูงสุดของดอกเบี้ยขาขึ้นรอบที่ผ่านมาเท่ากับ 2.50%)
ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส มองกลุ่มธนาคาร โดยประมาณการกำไรสุทธิกลุ่มฯ (8 ธนาคาร) ปี 2568 – 69 ที่ 2.6 แสนล้านบาท (กำไรฯ 9 เดือนแรกสูงขึ้น 6.5% YoY คิดเป็นสัดส่วน 78% ของประมาณการทั้งปี) เพิ่ม 4% YoY และ 2.5 แสนล้านบาท (-3% YoY จาก ธนาคารใหญ่) ตามลำดับ มองว่าพอรองรับดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.0% โดย ธนาคารอย่าง KKP กับ TISCO ซึ่ง Loan spread กว้างขึ้น ตามการ Repricing เงินฝากประจำ หนุนทิศทางกำไรสุทธิปีหน้าเติบโต 2% YoY เด่นกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ
ขณะที่กลุ่มจำนำทะเบียน แม้ Bond yield ล่าสุดอยู่สูงกว่าสิ้นงวดไตรมาส 3/68 แต่ยังต่ำกว่าสิ้นปี 2567 ประกอบกับการออกตราสารหนี้ที่ผ่านมา ยังเห็นพัฒนาการของดอกเบี้ยอาทิ SAWAD ออกตราสารหนี้ช่วงต้น พ.ย. อายุ 3 –5 ปีอยู่ที่ 3.0% -3.6% (VS รอบส.ค. อายุ 2 –7 ปี ที่ 3.6% -4.3%) เช่นเดียวกับ MTC ออกตราสารหนี้ช่วงปลาย พ.ย.อายุ 3-8 ปีที่ 2.95% -4.0% (VS รอบ ส.ค. อายุ 4 –7 ปี ที่ 3.80% -4.15%)
โดยมองว่ากลุ่มธนาคาร การใกล้เข้าฤดูปันผลและกระแส Value play ช่วยประคองราคาหุ้นในกลุ่มฯ คงหุ้นเด่นของกลุ่มฯ คือ KTB, BBL และ KBANK ในขณะที่ประเมินว่า SCB และ TISCO ที่มี Div Yield เฉพาะครึ่งหลังของปี 2568 สูงสุดในกลุ่มฯ เป็นหุ้นเด่นธีมปันผล
ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์ หรือ Non – Bank คงชอบ TIDLOR (FV@B24) ตามด้วย MTC (FV@B52) และ SAWAD (FV@B29)
เอเซีย พลัส ส่องหุ้นกลุ่มแบงก์-ไฟแนนซ์ จับตากนง.ประชุมพุธนี้
ขณะที่ Bond Yield ไทยระยะสั้น อยู่ในระดับใกล้เคียงกับคาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายสะท้อนว่าตลาดมองดอกเบี้ยนโยบายลงได้อีกไม่มาก โดยฝ่ายวิจัยคาดดอกเบี้ยนโยบายปี 2569 ไว้ที่ 1.0% (จุดสูงสุดของดอกเบี้ยขาขึ้นรอบที่ผ่านมาเท่ากับ 2.50%)
ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส มองกลุ่มธนาคาร โดยประมาณการกำไรสุทธิกลุ่มฯ (8 ธนาคาร) ปี 2568 – 69 ที่ 2.6 แสนล้านบาท (กำไรฯ 9 เดือนแรกสูงขึ้น 6.5% YoY คิดเป็นสัดส่วน 78% ของประมาณการทั้งปี) เพิ่ม 4% YoY และ 2.5 แสนล้านบาท (-3% YoY จาก ธนาคารใหญ่) ตามลำดับ มองว่าพอรองรับดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.0% โดย ธนาคารอย่าง KKP กับ TISCO ซึ่ง Loan spread กว้างขึ้น ตามการ Repricing เงินฝากประจำ หนุนทิศทางกำไรสุทธิปีหน้าเติบโต 2% YoY เด่นกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ
ขณะที่กลุ่มจำนำทะเบียน แม้ Bond yield ล่าสุดอยู่สูงกว่าสิ้นงวดไตรมาส 3/68 แต่ยังต่ำกว่าสิ้นปี 2567 ประกอบกับการออกตราสารหนี้ที่ผ่านมา ยังเห็นพัฒนาการของดอกเบี้ยอาทิ SAWAD ออกตราสารหนี้ช่วงต้น พ.ย. อายุ 3 –5 ปีอยู่ที่ 3.0% -3.6% (VS รอบส.ค. อายุ 2 –7 ปี ที่ 3.6% -4.3%) เช่นเดียวกับ MTC ออกตราสารหนี้ช่วงปลาย พ.ย.อายุ 3-8 ปีที่ 2.95% -4.0% (VS รอบ ส.ค. อายุ 4 –7 ปี ที่ 3.80% -4.15%)
โดยมองว่ากลุ่มธนาคาร การใกล้เข้าฤดูปันผลและกระแส Value play ช่วยประคองราคาหุ้นในกลุ่มฯ คงหุ้นเด่นของกลุ่มฯ คือ KTB, BBL และ KBANK ในขณะที่ประเมินว่า SCB และ TISCO ที่มี Div Yield เฉพาะครึ่งหลังของปี 2568 สูงสุดในกลุ่มฯ เป็นหุ้นเด่นธีมปันผล
ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์ หรือ Non – Bank คงชอบ TIDLOR (FV@B24) ตามด้วย MTC (FV@B52) และ SAWAD (FV@B29)