ไม่มีการแสดงว่า วิธีปฏิบัติทางจิต ที่ให้เห็นแจ้ง คือ ทำอย่างไร

----------------------- ที่หลวงพี่ว่า  การปฏิบัติคือ  ศีล  สมาธิ  ปัญญา  นั้นดีแล้ว

                                           แต่ในเรื่อง สมาธิ  กับ  ปัญญา  ยังไม่ชัดเจน  
                                                         โดยเฉพาะปัญญา  ที่หลวงพี่บอกว่า
"ปัญญา ก็คือ ความเข้าใจและเห็นแจ้งว่า มันไม่มีตัวเราและตัวตนของใครๆอยู่จริง (เห็นสุญญตา) (เรื่องสุญญตานี้จะใช้ความเชื่อตามตำราหรือตามคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด จะต้องเป็นทั้งความเข้าใจและเห็นแจ้งด้วยตนเองเท่านั้นจึงจะเป็นปัญญาที่แท้จริง"
      
                                                          ไม่มีการแสดงว่า วิธีปฏิบัติทางจิต ที่ให้เห็นแจ้ง คือ ทำอย่างไร

วงกลม
---------------------------------------------------------------------
นี่เป็นคำถามที่ดีที่ควรถาม เพราะนี่คืดจุดที่อาตมาทิ้งไว้ให้คนถาม คนที่สนใจก็จะพบจุดนี้ ส่วนคนที่ไม่สนใจก็จะไม่พบจุดนี้ ซึ่งวิธีการปฏิบัติทางจิตเพื่อให้เกิดความเห็นแจ้งนั้น ก่อนอื่นต้องมีการคิดพิจารณา (โดยใช้เหตุใช้ผลจากสิ่งที่เรามีอยู่จริงในปัจจุบัน) ให้เกิดความเข้าใจในเรื่องความเป็นสุญญตาในขันธ์ ๕ ให้ได้ก่อนก่อน แล้วนำความเข้าใจนั้นมาเพ่งดูจากร่างกายและจิตใจของเราจริงๆอย่างตั้งใจที่สุด (คือด้วยสมาธิ แต่ก็ต้องมีศีลเป็นพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว)

เมื่อจิตมีสมธิ จิตก็จะบริสุทธิ์ คือไม่มีอคติ (ความลำเอียง) ไม่มีความพอใจหรือไม่พอใจแม้เพียงเล็กน้อย (ฉันทะ ปฏิฆะ) และตั้งมั่น อ่อนโยน จึงทำให้จิตยอมรับว่าขันธ์ ๕ นี้มันไม่มีสิ่งที่จะเป็นตัวตนของเราอยู่จริงตามที่เข้าใจ (เหมือนกับว่าจิตมันยอมรับว่าของนี้ไม่ใช่ของเรา เป็นของที่เรายืมเขามา สักวันก็ต้องคืนเขาไป) เมื่อจิตยอมรับแล้วมันก็จะปล่อยวางความยึดถือในขันธ์ ๕ นี้ว่าเป็นตัวเรา-ของเราลงทันที (แม้เพียงชั่วคราวตราบเท่าที่ยังมีปัญญา ศีล และสมาธินี้พร้อมกันอยู่) (เหมือนกับว่า จิตมันไม่มีความยึดติดหรือพอใจในของที่ยืมเขามานั้นแล้ว)

เมื่อจิตปล่อยวางความยึดมั่น จิตมันก็จะไม่มีความทุกข์ (คือความเศร้าโศก หรือความเสียใจ ความคับแค้นใจ ความไม่สบายใจ ความหงุดหงิดรำคาญใจ เป็นต้น)

เมื่อจิตไม่มีความทุกข์ (แม้เพียงชั่วคราว) สภาวะที่ตรงข้ามกับความทุกข์ก็จะปรากฏ อันได้แก่ ความปกติ สงบ เย็น สดชื่น ปอดโปร่ง แจ่มใส เบา สบาย หรือที่ทางพุทธศาสนาสมมติเรียกว่า นิพพาน ที่แปลว่า เย็น นั่นเอง

เมื่อเข้าใจวิธีการปฏิบัติเพื่อให้จิตเกิดความเห็นแจ้งแล้ว ทีนี้ก็ต้องกลับไปพิจารณาเรื่องการเกิดขึ้นของขันธ์ ๕ โดยใช้เหตุใช้ผลตามตามความเป็นจริง (ไม่ใช้ความเชื่อเด็ดขาด) จนเกิดความเข้าใจว่าขันธ์ ๕ นี้มันไม่มีตัวเราอยู่จริง (เข้าใจเรื่องสุญญตา) เมื่อเข้าใจแล้วจึงค่อยนำความเข้าใจนี้มาเพ่งดูจากร่างกายและจิตใจของเราเองจริงๆ จนความยึดถือได้ดับลงและนิพพานปรากฏขึ้นมาจริงๆ จึงจะเรียกว่าเกิดความเห็นแจ้งในสุญญตา หรือในอริยสัจ ๔ หรือมีดวงตาเห็นธรรม (การพิจารณาขันธ์ ๕ ตามความเป็นจริงนั้นก็ต้องไปอ่านจากกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/33740050 )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่