
กองกำลังสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศใส่เรือต้องสงสัยขนยาเสพติดในน่านน้ำสากลของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 6 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการดังกล่าวเพิ่มเป็น 76 ราย
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีต เฮกเซธ เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X เมื่อวันจันทร์ว่า เรือทั้งสองลำที่ถูกโจมตีมีผู้โดยสารลำละ 3 คน ทุกคนเสียชีวิต ไม่มีทหารสหรัฐฯ ได้รับบาดเจ็บ หลังจากที่กองกำลังสหรัฐฯโจมตีทางอากาศใส่เรือต้องสงสัยขนยาเสพติดในน่านน้ำสากลของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก
แม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะอ้างว่าเรือเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการขนลำเลียงยาเสพติด แต่จนถึงขณะนี้ยัง ไม่มีการเปิดเผยหลักฐานชัดเจน ว่าเรือที่ถูกโจมตีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาหรือเป็นภัยต่อสหรัฐฯ จริงหรือไม่ โดยเฮกเซธระบุว่า เรือทั้งสองลำอยู่ภายใต้การดำเนินงานขององค์กรก่อการร้ายที่ได้รับการขึ้นบัญชี แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อของกลุ่มดังกล่าว พร้อมทั้งยืนยันว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ปกป้องมาตุภูมิภายใต้รัฐบาลทรัมป์
กระทรวงกลาโหมระบุเพิ่มเติมว่า ปฏิบัติการนี้ทำลายเรือที่ต้องสงสัยแล้วอย่างน้อย 20 ลำ รวมถึงเรือกึ่งดำน้ำหนึ่งลำ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์การปราบยาเสพติดทางทะเลของสหรัฐฯ
ด้านนักวิเคราะห์และนักสิทธิมนุษยชนหลายฝ่ายวิจารณ์ว่า การโจมตีดังกล่าว ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และอาจเข้าข่าย การประหารชีวิตโดยมิชอบ แม้เป้าหมายจะเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็ตาม
องค์กรสิทธิมนุษยชนระบุว่า มีผู้รอดชีวิตเพียง 2 คน จากเหตุโจมตีทั้งหมด และทั้งคู่ถูกส่งกลับประเทศต้นทางคือเอกวาดอร์และโคลอมเบีย โดยไม่มีการตั้งข้อหาทางอาญาใด ๆ
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ มักใช้ยุทธวิธีจับกุมเรือที่ต้องสงสัยลักลอบขนยาเสพติด ไม่ใช่ทำลายเรือหรือสังหารลูกเรือทั้งหมด เพราะการขนยาเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ความผิดที่มีโทษถึงประหารชีวิต ตามกฎหมายอเมริกัน
โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า มีหลักฐานชี้ชัดอย่างมาก ว่าการโจมตีเหล่านี้ละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดการสอบสวนอย่างโปร่งใส
เติร์กกล่าวกับสำนักข่าว AFP ว่า เขาขอเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ สอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง และถามตัวเองว่า ปฏิบัติการเหล่านี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ เป็นการสังหารนอกกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลที่มีอยู่ เขาเห็นว่ามีสัญญาณชัดเจนมากว่ามันเป็นเช่นนั้น
การโจมตีครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในช่วงที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เพิ่มกำลังในภูมิภาคแคริบเบียน โดยนอกจากเรือรบ 6 ลำที่ประจำการอยู่แล้ว ยังมีกลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Gerald R. Ford กำลังเดินทางเข้าสมทบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
วอชิงตันระบุว่า ภารกิจนี้มีเป้าหมายเพื่อต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด แต่รัฐบาลเวเนซุเอลา โดยเฉพาะประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร มองว่าการเสริมกำลังทางทะเลของสหรัฐฯ เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ และอาจเป็นข้ออ้างเพื่อพยายามโค่นล้มรัฐบาลของเขา.
ที่มา : channelnewsasia
คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ สหรัฐอเมริกา
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2894717
สหรัฐฯ ถล่มเรือต้องสงสัยขนยาเสพติดในแปซิฟิก เด็ดหัวผู้ต้องสงสัย 6 ศพ
กองกำลังสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศใส่เรือต้องสงสัยขนยาเสพติดในน่านน้ำสากลของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 6 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการดังกล่าวเพิ่มเป็น 76 ราย
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีต เฮกเซธ เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X เมื่อวันจันทร์ว่า เรือทั้งสองลำที่ถูกโจมตีมีผู้โดยสารลำละ 3 คน ทุกคนเสียชีวิต ไม่มีทหารสหรัฐฯ ได้รับบาดเจ็บ หลังจากที่กองกำลังสหรัฐฯโจมตีทางอากาศใส่เรือต้องสงสัยขนยาเสพติดในน่านน้ำสากลของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก
แม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะอ้างว่าเรือเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการขนลำเลียงยาเสพติด แต่จนถึงขณะนี้ยัง ไม่มีการเปิดเผยหลักฐานชัดเจน ว่าเรือที่ถูกโจมตีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาหรือเป็นภัยต่อสหรัฐฯ จริงหรือไม่ โดยเฮกเซธระบุว่า เรือทั้งสองลำอยู่ภายใต้การดำเนินงานขององค์กรก่อการร้ายที่ได้รับการขึ้นบัญชี แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อของกลุ่มดังกล่าว พร้อมทั้งยืนยันว่าการโจมตีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ปกป้องมาตุภูมิภายใต้รัฐบาลทรัมป์
กระทรวงกลาโหมระบุเพิ่มเติมว่า ปฏิบัติการนี้ทำลายเรือที่ต้องสงสัยแล้วอย่างน้อย 20 ลำ รวมถึงเรือกึ่งดำน้ำหนึ่งลำ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์การปราบยาเสพติดทางทะเลของสหรัฐฯ
ด้านนักวิเคราะห์และนักสิทธิมนุษยชนหลายฝ่ายวิจารณ์ว่า การโจมตีดังกล่าว ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และอาจเข้าข่าย การประหารชีวิตโดยมิชอบ แม้เป้าหมายจะเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็ตาม
องค์กรสิทธิมนุษยชนระบุว่า มีผู้รอดชีวิตเพียง 2 คน จากเหตุโจมตีทั้งหมด และทั้งคู่ถูกส่งกลับประเทศต้นทางคือเอกวาดอร์และโคลอมเบีย โดยไม่มีการตั้งข้อหาทางอาญาใด ๆ
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ มักใช้ยุทธวิธีจับกุมเรือที่ต้องสงสัยลักลอบขนยาเสพติด ไม่ใช่ทำลายเรือหรือสังหารลูกเรือทั้งหมด เพราะการขนยาเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ความผิดที่มีโทษถึงประหารชีวิต ตามกฎหมายอเมริกัน
โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า มีหลักฐานชี้ชัดอย่างมาก ว่าการโจมตีเหล่านี้ละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดการสอบสวนอย่างโปร่งใส
เติร์กกล่าวกับสำนักข่าว AFP ว่า เขาขอเรียกร้องให้ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ สอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง และถามตัวเองว่า ปฏิบัติการเหล่านี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ เป็นการสังหารนอกกฎหมายหรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลที่มีอยู่ เขาเห็นว่ามีสัญญาณชัดเจนมากว่ามันเป็นเช่นนั้น
การโจมตีครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในช่วงที่กองทัพเรือสหรัฐฯ เพิ่มกำลังในภูมิภาคแคริบเบียน โดยนอกจากเรือรบ 6 ลำที่ประจำการอยู่แล้ว ยังมีกลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Gerald R. Ford กำลังเดินทางเข้าสมทบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
วอชิงตันระบุว่า ภารกิจนี้มีเป้าหมายเพื่อต่อต้านการลักลอบค้ายาเสพติด แต่รัฐบาลเวเนซุเอลา โดยเฉพาะประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร มองว่าการเสริมกำลังทางทะเลของสหรัฐฯ เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ และอาจเป็นข้ออ้างเพื่อพยายามโค่นล้มรัฐบาลของเขา.
ที่มา : channelnewsasia
คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ สหรัฐอเมริกา
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2894717