อาจจะเรื่อยเปื่อยนิดนึงนะครับ แต่เขียนไว้เป็น Milestone ของตัวเอง ^_____^
ถ้าเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆก็จะดีมากครับ
ออกตัวก่อนผมไม่ใช่โปรอะไรนะครัช แค่คนวิ่งธรรมดาๆคนนึง
ก็ไม่เคยคิดครับ ว่าชีวิตจะต้องมาวิ่งมาราธอน 5-6 ชั่วโมง (เคยบ่นคนอื่นมาก่อน)
แต่หลังจากได้เริ่มวิ่งแล้ว เหมือนมันมีเป้าหมายที่เราต้องทำให้สำเร็จ
ขออ้างอิงจากเพจ 42.195K เราจะไปมาราธอนด้วยกันนะครับ
"มาราธอน ไม่ใช่ทุกคนจะวิ่งได้"
"การวิ่งมาราธอน เป็นรางวัลชีวิต เป็นชัยชนะส่วนตัว ไปตลอดชีวิต"
"คนที่ไม่มุ่งมั่นจริงจริง ไม่มีวันจะฝึกวิ่งมาราธอนได้"
เท่านั้นแหล่ะชีวิตฮึกเฮิมเลย ...
หลังจากผ่านมาราธอนแรกไปแล้ว เลยอยากจะบอกเล่าเก้าสิบ ประสบการณ์อุ่นๆ ...
ขอแบ่งเป็น 3 ส่วนฮะ
1. ก่อนวิ่งมาราธอน
2. วิ่งมาราธอน
3. หลังวิ่งมาราธอน
ก่อนวิ่งมาราธอน
เอาประวัติ physical คร่าวๆนะครับ
สูง 176 หนัก 81 (ก่อนหน้านี้พีค 85 =.=)
โรคประจำตัว: ภูมิแพ้ (แพ้เกือบทุกสิ่งอย่าง)
ซ้อม: ปกติจะซ้อมเช้าๆที่สวนลุมครับ วันอังคาร พฤหัส อาทิตย์ ประมาณ 2-6 รอบ แล้วแต่อารมณ์ ฮา ... แต่วิ่งเช้าให้ความรู้สึกต่างจากเย็นมากนะฮะ ^^
แอพที่ใช้: Runtastic Pro, Run keeper แต่หลังๆใช้ Runtastic มากกว่า ... เพราะชิน ...
ร้องเท้า: Brook, glycerin 12
กางเกง: หลังสนามศุภ ... มันช่วยได้เยอะครับ ขาจะได้ไม่เสียดสีกัน ... แต่ของผมแบบถูกๆ นะฮะ
เริ่มวิ่งครั้งแรก เมื่อปีกว่าๆ งานโรคเอดส์ที่จตุจักร จากนั้นลง Half 3 ครั้ง งาน BKK, ธรรมศาสตร์, Empire ที่เหลืองานยิบย่อยอีกมากมาย ^^
รู้ตัวว่าจะวิ่ง BKKmarathon ประมาณเดือนกรกฎาคม ... เป้าหมายที่ตั้งไว้คือ วิ่งให้จบ พอแล้ว ...
ตอนนั้นหนัก 85 ... เลยตั้งเป้าว่า สิงหาคม จะลดน้ำหนัก กันยาจะเริ่มวอร์ม ตุลาซ้อมจริงจัง ...
ความเป็นจริง หมดเดือนสิงหาน้ำหนักไม่ลด ... กันยาเพิ่งเริ่มลด ... ตุลาเริ่มวิ่ง ... แถมเจ็บอีก ... ฮา
อุปสรรคก่อนวิ่งมาราธอน คือหลังจากวิ่ง Empire แล้ว เอ็นข้างหัวเข่าอักเสบ หมอให้พัก 2 อาทิตย์ ... แต่เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน ใจสั่งมา ต้องวิ่งให้ได้ (รั้น)
สรุปได้ว่า ก่อนวิ่ง BKKmarathon ได้ซ้อม 4 รอบ ... รอบล่ะ 10 โล ... กายไม่พร้อมใจพร้อม ...
ก่อนวิ่ง 2 วันไปนวดเส้น อัดคาร์โบ (ล่วงหน้า 2 วัน) ฮาาา คือคิดเอาเองว่ามันคงช่วยได้ ...
วิ่งมาราธอน
ไม่เคยวิ่งตอนตี 2 มาก่อน ... วางแผนไม่ถูกเลยทีเดียวจะนอนตอนไหน สรุป นอน 2 ทุ่ม ตื่นเที่ยงคืนก่าๆ ... ขอบคุณเพจ เราจะไปมาราธอนด้วยกันฮะ
ไปถึงก็ตี 1 ครึ่งล่ะ คนเยอะมากมาย รู้สึกเฉพาะมาราธอนนี่จะเยอะกว่ารายการบางที่เลยทีเดียว
เริ่มวิ่งเลยล่ะกัน ผมมีคอนเซปต์การวิ่งง่ายๆฮะ
1. แต่ล่ะก้าว ทำให้ร่างกายสะเทือนน้อยที่สุด บอบช้ำน้อยที่สุด ถ้าเริ่มเจ็บฝ่าเท้า ก็ใช้ปลายเท้าแทน ... เจ็บหน้าแข้งก็พยายามลงส้นแทน ... วนไปวนมา จนเจ็บหมด ... แขนยังเป็นตะคริวได้ ฮาาา
2. ใช้กล้ามเนื้อใหญ่ ยกกล้ามเนื้อเล็ก ... ผมจำที่มาไม่ได้ล่ะ ... ประมาณว่าใช้ต้นขาวิ่งมากกว่า จะเหมือนวิ่งทิ่มเข่าไปข้างหน้า ... คือผ่อนแรงของน่องอ่ะครับ
3. รู้ตัวเอง ... อันนี้สำคัญสุดเลย ถ้าเรารู้ตัวเองดี เราจะรู้ว่าเราควรวิ่งแบบไหน ท่าไหน ... (พูดเหมือนตัวเองเป็นโปร) ... รู้ตัวเองแล้วจะขีดกรอบการวิ่งง่ายขึ้นครับ
เป้าหมาย วิ่งให้ครบ วิ่งให้ทัน 6 ชั่วโมง ... ตั้งเป้าว่า 4 ชั่วโมงจะวิ่งได้ 30 กิโล ที่เหลือเดินโลด ... แต่ช่างขัดกับความเป็นจริงซะเหลือเกิน
ของที่เตรียมไป ... มั่วๆครับ อาศัยตามในเพจ เพื่อนบอก โน่นนี่นั่น
ดีใจที่สุดก็สเปรย์ฮะ ... ได้ใช้ตลอดทาง ... ส่วนกล้วยหมดตั้งแต่ ยังไม่ 21km T___T ...
ปล. ผมไม่ได้พกไปวิ่งทุกอย่างนะฮะ
เริ่มวิ่ง ...
10-12km ออกตัวข้ามสะพานแล้ว ... แวะปล่อยของทันที ... จากนั้นกระดึ๊บๆๆ เป็นแนวหลัง ... หาลูกโป่งไม่เจอสักระยะ ... แต่ประมาณว่าวิ่งไปยืดเส้นไป หยุดเรื่อยๆ ... ขออยู่กลุ่มรั้งท้าย วิ่งสบายๆ อิอิ
12km เจอ นักวิ่ง 3 คนสวนทางมา !!! นี่เค้ากินอะไรกันมา !!!
18km ดีใจมาก ที่วิ่งมาถึงตรงนี้แล้วยังไม่เจ็บเลย พยายามเซฟสุดๆ
21km เสียงจากแอฟดัง ... 2 hours 59 minutes (คิดในใจ ชิหายยยแล้ววววว !!!!) แล้วที่เหลือจะทันมั้ยนี่ ...
25km เสียงจากเอ็นข้างหัวเข่าเริ่มมาล่ะ ... ไม่เคยวิ่งมาไกลขนาดนี้มาก่อน มาได้ไกลสุดแล้ว ... ถึงจุดนี้เห็นเพื่อนร่วมทางมากมายเริ่มเจ็บ ถึงขนาดรถพยาบาลเต็มไปหลายคัน ... แต่เรายังสู้ต่อไป
27km อาการเริ่มหนัก ... ปวดจนต้องนั่งลงพื้น ... นวดขาตัวเอง ...
30-34km จำได้ว่าช่วงนี้เป็นระยะที่ยาวนานมาก ... ข้ามสะพาน (แอบสงสัยระยะทาง) ... เป็นช่วงที่ 2 จิต 2 ใจมากๆ ว่าเราจะวิ่งต่อหรือจะหยุด ... คิดอยู่นานจนผ่าน 35 ไปเรียบร้อย ... เพราะคิดได้ว่า เอาว่ะ 4 รอบสวนลุมเอง !! ... ตอนนั้นคำนวนได้ว่า แบตมือถือจะหมดแน่นอน ... ถ่ายรูปซะเลย ^^
35-38km เดินล้วนๆ ... เจอคนพัก พักตาม ... ขามันร้าวไปหมด ทั้งฝ่าเท้า ... ตะคริวขึ้น 2 ข้าง ... เจ็บใจป้าย ... มีป้าย 37km แล้วต่อด้วย 37.5km ทามมายยยย ... ทำไม 3-4 รอบสวนลุมมันไกลขนาดนี้ ...
38-42km วิ่งปะปนกับสายฟรุ๊งฟริ๊ง ... 10 กับ 4 โล แหม่ ... เดินไปถ่ายไป ... ตอนนั้น 7 โมงครึ่งแล้ว ... แดดส่องหลัง วิ่งตั้งแต่เย็นๆจนร้อน ... ระยะสุดท้ายนี้บอกได้เลยว่า เหลือเท่าไหร่ ใส่เข้าไปหมดตัว ...
ความรุ้สึกตอนเข้าเส้น ไม่ได้ภูมิใจกับเวลา แต่ดีใจที่วิ่งได้จบ ... ถึงเวลาจะไม่ดีก็ตาม ... สภาพดูไม่ได้ ...
หลังวิ่งมาราธอน
ถ้าถามว่าชีวิตเปลี่ยนมั้ยตั้งแต่มาวิ่ง ... เปลี่ยนสิครับ ... แทนที่จะเอาเวลาไปทำอย่างอื่น แหม่ ... แต่สุขภาพดีๆไม่มีขายนะครัช ^^
ก่อนวิ่งผมตั้งเป้าแค่ต้องการจะจบมาราธอนให้ได้ ซึ่งจริงๆผมก็วิ่งจนถึง ... แต่ตอนนี้ความท้าทายผมคือวิ่งให้ทัน 6 ชั่วโมง ... ปีหน้า เราจะได้เจอกันใหม่ครับ (เป้า 5 ชั่วโมง)
ขอบคุณกำลังใจจากเพื่อนๆ celeb เพื่อนร่วมซ้อม เพื่อนร่วมทาง เพื่อนใน social ทั้งหลาย ทั้งปวง ที่ได้แชร์ประสบการณ์ ความรู้ เทคนิค
ให้ผมได้รุ้ว่าโลกของการวิ่งมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ... แล้วเจอกันปีหน้าครับ ^^
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โทนี่

ทีมวิ่ง รันล้าาาา ไม่เคยได้ใส่เสื้อทีมวิ่งกันสักที ^^
ความภูมิใจเล็กๆ มาราธอนแรกในชีวิต (จบไม่สวย แต่ดีใจที่จบ) BKKmarathon 6:18
ถ้าเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆก็จะดีมากครับ
ออกตัวก่อนผมไม่ใช่โปรอะไรนะครัช แค่คนวิ่งธรรมดาๆคนนึง
ก็ไม่เคยคิดครับ ว่าชีวิตจะต้องมาวิ่งมาราธอน 5-6 ชั่วโมง (เคยบ่นคนอื่นมาก่อน)
แต่หลังจากได้เริ่มวิ่งแล้ว เหมือนมันมีเป้าหมายที่เราต้องทำให้สำเร็จ
ขออ้างอิงจากเพจ 42.195K เราจะไปมาราธอนด้วยกันนะครับ
"มาราธอน ไม่ใช่ทุกคนจะวิ่งได้"
"การวิ่งมาราธอน เป็นรางวัลชีวิต เป็นชัยชนะส่วนตัว ไปตลอดชีวิต"
"คนที่ไม่มุ่งมั่นจริงจริง ไม่มีวันจะฝึกวิ่งมาราธอนได้"
เท่านั้นแหล่ะชีวิตฮึกเฮิมเลย ...
หลังจากผ่านมาราธอนแรกไปแล้ว เลยอยากจะบอกเล่าเก้าสิบ ประสบการณ์อุ่นๆ ...
ขอแบ่งเป็น 3 ส่วนฮะ
1. ก่อนวิ่งมาราธอน
2. วิ่งมาราธอน
3. หลังวิ่งมาราธอน
ก่อนวิ่งมาราธอน
เอาประวัติ physical คร่าวๆนะครับ
สูง 176 หนัก 81 (ก่อนหน้านี้พีค 85 =.=)
โรคประจำตัว: ภูมิแพ้ (แพ้เกือบทุกสิ่งอย่าง)
ซ้อม: ปกติจะซ้อมเช้าๆที่สวนลุมครับ วันอังคาร พฤหัส อาทิตย์ ประมาณ 2-6 รอบ แล้วแต่อารมณ์ ฮา ... แต่วิ่งเช้าให้ความรู้สึกต่างจากเย็นมากนะฮะ ^^
แอพที่ใช้: Runtastic Pro, Run keeper แต่หลังๆใช้ Runtastic มากกว่า ... เพราะชิน ...
ร้องเท้า: Brook, glycerin 12
กางเกง: หลังสนามศุภ ... มันช่วยได้เยอะครับ ขาจะได้ไม่เสียดสีกัน ... แต่ของผมแบบถูกๆ นะฮะ
เริ่มวิ่งครั้งแรก เมื่อปีกว่าๆ งานโรคเอดส์ที่จตุจักร จากนั้นลง Half 3 ครั้ง งาน BKK, ธรรมศาสตร์, Empire ที่เหลืองานยิบย่อยอีกมากมาย ^^
รู้ตัวว่าจะวิ่ง BKKmarathon ประมาณเดือนกรกฎาคม ... เป้าหมายที่ตั้งไว้คือ วิ่งให้จบ พอแล้ว ...
ตอนนั้นหนัก 85 ... เลยตั้งเป้าว่า สิงหาคม จะลดน้ำหนัก กันยาจะเริ่มวอร์ม ตุลาซ้อมจริงจัง ...
ความเป็นจริง หมดเดือนสิงหาน้ำหนักไม่ลด ... กันยาเพิ่งเริ่มลด ... ตุลาเริ่มวิ่ง ... แถมเจ็บอีก ... ฮา
อุปสรรคก่อนวิ่งมาราธอน คือหลังจากวิ่ง Empire แล้ว เอ็นข้างหัวเข่าอักเสบ หมอให้พัก 2 อาทิตย์ ... แต่เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน ใจสั่งมา ต้องวิ่งให้ได้ (รั้น)
สรุปได้ว่า ก่อนวิ่ง BKKmarathon ได้ซ้อม 4 รอบ ... รอบล่ะ 10 โล ... กายไม่พร้อมใจพร้อม ...
ก่อนวิ่ง 2 วันไปนวดเส้น อัดคาร์โบ (ล่วงหน้า 2 วัน) ฮาาา คือคิดเอาเองว่ามันคงช่วยได้ ...
วิ่งมาราธอน
ไม่เคยวิ่งตอนตี 2 มาก่อน ... วางแผนไม่ถูกเลยทีเดียวจะนอนตอนไหน สรุป นอน 2 ทุ่ม ตื่นเที่ยงคืนก่าๆ ... ขอบคุณเพจ เราจะไปมาราธอนด้วยกันฮะ
ไปถึงก็ตี 1 ครึ่งล่ะ คนเยอะมากมาย รู้สึกเฉพาะมาราธอนนี่จะเยอะกว่ารายการบางที่เลยทีเดียว
เริ่มวิ่งเลยล่ะกัน ผมมีคอนเซปต์การวิ่งง่ายๆฮะ
1. แต่ล่ะก้าว ทำให้ร่างกายสะเทือนน้อยที่สุด บอบช้ำน้อยที่สุด ถ้าเริ่มเจ็บฝ่าเท้า ก็ใช้ปลายเท้าแทน ... เจ็บหน้าแข้งก็พยายามลงส้นแทน ... วนไปวนมา จนเจ็บหมด ... แขนยังเป็นตะคริวได้ ฮาาา
2. ใช้กล้ามเนื้อใหญ่ ยกกล้ามเนื้อเล็ก ... ผมจำที่มาไม่ได้ล่ะ ... ประมาณว่าใช้ต้นขาวิ่งมากกว่า จะเหมือนวิ่งทิ่มเข่าไปข้างหน้า ... คือผ่อนแรงของน่องอ่ะครับ
3. รู้ตัวเอง ... อันนี้สำคัญสุดเลย ถ้าเรารู้ตัวเองดี เราจะรู้ว่าเราควรวิ่งแบบไหน ท่าไหน ... (พูดเหมือนตัวเองเป็นโปร) ... รู้ตัวเองแล้วจะขีดกรอบการวิ่งง่ายขึ้นครับ
เป้าหมาย วิ่งให้ครบ วิ่งให้ทัน 6 ชั่วโมง ... ตั้งเป้าว่า 4 ชั่วโมงจะวิ่งได้ 30 กิโล ที่เหลือเดินโลด ... แต่ช่างขัดกับความเป็นจริงซะเหลือเกิน
ของที่เตรียมไป ... มั่วๆครับ อาศัยตามในเพจ เพื่อนบอก โน่นนี่นั่น
ดีใจที่สุดก็สเปรย์ฮะ ... ได้ใช้ตลอดทาง ... ส่วนกล้วยหมดตั้งแต่ ยังไม่ 21km T___T ...
ปล. ผมไม่ได้พกไปวิ่งทุกอย่างนะฮะ
เริ่มวิ่ง ...
10-12km ออกตัวข้ามสะพานแล้ว ... แวะปล่อยของทันที ... จากนั้นกระดึ๊บๆๆ เป็นแนวหลัง ... หาลูกโป่งไม่เจอสักระยะ ... แต่ประมาณว่าวิ่งไปยืดเส้นไป หยุดเรื่อยๆ ... ขออยู่กลุ่มรั้งท้าย วิ่งสบายๆ อิอิ
12km เจอ นักวิ่ง 3 คนสวนทางมา !!! นี่เค้ากินอะไรกันมา !!!
18km ดีใจมาก ที่วิ่งมาถึงตรงนี้แล้วยังไม่เจ็บเลย พยายามเซฟสุดๆ
21km เสียงจากแอฟดัง ... 2 hours 59 minutes (คิดในใจ ชิหายยยแล้ววววว !!!!) แล้วที่เหลือจะทันมั้ยนี่ ...
25km เสียงจากเอ็นข้างหัวเข่าเริ่มมาล่ะ ... ไม่เคยวิ่งมาไกลขนาดนี้มาก่อน มาได้ไกลสุดแล้ว ... ถึงจุดนี้เห็นเพื่อนร่วมทางมากมายเริ่มเจ็บ ถึงขนาดรถพยาบาลเต็มไปหลายคัน ... แต่เรายังสู้ต่อไป
27km อาการเริ่มหนัก ... ปวดจนต้องนั่งลงพื้น ... นวดขาตัวเอง ...
30-34km จำได้ว่าช่วงนี้เป็นระยะที่ยาวนานมาก ... ข้ามสะพาน (แอบสงสัยระยะทาง) ... เป็นช่วงที่ 2 จิต 2 ใจมากๆ ว่าเราจะวิ่งต่อหรือจะหยุด ... คิดอยู่นานจนผ่าน 35 ไปเรียบร้อย ... เพราะคิดได้ว่า เอาว่ะ 4 รอบสวนลุมเอง !! ... ตอนนั้นคำนวนได้ว่า แบตมือถือจะหมดแน่นอน ... ถ่ายรูปซะเลย ^^
35-38km เดินล้วนๆ ... เจอคนพัก พักตาม ... ขามันร้าวไปหมด ทั้งฝ่าเท้า ... ตะคริวขึ้น 2 ข้าง ... เจ็บใจป้าย ... มีป้าย 37km แล้วต่อด้วย 37.5km ทามมายยยย ... ทำไม 3-4 รอบสวนลุมมันไกลขนาดนี้ ...
38-42km วิ่งปะปนกับสายฟรุ๊งฟริ๊ง ... 10 กับ 4 โล แหม่ ... เดินไปถ่ายไป ... ตอนนั้น 7 โมงครึ่งแล้ว ... แดดส่องหลัง วิ่งตั้งแต่เย็นๆจนร้อน ... ระยะสุดท้ายนี้บอกได้เลยว่า เหลือเท่าไหร่ ใส่เข้าไปหมดตัว ...
ความรุ้สึกตอนเข้าเส้น ไม่ได้ภูมิใจกับเวลา แต่ดีใจที่วิ่งได้จบ ... ถึงเวลาจะไม่ดีก็ตาม ... สภาพดูไม่ได้ ...
หลังวิ่งมาราธอน
ถ้าถามว่าชีวิตเปลี่ยนมั้ยตั้งแต่มาวิ่ง ... เปลี่ยนสิครับ ... แทนที่จะเอาเวลาไปทำอย่างอื่น แหม่ ... แต่สุขภาพดีๆไม่มีขายนะครัช ^^
ก่อนวิ่งผมตั้งเป้าแค่ต้องการจะจบมาราธอนให้ได้ ซึ่งจริงๆผมก็วิ่งจนถึง ... แต่ตอนนี้ความท้าทายผมคือวิ่งให้ทัน 6 ชั่วโมง ... ปีหน้า เราจะได้เจอกันใหม่ครับ (เป้า 5 ชั่วโมง)
ขอบคุณกำลังใจจากเพื่อนๆ celeb เพื่อนร่วมซ้อม เพื่อนร่วมทาง เพื่อนใน social ทั้งหลาย ทั้งปวง ที่ได้แชร์ประสบการณ์ ความรู้ เทคนิค
ให้ผมได้รุ้ว่าโลกของการวิ่งมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ... แล้วเจอกันปีหน้าครับ ^^
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โทนี่
ทีมวิ่ง รันล้าาาา ไม่เคยได้ใส่เสื้อทีมวิ่งกันสักที ^^