เราสนใจงานตำแหน่งนี้ค่ะ ตามความเข้าใจเราคือดังนี้
- ต้องรู้จักสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพื่อขยายโอกาสทางการค้า ต่อยอดธุรกิจ ดังนั้น จึงต้องรู้รอบตัว ทั้งการตลาด, เศรษฐกิจ, การเมือง, ต่าางประเทศ, จิตวิทยา, การลงทุน
เราเข้าใจว่าอย่างนี้ แต่ไม่รู้ว่าคนที่ทำงานนี้จริงๆ ต้องเก่งกาจขนาดไหน หรืองานยากเย็นขนาดไหน
เราเองไม่ใช่คนเก่งนะ แต่ทุกวันนี้ งานที่ทำและที่ผ่านมาก็ต้องรู้เรื่องข้างบนอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เจาะลึกมากนัก ด้วยยังไม่มีโอกาสดูแลแอคเค้าท์ระดับประเทศ ยังดูแลธุรกิจขนาด SME ระดับเล็กอยู่ การทำตลาดจึงมักจะไม่เน้น การเปิดโอกาส แต่ส่วนใหญ่ความต้องการของลูกค้า เน้นอย่างเดียวเลยว่าทำโฆษณาแล้วต้องขายได้ ต้องได้ยอดขายเพิ่ม จะแนะนำช่องทางการตลาดอะไรก็ไม่ผ่าน เอาแบบให้คนเห็นโฆษณาเยอะๆ และโทร.มาหาเยอะๆ หรือมาร้านเยอะๆ ไว้ก่อน หรือหนักกว่านั้น บางราย กำหนดมาเลยว่าต้องรักษายอดขายเค้าไม่ให้ตกกว่าที่เป็นอยู่
เรื่องหลังนี่เราขอถามคนในวงการเลยนะ ว่า โดยปกติแล้ว งานโฆษณาไม่สามารถการันตียอดขายได้ไม่ใช่หรือ ตามหลักการน่ะนะ คือ ทำคาดการณ์ได้ เหมือนที่ทำแผนงานอะไรอย่างนั้น และเมื่อลงมือทำแล้ว หากยอดขายไม่กระเตื้อง ก็ปรับปรุงแผน ซึ่งน่าจะรวมถึงแผนการจำหน่ายด้วย เช่น ปรับปรุงสินค้า, ปรับปรุงโปรโมชั่น ฯลฯ ไม่ใช่แค่ปรับช่องทางการใช้สื่อ หรือ ปรับแต่ยุทธวิธีการใช้สื่อ คือ หากใช้สื่อมากๆ เปลี่ยนช่องทาง ฯลฯ แต่ตัวสินค้ายังด้อย คอล เซนเตอร์ห่วย ตอบคำถามไม่ดี ไม่จูงใจ หน้าร้านไม่ดึงดูดให้คนเข้า แม้ว่าสินค้าจะคุณภาพดี ฯลฯ ถ้าอย่างนี้ อัดงบโฆษณาไปก็คงสูญเปล่า เรื่องนี้ก็เห็นขัดแย้งกับคนใกล้ชิดกันอยู่ แต่เราดันเป็นคนทำแผนงาน ที่เค้าคาดหวังถึงการประสบความสำเร็จนี่สิ เรารู้สึกกดดันเลยหละ
ตย.การใช้สื่อ ที่คิดว่าเข้าถึงคนมาก ที่เรามักยกมาเป็นกรณีศึกษาเสมอ คือ กาเกา ทอล์ค ที่ทุ่มทุนโฆษณาไพร์มไทม์ ทางโทรทัศน์อยู่พักหนึ่ง เน้นจุดขายด้วยสติ๊กเกอร์พูดได้ ที่มีมาก่อนไลน์ตั้งนานแล้ว แต่ความจริงคือ แป๊ก บางคนไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าคืออะไร เป็นตัวอย่างของการทุ่มเงินอย่างสูญเปล่า ตย.หนึ่ง
ใครมีความเห็นอะไร ยินดีรับฟังนะคะ ขอบคุณค่ะ
Business Development ยากมากไหมคะ ต้องคุณสมบัติอย่างไรถึงจะดีคะ
- ต้องรู้จักสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพื่อขยายโอกาสทางการค้า ต่อยอดธุรกิจ ดังนั้น จึงต้องรู้รอบตัว ทั้งการตลาด, เศรษฐกิจ, การเมือง, ต่าางประเทศ, จิตวิทยา, การลงทุน
เราเข้าใจว่าอย่างนี้ แต่ไม่รู้ว่าคนที่ทำงานนี้จริงๆ ต้องเก่งกาจขนาดไหน หรืองานยากเย็นขนาดไหน
เราเองไม่ใช่คนเก่งนะ แต่ทุกวันนี้ งานที่ทำและที่ผ่านมาก็ต้องรู้เรื่องข้างบนอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เจาะลึกมากนัก ด้วยยังไม่มีโอกาสดูแลแอคเค้าท์ระดับประเทศ ยังดูแลธุรกิจขนาด SME ระดับเล็กอยู่ การทำตลาดจึงมักจะไม่เน้น การเปิดโอกาส แต่ส่วนใหญ่ความต้องการของลูกค้า เน้นอย่างเดียวเลยว่าทำโฆษณาแล้วต้องขายได้ ต้องได้ยอดขายเพิ่ม จะแนะนำช่องทางการตลาดอะไรก็ไม่ผ่าน เอาแบบให้คนเห็นโฆษณาเยอะๆ และโทร.มาหาเยอะๆ หรือมาร้านเยอะๆ ไว้ก่อน หรือหนักกว่านั้น บางราย กำหนดมาเลยว่าต้องรักษายอดขายเค้าไม่ให้ตกกว่าที่เป็นอยู่
เรื่องหลังนี่เราขอถามคนในวงการเลยนะ ว่า โดยปกติแล้ว งานโฆษณาไม่สามารถการันตียอดขายได้ไม่ใช่หรือ ตามหลักการน่ะนะ คือ ทำคาดการณ์ได้ เหมือนที่ทำแผนงานอะไรอย่างนั้น และเมื่อลงมือทำแล้ว หากยอดขายไม่กระเตื้อง ก็ปรับปรุงแผน ซึ่งน่าจะรวมถึงแผนการจำหน่ายด้วย เช่น ปรับปรุงสินค้า, ปรับปรุงโปรโมชั่น ฯลฯ ไม่ใช่แค่ปรับช่องทางการใช้สื่อ หรือ ปรับแต่ยุทธวิธีการใช้สื่อ คือ หากใช้สื่อมากๆ เปลี่ยนช่องทาง ฯลฯ แต่ตัวสินค้ายังด้อย คอล เซนเตอร์ห่วย ตอบคำถามไม่ดี ไม่จูงใจ หน้าร้านไม่ดึงดูดให้คนเข้า แม้ว่าสินค้าจะคุณภาพดี ฯลฯ ถ้าอย่างนี้ อัดงบโฆษณาไปก็คงสูญเปล่า เรื่องนี้ก็เห็นขัดแย้งกับคนใกล้ชิดกันอยู่ แต่เราดันเป็นคนทำแผนงาน ที่เค้าคาดหวังถึงการประสบความสำเร็จนี่สิ เรารู้สึกกดดันเลยหละ
ตย.การใช้สื่อ ที่คิดว่าเข้าถึงคนมาก ที่เรามักยกมาเป็นกรณีศึกษาเสมอ คือ กาเกา ทอล์ค ที่ทุ่มทุนโฆษณาไพร์มไทม์ ทางโทรทัศน์อยู่พักหนึ่ง เน้นจุดขายด้วยสติ๊กเกอร์พูดได้ ที่มีมาก่อนไลน์ตั้งนานแล้ว แต่ความจริงคือ แป๊ก บางคนไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าคืออะไร เป็นตัวอย่างของการทุ่มเงินอย่างสูญเปล่า ตย.หนึ่ง
ใครมีความเห็นอะไร ยินดีรับฟังนะคะ ขอบคุณค่ะ