อลเวงรักสองภพ
โดย...ล. วิลิศมาหรา
ความเดิม
“ตามใจเจ้า...แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถิด นางเพื่อนยาก เพลานี้น้อยศิลป์ยังไม่ได้พ้นจากบ่วงกรรมของนลินีเสียทีเดียวหรอกนะ ถึงไม่ได้แต่งกับเขาหล่อนก็ยังวางแผนชั่วไว้คอยทำลายเขาอยู่ ข้าได้ลอบเข้าไปในบ้านของนลินี แอบเอาโทรศัพท์ของเจ้าไปอัดวีดีโอที่สองพ่อลูกเขาคุยกันไว้ได้ พรุ่งนี้เจ้าจงเปิดให้น้อยศิลป์ดู คนชั่วจะได้ไปให้พ้นทางพวกเจ้าเสียที”
สีมอยยื่นโทรศัพท์มือถือของเธอให้ ช่อชบารีบรับมากดเปิดดู นึกทึ่งแม่สาวต่างมิติที่เก่งกาจถึงขั้นแอบอัดวีดีโอได้เอง สงสัยว่ากว่าจะถึงวันไปเกิดใหม่เจ้าหล่อนจะทำอะไรได้อีกบ้าง
................................................................................
ช่อชบาดูภาพวีดีโอบนจอโทรศัพท์ เห็นเป็นภาพของนลินีที่กำลังนอนแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ ลักษณะของห้องน้ำจำได้ว่าเป็นห้องพักบนชั้นห้าของอาคารศุภฤกษ์นั่นเอง แสดงว่าวีดีโอนี้เพิ่งอัดมาไม่นาน ต้องเป็นหลังจากนลินีเข้ามาพักบนนั้นแล้วแน่ ๆ หล่อนนอนหลับตาพริ้มจมตัวอยู่ในฟองครีมอาบน้ำฟูฟ่อง มือหนึ่งลูบไล้ไปตามเนื้อตัว มืออีกข้างถือโทรศัพท์คุยอยู่กับพ่อของหล่อน
ภาพในวีดีโอเลื่อนเข้ามาใกล้ จนใบหน้าด้านข้างหล่อนจ่ออยู่ตรงหน้าจอ เสียงในวีดีโอได้ยินชัดแจ๋ว ราวกับมีคนถือกล้องไปจ่อไว้ใกล้ปากคนคุยโทรศัพท์ ข้อความสนทนาของคนในสายทำเอาช่อชบาตกตะลึงพรึงเพริด ตกใจจนตัวชา
ก่อนหน้านั้นก็ค่อนข้างแน่ใจว่านลินีไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่นึกไม่ถึงว่าหล่อนจะมีความคิดอันชั่วร้ายได้ถึงขนาดนี้ เสียงคุยกันของหล่อนกับพ่อเป็นเรื่องวางแผนโกงเงินของบริษัทในเครืออิมพีเรียล กรุ๊ป ที่สองพ่อลูกรับหน้าที่บริหารอยู่ รวมไปถึงวางแผนปล้นรถขนเงินของบริษัทตัวเองด้วย เพราะนลินีต้องการเงินไปใช้หนี้การพนันในบ่อนแถวชายแดนเขมร ร้ายที่สุดก็คือวางแผนกันจะทำให้หุ้นของอิมพีเรียล กรุ๊ป ในตลาดหุ้นตก เพื่อกดดันให้ผู้เป็นประธานรับผิดชอบ
“แล้วเรื่องแกกับศรศิลป์ล่ะ ศุภฤกษ์มันว่ายังไง” เสียงดำเกิงถามถึงความคืบหน้าเรื่องงานหมั้นของศรศิลป์กับนลินี ช่อชบาหูผึ่ง ตั้งใจฟัง
“ก็ต้องรอให้พ่อศรเค้าจัดการเฉดหัวนังนั่นออกไปก่อนค่ะ พรุ่งนี้คงเห็นดีกัน นีว่าคุณลุงคงไม่ยอมให้ศรแต่งกับนังบ้านนอกคนนั้นแน่ ข้ามเรื่องมันไปได้เลยค่ะ...ว่าแต่พ่อคะ นีไม่อยากอยู่กินกับศรนานนัก เขาคงขัดขวางนีไม่ให้ไปเข้าบ่อนอีกค่ะ ยังไงพ่อก็รีบติดต่อมือปืนให้จัดการเขาเสียเร็ว ๆ นะคะ”
ช่อชบาหันมาหาสีมอย เบิกตากว้าง...นอกจากอยากแต่งงานกับเขาเพราะหวังจะกอบกู้หน้าตาตัวเองแล้ว แม่นี่ยังหวังจะฆ่าเขาเอาสมบัติอีกด้วย ร้ายเกินไปแล้วนะนลินี
“พ่อรู้น่า นีหาทางโอนหุ้นทั้งหมดของศรศิลป์มาที่พ่อให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยจัดการกับมัน ระหว่างอยู่กินด้วยกันก็ทนเอาหน่อยสิลูก ใจเย็น ๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เราต้องวางแผนให้รอบคอบ”
“ฮึ...กว่าจะถึงวันนั้นนีคงอึดอัดแย่แน่ ไม่ได้เล่นไพ่มันเหมือนจะลงแดงตาย อยากไปแก้มือหน่อยจังค่ะ”
เสียงหล่อนบ่นกระปอดกระแปดไปตามสาย ผีการพนันในตัวหล่อนคงเต้นพล่าน เสียงบ่นจับใจความได้ว่าหล่อนอยากจะกลับไปแสวงโชคในบ่อนอีกจะแย่ แต่ติดที่มีหนี้เก่าค้างอยู่ สงสัยว่าคงจำนวนมหาศาล หล่อนครวญว่าต้องหาทางผ่อนชำระไปก่อนบ้างถึงจะกลับไปเล่นได้อีก เจ้าของบ่อนคงคุ้นเคยกันกับหล่อนดี ถึงยอมให้มาหาเงินไปชดใช้
ดูเหมือนนลินีจะหมดหนทางหาเงินอื่นอีก หล่อนจึงจำยอมรับปากผู้เป็นพ่อโดยดี
“นีจะอดทนค่ะพ่อ...แค่นี้นะคะ นีอาบน้ำเสร็จก็จะเข้านอนแล้ว”
นลินีปิดโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ วีดีโอก็ตัดฉับหยุดลงทันที ช่อชบายังคงจ้องหน้าจอค้างอยู่เป็นครู่ ก่อนจะหันมาหาสีมอย ครางถามเสียงสั่น
“ตายแล้วสีมอย...สองคนนั่นถึงกับคิดจะฆ่าแกงคุณศร ต้องรีบบอกให้เขารู้ตัวนะ นลินีร้ายกาจอย่างกับปีศาจแบบนี้ คุณศรเขาจะรับมือไหวหรือเปล่าเนี่ย เอ...ว่าแต่จะบอกให้เขารู้ทางไหนดี ถ้าเอาวีดีโอนี้ไปให้คุณศรดู ฉันจะบอกกับเขาว่าไงดีล่ะ เขาต้องสงสัยแน่ว่าฉันเข้าไปอัดมาได้ยังไง”
“เจ้าก็บอกว่าข้าอัดมาให้ซี”
“บ้า! ใครจะเชื่อว่ามีผี...เอ้ย! มีดวงจิตมาอัดวีดีโอให้”
สีมอยหัวเราะกิ๊ก คราวนี้ไม่ยักโกรธที่ช่อชบาเผลอเรียกเจ้าหล่อนเป็นผี ท่าทางจะยอมรับได้แล้วว่าตัวเองก็เป็นผีจริง ๆ นั่นแหละ
“ข้ามีวิธีอยู่แล้ว...มะ เจ้าตามข้ามา”
ว่าพลางสีมอยก็คว้าข้อมือของช่อชบาหมับอีกแล้ว ฉับพลันอย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว ช่อชบาก็รู้สึกว่าร่างของตัวเองหมุนคว้างไปมาหลายตลบ พลิกคว่ำพลิกหงายอีกหลายรอบ ก่อนหล่นปุ๊ลงมายืนหน้าเตียงที่ศรศิลป์นอนอยู่พร้อมกันกับสีมอย
“เฮ้ย!”
หญิงสาวร้องออกมาอย่างตกใจ
“เจ้าดูตกใจช้าไปหน่อยนะนางช่อ คงเริ่มชินกับการไปไหนมาไหนของข้าแล้วซี”
สีมอยพูดกระเซ้า ปล่อยมือจากข้อมือของช่อชบาแล้วเดินเข้าไปหาร่างของคนบนเตียง แตะที่ข้อมือของเขาเบา ๆ พลันนั้นร่างเลือนรางของชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากร่างซึ่งนอนหลับอยู่ขึ้นมานั่ง พอเปิดเปลือกตาขึ้นมอง ชายหนุ่มก็อุทานถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เอ๊ะ!คุณช่อ คุณเข้ามาในห้องผมทำไม”
เขาเหลือบสายตามามองสีมอยอย่างงุนงงสงสัย ถามอีกว่า
“แล้วคุณมากับใคร...”
สีมอยหน้าสลดลงกับคำถามแสลงใจของอดีตชายคนรัก ด้วยเขาไม่อาจฝืนชะตากรรมของตัวเองได้ น้อยศิลป์ไชยจำอะไรไม่ได้เพราะมาอยู่กันคนละภพกับเธอเสียแล้ว ข่มความอาลัยลงแล้วบอกกับเขาว่า
“ฉันชื่อสีมอย...ฉันไม่ใช่มนุษย์หรอกแต่ว่าฉันมาดี จะมาช่วยท่านให้พ้นภัยจากคนใจชั่วที่กำลังวางแผนทำร้ายท่านอยู่ ขณะนี้นางช่อและท่านอยู่ในสภาพของดวงจิต มิใช่อยู่ในกายหยาบของมนุษย์ โปรดหันไปดูแล้วอย่าเพิ่งตกใจ ท่านมิได้เป็นอันตรายอันใด และยังไม่ได้ตายไปดอก”
บอกแล้วผายมือไปทางร่างของเขาที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง ศรศิลป์มองตามด้วยท่าทางงง ๆ ก่อนสะดุ้งขึ้นทั้งตัวเมื่อมองไปเห็นเข้า เขาก้มลงสำรวจดูตัวเองแล้วอุทานออกมาลั่นห้อง
“ตายโหง!!!”
“ยังไม่ตายดอก ข้าบอกแล้วไง” สีมอยทำเสียงดุ
“ข้าใช้พลังจิตของข้าดึงดวงจิตของท่านให้ออกมาสนทนากันด้วยเรื่องชั่วร้ายของนลินีเท่านั้น เล่าเสร็จท่านก็กลับคืนสู่ร่างเดิมได้”
“ว่าไงนะ ถอดดวงจิต...โอย นี่ฉันกำลังฝันอยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มทดลองตบใบหน้าตัวเองฉาดใหญ่ แล้วทำหน้าทึ่งเมื่อไม่รู้สึกเจ็บ
“มิใช่ฝันแต่ก็คล้ายกันอยู่ ท่านไม่รู้สึกในสัมผัสดอก เพราะไม่ใช่อยู่ในกายหยาบ”
“ฮื่อ...หยุดสงสัยเรื่องนั้นก่อนเหอะคุณศร...ดูนี่ดีกว่า ฉันมีหลักฐานความคิดอุบาทว์ของนลินีมาให้คุณดู...เอ้านี่ค่ะ”
ช่อชบาครางในลำคอ ไม่อยากเสียเวลาอธิบายจึงกดเปิดวีดีโอในโทรศัพท์ยื่นให้เขาดู ศรศิลป์มองหน้าเธอก่อนเลื่อนสายตามมามองภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ พอเห็นภาพเขาก็รีบคว้ามันมาถือดูเสียเอง
“อะไรกันนี่...”
ซึ่งพอได้ฟังบทสนทนาของคนในภาพ ศรศิลป์ก็ร้องออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ทั้งเสียงและภาพในวีดีโอเป็นของจริงแท้แน่นอน ไม่ใช่การตัดต่ออะไรทั้งสิ้น นลินีนอนคุยโทรศัพท์กับคนปลายสาย ซึ่งก็คือพ่อของหล่อนอย่างไม่ต้องสงสัย ก็เสียงคุยกันได้ยินชัดเจนออกมาขนาดนั้น
เขานิ่งฟังอย่างตั้งใจพลางส่ายหน้าไปมา ปกติเขาก็นึกระแวงดำเกิงอยู่แล้ว กำลังให้คนแอบสอดแนมการทำงานของผู้ชายที่เขาเรียกว่าคุณอาอยู่ แต่ไม่นึกว่าพ่อลูกคู่นี้ยังมีจิตใจที่เหี้ยมเกรียมผิดมนุษย์ ไม่คำนึงถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่พ่อของเขาได้เคยช่วยเหลือมา โลภมากและอาจริษยาความมั่งมีของครอบครัวเขาด้วยก็ได้ แผนการแต่ละอย่างชั่วช้าเกินคำบรรยาย
“คุณได้วีดีโอนี้มาจากไหน ใครเป็นคนถ่าย” เขาถอนหายใจยาว เอ่ยถามเมื่อดูวีดีโอจบลง
“สีมอยเป็นคนถ่าย...”
ช่อชบาชี้ไปที่แม่สาวน้ำหมาก ศรศิลป์มองหล่อน ทำหน้าทึ่ง ผู้หญิงแต่งตัวประหลาดเหมือนแม่ชี ซ้ำเคี้ยวหมากปากแดงแจ๋คนนี้น่ะเหรอ เป็นคนเข้าไปถ่ายวีดีโอถึงในห้องน้ำของนลินี มันจะเป็นไปได้ยังไง แต่ไม่ต้องสงสัยนาน ช่อชบาก็อธิบายเรื่องเหลือเชื่อให้ฟัง
“สีมอยเขาเป็นวิญญาณ เข้านอกออกในที่ไหนก็ได้ จับต้องสิ่งของได้ บางทีก็พาฉันไปไหน ๆ ด้วยอย่างที่คุณเห็นนี่แหละ”
“วิญญาณ...คุณหมายถึง คุณสีมอยปะ...เป็น...” เพิ่งนึกได้ว่าแม่สาวปากเปื้อนน้ำหมากบอกว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์ ศรศิลป์หนาวเยือก รู้สึกเหมือนผมบนหัวลุกตั้งขึ้น
“ใช่ ข้าเป็นผี...ผีที่ลอยไปลอยมาบนโลกมนุษย์ คอยหลอกหลอนพวกท่าน...แบร่”
สีมอยใช้นิ้วชี้สองข้างดึงหนังตาล่างลง พลางแลบลิ้นแพล่บ...จากนั้นก็ถอนหายใจ ทีแรกคิดว่าจะเล่าให้เขาฟังว่าตัวเองเกี่ยวดองกับเขายังไง เคยรักกันมาขนาดไหน แต่พอคิดดูอีกทีก็เห็นว่าคงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะถึงยังไงชาตินี้เขาก็คือคนใหม่ ไม่ใช่น้อยศิลป์คนเดิมของตัวเองอีกต่อไป เลิกล้อเขาเล่น บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้าล้อเล่นดอก ข้าไม่เคยหลอกหลอนผู้ใด มันเป็นบาป ข้าแค่ทำในสิ่งที่สมควรทำเท่านั้น สิ่งซึ่งต้องห้ามข้าหาทำไม่”
“เอ๊ะ!” แต่เป็นชายหนุ่มเสียเองที่ทำหน้าครุ่นคิดขึ้นมาบ้าง ดีดนิ้วเปาะแล้วพูดโพล่ง
“อ๋อ...แบบนี้นี่เอง หน้าแมวในคืนนั้นเป็นฝีมือพวกคุณใช่ไหม”
“ข้าเปล่า...ข้าห้ามเสียด้วยซ้ำ แต่นางช่อมันอยากแกล้งท่านเล่น”
สีมอยรับสารภาพโดยดี แถมยังซัดทอดมาถึงคนลงมือทำ ชายหนุ่มหรี่ตามอง พยักหน้าช้า ๆ อย่างจะฝากไว้ก่อน ช่อชบายิ้มแหย อุบอิบว่า
“ฉันขอโทษ...วาดนิดหน่อยเอง”
ชายหนุ่มครางหึ ในลำคอ มองหน้าหญิงสาวทั้งสองนิ่งครู่หนึ่ง แล้วหันไปดูร่างตัวเองบนเตียงนอน เหลียวกลับมาดูผู้หญิงทั้งคู่อีกครั้ง เพิ่งสังเกตเห็นว่าร่างของสองสาวก็ไม่ได้แจ่มชัดนัก ที่เห็นชัดก็คือโทรศัพท์ในมือตัวเองกับร่างบนเตียง บอกกับสองสาวว่า
“พรุ่งนี้ผมจะเอาวีดีโอนี้ไปให้คุณพ่อดู”
“คุณจะบอกกับพ่อคุณว่ายังไง...เรื่องวีดีโอ”
“บอกว่าผมตั้งกล้องถ่ายเอง ความจริงผมก็ตั้งกล้องแอบถ่ายในบริษัทของเราอยู่หลายจุด แต่ยังไม่ได้หลักฐานเด็ดอะไร บอกพ่อไปแบบนั้นมันก็ไม่สมเหตุสมผลนักหรอก แต่มันคงดีกว่าไปบอกท่านว่ามีดวงวิญญาณเป็นคนถ่ายให้”
(จบตอน)
อลเวงรักสองภพ ตอนที่ 24
ความเดิม
“ตามใจเจ้า...แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถิด นางเพื่อนยาก เพลานี้น้อยศิลป์ยังไม่ได้พ้นจากบ่วงกรรมของนลินีเสียทีเดียวหรอกนะ ถึงไม่ได้แต่งกับเขาหล่อนก็ยังวางแผนชั่วไว้คอยทำลายเขาอยู่ ข้าได้ลอบเข้าไปในบ้านของนลินี แอบเอาโทรศัพท์ของเจ้าไปอัดวีดีโอที่สองพ่อลูกเขาคุยกันไว้ได้ พรุ่งนี้เจ้าจงเปิดให้น้อยศิลป์ดู คนชั่วจะได้ไปให้พ้นทางพวกเจ้าเสียที”
สีมอยยื่นโทรศัพท์มือถือของเธอให้ ช่อชบารีบรับมากดเปิดดู นึกทึ่งแม่สาวต่างมิติที่เก่งกาจถึงขั้นแอบอัดวีดีโอได้เอง สงสัยว่ากว่าจะถึงวันไปเกิดใหม่เจ้าหล่อนจะทำอะไรได้อีกบ้าง
ภาพในวีดีโอเลื่อนเข้ามาใกล้ จนใบหน้าด้านข้างหล่อนจ่ออยู่ตรงหน้าจอ เสียงในวีดีโอได้ยินชัดแจ๋ว ราวกับมีคนถือกล้องไปจ่อไว้ใกล้ปากคนคุยโทรศัพท์ ข้อความสนทนาของคนในสายทำเอาช่อชบาตกตะลึงพรึงเพริด ตกใจจนตัวชา
ก่อนหน้านั้นก็ค่อนข้างแน่ใจว่านลินีไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่นึกไม่ถึงว่าหล่อนจะมีความคิดอันชั่วร้ายได้ถึงขนาดนี้ เสียงคุยกันของหล่อนกับพ่อเป็นเรื่องวางแผนโกงเงินของบริษัทในเครืออิมพีเรียล กรุ๊ป ที่สองพ่อลูกรับหน้าที่บริหารอยู่ รวมไปถึงวางแผนปล้นรถขนเงินของบริษัทตัวเองด้วย เพราะนลินีต้องการเงินไปใช้หนี้การพนันในบ่อนแถวชายแดนเขมร ร้ายที่สุดก็คือวางแผนกันจะทำให้หุ้นของอิมพีเรียล กรุ๊ป ในตลาดหุ้นตก เพื่อกดดันให้ผู้เป็นประธานรับผิดชอบ
“แล้วเรื่องแกกับศรศิลป์ล่ะ ศุภฤกษ์มันว่ายังไง” เสียงดำเกิงถามถึงความคืบหน้าเรื่องงานหมั้นของศรศิลป์กับนลินี ช่อชบาหูผึ่ง ตั้งใจฟัง
“ก็ต้องรอให้พ่อศรเค้าจัดการเฉดหัวนังนั่นออกไปก่อนค่ะ พรุ่งนี้คงเห็นดีกัน นีว่าคุณลุงคงไม่ยอมให้ศรแต่งกับนังบ้านนอกคนนั้นแน่ ข้ามเรื่องมันไปได้เลยค่ะ...ว่าแต่พ่อคะ นีไม่อยากอยู่กินกับศรนานนัก เขาคงขัดขวางนีไม่ให้ไปเข้าบ่อนอีกค่ะ ยังไงพ่อก็รีบติดต่อมือปืนให้จัดการเขาเสียเร็ว ๆ นะคะ”
ช่อชบาหันมาหาสีมอย เบิกตากว้าง...นอกจากอยากแต่งงานกับเขาเพราะหวังจะกอบกู้หน้าตาตัวเองแล้ว แม่นี่ยังหวังจะฆ่าเขาเอาสมบัติอีกด้วย ร้ายเกินไปแล้วนะนลินี
“พ่อรู้น่า นีหาทางโอนหุ้นทั้งหมดของศรศิลป์มาที่พ่อให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยจัดการกับมัน ระหว่างอยู่กินด้วยกันก็ทนเอาหน่อยสิลูก ใจเย็น ๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เราต้องวางแผนให้รอบคอบ”
“ฮึ...กว่าจะถึงวันนั้นนีคงอึดอัดแย่แน่ ไม่ได้เล่นไพ่มันเหมือนจะลงแดงตาย อยากไปแก้มือหน่อยจังค่ะ”
เสียงหล่อนบ่นกระปอดกระแปดไปตามสาย ผีการพนันในตัวหล่อนคงเต้นพล่าน เสียงบ่นจับใจความได้ว่าหล่อนอยากจะกลับไปแสวงโชคในบ่อนอีกจะแย่ แต่ติดที่มีหนี้เก่าค้างอยู่ สงสัยว่าคงจำนวนมหาศาล หล่อนครวญว่าต้องหาทางผ่อนชำระไปก่อนบ้างถึงจะกลับไปเล่นได้อีก เจ้าของบ่อนคงคุ้นเคยกันกับหล่อนดี ถึงยอมให้มาหาเงินไปชดใช้
ดูเหมือนนลินีจะหมดหนทางหาเงินอื่นอีก หล่อนจึงจำยอมรับปากผู้เป็นพ่อโดยดี
“นีจะอดทนค่ะพ่อ...แค่นี้นะคะ นีอาบน้ำเสร็จก็จะเข้านอนแล้ว”
นลินีปิดโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ วีดีโอก็ตัดฉับหยุดลงทันที ช่อชบายังคงจ้องหน้าจอค้างอยู่เป็นครู่ ก่อนจะหันมาหาสีมอย ครางถามเสียงสั่น
“ตายแล้วสีมอย...สองคนนั่นถึงกับคิดจะฆ่าแกงคุณศร ต้องรีบบอกให้เขารู้ตัวนะ นลินีร้ายกาจอย่างกับปีศาจแบบนี้ คุณศรเขาจะรับมือไหวหรือเปล่าเนี่ย เอ...ว่าแต่จะบอกให้เขารู้ทางไหนดี ถ้าเอาวีดีโอนี้ไปให้คุณศรดู ฉันจะบอกกับเขาว่าไงดีล่ะ เขาต้องสงสัยแน่ว่าฉันเข้าไปอัดมาได้ยังไง”
“เจ้าก็บอกว่าข้าอัดมาให้ซี”
“บ้า! ใครจะเชื่อว่ามีผี...เอ้ย! มีดวงจิตมาอัดวีดีโอให้”
สีมอยหัวเราะกิ๊ก คราวนี้ไม่ยักโกรธที่ช่อชบาเผลอเรียกเจ้าหล่อนเป็นผี ท่าทางจะยอมรับได้แล้วว่าตัวเองก็เป็นผีจริง ๆ นั่นแหละ
“ข้ามีวิธีอยู่แล้ว...มะ เจ้าตามข้ามา”
ว่าพลางสีมอยก็คว้าข้อมือของช่อชบาหมับอีกแล้ว ฉับพลันอย่างไม่ทันให้ได้ตั้งตัว ช่อชบาก็รู้สึกว่าร่างของตัวเองหมุนคว้างไปมาหลายตลบ พลิกคว่ำพลิกหงายอีกหลายรอบ ก่อนหล่นปุ๊ลงมายืนหน้าเตียงที่ศรศิลป์นอนอยู่พร้อมกันกับสีมอย
“เฮ้ย!”
หญิงสาวร้องออกมาอย่างตกใจ
“เจ้าดูตกใจช้าไปหน่อยนะนางช่อ คงเริ่มชินกับการไปไหนมาไหนของข้าแล้วซี”
สีมอยพูดกระเซ้า ปล่อยมือจากข้อมือของช่อชบาแล้วเดินเข้าไปหาร่างของคนบนเตียง แตะที่ข้อมือของเขาเบา ๆ พลันนั้นร่างเลือนรางของชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากร่างซึ่งนอนหลับอยู่ขึ้นมานั่ง พอเปิดเปลือกตาขึ้นมอง ชายหนุ่มก็อุทานถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เอ๊ะ!คุณช่อ คุณเข้ามาในห้องผมทำไม”
เขาเหลือบสายตามามองสีมอยอย่างงุนงงสงสัย ถามอีกว่า
“แล้วคุณมากับใคร...”
สีมอยหน้าสลดลงกับคำถามแสลงใจของอดีตชายคนรัก ด้วยเขาไม่อาจฝืนชะตากรรมของตัวเองได้ น้อยศิลป์ไชยจำอะไรไม่ได้เพราะมาอยู่กันคนละภพกับเธอเสียแล้ว ข่มความอาลัยลงแล้วบอกกับเขาว่า
“ฉันชื่อสีมอย...ฉันไม่ใช่มนุษย์หรอกแต่ว่าฉันมาดี จะมาช่วยท่านให้พ้นภัยจากคนใจชั่วที่กำลังวางแผนทำร้ายท่านอยู่ ขณะนี้นางช่อและท่านอยู่ในสภาพของดวงจิต มิใช่อยู่ในกายหยาบของมนุษย์ โปรดหันไปดูแล้วอย่าเพิ่งตกใจ ท่านมิได้เป็นอันตรายอันใด และยังไม่ได้ตายไปดอก”
บอกแล้วผายมือไปทางร่างของเขาที่นอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียง ศรศิลป์มองตามด้วยท่าทางงง ๆ ก่อนสะดุ้งขึ้นทั้งตัวเมื่อมองไปเห็นเข้า เขาก้มลงสำรวจดูตัวเองแล้วอุทานออกมาลั่นห้อง
“ตายโหง!!!”
“ยังไม่ตายดอก ข้าบอกแล้วไง” สีมอยทำเสียงดุ
“ข้าใช้พลังจิตของข้าดึงดวงจิตของท่านให้ออกมาสนทนากันด้วยเรื่องชั่วร้ายของนลินีเท่านั้น เล่าเสร็จท่านก็กลับคืนสู่ร่างเดิมได้”
“ว่าไงนะ ถอดดวงจิต...โอย นี่ฉันกำลังฝันอยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มทดลองตบใบหน้าตัวเองฉาดใหญ่ แล้วทำหน้าทึ่งเมื่อไม่รู้สึกเจ็บ
“มิใช่ฝันแต่ก็คล้ายกันอยู่ ท่านไม่รู้สึกในสัมผัสดอก เพราะไม่ใช่อยู่ในกายหยาบ”
“ฮื่อ...หยุดสงสัยเรื่องนั้นก่อนเหอะคุณศร...ดูนี่ดีกว่า ฉันมีหลักฐานความคิดอุบาทว์ของนลินีมาให้คุณดู...เอ้านี่ค่ะ”
ช่อชบาครางในลำคอ ไม่อยากเสียเวลาอธิบายจึงกดเปิดวีดีโอในโทรศัพท์ยื่นให้เขาดู ศรศิลป์มองหน้าเธอก่อนเลื่อนสายตามมามองภาพบนหน้าจอโทรศัพท์ พอเห็นภาพเขาก็รีบคว้ามันมาถือดูเสียเอง
“อะไรกันนี่...”
ซึ่งพอได้ฟังบทสนทนาของคนในภาพ ศรศิลป์ก็ร้องออกมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ทั้งเสียงและภาพในวีดีโอเป็นของจริงแท้แน่นอน ไม่ใช่การตัดต่ออะไรทั้งสิ้น นลินีนอนคุยโทรศัพท์กับคนปลายสาย ซึ่งก็คือพ่อของหล่อนอย่างไม่ต้องสงสัย ก็เสียงคุยกันได้ยินชัดเจนออกมาขนาดนั้น
เขานิ่งฟังอย่างตั้งใจพลางส่ายหน้าไปมา ปกติเขาก็นึกระแวงดำเกิงอยู่แล้ว กำลังให้คนแอบสอดแนมการทำงานของผู้ชายที่เขาเรียกว่าคุณอาอยู่ แต่ไม่นึกว่าพ่อลูกคู่นี้ยังมีจิตใจที่เหี้ยมเกรียมผิดมนุษย์ ไม่คำนึงถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่พ่อของเขาได้เคยช่วยเหลือมา โลภมากและอาจริษยาความมั่งมีของครอบครัวเขาด้วยก็ได้ แผนการแต่ละอย่างชั่วช้าเกินคำบรรยาย
“คุณได้วีดีโอนี้มาจากไหน ใครเป็นคนถ่าย” เขาถอนหายใจยาว เอ่ยถามเมื่อดูวีดีโอจบลง
“สีมอยเป็นคนถ่าย...”
ช่อชบาชี้ไปที่แม่สาวน้ำหมาก ศรศิลป์มองหล่อน ทำหน้าทึ่ง ผู้หญิงแต่งตัวประหลาดเหมือนแม่ชี ซ้ำเคี้ยวหมากปากแดงแจ๋คนนี้น่ะเหรอ เป็นคนเข้าไปถ่ายวีดีโอถึงในห้องน้ำของนลินี มันจะเป็นไปได้ยังไง แต่ไม่ต้องสงสัยนาน ช่อชบาก็อธิบายเรื่องเหลือเชื่อให้ฟัง
“สีมอยเขาเป็นวิญญาณ เข้านอกออกในที่ไหนก็ได้ จับต้องสิ่งของได้ บางทีก็พาฉันไปไหน ๆ ด้วยอย่างที่คุณเห็นนี่แหละ”
“วิญญาณ...คุณหมายถึง คุณสีมอยปะ...เป็น...” เพิ่งนึกได้ว่าแม่สาวปากเปื้อนน้ำหมากบอกว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์ ศรศิลป์หนาวเยือก รู้สึกเหมือนผมบนหัวลุกตั้งขึ้น
“ใช่ ข้าเป็นผี...ผีที่ลอยไปลอยมาบนโลกมนุษย์ คอยหลอกหลอนพวกท่าน...แบร่”
สีมอยใช้นิ้วชี้สองข้างดึงหนังตาล่างลง พลางแลบลิ้นแพล่บ...จากนั้นก็ถอนหายใจ ทีแรกคิดว่าจะเล่าให้เขาฟังว่าตัวเองเกี่ยวดองกับเขายังไง เคยรักกันมาขนาดไหน แต่พอคิดดูอีกทีก็เห็นว่าคงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะถึงยังไงชาตินี้เขาก็คือคนใหม่ ไม่ใช่น้อยศิลป์คนเดิมของตัวเองอีกต่อไป เลิกล้อเขาเล่น บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้าล้อเล่นดอก ข้าไม่เคยหลอกหลอนผู้ใด มันเป็นบาป ข้าแค่ทำในสิ่งที่สมควรทำเท่านั้น สิ่งซึ่งต้องห้ามข้าหาทำไม่”
“เอ๊ะ!” แต่เป็นชายหนุ่มเสียเองที่ทำหน้าครุ่นคิดขึ้นมาบ้าง ดีดนิ้วเปาะแล้วพูดโพล่ง
“อ๋อ...แบบนี้นี่เอง หน้าแมวในคืนนั้นเป็นฝีมือพวกคุณใช่ไหม”
“ข้าเปล่า...ข้าห้ามเสียด้วยซ้ำ แต่นางช่อมันอยากแกล้งท่านเล่น”
สีมอยรับสารภาพโดยดี แถมยังซัดทอดมาถึงคนลงมือทำ ชายหนุ่มหรี่ตามอง พยักหน้าช้า ๆ อย่างจะฝากไว้ก่อน ช่อชบายิ้มแหย อุบอิบว่า
“ฉันขอโทษ...วาดนิดหน่อยเอง”
ชายหนุ่มครางหึ ในลำคอ มองหน้าหญิงสาวทั้งสองนิ่งครู่หนึ่ง แล้วหันไปดูร่างตัวเองบนเตียงนอน เหลียวกลับมาดูผู้หญิงทั้งคู่อีกครั้ง เพิ่งสังเกตเห็นว่าร่างของสองสาวก็ไม่ได้แจ่มชัดนัก ที่เห็นชัดก็คือโทรศัพท์ในมือตัวเองกับร่างบนเตียง บอกกับสองสาวว่า
“พรุ่งนี้ผมจะเอาวีดีโอนี้ไปให้คุณพ่อดู”
“คุณจะบอกกับพ่อคุณว่ายังไง...เรื่องวีดีโอ”
“บอกว่าผมตั้งกล้องถ่ายเอง ความจริงผมก็ตั้งกล้องแอบถ่ายในบริษัทของเราอยู่หลายจุด แต่ยังไม่ได้หลักฐานเด็ดอะไร บอกพ่อไปแบบนั้นมันก็ไม่สมเหตุสมผลนักหรอก แต่มันคงดีกว่าไปบอกท่านว่ามีดวงวิญญาณเป็นคนถ่ายให้”
(จบตอน)