ตอนเดิม
ตอนที่ 28
กลับออกมาจากมูลนิธิธารทองด้วยความรู้สึกสลดหดหู่ใจ แต่ช่อชบาก็ยังรู้สึกดีใจอยู่บ้างที่สองแม่ลูกไม่ถึงกับถูกทอดทิ้งให้ผจญชะตากรรมอยู่ในมุมมืดของสังคมตามลำพัง มีคนยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือแล้ว
ศรศิลป์เล่าให้หญิงสาวฟังถึงเวลาทำงานการกุศลแบบนี้ของตัวเองที่เหลืออีกเพียงสองปีเท่านั้น หลังจากนั้นเขาจะต้องเข้ารับช่วงทำธุรกิจต่อจากผู้เป็นพ่อในฐานะลูกชายคนเดียว ตามที่ได้รับปากท่านไว้
ระหว่างนั่งรถกลับบริษัทด้วยกัน ช่อชบายอมรับว่านึกชอบใจในตัวของเจ้านายหนุ่มมากขึ้น ยกเว้นอาการปากเสียของเขาที่เหมือนยังแก้ไม่หาย แต่ก็ยังไม่วายเอ่ยท้วงติงขึ้นมา
“บอสคะ ทำไมต้องเที่ยวไปบอกคนอื่นว่าคุณกับฉันเป็นแฟนกันด้วย แค่บอกนลินีกับพ่อคุณและคนในบริษัทก็น่าจะพอ”
“จะบอกแค่นั้นได้ยังไง มันไม่สมจริง ใคร ๆ ก็รู้ว่าผมยังไม่เคยมีแฟน ถ้าจะให้การหมั้นกันระหว่างผมกับนลินีถูกยกเลิกไปอย่างเด็ดขาด ต้องให้คุณพ่อของผมท่านยอมเชื่อก่อนว่าผมต้องรับผิดชอบชีวิตคุณ ถึงจะยอมบอกยกเลิกการหมั้นกับอาดำเกิงพ่อของนลินีได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคุณ เพราะพ่อผมเกิดไปสัญญากับทางนั้นไว้ว่าจะให้ผมหมั้นกับนลินีภายในปีนี้ และตอนนี้ท่านก็ยังไม่ยอมบอกยกเลิก ถ้ายกเลิกได้ง่ายผมจะต้องเสียเงินมาจ้างคุณเป็นแฟนทำไม มะรืนนี้พ่อผมจะเข้ามาดูตัวคุณแล้วนะ เตรียมตัวให้ดีด้วยล่ะ”
เขาบอกด้วยน้ำเสียงเริ่มเครียดขึ้นมาอีก
“ตายล่ะ...แล้วฉันจะต้องทำอะไรอีกบ้างคะ”
ช่อชบาหน้าเจื่อนลง เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีกับบทบาทหน้าที่การเป็นแฟนปลอม ๆ ให้ศรศิลป์ นับแต่นี้ไปจนตลอดหนึ่งปีในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณศุภฤกษ์ จะทำยังไงให้ไม่ถูกจับได้ แล้วถ้าถูกจับได้เขายังจะจ่ายค่าจ้างหนึ่งล้านแก่เธออยู่หรือเปล่า ในเมื่อทำงานไม่สำเร็จ ทำไมชะตาชีวิตของตัวเองต้องวนเวียนอยู่กับการปลอมตัวเป็นคนโน้นคนนี้ ไม่ว่าจะในชาติภพไหนสิน่า กังวลถึงค่าจ้างทำงานขึ้นมาเลยลองถามเขาซ้ำอีก เพื่อให้งานสำเร็จ
“คุณจะให้ทำยังไงอีกเวลาพ่อคุณมาที่บริษัท”
“ก็ทำแบบวันนี้นั่นแหละ แต่ให้สมบทบาทมากกว่านี้อีกหน่อย บางทีผมอาจจะต้องพาคุณไปเปิดตัวออกงานสังคมกับผมด้วยก็ได้”
“ว้า...ทำแบบนั้นฉันก็เป็นข่าวดังสิคะ นึกว่าจะแค่เป็นแฟนคุณอยู่ในบริษัทเสียอีก”
เริ่มตัดพ้อเขาเสียงดัง เพราะทีแรกเข้าใจว่างานที่รับจ้างทำจะทำได้ง่าย แค่นั่งกันท่านลินีอยู่ในห้องกับศรศิลป์ แอคท่าว่าเป็นแฟนเขา และหาวิธีทำให้นลินีเลิกสนใจในตัวศรศิลป์ให้ได้ แต่ตอนนี้ชักจะไม่แน่ใจแล้ว ดูเหมือนมันจะยุ่งยากซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นทุกที ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่ใจคิดในตอนแรก ดูอย่างในมูลนิธิเมื่อครู่นี้ก็ได้ กว่าจะแสดงแอคท่าเป็นคนรักกันยังหวาดเสียวจะถูกจับได้แทบตาย
“คุณอย่าเรื่องมากนักได้ไหม หยุดโวยวายได้แล้ว ทำตามที่ผมบอกนั่นแหละ แค่ทำเป็นรักกับผมให้คนอื่นดูมันจะไปยุ่งยากอะไรนักหนา” ศรศิลป์หันมาขมวดคิ้วดุเธอ ทำหน้าซีเรียสใส่อีกแล้ว
จ้ะ...พ่อคนใจหิน ที่คุณพูดได้เพราะคุณยังไม่เคยมีคนรักน่ะสิ...
เกลียดนักเชียวกับท่าทีหงุดหงิดฉุนเฉียวเวลาไม่สบอารมณ์ของเขา ช่อชบาไม่ชอบหน้าตาแบบนี้ของเขาเลย มันอดนึกเปรียบเทียบกับน้อยศิลป์ไชยในอดีตชาติของเขาไม่ได้ ในชาตินั้นเขาทั้งขี้เล่น ยิ้มง่าย อารมณ์เย็น ทีตอนอยู่ในมูลนิธิยังเห็นยิ้มแย้มกับคนอื่นดีอยู่เลย
มีเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ศรศิลป์กดรับ พอเห็นว่าเป็นสายจากใครเขาก็เปิดลำโพงเสียงโทรศัพท์ให้ช่อชบาได้ฟังไปพร้อมกัน
“มีอะไรหรือเนตร”
“นลินีน่ะสิ เข้ามาวุ่นวายในตึกใหญ่เลย จะให้แม่บ้านย้ายห้องที่แกสั่งเตรียมไว้ไปอยู่ติดกับห้องของแกแน่ะ”
ศรศิลป์นิ่งคิดนิดหนึ่ง แล้วจึงได้ยินเขาบอกกับเนตรนภิสไปว่า
“เขาอยากอยู่ก็ให้เขาอยู่ไป บอกคุณศักดิ์ว่าฉันอนุญาตให้เขาย้ายเข้าไปได้ เพราะว่าฉันจะย้ายแกกับช่อชบาไปอยู่ที่คอนโดของฉันเหมือนกัน ปล่อยให้เขาครองทุกห้องบนชั้นนั้นไปได้เลย”
ช่อชบาหน้าเหวอ อ้าปากค้างฟังเขาพูด
“เฮ้ย! ไอ้บ้า เอางั้นจริงเหรอวะ”
เนตรนภิสเอง ก็อุทานถามเสียงดังมาตามสาย
“เออสิ...ฉันกำลังคิดเรื่องนี้อยู่พอดี ที่คอนโดมีห้องนอนว่างอีกห้องหนึ่ง แกกับช่อชบาย้ายมาอยู่ที่นี่กับฉันก่อน ฉันมั่นใจมากว่านลินีไม่มีทางมาทำอะไรอยู่ที่เชียงใหม่ได้นานนักแน่ ที่นี่หล่อนไม่มีพรรคพวก ไม่มีที่ที่หล่อนชอบไปสิงอยู่ แค่อยากมาป่วนฉันเล่นสักพักเท่านั้นเอง เก็บของเลยนะ พรุ่งนี้หลังแกพาช่อชบาไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้ว ฉันจะพาแกกับเค้าย้ายมาที่คอนโดเลย”
“ฉันว่ามันจะบ้าไปกันใหญ่แล้วนะ ไอ้ศร แต่ก็ตามใจแก งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฉันจะโทร.หาคุณศักดิ์ บอกเขาตามที่แกสั่ง”
ได้ยินเนตรนภิสรับคำกับเขาแบบงง ๆ จากนั้นเขาก็ปิดโทรศัพท์ลง ช่อชบาลืมตาโต ถามย้ำเขาอีกครั้งให้แน่ใจ
“ให้ฉันไปอยู่ที่คอนโดของคุณ มันจะดีเหรอคะ”
“จะให้ผมทำยังไงล่ะ ถ้าขืนยังอยู่ที่นั่น นลินีก็คงป่วนคุณไม่เลิก เดี๋ยวคุณก็เผลอทำความลับแตกกันพอดี ไปอยู่ที่ห้องของผมน่ะดีแล้ว”
ไม่ค่อยเข้าท่าเลย ดูเหมือนตัวเองจะถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ งานที่คิดว่าทำง่ายก็ดันยุ่งยากขึ้นทุกขณะ ช่อชบาโอดขึ้นมาอีก
“ฉันดูแลตัวเองได้ค่ะ รับรองจะไม่ทำความลับของคุณแตก อีกอย่างก็มีพี่เนตรอยู่ด้วย พี่เนตรไม่ปล่อยให้นลินีมารังแกเราได้แน่”
“ผมไม่ไว้ใจคุณ แผนของคุณแต่ละอย่างมันดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ ทำไม! ผมมันน่ารังเกียจมากหรือไง คุณถึงพูดเหมือนไม่อยากจะอยู่ใกล้ผม...จะบอกไว้เลยนะ ผมไม่มีทางทำอะไรคุณหรอก สบายใจได้”
เขายกมือข้างที่ไม่บังคับพวงมาลัยรถขึ้นโบก หัวเราะในลำคอเหมือนขบขันในเรื่องที่กำลังพูดอยู่ ทั้งที่มันเกี่ยวกับชื่อเสียงของลูกผู้หญิงคนหนึ่งเลยทีเดียว ศรศิลป์ในอีกด้านก็ยังคงทำตัวไม่น่ารัก ชอบทำอะไรตามใจตัวเองตามประสาคนมีเงินอยู่ดี ช่อชบาหน้างอลง
“คุณไม่น่ารีบโอนเงินเดือนเก่ามาให้ฉันเลย ฉันอยากกลับไปเป็นเลขาของพี่เนตรตามเดิม ไม่อยากรับจ้างเป็นแฟนคุณแล้วล่ะ” ถ้ามันยุ่งยากนักก็ไม่องไม่เอามันแล้วเงินล้าน...ช่อชบาเริ่มมีทีท่าฮึดฮัด ศรศิลป์หันมามองเธอทำตาขุ่น
“ช้าไปแล้วคุณ...คุณเซ็นสัญญากับผมเรียบร้อยไปแล้ว จะมาเลิกเอาตอนนี้ไม่มีทาง คุณจะเอาเงินมัดจำล่วงหน้าเท่าไหร่ก็ว่ามา ผมยินดีจะจ่ายให้”
นั่นยังไง...ไม่น่ามารับจ้างทำงานนี้ให้เขาเลย เกลียดนักเชียวกับการใช้เงินต่อรองฟาดหัวคน คงทำบ่อยจนเคยตัว
“ไม่ต้องเอาเงินมาฟาดหัวฉันหรอกค่ะ ที่ฉันยอมรับจ้างคุณก็เพราะเห็นแก่พี่เนตรด้วยต่างหาก กลัวบริษัทนี้จะถูกนลินียุบทิ้ง อีกอย่างฉันเห็นว่านลินีมีแต่จะมาหาประโยชน์จากการแต่งงานกับคุณ ไม่ใช่จากความรัก ฉันถึงอยากช่วย โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย”
เธอหันขวับมาตวัดเสียงพูดอย่างอดไม่ได้ โพล่งความในใจออกมาให้เขารู้เสียเลย
“เรื่องนั้นผมก็ขอบใจคุณ แต่คุณก็ไม่ควรมาทำท่าดูถูกผมก่อน...ผมไม่ใช่ผู้ชายบ้ากาม การมาอยู่คอนโดของผมก็มีเนตรตามมาอยู่ด้วย อยู่กันแค่สองคนกับคุณเสียเมื่อไหร่ ผมจ้างคุณมาเป็นแฟน คนเป็นแฟนกันมันเป็นเรื่องปกติที่อาจจะไปมาหาสู่กันบ้าง ค้างบ้านแฟนบ้าง พอนลินีกลับกรุงเทพไปคุณก็ย้ายกลับมาพักที่เก่าได้”
เห็นหญิงสาวชักหงุดหงิด พูดเสียงห้วน ศรศิลป์ก็เกิดกลัวว่าเธอจะถอดใจ ไม่รับทำงานให้ตนอีก จึงพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจด้วยสุ้มเสียงที่อ่อนลง...แค่อยากควบคุมสาวเฉิ่มไว้ใกล้ตัว ไม่ให้เผลอไปทำแผนของเขาพังเสียก่อนเท่านั้นหรอก แล้วจะต้องมาเสียเงินให้หล่อนไปฟรี ๆ เขาคิดแค่นี้จริง ๆ ไม่ได้คิดอะไรไปกับหล่อนมากมายนักแน่...ศรศิลป์หาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง
ช่อชบาเลิกเถียงเขา เพราะเห็นว่าเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ ตัวเองเอาเงินเดือนล่วงหน้าที่เขาจ่ายให้สามเดือนส่งไปให้ยายใช้เสียแล้ว ไหนจะค่าชุดโคตรแพงของนลินีที่เธอทำเสียหายอีก ถอนหายใจแล้วหันกลับไปมองบนถนนข้างหน้าตามเดิม
อดทนไว้ก่อนเถอะช่อชบา...ไม่แน่ บางทีอาจไม่ถึงหนึ่งปีตามสัญญา หากเธอสามารถทำให้นลินีเกิดเปลี่ยนใจไปจากเขาได้เร็วมากขึ้น
เรื่องนี้เห็นทีต้องปรึกษากันกับสีมอย!
(มีต่อ)
ตำนานพื้นบ้าน พระลอตามไก่ มาเป็นนวนิยาย 'อลเวงรักสองภพ' ตอนที่ 28
กลับออกมาจากมูลนิธิธารทองด้วยความรู้สึกสลดหดหู่ใจ แต่ช่อชบาก็ยังรู้สึกดีใจอยู่บ้างที่สองแม่ลูกไม่ถึงกับถูกทอดทิ้งให้ผจญชะตากรรมอยู่ในมุมมืดของสังคมตามลำพัง มีคนยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือแล้ว
ศรศิลป์เล่าให้หญิงสาวฟังถึงเวลาทำงานการกุศลแบบนี้ของตัวเองที่เหลืออีกเพียงสองปีเท่านั้น หลังจากนั้นเขาจะต้องเข้ารับช่วงทำธุรกิจต่อจากผู้เป็นพ่อในฐานะลูกชายคนเดียว ตามที่ได้รับปากท่านไว้
ระหว่างนั่งรถกลับบริษัทด้วยกัน ช่อชบายอมรับว่านึกชอบใจในตัวของเจ้านายหนุ่มมากขึ้น ยกเว้นอาการปากเสียของเขาที่เหมือนยังแก้ไม่หาย แต่ก็ยังไม่วายเอ่ยท้วงติงขึ้นมา
“บอสคะ ทำไมต้องเที่ยวไปบอกคนอื่นว่าคุณกับฉันเป็นแฟนกันด้วย แค่บอกนลินีกับพ่อคุณและคนในบริษัทก็น่าจะพอ”
“จะบอกแค่นั้นได้ยังไง มันไม่สมจริง ใคร ๆ ก็รู้ว่าผมยังไม่เคยมีแฟน ถ้าจะให้การหมั้นกันระหว่างผมกับนลินีถูกยกเลิกไปอย่างเด็ดขาด ต้องให้คุณพ่อของผมท่านยอมเชื่อก่อนว่าผมต้องรับผิดชอบชีวิตคุณ ถึงจะยอมบอกยกเลิกการหมั้นกับอาดำเกิงพ่อของนลินีได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคุณ เพราะพ่อผมเกิดไปสัญญากับทางนั้นไว้ว่าจะให้ผมหมั้นกับนลินีภายในปีนี้ และตอนนี้ท่านก็ยังไม่ยอมบอกยกเลิก ถ้ายกเลิกได้ง่ายผมจะต้องเสียเงินมาจ้างคุณเป็นแฟนทำไม มะรืนนี้พ่อผมจะเข้ามาดูตัวคุณแล้วนะ เตรียมตัวให้ดีด้วยล่ะ”
เขาบอกด้วยน้ำเสียงเริ่มเครียดขึ้นมาอีก
“ตายล่ะ...แล้วฉันจะต้องทำอะไรอีกบ้างคะ”
ช่อชบาหน้าเจื่อนลง เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีกับบทบาทหน้าที่การเป็นแฟนปลอม ๆ ให้ศรศิลป์ นับแต่นี้ไปจนตลอดหนึ่งปีในฐานะว่าที่ลูกสะใภ้ของคุณศุภฤกษ์ จะทำยังไงให้ไม่ถูกจับได้ แล้วถ้าถูกจับได้เขายังจะจ่ายค่าจ้างหนึ่งล้านแก่เธออยู่หรือเปล่า ในเมื่อทำงานไม่สำเร็จ ทำไมชะตาชีวิตของตัวเองต้องวนเวียนอยู่กับการปลอมตัวเป็นคนโน้นคนนี้ ไม่ว่าจะในชาติภพไหนสิน่า กังวลถึงค่าจ้างทำงานขึ้นมาเลยลองถามเขาซ้ำอีก เพื่อให้งานสำเร็จ
“คุณจะให้ทำยังไงอีกเวลาพ่อคุณมาที่บริษัท”
“ก็ทำแบบวันนี้นั่นแหละ แต่ให้สมบทบาทมากกว่านี้อีกหน่อย บางทีผมอาจจะต้องพาคุณไปเปิดตัวออกงานสังคมกับผมด้วยก็ได้”
“ว้า...ทำแบบนั้นฉันก็เป็นข่าวดังสิคะ นึกว่าจะแค่เป็นแฟนคุณอยู่ในบริษัทเสียอีก”
เริ่มตัดพ้อเขาเสียงดัง เพราะทีแรกเข้าใจว่างานที่รับจ้างทำจะทำได้ง่าย แค่นั่งกันท่านลินีอยู่ในห้องกับศรศิลป์ แอคท่าว่าเป็นแฟนเขา และหาวิธีทำให้นลินีเลิกสนใจในตัวศรศิลป์ให้ได้ แต่ตอนนี้ชักจะไม่แน่ใจแล้ว ดูเหมือนมันจะยุ่งยากซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นทุกที ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่ใจคิดในตอนแรก ดูอย่างในมูลนิธิเมื่อครู่นี้ก็ได้ กว่าจะแสดงแอคท่าเป็นคนรักกันยังหวาดเสียวจะถูกจับได้แทบตาย
“คุณอย่าเรื่องมากนักได้ไหม หยุดโวยวายได้แล้ว ทำตามที่ผมบอกนั่นแหละ แค่ทำเป็นรักกับผมให้คนอื่นดูมันจะไปยุ่งยากอะไรนักหนา” ศรศิลป์หันมาขมวดคิ้วดุเธอ ทำหน้าซีเรียสใส่อีกแล้ว
จ้ะ...พ่อคนใจหิน ที่คุณพูดได้เพราะคุณยังไม่เคยมีคนรักน่ะสิ...
เกลียดนักเชียวกับท่าทีหงุดหงิดฉุนเฉียวเวลาไม่สบอารมณ์ของเขา ช่อชบาไม่ชอบหน้าตาแบบนี้ของเขาเลย มันอดนึกเปรียบเทียบกับน้อยศิลป์ไชยในอดีตชาติของเขาไม่ได้ ในชาตินั้นเขาทั้งขี้เล่น ยิ้มง่าย อารมณ์เย็น ทีตอนอยู่ในมูลนิธิยังเห็นยิ้มแย้มกับคนอื่นดีอยู่เลย
มีเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ศรศิลป์กดรับ พอเห็นว่าเป็นสายจากใครเขาก็เปิดลำโพงเสียงโทรศัพท์ให้ช่อชบาได้ฟังไปพร้อมกัน
“มีอะไรหรือเนตร”
“นลินีน่ะสิ เข้ามาวุ่นวายในตึกใหญ่เลย จะให้แม่บ้านย้ายห้องที่แกสั่งเตรียมไว้ไปอยู่ติดกับห้องของแกแน่ะ”
ศรศิลป์นิ่งคิดนิดหนึ่ง แล้วจึงได้ยินเขาบอกกับเนตรนภิสไปว่า
“เขาอยากอยู่ก็ให้เขาอยู่ไป บอกคุณศักดิ์ว่าฉันอนุญาตให้เขาย้ายเข้าไปได้ เพราะว่าฉันจะย้ายแกกับช่อชบาไปอยู่ที่คอนโดของฉันเหมือนกัน ปล่อยให้เขาครองทุกห้องบนชั้นนั้นไปได้เลย”
ช่อชบาหน้าเหวอ อ้าปากค้างฟังเขาพูด
“เฮ้ย! ไอ้บ้า เอางั้นจริงเหรอวะ”
เนตรนภิสเอง ก็อุทานถามเสียงดังมาตามสาย
“เออสิ...ฉันกำลังคิดเรื่องนี้อยู่พอดี ที่คอนโดมีห้องนอนว่างอีกห้องหนึ่ง แกกับช่อชบาย้ายมาอยู่ที่นี่กับฉันก่อน ฉันมั่นใจมากว่านลินีไม่มีทางมาทำอะไรอยู่ที่เชียงใหม่ได้นานนักแน่ ที่นี่หล่อนไม่มีพรรคพวก ไม่มีที่ที่หล่อนชอบไปสิงอยู่ แค่อยากมาป่วนฉันเล่นสักพักเท่านั้นเอง เก็บของเลยนะ พรุ่งนี้หลังแกพาช่อชบาไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้ว ฉันจะพาแกกับเค้าย้ายมาที่คอนโดเลย”
“ฉันว่ามันจะบ้าไปกันใหญ่แล้วนะ ไอ้ศร แต่ก็ตามใจแก งั้นแค่นี้ก่อนนะ ฉันจะโทร.หาคุณศักดิ์ บอกเขาตามที่แกสั่ง”
ได้ยินเนตรนภิสรับคำกับเขาแบบงง ๆ จากนั้นเขาก็ปิดโทรศัพท์ลง ช่อชบาลืมตาโต ถามย้ำเขาอีกครั้งให้แน่ใจ
“ให้ฉันไปอยู่ที่คอนโดของคุณ มันจะดีเหรอคะ”
“จะให้ผมทำยังไงล่ะ ถ้าขืนยังอยู่ที่นั่น นลินีก็คงป่วนคุณไม่เลิก เดี๋ยวคุณก็เผลอทำความลับแตกกันพอดี ไปอยู่ที่ห้องของผมน่ะดีแล้ว”
ไม่ค่อยเข้าท่าเลย ดูเหมือนตัวเองจะถลำลึกลงไปเรื่อย ๆ งานที่คิดว่าทำง่ายก็ดันยุ่งยากขึ้นทุกขณะ ช่อชบาโอดขึ้นมาอีก
“ฉันดูแลตัวเองได้ค่ะ รับรองจะไม่ทำความลับของคุณแตก อีกอย่างก็มีพี่เนตรอยู่ด้วย พี่เนตรไม่ปล่อยให้นลินีมารังแกเราได้แน่”
“ผมไม่ไว้ใจคุณ แผนของคุณแต่ละอย่างมันดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ ทำไม! ผมมันน่ารังเกียจมากหรือไง คุณถึงพูดเหมือนไม่อยากจะอยู่ใกล้ผม...จะบอกไว้เลยนะ ผมไม่มีทางทำอะไรคุณหรอก สบายใจได้”
เขายกมือข้างที่ไม่บังคับพวงมาลัยรถขึ้นโบก หัวเราะในลำคอเหมือนขบขันในเรื่องที่กำลังพูดอยู่ ทั้งที่มันเกี่ยวกับชื่อเสียงของลูกผู้หญิงคนหนึ่งเลยทีเดียว ศรศิลป์ในอีกด้านก็ยังคงทำตัวไม่น่ารัก ชอบทำอะไรตามใจตัวเองตามประสาคนมีเงินอยู่ดี ช่อชบาหน้างอลง
“คุณไม่น่ารีบโอนเงินเดือนเก่ามาให้ฉันเลย ฉันอยากกลับไปเป็นเลขาของพี่เนตรตามเดิม ไม่อยากรับจ้างเป็นแฟนคุณแล้วล่ะ” ถ้ามันยุ่งยากนักก็ไม่องไม่เอามันแล้วเงินล้าน...ช่อชบาเริ่มมีทีท่าฮึดฮัด ศรศิลป์หันมามองเธอทำตาขุ่น
“ช้าไปแล้วคุณ...คุณเซ็นสัญญากับผมเรียบร้อยไปแล้ว จะมาเลิกเอาตอนนี้ไม่มีทาง คุณจะเอาเงินมัดจำล่วงหน้าเท่าไหร่ก็ว่ามา ผมยินดีจะจ่ายให้”
นั่นยังไง...ไม่น่ามารับจ้างทำงานนี้ให้เขาเลย เกลียดนักเชียวกับการใช้เงินต่อรองฟาดหัวคน คงทำบ่อยจนเคยตัว
“ไม่ต้องเอาเงินมาฟาดหัวฉันหรอกค่ะ ที่ฉันยอมรับจ้างคุณก็เพราะเห็นแก่พี่เนตรด้วยต่างหาก กลัวบริษัทนี้จะถูกนลินียุบทิ้ง อีกอย่างฉันเห็นว่านลินีมีแต่จะมาหาประโยชน์จากการแต่งงานกับคุณ ไม่ใช่จากความรัก ฉันถึงอยากช่วย โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย”
เธอหันขวับมาตวัดเสียงพูดอย่างอดไม่ได้ โพล่งความในใจออกมาให้เขารู้เสียเลย
“เรื่องนั้นผมก็ขอบใจคุณ แต่คุณก็ไม่ควรมาทำท่าดูถูกผมก่อน...ผมไม่ใช่ผู้ชายบ้ากาม การมาอยู่คอนโดของผมก็มีเนตรตามมาอยู่ด้วย อยู่กันแค่สองคนกับคุณเสียเมื่อไหร่ ผมจ้างคุณมาเป็นแฟน คนเป็นแฟนกันมันเป็นเรื่องปกติที่อาจจะไปมาหาสู่กันบ้าง ค้างบ้านแฟนบ้าง พอนลินีกลับกรุงเทพไปคุณก็ย้ายกลับมาพักที่เก่าได้”
เห็นหญิงสาวชักหงุดหงิด พูดเสียงห้วน ศรศิลป์ก็เกิดกลัวว่าเธอจะถอดใจ ไม่รับทำงานให้ตนอีก จึงพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจด้วยสุ้มเสียงที่อ่อนลง...แค่อยากควบคุมสาวเฉิ่มไว้ใกล้ตัว ไม่ให้เผลอไปทำแผนของเขาพังเสียก่อนเท่านั้นหรอก แล้วจะต้องมาเสียเงินให้หล่อนไปฟรี ๆ เขาคิดแค่นี้จริง ๆ ไม่ได้คิดอะไรไปกับหล่อนมากมายนักแน่...ศรศิลป์หาเหตุผลเข้าข้างตัวเอง
ช่อชบาเลิกเถียงเขา เพราะเห็นว่าเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ ตัวเองเอาเงินเดือนล่วงหน้าที่เขาจ่ายให้สามเดือนส่งไปให้ยายใช้เสียแล้ว ไหนจะค่าชุดโคตรแพงของนลินีที่เธอทำเสียหายอีก ถอนหายใจแล้วหันกลับไปมองบนถนนข้างหน้าตามเดิม
อดทนไว้ก่อนเถอะช่อชบา...ไม่แน่ บางทีอาจไม่ถึงหนึ่งปีตามสัญญา หากเธอสามารถทำให้นลินีเกิดเปลี่ยนใจไปจากเขาได้เร็วมากขึ้น
เรื่องนี้เห็นทีต้องปรึกษากันกับสีมอย!
(มีต่อ)