รักวุ่นวายของคุณชายไฮโซกับยายซุ่มซ่ามตอนที่ 3 by ล. วิลิศมาหรา

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 3
รักอุตลุด

     ใกล้เที่ยงเต็มที ช่อชบาเม้มริมฝีปากครุ่นคิด ในที่สุดก็ตัดสินใจเคาะประตูและผลักเข้าไปอีกครั้ง ผู้ช่วยคนใหม่ของเนตรนภิสลดโทรศัพท์มือถือลง ชายหนุ่มเลิกคิ้วหนาเข้มเชิงถาม...แหม เกลียดขี้หน้านักเชียว ขี้วีน ไม่มีมารยาท ไม่เป็นสุภาพบุรุษ แถมตั้งแต่เข้ามาทำงานก็เอาแต่คุยโทรศัพท์
.....ทำงานแบบนี้ก็เจริญล่ะ..... เลขาสาวคิดค่อนขอดในใจ
“เอิ่ม...ดิฉันได้รับคำสั่งจากคุณเนตรนภิสให้มาเชิญคุณไปแนะนำที่ทานอาหารมื้อเที่ยงค่ะ”

     หญิงสาวเดินตัวตรงเข้ามายืนหน้าโต๊ะทำงาน เธอมุสา กลั้นใจฟังคำตอบเพราะหวังว่าเขาจะปฏิเสธแล้วบอกว่ามีนัดไปกินข้าวข้างนอก

     ตาคมคู่นั้นนิ่งมองใบหน้าบ้องแบ๊วของช่อชบาอย่างชั่งใจ เมื่อสักครู่เขาพึ่งวางสายจากนลินี อุดมสิน อดีตสาวคนรัก ที่บัดนี้ผันตัวมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา

      แม่เลี้ยงสาวของเขาอ้างว่าอยากมาดูที่ทำงาน เพราะสงสัยว่าทำไมเขาถึงเลือกมาทำงานในบริษัทเล็ก ๆ แห่งนี้ ทั้ง ๆ ที่บิดาของเขาเป็นเจ้าของธุรกิจโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่และธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียง ซึ่งกำลังรอให้เขาเข้าไปช่วยงาน หลังเรียนจบทางด้านเศรษฐศาสตร์และบริหารธุรกิจมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากประเทศอังกฤษ

     เขมชาติ ชาญชีวิน รู้ดีว่านลินีจะมาไม้ไหน ผู้หญิงคนนี้เคยคบหาเป็นแฟนกับเขาขณะศึกษาอยู่ที่อังกฤษเมื่อห้าปีก่อน

     ในตอนนั้นนลินีเป็นคนสวยหยาดเยิ้มชนิดที่ชายหนุ่มคนไหนที่เดินผ่านเป็นต้องเหลียวกลับมามอง เธออ่อนหวานและเก่งสารพัด หญิงสาวสวยได้ทุนจากเมืองไทยเพื่อไปศึกษาต่อที่โน่นเป็นเวลาสองปี เขาและเธอได้รู้จักกันที่นั่น
     นลินีเป็นคนเด่นในกลุ่มเพื่อนฝูงคนไทยเสมอ นอกจากโชว์ฝีมือในการทำอาหารไทยแล้วนลินียังรำไทยได้อ่อนช้อยสวยงาม อีกเดี๋ยวก็ออกมาเดินแบบด้วยมาดนางแบบมืออาชีพ และพอผลการเรียนออกมา คะแนนของเธอก็อยู่ในระดับแนวหน้า นลินีคือผู้หญิงเพอร์เฟ็คที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ

     มีผู้ชายหน้าตาดี ร่ำรวยและมีดีกรีการศึกษาสูง ๆ ทั้งไทยและเทศรุมขายขนมจีบหญิงสาวมากมาย แต่เธอไม่สนใจ เขมชาติเคยรู้สึกมีความสุขและภูมิใจอย่างที่สุด ที่หญิงสาวแสนสวย เก่ง ฉลาดและเด่นดังอย่างนลินีเลือกคบกับเขา ชายหนุ่มทุ่มเทความรักทั้งหมดให้แก่เธอ ไม่ชายตามองผู้หญิงคนไหนอีกเลย

    นลินีสามารถเรียนจบก่อนเพื่อนคนอื่น ๆ และบินกลับเมืองไทยทันทีที่เรียนจบตามพันธสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้าของทุนที่ส่งเธอไปเรียน เธอเรียนจบก่อนเขาหนึ่งปี ระหว่างนั้นคนทั้งสองยังติดต่อกันสม่ำเสมอ

     ต่อมาระยะหลัง ๆ เขมชาติก็รู้สึกผิดสังเกต ที่หญิงคนรักเริ่มทำตัวห่างเหิน นลินีบอกกับเขาว่าเข้าทำงานกับสื่อยักษ์ใหญ่ที่ให้ทุนเธอไปเรียนต่อสื่อหนึ่งในตำแหน่งบริหาร ซึ่งเป็นสื่อพันธมิตรกับธุรกิจของณรงค์เดช ชาญชีวิน ผู้เป็นคุณพ่อของเขา

     เธอเริ่มเปลี่ยนไป ไม่มีเวลาคุยกับเขาไม่ว่าจะเป็นช่องทางใด ๆ ทั้งสิ้น นลินีหายไปจากชีวิตของเขาโดยสิ้นเชิงนานกว่าหนึ่งปี

     แล้วจู่ ๆ เขาก็ได้รับการบอกเล่าจากบิดา นายณรงค์เดช ชาญชีวิน พ่อหม้ายเนื้อหอม มหาเศรษฐีใหญ่แห่งเมืองฟ้าอมร หนุ่มใหญ่ผู้หวงแหนความโสดมาช้านานหลังจากมารดาของเขมชาติลาลับจากโรคนี้ไปเมื่อสามสิบปีที่แล้ว ว่าบิดาของเขากำลังตกลงปลงใจคิดจะแต่งงานกับหญิงสาวคราวลูก

     ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณพ่อของเขาจะสละโสด เพราะในวัยหกสิบเก้าปี บิดาของเขมชาติที่เหงามานานยังดูแข็งแรง ทะมัดทะแมง แต่ที่น่าตกใจจนแทบช็อคก็เพราะว่า ผู้หญิงโชคดีคนนั้นชื่อ นลินี อุดมสิน!!!!

     เขมชาติไม่ยอมกลับมาร่วมพีธีวิวาห์ของบิดากับอดีตคนรักและถ่วงเวลากลับเมืองไทยมาระยะหนึ่ง แผลบาดเจ็บในใจจากเรื่องนี้เรื้อรังอย่างที่พูดกันว่า“อกกลัดหนอง”มุมมองต่อผู้หญิงของเขาเปลี่ยนไป ชายหนุ่มที่สุภาพอ่อนโยนเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบอย่างเขา กลับถูกผู้หญิงหลอกลวงและทอดทิ้ง ชายอกหักขาดความไว้ใจในผู้หญิงทุกคน เขาสร้างเกราะกำบังตัวเองจากหญิงสาวคนอื่นๆแน่นหนา ไม่เปิดใจรับใครอีกต่อไป

     เขมชาติคนใหม่คิดว่าผู้หญิงเป็นเพศที่เห็นแก่ได้ เจ้าหล่อนทั้งหลายสามารถแลกความรักกับเงินหรือผลประโยชน์โดยไม่แคร์ความรู้สึกของผู้ชายเลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ความรู้สึกของบรรดาผู้หญิงเหล่านั้นด้วยเช่นกัน!!!

     แต่แล้วเขาก็ต้องกลับมาเมืองไทยจนได้ เมื่อทราบว่าบิดาป่วยเป็นโรคหัวใจ ชายหนุ่มต้องยอมทำดีกับผู้หญิงที่สร้างความเจ็บช้ำแสนสาหัสให้กับเขา เพื่อขอร้องไม่ให้นลินีแพร่งพรายอดีตของคนทั้งคู่ เขมชาติไม่อยากให้บิดากระอักกระอ่วนใจที่มาแต่งงานกับอดีตคนรักของลูกชาย และหาข้ออ้างต่าง ๆนานาเพื่อแยกตัวออกมาซื้อคอนโดพักอยู่ข้างนอกคฤหาสน์หรูราคากว่าร้อยล้านของบิดา
     ชายหนุ่มช้ำรักต้องทนทรมานใจต่อภาพบาดใจบาดตาในบ้านอยู่นานกว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้บิดาอนุญาตตามที่ขอได้

     เมื่อตอนเช้าเขาก็พึ่งพูดคุยทำความเข้าใจกับบิดาทางโทรศัพท์ เรื่องที่ขอมาช่วยเอกพงษ์เพื่อนรักในบริษัทรับออกแบบและดูแลระบบสุขาภิบาลเล็ก ๆ ที่กำลังตั้งตัวแห่งนี้สักระยะหนึ่ง ซึ่งทำให้บิดาหงุดหงิดเป็นอันมาก

เขมชาติเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยคำพูดที่ทำให้เลขานุการสาวถึงกับทำหน้าแหยเก
“ดีเหมือนกัน งั้นเราไปกันเลย ผมอยากทานข้าวให้เสร็จไว ๆ มีงานให้ทำอีกเยอะ”
     ชายหนุ่มมองอาการหญิงสาวตรงหน้าอย่างนึกสังเวช ตอนที่เขาเข้าบริษัทมาครั้งแรกแล้วเจอผู้หญิงคนนี้ที่นั่งทำงานในตำแหน่งเลขานุการฝ่ายประชาสัมพันธ์และต้อนรับมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด บริษัทควรคัดเลือกคนทำงานในหน้าที่นี้ให้ดี อย่างน้อย ๆ ก็ควรมีบุคลิกภาพคล่องแคล่วว่องไวและเป็นมิตร ไม่ใช่นั่งทำหน้าซังกะตายอยู่ตรงแผนกต้อนรับ รูปร่างหน้าตาก็มีส่วนสำคัญ ไม่รู้ว่าผู้หญิงผมบ๊อบยาวเคลียไหล่กับหน้าม้าสั้นเต่อคนนี้มีดีอะไรจึงได้รับการพิจารณาให้มาทำหน้าที่นี้ ดูหน้าตาท่าทางเธอแล้วเขมชาติก็นึกไปถึงการ์ตูนเล่มหนึ่งที่เขาเคยอ่าน...หนูหิ่นอินเตอร์...

     ชั้นที่หกของอาคารมีทั้งภัตตาคารและร้านอาหารหรูๆ อีกฟากหนึ่งจึงเป็นฟู้ดเซ็นเตอร์ที่มีอาหารตามสั่งจานด่วนจานเดียวเรียงราย ช่อชบาพาชายหนุ่มมาดเท่ห์มาถึง เธอก็ผายมือเชิญให้เขาเลือกร้าน
“เชิญตามสบายนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน”
พูดจบก็ทำท่าจะผละไป
“เดี๋ยวสิคุณ”
ช่อชบาจำต้องชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดิน หันมาทำหน้าเมื่อย
“มีอะไรเหรอค้า”
หญิงสาวลากหางเสียงยาว
“คุณไม่ไปทานเป็นเพื่อนผมเหรอ”
“เอ่อ พอดีวันนี้ดิฉันอยากทานส้มตำไก่ย่างค่ะ”
ช่อชบาอ้างอย่างขอไปทีด้วยคิดว่าหนุ่มไฮโซคงไม่มีรสนิยมแบบนั้นแน่
“เอาสิ”
หนุ่มหล่อพยักหน้า เขมชาติมีความจำเป็นบางอย่างที่จำต้องสานสัมพันธ์ที่ดีกับผู้หญิงเชยๆคนนี้
“ผมไปทานด้วย ไม่ได้กินส้มตำมานานแล้วเหมือนกัน”
.......ส่วนแม่สาวที่มีกิ๊บเป็นคลิปที่หนีบกระดาษกำลังนึกอยากจะเป็นลม.......

(โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่