ในช่วงต้นของยุทธการแห่งแอตแลนติก (Battle of the Atlantic) กองทัพเรืออังกฤษเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรงจาก เรือดำน้ำ U-boat ของเยอรมนีที่สามารถโจมตีขบวนเรือสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
1. ปัญหา: เรือดำน้ำที่มองไม่เห็น
เรือดำน้ำ U-boat ของเยอรมนีทำงานเป็น ฝูงหมาป่า (Wolfpack) โดยซุ่มซ่อนอยู่ใต้น้ำและจะโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำในช่วงสั้น ๆ เพื่อ ส่งสัญญาณวิทยุ แจ้งตำแหน่งของขบวนเรือสินค้าไปยังเรือ U-boat ลำอื่น ๆ
แม้ว่าการส่งสัญญาณจะใช้เวลาเพียง 30 วินาทีถึง 1 นาที แต่มันก็เพียงพอให้ฝ่ายอังกฤษรู้ว่า U-boat อยู่ในพื้นที่นั้น ๆ แต่ก็ไม่นานพอที่จะระบุตำแหน่งที่แม่นยำได้ทันเวลา
.
2. เทคโนโลยีที่พลิกเกม: Huff-Duff
ชื่อย่อ: Huff-Duff มาจากคำเต็มว่า High-Frequency Direction Finding
Huff-Duff เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อน (สำหรับยุคนั้น) ติดตั้งอยู่บนเรือคุ้มกันของฝ่ายสัมพันธมิตร
มันสามารถดักจับและระบุทิศทางที่มาของสัญญาณวิทยุที่มีความถี่สูง (High-Frequency) ได้ทันทีที่สัญญาณถูกส่งออกมา แม้ว่าการส่งสัญญาณนั้นจะใช้เวลาเพียงเศษเสี้ยววินาทีก็ตาม
Huff-Duff ต่างจากเทคโนโลยีระบุทิศทางแบบเดิมที่ต้องใช้เวลานาน ในการคำนวณ Huff-Duff สามารถแสดงทิศทางของ U-boat ได้อย่างรวดเร็วมาก จนเจ้าหน้าที่สามารถเห็นทิศทางของสัญญาณที่ "เด้ง" ขึ้นมาบนหน้าจอ
.
3. ผลลัพธ์: การเปลี่ยนจากผู้ล่าเป็นผู้ถูกล่า
เมื่อ U-boat โผล่ขึ้นมาเพื่อส่งสัญญาณ (ซึ่งพวกเขาคิดว่าปลอดภัย) Huff-Duff จะเปิดโปงตำแหน่งของพวกเขาทันที
เรือคุ้มกันสามารถหันหัวเรือมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ Huff-Duff ระบุ และปล่อยระเบิดน้ำลึก (Depth Charges) ได้ทันที ทำให้ U-boat ต้องดำดิ่งลงใต้น้ำหรือถูกทำลายก่อนที่จะสามารถหลบหนีได้
.
Huff-Duff ถือเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญที่ช่วยให้ฝ่ายสัมพันธมิตรเอาชนะ U-boat และพลิกสถานการณ์ในยุทธการแห่งแอตแลนติกได้สำเร็จในที่สุด นักประวัติศาสตร์หลายคนยกย่องว่าการพัฒนานี้มีความสำคัญเทียบเท่ากับการถอดรหัสลับของเยอรมนี (Enigma) เลยทีเดียว
นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีลับสามารถมีผลต่อการตัดสินสงครามได้อย่างไรครับ
ขอขอบคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลนะครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง
🎧การค้นพบความลับ: อุปกรณ์ "ฮัฟ-ดัฟ" ฝันร้ายของเรือดำน้ำ
.
1. ปัญหา: เรือดำน้ำที่มองไม่เห็น
เรือดำน้ำ U-boat ของเยอรมนีทำงานเป็น ฝูงหมาป่า (Wolfpack) โดยซุ่มซ่อนอยู่ใต้น้ำและจะโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำในช่วงสั้น ๆ เพื่อ ส่งสัญญาณวิทยุ แจ้งตำแหน่งของขบวนเรือสินค้าไปยังเรือ U-boat ลำอื่น ๆ
แม้ว่าการส่งสัญญาณจะใช้เวลาเพียง 30 วินาทีถึง 1 นาที แต่มันก็เพียงพอให้ฝ่ายอังกฤษรู้ว่า U-boat อยู่ในพื้นที่นั้น ๆ แต่ก็ไม่นานพอที่จะระบุตำแหน่งที่แม่นยำได้ทันเวลา
.
2. เทคโนโลยีที่พลิกเกม: Huff-Duff
ชื่อย่อ: Huff-Duff มาจากคำเต็มว่า High-Frequency Direction Finding
Huff-Duff เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อน (สำหรับยุคนั้น) ติดตั้งอยู่บนเรือคุ้มกันของฝ่ายสัมพันธมิตร
มันสามารถดักจับและระบุทิศทางที่มาของสัญญาณวิทยุที่มีความถี่สูง (High-Frequency) ได้ทันทีที่สัญญาณถูกส่งออกมา แม้ว่าการส่งสัญญาณนั้นจะใช้เวลาเพียงเศษเสี้ยววินาทีก็ตาม
Huff-Duff ต่างจากเทคโนโลยีระบุทิศทางแบบเดิมที่ต้องใช้เวลานาน ในการคำนวณ Huff-Duff สามารถแสดงทิศทางของ U-boat ได้อย่างรวดเร็วมาก จนเจ้าหน้าที่สามารถเห็นทิศทางของสัญญาณที่ "เด้ง" ขึ้นมาบนหน้าจอ
.
3. ผลลัพธ์: การเปลี่ยนจากผู้ล่าเป็นผู้ถูกล่า
เมื่อ U-boat โผล่ขึ้นมาเพื่อส่งสัญญาณ (ซึ่งพวกเขาคิดว่าปลอดภัย) Huff-Duff จะเปิดโปงตำแหน่งของพวกเขาทันที
เรือคุ้มกันสามารถหันหัวเรือมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ Huff-Duff ระบุ และปล่อยระเบิดน้ำลึก (Depth Charges) ได้ทันที ทำให้ U-boat ต้องดำดิ่งลงใต้น้ำหรือถูกทำลายก่อนที่จะสามารถหลบหนีได้
.
Huff-Duff ถือเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญที่ช่วยให้ฝ่ายสัมพันธมิตรเอาชนะ U-boat และพลิกสถานการณ์ในยุทธการแห่งแอตแลนติกได้สำเร็จในที่สุด นักประวัติศาสตร์หลายคนยกย่องว่าการพัฒนานี้มีความสำคัญเทียบเท่ากับการถอดรหัสลับของเยอรมนี (Enigma) เลยทีเดียว
นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีลับสามารถมีผลต่อการตัดสินสงครามได้อย่างไรครับ
ขอขอบคุณเพจตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่องจากเฟซบุ๊คที่อนุญาตให้เผยแพร่ข้อมูลนะครับ
ตู้หนังสือเก่าเล่าเรื่อง