ตอนเดิม
ตอนที่ 33
ศรศิลป์ตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงงเหมือนคนนอนหลับไม่เต็มอิ่ม เขายังไม่ขยับตัวลุกขึ้น แต่นอนนิ่งทบทวนความฝันเมื่อคืนนี้ด้วยอาการใจสั่น ในความฝันเขาเห็นช่อชบาพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหาเขาถึงในห้องนอน หล่อนเอาคลิปวิดีโอของนลินีมาเปิดให้ดู บอกเขาว่าความชั่วของนลินีทั้งหมดกำลังจะถูกเปิดโปงออกมาด้วยคลิปวิดีโอนี้ และเรื่องระหว่างเขากับนลินีใกล้จะจบลงโดยเด็ดขาด
ชายหนุ่มนอนนึกทบทวนถึงภาพในวิดีโอด้วยอาการงุนงง ทันใดนั้นเองเขาก็ตัวเย็นเฉียบ ราวกับเลือดทุกหยดในตัวกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดอย่างกะทันหัน ค่อย ๆ กำวัตถุบางอย่างในมือ ผุดลุกขึ้นนั่งกลางเตียง...แล้วยกมันขึ้นจ้องมองดู
คุณพระ!!!...ไม่ผิดแน่ มันคือโทรศัพท์มือถือของช่อชบาที่เขาฝันเห็นเมื่อคืนนี้...มันมาอยู่ที่เขาได้อย่างไร ชายหนุ่มทั้งแตกตื่นตกใจ ทั้งมึนงงสงสัย รีบเปิดดูหมวดวิดีโอมือไม้สั่น ก่อนจะเบิกตาโต จ้องมองดูคลิปวิดีโอที่มีนลินีปรากฏอยู่ในนั้นจริง ๆ และทุกสิ่งในคลิปก็เป็นเหมือนความฝันไม่มีผิดเพี้ยน ดูตั้งแต่ต้นจนจบด้วยอาการงุนงงสับสนราวกับไก่ตาแตก
พลันต้องสะดุ้งขึ้นทั้งตัว เมื่อมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมเสียงเรียกของช่อชบา เขานั่งเหงื่อซึม ชั่งใจคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจแบบเป็นไงเป็นกัน ขานรับเสียงเรียก แล้วลุกไปเปิดประตูรับหล่อนเข้ามาเพื่อพิสูจน์บางอย่าง
“เอ้อ...มีอะไรหรือครับ”
สบสายตากับร่างบางที่มีสีหน้าเรียบเฉยตรงหน้าประตูห้องอย่างคนหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง สังหรณ์ใจว่าช่อชบาจะมาด้วยเรื่องความฝันของเขาเมื่อคืนนี้หรืออย่างไร
“ให้ฉันเข้าไปในห้องคุณหน่อยเถอะค่ะ แล้วค่อยคุยกัน”
ถ้าเป็นในเวลาอื่น ศรศิลป์คงคิดว่าเธอจะมาทำอะไรในห้องเขา และคงอยากจะแกล้งแหย่เธอเล่นอีก แต่ในเวลานี้เขาพูดไม่ออก ในสมองมีแต่ความมึนงงสงสัย และไม่มีแก่ใจจะเย้าแหย่เธอเล่นแต่อย่างใด สีหน้าและแววตาของช่อชบาดูจริงจังมาก เหมือนบอกเป็นนัย เธอก็ใช่ว่าจะมาพบเขาเพื่อล้อเล่นเช่นกัน
“คุณช่อ...เมื่อคืนนี้ เรา เอ้อ...”
เขาพูดอึกอัก ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงก่อนดี ช่อชบาหันมามอง เธอนั่งลงบนเก้าอี้ในห้อง พลางมองไปที่โทรศัพท์ในมือของศรศิลป์
“เรามาดูคลิปนั้นในมือถือของฉันกันไงคะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ เป็นธรรมดามาก เหมือนเรื่องที่พูดไม่ได้เป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไรเลย ศรศิลป์แตกตื่นกับคำพูดของเธอ เหงื่อแตกซึมออกมาตามไรผมที่หน้าผาก จนปรากฏเป็นเหงื่อเม็ดเป้ง ๆ เต็มหน้าตาไปหมด มือที่ถือโทรศัพท์สั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
“มัน...มันเกิดขึ้นจริงหรือนี่ เมื่อคืนคุณเข้ามาห้องผมพร้อมกับ...”
“จริงสิคะ เมื่อคืนนี้ฉันกับสีมอยมาหาคุณในห้องจริง และคุณก็ไม่ได้หลับฝันไป สีมอยเรียกดวงจิตของคุณให้ออกจากร่างมาคุยกัน แล้วเราก็เอาคลิปของนลินีให้คุณดู”
ศรศิลป์เกิดอาการแข้งขาอ่อนแรงจนต้องทรุดนั่งลงบนเตียง พึมพำถามเสียงสั่น
“คุณสีมอยคนนั้นเป็นใครกัน เมื่อคืนนี้เขาบอกผมว่า เขาเป็น เอ้อ...เป็น...”
“เป็นผี...ใช่ สีมอยตายไปแล้วเมื่อพันปีก่อน สีมอยคืออดีตคนรักเก่าของคุณค่ะ สีมอยกับคุณเกิดในสมัยพระลอ อดีตชาติของคุณคือน้อยศิลป์ไชย น้องชายของเจ้าย่าเลี้ยงของพระธิดาเพื่อนแพง ส่วนสีมอยเป็นบ่าวของเจ้าย่า”
จากความแตกตื่นตกใจที่สำนึกรู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ล้วนเป็นความจริง มาสู่ความตกตะลึงพรึงเพริดกับเรื่องราวระหว่างเขากับผีสาวที่ช่อชบากำลังเล่า ซึ่งเขาจะไม่เชื่อก็ไม่ได้ ในเมื่อทุกอย่างมันแสดงให้รู้เห็นอยู่เต็มสองหูสองตา เขาได้แต่อ้าปากฟังเธอเล่า
“คุณคงเคยอ่านวรรณคดีเรื่องลิลิตพระลอ” เธอจ้องหน้าเขาเชิงถาม ศรศิลป์กลืนน้ำลาย ให้ตายเถอะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ พยักหน้ารับอย่างมึนงง
“คุณตายไปก่อน จากนั้นสีมอยถึงค่อยมาตายตามไป แต่คุณมาเกิดใหม่ในชาตินี้แล้ว เป็นศรศิลป์ หิรัญรัตน์ กลับกันกับสีมอย ที่ก่อนตายเธอได้อธิษฐานจิตไม่ขอไปเกิดใหม่ จะอยู่รอคุณแต่ในภพนั้น เผอิญว่าฉันดันโดนไฟฟ้าดูด แล้วไปโผล่อยู่ในยุคของพวกคุณพอดี ไปได้ยังไงก็ไม่รู้ ดวงจิตของฉันไปเข้าสิงอยู่ในร่างนางบ่าวของเจ้าย่าที่ชื่อว่านางเกี๋ยง ซึ่งคงตายไปแล้ว ฉันหาทางทะลุมิติกลับมาได้ เลยเป็นช่องทางให้สีมอยทะลุตามมาได้ด้วย”
“มันจะเป็นไปได้ยัง ไม่น่าเป็นไปได้”
ศรศิลป์อุทานเสียงแผ่ว จ้องหน้าเธอเขม็ง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าจากแม่เลขาฯ จอมเฉิ่ม ตอนนี้หล่อนกลับดูมีสง่าราศี กลายเป็นคนมีอภินิหารถึงขนาดทะลุมิติเวลาได้อย่างน่าทึ่ง เรื่องราวมันฟังดูเหลือเชื่อมากเกินไปจนยากที่จะยอมรับ และช่อชบาในตอนนี้ก็มีท่าทางที่ดูเฉลียวฉลาด ผิดจากคนเดิมเหมือนเป็นคนละคน
“ฉันรู้ว่าเรื่องมันคงยากที่จะเชื่อ งั้นคุณดูนี่ก็แล้วกัน ฉันมีรูปถ่ายของทุกคนในยุคนั้นมาให้คุณดูเป็นหลักฐาน”
เธอแบมือขอโทรศัพท์คืน ศรศิลป์จึงยื่นส่งให้ ราวกับตัวเองเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตจิตใจ ได้แต่ทำตาปริบ ๆ ฟังเธอพูด ช่อชบาเปิดอัลบั้มรูปถ่ายในโทรศัพท์ให้เขาดู
“นี่คือนางเกี๋ยงที่ฉันไปสิงร่างเขาอยู่” เธอชี้ไปที่หน้าตาอันอัปลักษณ์ของสาวขี้เหร่ ผู้อยู่ในภพที่ตัวเองหลงไปติดกับ
“และนี่คือคุณ...” เธอเลื่อนไปที่รูปต่อไป ชี้ให้ดูชายหนุ่มหน้าใสที่มีใบหน้าเหมือนกับเขาราวแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ศรศิลป์ตะลึงมอง...นี่คือตัวเราอย่างนั้นหรือ...
(มีต่อ)
ตำนานพื้นบ้าน พระลอตามไก่ มาเป็นนวนิยาย 'อลเวงรักสองภพ' ตอนที่ 33
ศรศิลป์ตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงงเหมือนคนนอนหลับไม่เต็มอิ่ม เขายังไม่ขยับตัวลุกขึ้น แต่นอนนิ่งทบทวนความฝันเมื่อคืนนี้ด้วยอาการใจสั่น ในความฝันเขาเห็นช่อชบาพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหาเขาถึงในห้องนอน หล่อนเอาคลิปวิดีโอของนลินีมาเปิดให้ดู บอกเขาว่าความชั่วของนลินีทั้งหมดกำลังจะถูกเปิดโปงออกมาด้วยคลิปวิดีโอนี้ และเรื่องระหว่างเขากับนลินีใกล้จะจบลงโดยเด็ดขาด
ชายหนุ่มนอนนึกทบทวนถึงภาพในวิดีโอด้วยอาการงุนงง ทันใดนั้นเองเขาก็ตัวเย็นเฉียบ ราวกับเลือดทุกหยดในตัวกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดอย่างกะทันหัน ค่อย ๆ กำวัตถุบางอย่างในมือ ผุดลุกขึ้นนั่งกลางเตียง...แล้วยกมันขึ้นจ้องมองดู
คุณพระ!!!...ไม่ผิดแน่ มันคือโทรศัพท์มือถือของช่อชบาที่เขาฝันเห็นเมื่อคืนนี้...มันมาอยู่ที่เขาได้อย่างไร ชายหนุ่มทั้งแตกตื่นตกใจ ทั้งมึนงงสงสัย รีบเปิดดูหมวดวิดีโอมือไม้สั่น ก่อนจะเบิกตาโต จ้องมองดูคลิปวิดีโอที่มีนลินีปรากฏอยู่ในนั้นจริง ๆ และทุกสิ่งในคลิปก็เป็นเหมือนความฝันไม่มีผิดเพี้ยน ดูตั้งแต่ต้นจนจบด้วยอาการงุนงงสับสนราวกับไก่ตาแตก
พลันต้องสะดุ้งขึ้นทั้งตัว เมื่อมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น พร้อมเสียงเรียกของช่อชบา เขานั่งเหงื่อซึม ชั่งใจคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจแบบเป็นไงเป็นกัน ขานรับเสียงเรียก แล้วลุกไปเปิดประตูรับหล่อนเข้ามาเพื่อพิสูจน์บางอย่าง
“เอ้อ...มีอะไรหรือครับ”
สบสายตากับร่างบางที่มีสีหน้าเรียบเฉยตรงหน้าประตูห้องอย่างคนหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง สังหรณ์ใจว่าช่อชบาจะมาด้วยเรื่องความฝันของเขาเมื่อคืนนี้หรืออย่างไร
“ให้ฉันเข้าไปในห้องคุณหน่อยเถอะค่ะ แล้วค่อยคุยกัน”
ถ้าเป็นในเวลาอื่น ศรศิลป์คงคิดว่าเธอจะมาทำอะไรในห้องเขา และคงอยากจะแกล้งแหย่เธอเล่นอีก แต่ในเวลานี้เขาพูดไม่ออก ในสมองมีแต่ความมึนงงสงสัย และไม่มีแก่ใจจะเย้าแหย่เธอเล่นแต่อย่างใด สีหน้าและแววตาของช่อชบาดูจริงจังมาก เหมือนบอกเป็นนัย เธอก็ใช่ว่าจะมาพบเขาเพื่อล้อเล่นเช่นกัน
“คุณช่อ...เมื่อคืนนี้ เรา เอ้อ...”
เขาพูดอึกอัก ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงก่อนดี ช่อชบาหันมามอง เธอนั่งลงบนเก้าอี้ในห้อง พลางมองไปที่โทรศัพท์ในมือของศรศิลป์
“เรามาดูคลิปนั้นในมือถือของฉันกันไงคะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ เป็นธรรมดามาก เหมือนเรื่องที่พูดไม่ได้เป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไรเลย ศรศิลป์แตกตื่นกับคำพูดของเธอ เหงื่อแตกซึมออกมาตามไรผมที่หน้าผาก จนปรากฏเป็นเหงื่อเม็ดเป้ง ๆ เต็มหน้าตาไปหมด มือที่ถือโทรศัพท์สั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
“มัน...มันเกิดขึ้นจริงหรือนี่ เมื่อคืนคุณเข้ามาห้องผมพร้อมกับ...”
“จริงสิคะ เมื่อคืนนี้ฉันกับสีมอยมาหาคุณในห้องจริง และคุณก็ไม่ได้หลับฝันไป สีมอยเรียกดวงจิตของคุณให้ออกจากร่างมาคุยกัน แล้วเราก็เอาคลิปของนลินีให้คุณดู”
ศรศิลป์เกิดอาการแข้งขาอ่อนแรงจนต้องทรุดนั่งลงบนเตียง พึมพำถามเสียงสั่น
“คุณสีมอยคนนั้นเป็นใครกัน เมื่อคืนนี้เขาบอกผมว่า เขาเป็น เอ้อ...เป็น...”
“เป็นผี...ใช่ สีมอยตายไปแล้วเมื่อพันปีก่อน สีมอยคืออดีตคนรักเก่าของคุณค่ะ สีมอยกับคุณเกิดในสมัยพระลอ อดีตชาติของคุณคือน้อยศิลป์ไชย น้องชายของเจ้าย่าเลี้ยงของพระธิดาเพื่อนแพง ส่วนสีมอยเป็นบ่าวของเจ้าย่า”
จากความแตกตื่นตกใจที่สำนึกรู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ล้วนเป็นความจริง มาสู่ความตกตะลึงพรึงเพริดกับเรื่องราวระหว่างเขากับผีสาวที่ช่อชบากำลังเล่า ซึ่งเขาจะไม่เชื่อก็ไม่ได้ ในเมื่อทุกอย่างมันแสดงให้รู้เห็นอยู่เต็มสองหูสองตา เขาได้แต่อ้าปากฟังเธอเล่า
“คุณคงเคยอ่านวรรณคดีเรื่องลิลิตพระลอ” เธอจ้องหน้าเขาเชิงถาม ศรศิลป์กลืนน้ำลาย ให้ตายเถอะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ พยักหน้ารับอย่างมึนงง
“คุณตายไปก่อน จากนั้นสีมอยถึงค่อยมาตายตามไป แต่คุณมาเกิดใหม่ในชาตินี้แล้ว เป็นศรศิลป์ หิรัญรัตน์ กลับกันกับสีมอย ที่ก่อนตายเธอได้อธิษฐานจิตไม่ขอไปเกิดใหม่ จะอยู่รอคุณแต่ในภพนั้น เผอิญว่าฉันดันโดนไฟฟ้าดูด แล้วไปโผล่อยู่ในยุคของพวกคุณพอดี ไปได้ยังไงก็ไม่รู้ ดวงจิตของฉันไปเข้าสิงอยู่ในร่างนางบ่าวของเจ้าย่าที่ชื่อว่านางเกี๋ยง ซึ่งคงตายไปแล้ว ฉันหาทางทะลุมิติกลับมาได้ เลยเป็นช่องทางให้สีมอยทะลุตามมาได้ด้วย”
“มันจะเป็นไปได้ยัง ไม่น่าเป็นไปได้”
ศรศิลป์อุทานเสียงแผ่ว จ้องหน้าเธอเขม็ง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าจากแม่เลขาฯ จอมเฉิ่ม ตอนนี้หล่อนกลับดูมีสง่าราศี กลายเป็นคนมีอภินิหารถึงขนาดทะลุมิติเวลาได้อย่างน่าทึ่ง เรื่องราวมันฟังดูเหลือเชื่อมากเกินไปจนยากที่จะยอมรับ และช่อชบาในตอนนี้ก็มีท่าทางที่ดูเฉลียวฉลาด ผิดจากคนเดิมเหมือนเป็นคนละคน
“ฉันรู้ว่าเรื่องมันคงยากที่จะเชื่อ งั้นคุณดูนี่ก็แล้วกัน ฉันมีรูปถ่ายของทุกคนในยุคนั้นมาให้คุณดูเป็นหลักฐาน”
เธอแบมือขอโทรศัพท์คืน ศรศิลป์จึงยื่นส่งให้ ราวกับตัวเองเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่มีชีวิตจิตใจ ได้แต่ทำตาปริบ ๆ ฟังเธอพูด ช่อชบาเปิดอัลบั้มรูปถ่ายในโทรศัพท์ให้เขาดู
“นี่คือนางเกี๋ยงที่ฉันไปสิงร่างเขาอยู่” เธอชี้ไปที่หน้าตาอันอัปลักษณ์ของสาวขี้เหร่ ผู้อยู่ในภพที่ตัวเองหลงไปติดกับ
“และนี่คือคุณ...” เธอเลื่อนไปที่รูปต่อไป ชี้ให้ดูชายหนุ่มหน้าใสที่มีใบหน้าเหมือนกับเขาราวแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ศรศิลป์ตะลึงมอง...นี่คือตัวเราอย่างนั้นหรือ...
(มีต่อ)