LONG LOST LULLABY [Kingsman: The Secret Service - fan fiction] (ตอนจบ)

Kingsman: The Secret Service - fan fiction

The Parting Glass : http://pantip.com/topic/33501949
The Ghost Ship : http://pantip.com/topic/33553578
Last Tango in London : http://pantip.com/topic/33634213

Long Lost Lullaby (ตอนต้น) : http://pantip.com/topic/33840527

----------------------------------------------------------------------------------------



Part 2: LULLABY


“Kalau tuan dapat kawan baru, sayang. Kawan yang lama ditinggal kan jangan.”
If you have found a new friend, dear, please do not forget the old one.
Soleram (Traditional Indonesian Lullaby from Riau Province)




(1)

การเดินทางจากอังกฤษไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงปี 2000 ต้น ๆ ไม่ได้ยากเย็นเท่าการเดินทางเมื่อครั้งที่เพอร์ซิวาลหาประสบการณ์จากการเข้าร่วมกิจกรรมอาสาในประเทศกำลังพัฒนากับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยหรือช่วงเวลาที่ลานซล็อตออกเดินทางท่องเที่ยวแบบแบ็คแพ็คเพื่อแสวงหาความตื่นเต้นให้ชีวิตระหว่างช่วงปิดเทอมขณะเรียนระดับปริญญาตรียุค 1990 อีกต่อไป โดยเฉพาะเมื่อมีเครื่องบินเจ็ทขององค์กรให้ใช้ หรือเดินทางโดยมีผู้ประสานงานให้ทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องอาวุธ นั่นเป็นเอกสิทธิ์พิเศษขององค์กรสายลับอิสระอย่างคิงส์แมน


จากลอนดอน พวกเขาเดินทางไปแวะพักที่อาบูดาบีหนึ่งคืน ติดต่อและยืนยันแผนการเบื้องต้นกับฝ่ายประสานงานองค์กรที่ประจำอยู่ในอินโดนีเซีย ก่อนเดินทางต่อไปยังกรุงจาการ์ตา ขึ้นเครื่องบินต่อไปยังบาลิก์ปาปัน เมืองท่าสำคัญในเขตกาลิมันตันตะวันออกของเกาะบอร์เนียว ตรวจเช็คสัมภาระ ความเรียบร้อยและพร้อมใช้งานของอาวุธกับอุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียมให้แน่ใจว่า จะสามารถติดต่อกับกองบัญชาการกลางและเมอร์ลินในกรณีฉุกเฉินได้โดยปราศจากอุปสรรค


ว่ากันตามความคิดแรกที่เกิดขึ้นในใจ การเดินทางเข้าในป่าเขตร้อนในชุดสูทเป็นความคิดที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเพอร์ซิวาล แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นมากนัก เพราะในเวลานั้น เสื้อผ้าที่ได้รับการพัฒนาให้มีคุณสมบัติกันกระสุนและมีน้ำหนักเบาที่สุด ก็คือ สูท เนื่องด้วยจุดเริ่มต้นขององค์กรมีที่มาจากร้านตัดเสื้อชั้นสูงของสุภาพบุรุษในย่านเมย์แฟร์ แต่มันก็ไม่ได้เหมาะกับปฏิบัติการที่ขยายฐานออกมานอกลอนดอนหรือมหานครอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศเขตร้อนเอาเสียเลย


อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสูทอาจดูไม่เข้ากับสถานที่ซึ่งร้อยละแปดสิบของพื้นที่เป็นป่าร้อนชื้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องพิสดารเกินไปนัก ในเมื่อกาลิมันตันตะวันออก เป็นแหล่งทรัพยากรน้ำมันและป่าไม้แห่งใหญ่ของอินโดนีเซีย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากคนต่างชาติที่มาเจรจาต่อรองเรื่องทรัพยากรธรรมชาติจะแต่งกายด้วยชุดสากลเพื่อพบผู้มีอำนาจหรืออิทธิพลในเขตการปกครองด้วยกิจธุระอันเกี่ยวเนื่องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และ การสวมสูทจึงมีเหตุผลขึ้นมาอีกเล็กน้อย และโชคดีที่การเดินทางไปยังจุดหมายของพวกเขาเป็นทางน้ำ ไม่ใช่การเดินป่า มันจึงไม่เป็นอุปสรรคมากนัก เว้นเสียแต่ร้อนไปสักหน่อย  


เส้นทางจากบาลิก์ปาปันไปยังพื้นที่เป้าหมายไม่ถึงกับลำบาก แต่แม้จะหาวิธีลัดที่สุดแล้ว ก็ยังคงต้องเดินทางหลายต่อ เพราะถึงจะสามารถขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากบาลิก์ปาปัน ไปลงที่เต็งการงได้ ก็ยังต้องต่อรถยนต์ไปเมารามุนไต และขึ้นเรือล่องไปตามแม่น้ำมาฮากัม แล้วเลาะตามลำน้ำสาขาที่เป็นเส้นทางไปยังทะเลสาบเจิมปัง จึงจะถึงสถานที่พักอาศัยและทำงานของศาสตราจารย์วิลเลียม และด็อกเตอร์เอลิซาเบธ มอร์ตัน กับร็อกซานน์ ลูกสาววัยแปดขวบของพวกเขา


สามีภรรยานักวิชาการชาวอังกฤษคู่นี้ ใช้ชีวิตอยู่ในกาลิมันตันตะวันออกมานานกึ่งทศวรรษ แต่ก่อนหน้านั้น พวกเขาไปมา ระหว่างอังกฤษกับอินโดนีเซียมาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่อังกฤษนานที่สุด คือ ช่วงที่ลูกสาวคนเดียวของพวกเขาเกิดจนกระทั่งเด็กหญิงอายุได้สามขวบ ครอบครัวมอร์ตันจึงย้ายมาทำงานวิจัยเกี่ยวกับพืชสมุนไพรและภูมิปัญญาท้องถิ่นในการรักษาโรค โดยเฉพาะของชาวดายัค ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองบนเกาะอย่างเต็มตัว และเด็กหญิงตัวน้อยที่ติดตามมาด้วยก็ได้รับการศึกษาผ่านการสอนโดยบิดาและมารดาของเธอมาตั้งแต่บัดนั้น


สิ่งที่ทำให้สามีภรรยามอร์ตันแตกต่างจากนักวิจัยเรื่องพืชสมุนไพรหลายคนที่ผ่านเข้ามาและกลับออกไปพร้อมกับความรู้ที่ชนพื้นเมืองแบ่งปันให้คนอื่น ๆ คือ พวกเขาไม่ได้เอาสูตรหรือวิธีการสกัดสารในพืชให้ได้มาซึ่งตัวยาสำคัญไปจดสิทธิบัตรเพื่อผลิตเป็นยารักษาโรคที่ทำกำไรมหาศาล แต่ส่วนแบ่งของทรัพย์สินเหล่านั้นมิได้กลับคืนสู่เจ้าของภูมิปัญญาหรือให้คืนกลับไปเพียงน้อยนิด แต่พวกเขากลับต่อสู้กับการทำตัวเป็นโจรสลัดทางชีวภาพของบริษัทข้ามชาติชั้นนำเหล่านั้นจนสุดความสามารถด้วยการเปิดโปงข้อเท็จจริงเบื้องหลังการแสวงหาความรู้และทรัพยากรเพื่อช่วงชิงไปเป็นของตนเองโดยไม่คำนึงถึงสิทธิและผลประโยชน์ของชนพื้นเมือง เช่น ชิงเขียนบทความวิชาการเปิดเผยความรู้เกี่ยวกับตัวยาและสารที่สกัดได้จากพืชพื้นถิ่นตัดหน้าบริษัทยาที่คิดจะผูกขาดผลประโยชน์ด้วยการจดสิทธิบัตร เพื่อไม่ให้สิ่งที่จะนำไปจดสิทธิบัตรนั้นเป็นความรู้ใหม่หรือวิธีการใหม่ที่ไม่เคยมีใครคิดทำมาก่อน เพราะเมื่อวิธีการที่ทำหรือสูตรที่คิดค้นขึ้นได้ไม่ใช่ของใหม่ ก็ย่อมขาดคุณสมบัติของสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถนำไปจดสิทธิบัตรได้ตามกฎหมาย  


แม้อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพจะมีผลบังคับใช้ในบรรดาประเทศภาคีมาตั้งแต่ปี 1993 เพื่อคุ้มครองสิทธิของประเทศซึ่งเป็นเจ้าของทรัพยากรชีวภาพและให้ประเทศพัฒนาแล้วที่ได้ประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรชีวภาพจากประเทศกำลังพัฒนาต้องแบ่งปันผลประโยชน์ให้แก่เจ้าของทรัพยากร แต่ในเวลานั้น บทบัญญัติและวิธีการว่าด้วยการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ชัดเจนก็ยังไม่ปรากฏออกมาเป็นรูปธรรม ประกอบกับกฎหมายใหม่ที่ออกมายากเกินกว่าจะทำความเข้าใจ และเข้าไปไม่ถึงผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับความรู้และทรัพยากรอย่างแท้จริง และการแสวงประโยชน์จากภูมิปัญญาและทรัพยากรชีวภาพในดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ที่หลากหลายจึงยังคงดำเนินต่อไป


สถานการณ์ที่เป็นอยู่ทำให้นักวิชาการชาวอังกฤษทั้งสองที่หวังจะปกป้องดินแดนที่เป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของพวกเขายังไม่อาจยุติบทบาทของตนเองได้ และยังต้องทำทุกวิถีทางให้เสียงของพวกเขาดังพอที่โลกจะได้ยินอีกด้วย


การต่อสู้ของพวกเขาเป็นทั้งความกล้าหาญและความบ้าบิ่น เสียงตะโกนของพวกเขาเป็นเสียงที่ทั้งประกาศความจริงให้โลกรู้และเรียกศัตรูให้เข้ามาหาไปในเวลาเดียวกัน


พวกเขาถูกติดตามและเพ่งเล็งจากผู้ที่เสียผลประโยชน์ในท้องถิ่น โดยเฉพาะบริษัทส่งออกพันธุ์พืชที่จำเป็นในการสกัดสารเคมีออกมาเป็นตัวยา ซึ่งมีกลุ่มอิทธิพลที่เป็นตัวแทนของบริษัทยายักษ์ใหญ่อยู่เบื้องหลัง สถานการณ์ดูเลวร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีคนข่มขู่ว่าจะฆ่าพวกเขาเสียหายไม่ยอมออกจากพื้นที่ แต่ในขณะเดียวกัน การออกจากพื้นที่แล้วหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยก่อนที่จะได้กลับอังกฤษก็มีความเป็นไปได้ที่สูงมากเช่นเดียวกัน


หากเป็นพวกเขาเพียงสองคน วิลเลียมและเอลิซาเบธ มอร์ตันอาจเลือกที่จะอยู่ต่อไปจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง เพราะอย่างน้อย ความตายของพวกเขาอาจเป็นสารสุดท้ายที่เรียกให้คนที่ได้รับหันมามองและตระหนักถึงปัญหา แต่พวกเขามีลูกสาวที่ยังเด็ก ทั้งยังเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ควรจะต้องรับเคราะห์กรรมซึ่งตนเองไม่ได้ก่อ พวกเขาจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลอังกฤษ  


แม้จะเป็นพลเมืองอังกฤษ แต่พวกเขาอยู่ในสถานะของนักวิชาการอิสระ ไม่ได้สังกัดมหาวิทยาลัยหรือหน่วยงานใดทั้งสิ้น และการคุ้มครองความปลอดภัยให้เอกชนธรรมดาซึ่งกำลังถูกเพ่งเล็งและปองร้ายจากเอกชนด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใดและอย่างไร ย่อมไม่อยู่ในขอบข่ายที่รัฐบาลหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงหรือกฎหมายของอังกฤษจะเข้ามาดูแลได้มากนัก ประกอบกับอังกฤษเป็นประเทศที่พึ่งพาอุตสาหกรรมและการบริการเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีความจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าและทรัพยากรบางอย่างจากประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติหรือเป็นผู้ผลิตทรัพยากรต้นทางจึงออกหน้าปกป้องการกระทำของพวกเขาได้ไม่ถนัด โดยเฉพาะเมื่อบริษัทยาขนาดใหญ่เป็นผู้สนับสนุนด้านการเงิน ในฐานะผู้บริจาคเงินให้พรรคการเมืองและมีอำนาจในการต่อรองสูงไม่แพ้บริษัทที่ทำกิจการด้านอื่น


องค์กรที่ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลทางการเมืองหรือการเงินของผู้ใด มีบุคคลากรที่มีทักษะอันเยี่ยมยอดในการต่อสู้ อารักขาบุคคล และสืบสวนแสวงหาความจริงเทียบเท่าหรืออาจมากกว่าองค์กรของรัฐที่ทำงานในลักษณะเดียวกัน และมีสำนักงานใหญ่กับศูนย์บัญชาการอยู่ในอังกฤษ มีเหลืออยู่เพียงองค์กรเดียวเท่านั้น คือ คิงส์แมน และนั่นคือเหตุผลที่เพอร์ซิวาลและลานซล็อต ซึ่งคุ้นเคยกับประเทศแถบนี้อยู่บ้าง ได้รับมอบหมายจากองค์กรให้มาปฏิบัติภารกิจในอินโดนีเซีย


“อุตส่าห์มาถึงกาลิมันตันตะวันออกแล้วเชียว แต่ไม่มีเวลาไปดูลิงจมูกยาว หรือโลมาน้ำจืดเลย น่าเสียดายชะมัด”


“นายคิดว่า เรามาเที่ยวหรือมาทำงาน” เพอร์ซิวาลเงยหน้าจากเอกสารในมือขึ้นมาจ้องหน้าคู่หูที่อยู่บนเรือลำเดียวกันเขม็ง


ในขณะที่เขาจดจ่อกับแผนการ คนที่ได้รับมอบหมายมาให้ปฏิบัติภารกิจร่วมกันกลับมองซ้ายมองขวาไปยังทิวทัศน์สองข้างทาง ชมนกชมไม้ไปเรื่อย ด้วยท่าทางที่ชวนให้นึกถึงสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่โผล่หัวออกมาจากหน้าต่างรถยนต์ที่กำลังวิ่ง ทำหูลู่รับลมอย่างร่าเริงเกินเหตุไปตลอดทาง


ลานซล็อตไม่ได้มีท่าทีสำนึกผิดกับคำพูดที่มีนัยตำหนิของเขาเลยแม้แต่น้อย กลับฉีกยิ้มกว้างอย่างรื่นเริง ลดกล้องส่องทางไกลลง ยกมือขึ้นโอบไหล่ แล้วดึงตัวเขาให้เอียงเข้าไปชิด


“นายจริงจังเกินไปแล้ว เพื่อนรัก งานนี้มันไม่ได้ยากอะไรเลยสักนิด แค่มาเอาของกลับไป ถ้าทำงานเสร็จเร็ว ก็เหลือเวลาเที่ยวเล่นอีกตั้งเยอะ ลิงจมูกยาวกับโลมาน้ำจืดนี่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่ในบัญชีใกล้สูญพันธุ์เลยเชียวนะ”


เมื่อถูกศอกถองสีข้างแรง ๆ เข้าครั้งหนึ่ง คนพูดก็ยอมปล่อยคนที่ถูกตนเองกอดคอเอาไว้ให้เป็นอิสระ พร้อมหัวเราะชอบใจราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และหันไปสนใจกับสิ่งรอบตัวตามเดิม ในขณะที่คนที่จริงจังกับงานมากกว่าถอนใจเฮือก และหันไปสบตากับผู้นำทางพวกเขาเข้าไปหาเป้าหมายซึ่งเห็นและได้ยินการสนทนาทั้งหมดนั้นอย่างอ่อนใจ ซึ่งฝ่ายหลังได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มตอบกลับมาอย่างคนที่ไม่รู้จะช่วยเขาได้อย่างไร


บ่อยครั้งที่ท่าทางไม่เอาใจใส่กับงานเอาเสียเลยนั้นตบตาฝ่ายตรงข้ามหรือผู้ต้องสงสัยที่แอบแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหรือผู้ประสานงานได้อย่างแนบเนียน


“มีพวกมันอยู่ในป่าริมน้ำ ข้างหน้าน่าจะมีอีก”


ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อความที่ลานซล็อตลอบกระซิบบอกเขาที่ข้างหู และเพอร์ซิวาลรู้ว่า เขาสามารถไว้ใจสายตาและสัญชาตญาณของคู่หูได้


ถึงเมอร์ลินจะวางแผนการในภาพรวมมาให้แล้ว แต่เมื่อมาถึงสถานที่จริง แผนที่เคยวางไว้ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน เพราะพวกเขาไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย นอกจากกันและกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น



เพอร์ซิวาลและลานซล็อตรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่างได้ทันที ตั้งแต่เหยียบถึงแผ่นดินอินโดนีเซีย



(มีต่อนะค)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่