ก่อนอื่นขอแนะนำตัวนิดนึงนะคะ เจ้าของกระทู้อายุ 23 ปีค่ะ สูง 172 เป็นคนจังหวัดเชียงใหม่ และตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 5 คณะครุศาสตร์ค่ะ ซึ่งอยู่ในช่วงที่กำลังฝึกสอน ที่มาแชร์เรื่องของตัวเองเนี่ย คิดอยู่นานนะคะ นานมาก จนเพื่อนบอก ควรเอาเรื่องของไปแชร์นะ บางคนเพื่อนเก่าๆ ก็ตกใจว่าเราไปทำอะไรมา เข้ามาถามสูตรนั่นนี่ แต่จะให้เล่าหมดยาวๆ แบบนี้ ก็ไม่ค่อยมีเวลาค่ะ วันๆได้แต่คิดแผนการสอน ทำสื่อ บลาๆ ช่วงนี้ฝึกสอนพอจะมีเวลาว่างบ้าง เลยรวบรวมความกล้า และตัดสินใจนำเรื่องของตัวเองมาแชร์ค่ะ ขอเข้าเรื่องเลยละกันเนอะ เราเป็นเด็กอ้วนมากตั้งแต่เด็กเลยค่ะ เกิดมาก็อ้วนแล้ว จากครอบครัวแล้วทางพ่อเป็นคนตัวใหญ่ค่ะ แต่ทางแม่ตัวเล็ก(เตี้ย) แต่แม่ก็อ้วนนิดหน่อยค่ะ ไม่ได้อ้วนมาก แต่เราอ้วนมากกกกกกก เกิดมา 3 กิโลกว่า เกือบ 4 โล แล้วอีกอย่างแม่เลี้ยงดีค่ะ 555555 ร้องไห้ ก็เอากล้วยยัดปาก จนอ้วนพีแบบนี้แหละค่ะ
พอโตมาหน่อยก็ย้ายโรงเรียนไปอยู่ในเมืองค่ะ เราเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวที่ตัวโตกว่าเพื่อนมากกกกกกก คือแบบถ่ายรูปห้องมา ตัวจะโดดออกมาเลย แบบร่างยักษ์มากจริงๆ ผู้ชายบางคนยังตัวเล็กกว่าเลยอะ

แต่รูปสมัยเด็กเราหาไม่เจอแล้วอะ เลยไม่มีให้ดู พอโตมาตอนอยู่มัธยมต้น เราโดดเรียนวิชาพละบ่อยมาก จะมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึง ที่เราชวนโดดบ่อยๆ
เพราะเราไม่อยากชั่งน้ำหนัก มันคือเหตุผลเดียวจริงๆ ใช่ละ อ่านไม่ผิดค่ะ โดดเรียนเพราะไม่อยากชั่งน้ำหนัก แบบประมาณว่าลักไก่ ตอนเพื่อนชั่งก็โดด กลับมาอีกทีตอนบอกน้ำหนักให้ครู ละซี้ซั้วบอกมั่วๆไป (ลดจากน้ำหนักจริงหลายโลมาก) คนอ้วนด้วยกันจะเข้าใจนะคะ ว่าเครื่องชั่งน้ำหนักน่ากลัวกว่าครูปกครองอีก 555555555555555 นั่นแหละค่ะ ก็เลยกินมาเรื่อยๆ กินๆ ชีวิตแฮปปี้มากกับการกิน วันนึงกินข้าวหลายมื้อมาก แค่เช้ากลางวันเย็น ไม่พอค่ะ !!! มันต้องมีหลังเลิกเรียน มื้อเย็น และก่อนนอนก็ยังแอบกินค่ะ ก็มันหิวนี่นา

เรารวบรวมความกล้าไปชั่งน้ำหนัก อยู่ที่ 120 กิโลกรัม นั่นแหละค่ะ จุดพีคสุดในชีวิต หลังจากนั้นเริ่มลดบ้าง แต่ก็ยังกินเรื่อยๆค่ะ เลยมีร่างเป็นแบบนี้ค่ะ

เป็นรูปตอนพิธีจบของโรงเรียนค่ะ ตัวนี่โคร่งกว่าเพื่อน หน้าก็แบบ สมัยนั้นกล้องของจริงค่ะ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ตอนนี้เริ่มเข้ามหาลัยแล้วค่ะ รูปสมัยปี1นี่กลับมาดูกี่ครั้งก็อาย คือแบบ เข้าใจละ ว่าทำไมตอนเฟรชชี่หนุ่มๆไม่มาจีบเลยยยยย 55555555555555

ชุดนักศึกษาบ้าง..

ตอนนี้น้ำหนักก็จะอยูที่ประมาณ 90 กว่านี่แหละค่ะ ชุดนักศึกษาคือแบบขอไซส์ใหญ่สุด จัดมาเลยค้าาาาาาาาา
และต่อไปก็เริ่มเข้าสู่การเป็นนักศึกษาปีที่ 2 เริ่มสำนึกบ้างแล้วค่ะ ว่าเออ..เราเรียนครูนะ ตัวใหญ่อืดอาด วิ่งจับเด็กก็ยาก แถมสาขาที่เราเรียนเป็นครูที่ต้องนั่งเก้าอี้ตัวเล้กกกกกเล็ก แบบเก้าอี้ตัวจิ๋วที่เด็กๆนั่งกัน แล้วก้นเราจะเข้าไปได้เหรอ ไปสอนทีต้องพกเก้าอี้ส่วนตัวหรอ ไม่ได้ !!!!!! ต้องลดแล้วล่ะ จากนั้นเราก็เริ่มลดบ้าง บ้าง บ้างเท่านั้น! เลยทำให้ยังอ้วนอยู่ 55555555

สรุปก็คือ ลดๆจาก 120 เนี่ย ไป 20 กว่าโล แบบลดบ้างไม่ลดบ้าง ไม่ได้จริงจังมาก เลยทำให้ยังเป็นอีอ้วนอยู่
จนกระทั่งช่วงจะปิดเทอมปี 3 เราชั่งน้ำหนักที่มอ หนักอยู่ที่ 87 เนี่ยแหละ ละมันจะเป็นช่วงปิดเทอมแบบอาเซียนไง คือปิดเทอม 6 เดือน เราก็เลยพูดกับเพื่อนว่า
คอยดูนะเปิดเทอมขึ้นปี 4 จะผอมให้ดู ไอ่ความที่พูดไปก็แบบมั่นใจมาก จะทำให้ได้ ทุกคนต้องเห็นการเปลี่ยนแปลง ต้องอึ้ง ต้องเป็นคนใหม่ ฮืบ !!!!!!! ปรากฎว่า 3 เดือนแรกลดไป 2-3 โล 555555555555555 ตายแล้วววว เหลืออีก 3 เดือน เอาว่ะ !! 3 เดือนก็ 3 เดือน
อย่างแรกเราต้องหาแรงบันดาลใจค่ะ เหมือนที่ใครๆเค้าทำกันนั่นแหละ คือดูรูปคนหุ่นดีๆ ดูไว้ดูเยอะๆ สักวันจะต้องเป็นแบบนี้ให้ได้ และจากนั้น
เปิดกูเกิ้ลค่ะ เซิทไปว่า วิธีลดน้ำหนัก วิธีลดความอ้วน แรงบันดาลใจในการลดความอ้วน คือหาวิธีลดความอ้วนนั่นเอง เราจำได้ว่าเราจดไว้ประมาณเกือบๆ 20 สูตรได้มั้ง และเอามารวมเป็นสูตรของตัวเองที่คิดว่าโอเค และไม่ทรมานมาก ดังนี้ค่ะ
1.มื้อเช้า เป็นมื้อที่สำคัญที่สุดค่ะ สำคัญมาก ห้ามงดเด็ดขาด! ตอนเราทำช่วงแรก ค่อนข้างจริงจังมากๆกับการงดของทอด ของหวาน เรางดทุกอย่างค่ะ งดจริงๆ ไม่แตะเลย แต่พวกแป้งก็ทานนะคะ ทานแต่เฉพาะตอนเช้า กับตอนเที่ยงอีกนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆค่ะ เรากินหมดค่ะ อยากกินไรกิน เพราะมื้อเช้าเราชาทค่ะ เราจะมีความสุขเฉพาะตอนกินมื้อเช้าเนี่ยแหละค่ะ กินคือกินให้อิ่มนะคะ เพราะหลังจากนั้นจะไม่มีของว่างใดๆเข้าปากนอกจากน้ำค่ะ น้ำเท่านั้น ฉี่มันทั้งวันเลยค่ะ ได้ลุกไปห้องน้ำ ออกกำลังไปด้วย
2.มื้อเที่ยง ทานอาหารเบาๆ เช่น สุกี้ เกาเหลา ยำ ก็ยังคงมีแป้งได้อยู่ แต่แป้งน้อยมาก เพราะเราเอาไปยกให้มื้อเช้าหมดแล้ว ประมาณว่ามื้อเช้าเราทานแป้ง 10 มื้อเที่ยงแป้งก็เหลือประมาณ 3 คือไม่ใช่ครึ่งต่อครึ่งนะคะ น้อยกว่าครึ่งค่ะ แล้วก็คงคอนเซปเดิมคือ ไม่มีของว่างจนถึงเวลาเย็นค่ะ น้ำเท่านั้น แต่บางวันเราหิวมากๆ ก็ทานพวกผลไม้ค่ะ เช่น มะละกอ แอปเปิ้ล เป็นต้น แต่ทานพอให้หายหิวนะคะ
3.เราไม่มีมื้อเย็นค่ะ แต่จะเป็นก่อนไปออกกำลังกาย 30 นาที เราดื่มนมไขมัน 0% ที่มีแคลประมาณ 70 อะค่ะ บางคนดื่มเป็นขวดเลยก็ได้ แต่เราไม่ค่อยชอบดื่มนมจืดเท่าไหร่ เลยกินแค่ครึ่งขวด หลังจากดื่มนมแล้วก่อนไปออกกำลัง 15 นาที เราใช้ตัวช่วยค่ะ คือแอลคานีทีน เพราะเราเป็นคนเหงื่อออกยากค่ะ ออกกำลังนี่นานเป็นชั่วโมงกว่าเหงื่อจะมา งง ในการกินนมและแอลไหมคะ คือจะยกตัวอย่างแบบนี้นะคะ เราไปออกกำลังประมาณ 5 โมงครึ่ง ประมาณ 4 โมงครึ่งเนี่ย เราก็จะดื่มนมก่อนค่ะ พอสัก 5 โมง เราก็กินแอลเลยค่ะ (ขอบอกนิดนึงสำหรับคนที่หวังจะกินแอลเพื่อลดความอ้วน แต่ไม่ออกกำลัง อย่าหวังว่าจะได้ผลนะคะ แอลเค้าช่วยในการเผาผลาญค่ะ ถ้าเราไม่ออกกำลังก็อย่าทานเลยค่ะ ไม่มีประโยชน์)
4.ต่อไปจะเป็นการออกกำลังของเรานะ คือเราไม่มีสูตรตายตัวว่าต้องเล่นอะไรเป็นพิเศษ ตอนนั้นเราก็เล่นของเราไปอะค่ะ ค่อยเดินๆบนลู่วิ่งบ้าง ปั่นจักรยานบ้าง แต่ทุกวันต้องเสื้อเปียกค่ะ 55555555 ต้องชุ่มไปด้วยเหงื่อ เราเล่นวันละ 2 ชั่วโมง เล่นแบบจริงจังมาก เข้ายิมทุกวัน วันไหนไม่ได้ไปจะรู้สึกผิดมาก และต้องรีบตื่นเช้าเพื่อไปเข้ายิมค่ะ
5.หลังจากออกกำลังเสร็จ ถามว่าหิวไหม หิวค่ะ เราสามารถทานอะไรได้นะคะ เช่น น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล และ น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล 55555555555 ดื่มน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลโอนลี่ค่ะ ตอนแรกกินไม่เป็น เพราะปกติกินน้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง หวานๆ มาตลอด พอกินไปสักพัก เริ่มติดใจ เค็มๆมันๆดี เลยกินน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลมาตลอดค่ะ ตอนนี้ก็ยังกินอยู่นะคะ เราจะเป็นคนที่ไม่กินข้าวเย็นมาหลายปีละ ที่บ้านก็จะรู้ว่าเราไม่กิน ก็จะเก็บอาหารไว้ให้กินตอนเช้า เราก็อดทนค่ะ ให้ผ่านไป และมีความสุขที่ได้ตื่นเช้ามา กินข้าวค่ะ มันตื่นเต้นมาก เพราะอย่าลืมว่ามื้อเช้าเราชาทค่ะ 5555555555
เนี่ยแหละค่ะก็จะเป็นสูตรลดน้ำหนักของเรา เราทำแบบนี้มา 3 เดือนค่ะ เลยทำให้น้ำหนักลดไปอยู่ที่ประมาณ 70-73 โล คือแบบดีใจมากกกกกกกกกกกกก น้ำหนักลงมาเลข 7 จำได้ว่าเลข 7 นี่เป็นน้ำหนักตอนประถมมั้ง 5555555 เปิดเทอมมาเพื่อนก็ช้อคไปตามๆกันค่ะ 555555555555555 สำเร็จจจจจจ !!
พอเริ่มผ่านไปสักพัก ด้วยความที่ไม่รู้จักพอ ขอลดให้ถึงเลข 6 แล้วกัน เลยลดไปเรื่อยๆค่ะ มีวินัย มั่นออกกำลัง เรียนหนักแค่ไหน รู้ตัวว่าไม่ค่อยได้ไปออกกำลัง ก็ไม่กินจุกจิกค่ะ กินให้เป็นเวลา กินเป็นมื้อ แต่ก็คงสูตรเดิมค่ะ เป็นคนเลือกกินมาก เพื่อนชวนกินอะไรก็ไม่กิน จนเพื่อนเอือมไปตามๆกันแหละค่ะ แบบเพื่อนตัดหางปล่อยวัด ไม่ชวนไปกินอะไรเลย 55555555555 และในที่สุดก็ลงมาถึงเลข 6 ค่ะ ดีใจสุดชีวิต ครั้งนึงของอีอ้วน ที่น้ำหนักมาถึงเลข 6 และนี่เป็นรูปตอนน้ำหนัก 68-69 ค่ะ

จากนั้นก็ยังไม่พอหรอกค่ะ เอ้ะ..ไหนบอกเลข 6 แล้วจะพอ ขำๆแซวตัวเอง 555555 ตอนนี้ก็น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 64-65 ค่ะ ตั้งเป้าว่าจะลดไปเรื่อยๆให้ถึงเลข 5 ประมาณ 58 ค่ะ แล้วจะหยุดลด มาสร้างกล้ามเนื้อแทน หวังไว้ว่าอยากจะมีซิกแพคค่ะ แต่น่าจะยากเกินไปสำหรับเรา 555555 นี่เป็นรูปปัจจุบันค่ะ

อีกสักรูปค่ะ..
สุดท้ายนี้เราอยากให่กำลังใจคนที่อยากลดน้ำหนักนะคะ อย่างชื่อกระทู้นั่นแหละค่ะ ไม่ต้องไปดิ้นรนหาสูตรนั่นสูตรนี่หรอกค่ะ ลดความอ้วนเนี่ย อยู่ที่ใจล้วนๆ ใจเท่านั้น พร้อมเมื่อไหร่ แค่ลุกขึ้นแล้วทำให้ได้ค่ะ ถ้าไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องทำค่ะ กินไปเรื่อยๆ กินจนให้มันถึงขีดสุด สุดจะทนเมื่อไหร่มันก็จะพร้อมเองค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ตั้งใจทำให้ได้ ทำอะไรที่มันไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ถือว่าทำไม่สำเร็จนะคะ ถ้าเราทำสำเร็จ คนรอบข้างเขาจะสังเกตเห็น และทักเราเองค่ะ เมื่อมันเริ่มลดได้แล้ว มีคนทักเยอะขึ้น กำลังใจในการลดก็เพิ่มขึ้นค่ะ สู้ๆ อยากให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็จริงค่ะอย่างที่เขาว่า ลดไม่ได้ก็จงอ้วนอย่างน่ารัก แต่สำหรับเราแล้ว ไม่เอา ไม่โลกสวยค่ะ คนหุ่นดี สุขภาพดี ยังไงก็น่ารักกว่าค่ะ สู้ๆนะคะ ใครที่เคยลดความอ้วนแล้วทำไม่สำเร็จ พรุ่งนี้เริ่มใหม่นะคะ ทำให้ได้ ที่สำคัญอย่ากลัวเครื่องชั่งน้ำหนักค่ะ ชั่งไปเลย จะได้รู้และเริ่มลดสักที แล้วมาเจอกันอีกทีตอนเราน้ำหนักเลข 5 นะ สู้ไปด้วยกันนะคะ แล้วจะกลับมาค่าาาาาาาาาา ^^
แบ่งปันเรื่องราวดีดี สำหรับคนที่อยากลดความอ้วน เพียงถามตัวเองว่าพร้อมรึยังในการเปลี่ยนตัวเอง เป็นคนใหม่ !
พอโตมาหน่อยก็ย้ายโรงเรียนไปอยู่ในเมืองค่ะ เราเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวที่ตัวโตกว่าเพื่อนมากกกกกกก คือแบบถ่ายรูปห้องมา ตัวจะโดดออกมาเลย แบบร่างยักษ์มากจริงๆ ผู้ชายบางคนยังตัวเล็กกว่าเลยอะ
เป็นรูปตอนพิธีจบของโรงเรียนค่ะ ตัวนี่โคร่งกว่าเพื่อน หน้าก็แบบ สมัยนั้นกล้องของจริงค่ะ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ตอนนี้เริ่มเข้ามหาลัยแล้วค่ะ รูปสมัยปี1นี่กลับมาดูกี่ครั้งก็อาย คือแบบ เข้าใจละ ว่าทำไมตอนเฟรชชี่หนุ่มๆไม่มาจีบเลยยยยย 55555555555555
ชุดนักศึกษาบ้าง..
ตอนนี้น้ำหนักก็จะอยูที่ประมาณ 90 กว่านี่แหละค่ะ ชุดนักศึกษาคือแบบขอไซส์ใหญ่สุด จัดมาเลยค้าาาาาาาาา
และต่อไปก็เริ่มเข้าสู่การเป็นนักศึกษาปีที่ 2 เริ่มสำนึกบ้างแล้วค่ะ ว่าเออ..เราเรียนครูนะ ตัวใหญ่อืดอาด วิ่งจับเด็กก็ยาก แถมสาขาที่เราเรียนเป็นครูที่ต้องนั่งเก้าอี้ตัวเล้กกกกกเล็ก แบบเก้าอี้ตัวจิ๋วที่เด็กๆนั่งกัน แล้วก้นเราจะเข้าไปได้เหรอ ไปสอนทีต้องพกเก้าอี้ส่วนตัวหรอ ไม่ได้ !!!!!! ต้องลดแล้วล่ะ จากนั้นเราก็เริ่มลดบ้าง บ้าง บ้างเท่านั้น! เลยทำให้ยังอ้วนอยู่ 55555555
สรุปก็คือ ลดๆจาก 120 เนี่ย ไป 20 กว่าโล แบบลดบ้างไม่ลดบ้าง ไม่ได้จริงจังมาก เลยทำให้ยังเป็นอีอ้วนอยู่
จนกระทั่งช่วงจะปิดเทอมปี 3 เราชั่งน้ำหนักที่มอ หนักอยู่ที่ 87 เนี่ยแหละ ละมันจะเป็นช่วงปิดเทอมแบบอาเซียนไง คือปิดเทอม 6 เดือน เราก็เลยพูดกับเพื่อนว่า คอยดูนะเปิดเทอมขึ้นปี 4 จะผอมให้ดู ไอ่ความที่พูดไปก็แบบมั่นใจมาก จะทำให้ได้ ทุกคนต้องเห็นการเปลี่ยนแปลง ต้องอึ้ง ต้องเป็นคนใหม่ ฮืบ !!!!!!! ปรากฎว่า 3 เดือนแรกลดไป 2-3 โล 555555555555555 ตายแล้วววว เหลืออีก 3 เดือน เอาว่ะ !! 3 เดือนก็ 3 เดือน
อย่างแรกเราต้องหาแรงบันดาลใจค่ะ เหมือนที่ใครๆเค้าทำกันนั่นแหละ คือดูรูปคนหุ่นดีๆ ดูไว้ดูเยอะๆ สักวันจะต้องเป็นแบบนี้ให้ได้ และจากนั้น เปิดกูเกิ้ลค่ะ เซิทไปว่า วิธีลดน้ำหนัก วิธีลดความอ้วน แรงบันดาลใจในการลดความอ้วน คือหาวิธีลดความอ้วนนั่นเอง เราจำได้ว่าเราจดไว้ประมาณเกือบๆ 20 สูตรได้มั้ง และเอามารวมเป็นสูตรของตัวเองที่คิดว่าโอเค และไม่ทรมานมาก ดังนี้ค่ะ
1.มื้อเช้า เป็นมื้อที่สำคัญที่สุดค่ะ สำคัญมาก ห้ามงดเด็ดขาด! ตอนเราทำช่วงแรก ค่อนข้างจริงจังมากๆกับการงดของทอด ของหวาน เรางดทุกอย่างค่ะ งดจริงๆ ไม่แตะเลย แต่พวกแป้งก็ทานนะคะ ทานแต่เฉพาะตอนเช้า กับตอนเที่ยงอีกนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆค่ะ เรากินหมดค่ะ อยากกินไรกิน เพราะมื้อเช้าเราชาทค่ะ เราจะมีความสุขเฉพาะตอนกินมื้อเช้าเนี่ยแหละค่ะ กินคือกินให้อิ่มนะคะ เพราะหลังจากนั้นจะไม่มีของว่างใดๆเข้าปากนอกจากน้ำค่ะ น้ำเท่านั้น ฉี่มันทั้งวันเลยค่ะ ได้ลุกไปห้องน้ำ ออกกำลังไปด้วย
2.มื้อเที่ยง ทานอาหารเบาๆ เช่น สุกี้ เกาเหลา ยำ ก็ยังคงมีแป้งได้อยู่ แต่แป้งน้อยมาก เพราะเราเอาไปยกให้มื้อเช้าหมดแล้ว ประมาณว่ามื้อเช้าเราทานแป้ง 10 มื้อเที่ยงแป้งก็เหลือประมาณ 3 คือไม่ใช่ครึ่งต่อครึ่งนะคะ น้อยกว่าครึ่งค่ะ แล้วก็คงคอนเซปเดิมคือ ไม่มีของว่างจนถึงเวลาเย็นค่ะ น้ำเท่านั้น แต่บางวันเราหิวมากๆ ก็ทานพวกผลไม้ค่ะ เช่น มะละกอ แอปเปิ้ล เป็นต้น แต่ทานพอให้หายหิวนะคะ
3.เราไม่มีมื้อเย็นค่ะ แต่จะเป็นก่อนไปออกกำลังกาย 30 นาที เราดื่มนมไขมัน 0% ที่มีแคลประมาณ 70 อะค่ะ บางคนดื่มเป็นขวดเลยก็ได้ แต่เราไม่ค่อยชอบดื่มนมจืดเท่าไหร่ เลยกินแค่ครึ่งขวด หลังจากดื่มนมแล้วก่อนไปออกกำลัง 15 นาที เราใช้ตัวช่วยค่ะ คือแอลคานีทีน เพราะเราเป็นคนเหงื่อออกยากค่ะ ออกกำลังนี่นานเป็นชั่วโมงกว่าเหงื่อจะมา งง ในการกินนมและแอลไหมคะ คือจะยกตัวอย่างแบบนี้นะคะ เราไปออกกำลังประมาณ 5 โมงครึ่ง ประมาณ 4 โมงครึ่งเนี่ย เราก็จะดื่มนมก่อนค่ะ พอสัก 5 โมง เราก็กินแอลเลยค่ะ (ขอบอกนิดนึงสำหรับคนที่หวังจะกินแอลเพื่อลดความอ้วน แต่ไม่ออกกำลัง อย่าหวังว่าจะได้ผลนะคะ แอลเค้าช่วยในการเผาผลาญค่ะ ถ้าเราไม่ออกกำลังก็อย่าทานเลยค่ะ ไม่มีประโยชน์)
4.ต่อไปจะเป็นการออกกำลังของเรานะ คือเราไม่มีสูตรตายตัวว่าต้องเล่นอะไรเป็นพิเศษ ตอนนั้นเราก็เล่นของเราไปอะค่ะ ค่อยเดินๆบนลู่วิ่งบ้าง ปั่นจักรยานบ้าง แต่ทุกวันต้องเสื้อเปียกค่ะ 55555555 ต้องชุ่มไปด้วยเหงื่อ เราเล่นวันละ 2 ชั่วโมง เล่นแบบจริงจังมาก เข้ายิมทุกวัน วันไหนไม่ได้ไปจะรู้สึกผิดมาก และต้องรีบตื่นเช้าเพื่อไปเข้ายิมค่ะ
5.หลังจากออกกำลังเสร็จ ถามว่าหิวไหม หิวค่ะ เราสามารถทานอะไรได้นะคะ เช่น น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล และ น้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาล 55555555555 ดื่มน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลโอนลี่ค่ะ ตอนแรกกินไม่เป็น เพราะปกติกินน้ำเต้าหู้ทรงเครื่อง หวานๆ มาตลอด พอกินไปสักพัก เริ่มติดใจ เค็มๆมันๆดี เลยกินน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลมาตลอดค่ะ ตอนนี้ก็ยังกินอยู่นะคะ เราจะเป็นคนที่ไม่กินข้าวเย็นมาหลายปีละ ที่บ้านก็จะรู้ว่าเราไม่กิน ก็จะเก็บอาหารไว้ให้กินตอนเช้า เราก็อดทนค่ะ ให้ผ่านไป และมีความสุขที่ได้ตื่นเช้ามา กินข้าวค่ะ มันตื่นเต้นมาก เพราะอย่าลืมว่ามื้อเช้าเราชาทค่ะ 5555555555
เนี่ยแหละค่ะก็จะเป็นสูตรลดน้ำหนักของเรา เราทำแบบนี้มา 3 เดือนค่ะ เลยทำให้น้ำหนักลดไปอยู่ที่ประมาณ 70-73 โล คือแบบดีใจมากกกกกกกกกกกกก น้ำหนักลงมาเลข 7 จำได้ว่าเลข 7 นี่เป็นน้ำหนักตอนประถมมั้ง 5555555 เปิดเทอมมาเพื่อนก็ช้อคไปตามๆกันค่ะ 555555555555555 สำเร็จจจจจจ !!
พอเริ่มผ่านไปสักพัก ด้วยความที่ไม่รู้จักพอ ขอลดให้ถึงเลข 6 แล้วกัน เลยลดไปเรื่อยๆค่ะ มีวินัย มั่นออกกำลัง เรียนหนักแค่ไหน รู้ตัวว่าไม่ค่อยได้ไปออกกำลัง ก็ไม่กินจุกจิกค่ะ กินให้เป็นเวลา กินเป็นมื้อ แต่ก็คงสูตรเดิมค่ะ เป็นคนเลือกกินมาก เพื่อนชวนกินอะไรก็ไม่กิน จนเพื่อนเอือมไปตามๆกันแหละค่ะ แบบเพื่อนตัดหางปล่อยวัด ไม่ชวนไปกินอะไรเลย 55555555555 และในที่สุดก็ลงมาถึงเลข 6 ค่ะ ดีใจสุดชีวิต ครั้งนึงของอีอ้วน ที่น้ำหนักมาถึงเลข 6 และนี่เป็นรูปตอนน้ำหนัก 68-69 ค่ะ
จากนั้นก็ยังไม่พอหรอกค่ะ เอ้ะ..ไหนบอกเลข 6 แล้วจะพอ ขำๆแซวตัวเอง 555555 ตอนนี้ก็น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 64-65 ค่ะ ตั้งเป้าว่าจะลดไปเรื่อยๆให้ถึงเลข 5 ประมาณ 58 ค่ะ แล้วจะหยุดลด มาสร้างกล้ามเนื้อแทน หวังไว้ว่าอยากจะมีซิกแพคค่ะ แต่น่าจะยากเกินไปสำหรับเรา 555555 นี่เป็นรูปปัจจุบันค่ะ
อีกสักรูปค่ะ..
สุดท้ายนี้เราอยากให่กำลังใจคนที่อยากลดน้ำหนักนะคะ อย่างชื่อกระทู้นั่นแหละค่ะ ไม่ต้องไปดิ้นรนหาสูตรนั่นสูตรนี่หรอกค่ะ ลดความอ้วนเนี่ย อยู่ที่ใจล้วนๆ ใจเท่านั้น พร้อมเมื่อไหร่ แค่ลุกขึ้นแล้วทำให้ได้ค่ะ ถ้าไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องทำค่ะ กินไปเรื่อยๆ กินจนให้มันถึงขีดสุด สุดจะทนเมื่อไหร่มันก็จะพร้อมเองค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ตั้งใจทำให้ได้ ทำอะไรที่มันไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ถือว่าทำไม่สำเร็จนะคะ ถ้าเราทำสำเร็จ คนรอบข้างเขาจะสังเกตเห็น และทักเราเองค่ะ เมื่อมันเริ่มลดได้แล้ว มีคนทักเยอะขึ้น กำลังใจในการลดก็เพิ่มขึ้นค่ะ สู้ๆ อยากให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็จริงค่ะอย่างที่เขาว่า ลดไม่ได้ก็จงอ้วนอย่างน่ารัก แต่สำหรับเราแล้ว ไม่เอา ไม่โลกสวยค่ะ คนหุ่นดี สุขภาพดี ยังไงก็น่ารักกว่าค่ะ สู้ๆนะคะ ใครที่เคยลดความอ้วนแล้วทำไม่สำเร็จ พรุ่งนี้เริ่มใหม่นะคะ ทำให้ได้ ที่สำคัญอย่ากลัวเครื่องชั่งน้ำหนักค่ะ ชั่งไปเลย จะได้รู้และเริ่มลดสักที แล้วมาเจอกันอีกทีตอนเราน้ำหนักเลข 5 นะ สู้ไปด้วยกันนะคะ แล้วจะกลับมาค่าาาาาาาาาา ^^