พระพุทธเจ้าตรัสสอน ปุถุชน ที่ยังหลงผิดว่า กายและขันธ์ 5 คือ ตัวเรา ของเรา พระพุทธตรัสว่า จิต มโน วิญญาณ คือ สิ่งเดียวกัน เพราะจิตถูกร้อยรัดด้วยตัณหา จิตยึดรูปเป็นอารมณ์ เกิด ดับ ตลอดเวลา
และไปอ่านอีกพระสูตร กล่าวถึง จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน ปุถุชน ที่จิตยังหลงรูปและขันธ์ 5 เป็นตัวเรา ของเรา ให้พิจารณาเห็นจิต เกิดดับ
อันนี้ ถูกต้องเลยครับ จิตเกิดดับตามรูปและขันธ์ 5 ที่จิตไปยึดเป็นอารมณ์
แต่เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสถึง จิตวิมุติหลุดพ้น
คือ จิตที่เจริญสัมมาสมาธิจนถึงอัปนาสมาธิ แล้วพิจารณาขันธ์ 5 ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัดจากขันธ์ 5 จิตวิมุติหลุดพ้นจากกิเลส อวิชชา พระพุทธเจ้าตรัสว่า จิตตั้งมั่น ดำรงอยู่ น้อมลงในอมตธาตุ คือ พนะนิพพาน
จะเห็นชัดเจนว่า แต่ละพระสูตรพระพุทธเจ้าตรัสสอน คนละวาระกัน สอนปุถุชนอย่างหนึ่ง สอนจิตวิมุติหลุดพ้นอย่างหนึ่ง อุปมาเหมือนสอนเด็กประถม กับเด็กมหาวิทยาลัย คนละเรื่อง คนละเนื้อหา
จะมาเหมารวมว่าจิตปถุชนกับจิตวิมุติหลุดพ้น ต้องเหมือนกันได้อย่างไร
พระพุทธเจ้าตรัสสอน ปุถุชน ที่ยังหลงผิดว่า กายและขันธ์ 5 คือ ตัวเรา ของเรา
และไปอ่านอีกพระสูตร กล่าวถึง จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน ปุถุชน ที่จิตยังหลงรูปและขันธ์ 5 เป็นตัวเรา ของเรา ให้พิจารณาเห็นจิต เกิดดับ
อันนี้ ถูกต้องเลยครับ จิตเกิดดับตามรูปและขันธ์ 5 ที่จิตไปยึดเป็นอารมณ์
แต่เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสถึง จิตวิมุติหลุดพ้น
คือ จิตที่เจริญสัมมาสมาธิจนถึงอัปนาสมาธิ แล้วพิจารณาขันธ์ 5 ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัดจากขันธ์ 5 จิตวิมุติหลุดพ้นจากกิเลส อวิชชา พระพุทธเจ้าตรัสว่า จิตตั้งมั่น ดำรงอยู่ น้อมลงในอมตธาตุ คือ พนะนิพพาน
จะเห็นชัดเจนว่า แต่ละพระสูตรพระพุทธเจ้าตรัสสอน คนละวาระกัน สอนปุถุชนอย่างหนึ่ง สอนจิตวิมุติหลุดพ้นอย่างหนึ่ง อุปมาเหมือนสอนเด็กประถม กับเด็กมหาวิทยาลัย คนละเรื่อง คนละเนื้อหา
จะมาเหมารวมว่าจิตปถุชนกับจิตวิมุติหลุดพ้น ต้องเหมือนกันได้อย่างไร