The Ghost Ship [Kingsman: The Secret Service - fan fiction]

(1) เซาธ์เคนซิงตัน, ลอนดอน, 2010


“เรือผี… อะไรคือเรือผี”


เป็นคำถามของลานซล็อตระหว่างพูดคุยกันในร้านกาแฟเล็ก ๆ ในย่านเซ้าธ์เคนซิงตันกลางกรุงลอนดอน เพอร์ซิวาลได้รับมอบหมายให้กลับไปอธิบายภารกิจที่ได้รับมอบหมายทั้งหมดที่ต้องทำกับคู่หู และคำถามนั้นก็ทำให้เขากลอกตาไปมาอย่างอ่อนใจที่เพื่อนร่วมงานทำตัวเหมือนพวกความจำสั้น แถมทำทุกอย่างเป็นเล่นไปหมดจนแทบไม่รู้ว่า ไม่รู้จริง ๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ และนั่นก็ทำให้เขานึกแปลกใจตัวเองที่ยังทนใจเย็นกับอีกคนอยู่ได้มาร่วมสิบปี


“เรือผีก็คือเรือผี ตรงตามตัวอักษร” เขาตอบ “นายเคยได้ยินเรื่องเรือฟลายอิ้งดัตช์แมนหรือเปล่า”


“ฟลายอิ้งดัตช์แมน… ฟังดูคุ้น ๆ” อีกฝ่ายโคลงศีรษะไปมา พยายามนึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มกว้างเมื่อคิดออก “เรือผีที่ต้องลอยลำอยู่ในทะเลไปตลอดกาลแบบในหนังเรื่องไพเรทส์ออฟเดอะคาริบเบียนใช่มั้ย”


คำตอบของอีกฝ่ายทำให้เขาอดยิ้มขันไม่ได้ ความจริงแล้ว เขาหมายถึงเรือผีในตำนานที่ต้องคำสาปให้เดินทางในมหาสมุทรไปตลอดกาลโดยไม่อาจขึ้นฝั่งเทียบท่าใด ๆ ได้ต่างหาก และไม่เคยมีชื่อภาพยนตร์ชุดนั้นอยู่ในความคิดเลยด้วยซ้ำไป แต่เอาเถอะ ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียง “จะว่าอย่างนั้นก็ได้”


“คิงส์แมนเป็นองค์กรสายลับไม่ใช่บริษัทกำจัดผีแบบในหนังโกสต์บัสเตอร์” ลานซล็อตยกขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในร้าน เพอร์ซิวาลเชื่ออย่างจริงจังว่า คู่หูของเขาคงฮัมเพลงธีมของภาพยนตร์ไซไฟปราบผียุคแปดศูนย์เรื่องนั้นออกมาด้วย “ถ้าอยากได้มืออาชีพแบบรับรองผลได้ ก็น่าจะไปขอบาทหลวงที่ได้รับใบอนุญาตจากวาติกันสักคนมาจัดการมากกว่า”


“เกรงว่าจะต้องขอความอนุเคราะห์จากท่านที่ว่ายน้ำเป็นและไม่เมาคลื่นมาช่วย” เพอร์ซิวาลว่า ลุกขึ้นไปยกถ้วยแฟลตไวท์ของตนเองและลองแบล็คของอีกคนที่นั่งด้วยกันมาจากเคาน์เตอร์ ในขณะที่เจ้าของกาแฟอีกถ้วยตามมาเอาจานเค้กแบตเตนเบิร์กที่ด้านในเป็นสปันจ์เค้กเนื้อเบากับแยมเรียงเป็นตาหมากรุกสีเหลืองวานิลลาตัดสลับกับสีชมพูสตรอว์เบอร์รี่หุ้มด้วยมาร์ซิแพนสีขาวของตนเองกลับไปที่โต๊ะอย่างอารมณ์ดี  


“ขอน้ำตาลหน่อย” ไม่ทันจะนั่งลง ก็เรียกหาน้ำตาลอีกตามเคย “ขอบใจมาก”


เขาส่งของที่ต้องการกับคนที่เรียกหา จิบกาแฟของตนเองพลางนั่งดูเพื่อนเก่าแก่ดื่มกาแฟดำใส่น้ำตาล มิหนำซ้ำยังตัดขนมเค้กรสหวานจัดเข้าปากตามเข้าไปอีก “นายนี่มันพวก sugar daddy ตัวจริงเลยนะนี่”


คนที่กำลังมีความสุขกับการกินเงยหน้าขึ้นจากของหวาน ขมวดคิ้วมองคนพูดนิดหนึ่ง “นี่นายทำงานหนักจนสับสนระหว่าง คำว่า sugar daddy ที่หมายถึง เศรษฐีแก่ที่เลี้ยงอีหนู กับ sugar addict ที่แปลว่า พวกเสพติดน้ำตาลหรือไง…”


“ขอโทษที ใช้คำผิดไปนิด” เพอร์ซิวาลหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไหวไหล่แบบไม่ถือสา แล้วก้มหน้าก้มตาละเลียดเค้กกับกาแฟต่อไป


เมื่อเทียบกับทุกคน ลานซล็อตจัดว่า ‘โดดเด่น’ กว่าใคร ตั้งแต่เครื่องแต่งกายที่เลือกใช้สูทโทนสีน้ำตาล คู่เนคไทและเสื้อเชิ้ตสีสว่าง เขาเป็นคนร่าเริง มีอารมณ์ขัน ไม่คิดเล็กคิดน้อย ตรงไปตรงมาและค่อนข้างจะโผงผาง ไม่เหมือนสุภาพบุรุษชาวอังกฤษตามแบบแผนสักเท่าไหร่ สำหรับเพอร์ซิวาล นั่นถือเป็นข้อดีและเป็นส่วนที่เขาชอบ เพราะไม่เสียเวลาต้องตีความอ้อมโลกเวลาพูดคุย และความเด็ดขาดในการลงมือของอีกฝ่ายที่ทำให้ทุกอย่างจบลงอย่างรวดเร็วและง่ายดายก็เป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งที่เขายอมรับด้วยเช่นกัน



ถึงกระนั้น คู่หูที่เมอร์ลิน ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนสายลับและดูแลเรื่องแผนปฏิบัติการทั้งหมดเลือกให้ ก็ทำให้เขาปวดหัวได้เกือบทุกครั้ง โดยเฉพาะงานที่ต้องเก็บฝ่ายตรงข้ามเอาไว้สอบสวนหรือซักถามข้อมูล เพราะเพื่อนเป็นคนประเภทที่ชอบลงมือก่อนถามทีหลัง ถ้าไม่คอยรั้งหรือระวังหลังเอาไว้ให้บ้าง คนที่ต้องเก็บกวาดตามหลังคงมีภาระล้นมือพอ ๆ กับเจ้าภาพที่ต้องตื่นมาเก็บเศษซากความบันเทิงที่หลงเหลือจากงานปาร์ตี้สุดเหวี่ยงในคืนวันศุกร์ที่เงินเดือนออกอย่างไรอย่างนั้น


“เอาละ” ลานซล็อตวางถ้วยกาแฟที่ดื่มหมดแล้วลงกับจานรอง “นายบอกฉันทีซิว่า ทำไมการจัดการเรือผีที่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่ในช่องแคบอังกฤษถึงเป็นเรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของหมอผี”


ที่ถามมา อย่างน้อยก็พอจะอุ่นใจได้ว่า อีกฝ่ายฟังและจำที่เขาเล่าที่มาที่ไปอย่างย่อ ๆ ก่อนหน้านี้ได้อยู่


เพอร์ซิวาลหยิบเอาสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท พลิกดูรายละเอียดที่ตนเองจดเอาไว้ก่อนหน้านี้เพื่อความแน่ใจ ถึงจะมีความรู้เรื่องเทคโนโลยีสมัยใหม่พอตัว แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเขียนด้วยลายมือเร็วกว่า และยอมรับว่าตัวเองอายุมากเกินกว่าจะมานั่งพิมพ์ข้อความจากแป้นอักษรตัวเล็ก ๆ ในโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตอย่างที่คนหนุ่มสาวสมัยนี้ทำกัน และนั่นก็เป็นเหตุผลเดียวกันที่เมอร์ลินต้องมีคลิปบอร์ดสำหรับจดบันทึกโน่นนี่ติดตัวอยู่ตลอดเวลาแทนที่จะเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบพกพาประเภทอื่นด้วย ทั้งที่เจ้าตัวเชี่ยวชาญเรื่องระบบคอมพิวเตอร์และการใช้คอมพิวเตอร์ยิ่งกว่าใครในองค์กร


เรือผีที่กลายมาเป็นภารกิจขององค์กรสายลับอย่างคิงส์แมนครั้งนี้มีชื่อว่า ยูริดิซ ซึ่งเป็นชื่อของนางไม้คู่รักของออฟิอุส ตัวละครในปกรณัมกรีกที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรมไม่ต่างกัน


เอช เอ็ม เอส ยูริดิซ (HMS Eurydice) หรือ เรือหลวงยูริดิซ เป็นเรือเดินสมุทรแบบสามเสากระโดงที่ได้รับออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเรือรบและเรือลาดตระเวนในช่วงกลางศตวรรษที่สิบเก้า รับใช้กิจการรักษาความสงบภายในประเทศและในกิจการสงครามของราชนาวีอังกฤษมาตั้งแต่ ค.ศ. 1843 หลังจากได้รับการซ่อมแซมครั้งใหญ่เมื่อรับใช้ประเทศชาติมาร่วมสิบปี เรือหลวงยูริดิซก็เปลี่ยนหน้าที่จากเรือรบมาเป็นเรือที่ใช้ในการสอนและฝึกซ้อมการเดินเรือให้แก่บุคคลที่สมัครเข้ามาเป็นทหารเรือ โดยมีสถานที่ประจำการหลักอยู่ที่พอร์ทสมัธ จนกระทั่งปี 1878 ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของราชนาวีอังกฤษก็เกิดขึ้น เพราะขณะกลับมาจากการเดินทางไปหมู่เกาะเวสต์อินดีสและเบอร์มิวดา เรือยูริดิซได้เผชิญกับพายุหิมะกลางทะเลในเขตไอส์ออฟไวท์จนเรือแตกและจมลงในน้ำทะเลเย็นเฉียบกลางเดือนพฤศจิกายน จากกัปตันและลูกเรือทั้งหมดสามร้อยสิบเก้าชีวิต มีผู้เหลือรอดเพียงสองคนเท่านั้น


มีเรื่องเล่าว่า ในวันและเวลาที่เรือยูริดิซจมลงใต้ผืนมหาสมุทรแอตแลนติก มีผู้พบเห็นเรือรบสามเสากระโดงสีขาวแล่นใบและเปิดช่องปืนใหญ่เอาไว้เหมือนพร้อมรบลอยลำอยู่ในอ่าวเวนท์เนอร์ ทั้งที่เรือลำจริงนั้นอยู่ห่างจากชายฝั่งออกไปถึงเจ็ดสิบไมล์ทะเล และหลังจากซากเรือที่แตกพังถูกคลื่นซัดขึ้นมายังฝั่ง ก็ยังมีนักเดินเรือหลายรายที่เห็นเรือยูริดิซลอยอยู่อย่างภาคภูมิเหนือผืนน้ำ ณ จุดที่เรือจมอยู่หลายครั้ง และนั่นคือที่มาของปีศาจเรือยูริดิซ


“ถึงจะมีรายงานว่าเรือที่มีคนพบเห็นดูเหมือนเรือหลวงยูริดิซที่เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ดยุคแห่งเวสเซ็กซ์ทรงพบเห็นระหว่างการถ่ายทำรายการที่ไอส์ออฟไวท์เมื่อปี 1998 แต่เผอิญเรือยูริดิซที่โผล่ออกมาให้คนเห็นในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ มีเงื่อนงำแปลก ๆ จนไม่น่าจะเป็นเรือผีจริง ๆ มันเลยกลายเป็นงานของเรา”


“เงื่อนงำที่ว่าคืออะไร”


“ความถี่ในการพบเห็นเรือยูริดิซแถบอ่าวเวนท์เนอร์บ่อยขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งปี โดยเฉพาะในวันที่มีหมอกจัดหรือฝนตก ส่วนมากมักจะเป็นจุดเดิมและอยู่นิ่ง ๆ ไม่มีความเคลื่อนไหว ผิดไปจากรายงานการพบเห็นในช่วงสิบปีกว่าปีก่อน และในช่วงเวลาที่เรือผีนั่นปรากฏขึ้น อุปกรณ์นำร่องของเรือเล็กในเขตอ่าวเวนท์เนอร์ และอุปกรณ์รับส่งสัญญาณภาคพื้นดินของวิทยุการบินซึ่งตั้งอยู่แถวนั้นมักจะขัดข้องไปชั่วระยะหนึ่ง ถึงจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายในตอนนี้ แต่ก็เป็นเรื่องผิดปกติอยู่ดี และเราไม่รู้ว่าในอนาคตเหตุการณ์ที่ว่าจะร้ายแรงกว่าที่เป็นอยู่หรือไม่”


“ผีที่ทำให้ข้าวของเสียหาย หรือทำให้ของลอยได้อย่างโพลเตอร์ไกส์ ก็มีไม่ใช่เหรอ ถ้าเรือผีจะกวนคลื่นวิทยุบ้าง มันก็ไม่น่าจะแปลกนี่”


ข้อสังเกตของลานซล็อตทำให้เพอร์ซิวาลตัดสินใจไม่ถูกว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ที่อีกฝ่ายพาออกทะเลไปหน้าตาเฉย มิหนำซ้ำ สิ่งที่พูดมาก็ไม่ผิด แถมจะตอบกลับไปว่าไม่ใช่ก็ไม่ได้ และจะว่าเกี่ยวกับงานหรือไม่เกี่ยวกับงานก็ได้เหมือนกัน


“ลองไปดูก่อนว่าเป็นคนหรือผี ถ้าตรวจสอบแล้วปรากฏว่ามันเป็นผี ก็กลับลอนดอนแค่นั้น โอเคมั้ย” เขาตัดบท “ได้หนีจากลอนดอนไปเที่ยวเมืองตากอากาศชายทะเลทางใต้ไม่ดีหรือไง”


“ถ้าเป็นมัลดีฟ หรือภูเก็ต ต่อให้เมอร์ลินแจกงานให้คนอื่น ฉันก็จะเสนอหน้าไปขอมาทำด้วยซ้ำไป แต่นี่มันทะเลอังกฤษปลายฤดูใบไม้ร่วง ไม่เห็นมีอะไรนอกจากฝนกับหมอก แล้วก็คุณตาคุณยายที่เอาหมามาเดินเล่นริมชายหาด” ลานซล็อตยังโอดต่อ แต่ก็ชิงยอมตกลงตัดหน้า ก่อนที่เขาจะดุเข้าสักยกในฐานที่อิดออดไม่ยอมทำงาน “แต่เอาเหอะ มีนายไปด้วยก็คงไม่น่าเบื่อเท่าไหร่”


“ดี ฉันจะกลับร้านหนังสือไปจัดการเรื่องบัญชี ส่วนนายกลับไปเอารถและจัดการเรื่องอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม” เพอร์ซิวาลรีบสรุป ก่อนที่อีกฝ่ายจะหาเรื่องใหม่ขึ้นมาพูดให้ยาวไปกว่านี้ “เราจะขับรถไปเวนท์เนอร์จากลอนดอน งานนี้ เราต้องดูท่าทีของฝ่ายตรงข้ามก่อนแล้วค่อยตกลงว่าจะเอายังไง อาจจะต้องไปหลายวัน เรื่องที่พัก ฉันขอให้เมอร์ลินจัดการให้แล้ว”


“ถ้าเมอร์ลินเป็นคนเดินเรื่อง ที่พักที่ว่าต้องมีค่าเช่าไม่เกินคืนละห้าสิบปอนด์แน่ ๆ” คู่หูของเขาหัวเราะ เมื่อพาดพิงถึงบุคคลที่สาม “ว่าแต่นายเถอะ รับงานมาและจะต้องไปวันพรุ่งนี้แล้ว ยังต้องจัดการเรื่องกิจการร้านหนังสืออยู่อีกเหรอ”


ถึงร้านหนังสือร้านนั้นเป็นร้านที่องค์กรเปิดขึ้นมาบังหน้ากิจกรรมลับและประสานงานกับสาขาอื่นก็จริง แต่สำหรับเขาแล้ว ธุรกิจก็คือธุรกิจอยู่ดี และที่สำคัญเงินที่ได้จากการขายหนังสือก็เป็นเงินที่เอามาหมุนเวียนใช้ในองค์กรได้จริงเสียด้วย


“ช่วยไม่ได้นี่นะ ฉันต้องรักษาผลประโยชน์ขององค์กร เงินมหาศาลที่เราต้องใช้มันไม่ได้งอกขึ้นมาจากดิน นายก็รู้”


อีกฝ่ายยกมือยอมแพ้ ไม่ต่อความ “มีของอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษสำหรับทริปนี้หรือเปล่า”


แน่นอนว่า คนพูดหมายถึงอาวุธคู่มือสำหรับการปฏิบัติการ


“คิดว่าไม่ ขอเหมือนเดิมก็แล้วกัน”


คำว่า ‘เหมือนเดิม’ ของเขา คือ ปืนไรเฟิลซุ่มยิงหรือสไนเปอร์ไรเฟิลที่เขาจำเป็นต้องใช้สำหรับคุ้มกันคู่หูที่ออกหน้าไปจัดการกับเป้าหมายให้เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะตามไปจัดการให้ทุกอย่างอยู่ในร่องในรอยตามแผนปฏิบัติการที่วางไว้  


“รับทราบ” ลานซล็อตยกมือวันทยาหัตถ์ให้อย่างล้อเลียน ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมขยิบตาให้ “อย่าทำงานดึกดื่นนักล่ะ พรุ่งนี้จะไปรับที่แฟลตตอนเจ็ดโมงเช้า จัดกระเป๋า เตรียมตัวให้พร้อมนะจ๊ะ หวานใจ เดี๋ยวป๋าจะพาไปเที่ยวทะเล”


ให้ตายสิ ไม่น่าเลย โดนเอาคืนจนได้… เพอร์ซิวาลครางในใจ แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งถอนใจมองอีกฝ่ายที่เดินออกจากร้านจนลับสายตาไป


ถึงจะทำงานร่วมกันด้วยดีเสมอมา แต่บางครั้งเขาก็เคยสงสัยว่า ตอนเข้ารับการฝึกและได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกขององค์กร เขาเคยไปทำให้เมอร์ลินแค้นหรือไม่พอใจ หรือเผลอยืมของที่เจ้าตัวหวงนักหวงไปแล้วลืมคืนหรืออย่างไร ถึงได้จัดคนประเภทนี้มาให้เป็นคู่หู


แต่จะว่าไปแล้ว นับจากวันนั้นมาถึงบัดนี้ ถ้าขาดลานซล็อตไปสักคน ชีวิตคงเงียบเหงาน่าดูอยู่เหมือนกัน…



(มีต่อนะคะ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่