รถไฟ ในอเมริกา ออสเตรเลีย วิ่งด้วยความเร็วเท่าใร ครับ ( ทำไม ไม่ทำรถไฟความเร็วสูง อย่าง ญี่ปุ่น ) ครับ

เทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง300 กม/ ชม ขึ้นไป น่าจะทำได้ เเต่ ทำไมเขาไม่ทำ ครับ

เห็นข่าวบอกว่า รถไฟไฟฟ้า เเอร์พอร์ตลิ้งค์ ทำความเร็วได้ สูงถึง 165 กม./ชม
ถ้าขยายทางไปถึงสนารมบิน อู่ตะเภา ( ราว 200กม / จาก กทม ) ซึ่งผ่านพัทยา ชลบุรี ใช้เวลาวิ่ง 1.3 ชม
ความเร็วเเค่นี้ วิ่งไป หาดใหญ่ ( ไกลสุดจาก กทม 950 กม ) น่าจะ ใช้เวลา ไม่ถึง 7 ชม

สงสัยว่า ทำไม เรา ไม่ใช้ รถไฟ เเบบ นี้ ทำเป็น ทางคู่ วิ่งทั่วประเทศ ครับ ( หรือว่า ราคามัน พอๆ กับรถไฟฟ้าความเร็วสูง ( เกิน 300กม / ชม ) ครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 18
พวกที่อยากได้จังเลยกับรถไฟความเร็วสูงเนี่ย

รู้กันไหมว่าคนไทยส่วนใหญ่รายได้เท่าไร? มีเงินพอจะใช้บริการได้บ่อยๆ ไหม?

เห็นรถทัวร์เอย รถไฟปกติเอย แน่นจริงๆ แค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น เวลาปกติก็ธรรมดา บางช่วงรถไม่เต็มคันด้วยซ้ำ

อย่าลืมว่าของยิ่งหรูมาก การบำรุงรักษายิ่งแพงมากด้วย ยิ่งไทยเป็นประเทศซื้อเทคโนโลยี ไม่ใช่สร้างเทคโนโลยี ( ประเทศที่ทำรถไฟความเร็วสูงแล้วไม่เจ๊ง คือประเทศที่สร้างเทคโนโลยีได้เองครับ ) โอกาสที่จะลดค่าซ่อมบำรุง หรือค่าโดยสารในระดับที่รากหญ้า หรือแม้แต่ชนชั้นกลางจะได้ใช้บ่อยๆ แทบเป็นไปไม่ได้เลย

จะเอาไปขนของหรอ? ก็ไม่มีที่ไหนทำอีก ขนของเขาก็ใช้รถไฟธรรมดานี่แหละ แต่มันเป็นทางคู่ ดังนั้นจึงเร็วขึ้นและตรงเวลามากขึ้น

มองให้ไกลถึงอาเซียน..ถามว่าชาติอาเซียนที่มีปัญญาใช้รถไฟความเร็วสูงจริงๆ จะมีเท่าไร? ( บนแผ่นดินใหญ่ มีแต่สิงคโปร์กับมาเลเซีย แต่มาเลย์เองยังมีแค่รถไฟความเร็วกลาง วิ่ง 120-160 km/h อยู่เลย แสดงว่าคนของเขากำลังซื้อยังไม่พร้อม )

มองไปถึงจีน..ถามว่าไทยจีนค้าขาย ไทยได้ประโยชน์สมน้ำสมเนื้อหรือเปล่า? ดูกระเทียมไทยก็ได้ จบทันทีหลังกระเทียมจีนทะลักเข้ามา ยังไม่นับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนที่คนเขาเอือมกันทั้งโลกอีก ( ถามคนเชียงใหม่ดู เขาเจอกันมาจนชินแล้ว ) คือเราต้องเป็นอาณานิคมให้จีนระบายคน + สินค้า โดยที่เราแทบไม่ได้ประโยชน์จากเขาเลย

จะเอาแบบนี้หรอครับ?

ปล.รถไฟความเร็วกลาง 120-160 km/h เหมาะกับประเทศจนๆ แบบบ้านเราดีแล้วครับ ( จนก็จงยอมรับว่าจน ค่อยๆ ก้าวเดินไป ไม่ใช่จนแล้วพยายามทำตัวรวย ผลคือตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ )
ความคิดเห็นที่ 40
เบื่อที่สุดกับไอแนวคิดคนไทยจนอย่าทำนี่แล่ะ บอกได้เลยนะ ถ้าเป็นกันอยู่อย่างนี้ แม้แต่รถไฟติดแอร์ธรรมดาก็ไม่ได้ทำหรอก เพราะโหมดการเดินทางพื้นฐานพวกนี้ มันถูกออกแบบมาให้ขาดทุนทั้งนั้น ไม่งั้นคนไม่มีตังซื้อตั๋วขึ้นหรอก

วิสัยทัศน์เท่านั้นอ่ะ การกระจายความเจริญ เศรษฐกิจ การกระตุ้นการใช้งาน ของพวกนี้ไม่ได้อยู่เฉยๆแล้วมันจะเกิดขึ้น รถไฟอ่ะโคตรจำเป็น จะเร็วสูงเร็วต่ำก็ต้องพัฒนา ในขณะที่ท่านมัวแต่นั่งคิดว่าประเทศท่านจน ไม่อยากจะพัฒนาอะไร ประเทศอื่นอย่างจีน หรือ ญี่ปุ่น เค้าล่อไปจะสี่ห้าร้อยแล้ว ทดลองสปีด ท่านเห็นความแตกต่างมั้ย ระหว่างคนที่พยายามทำให้ดีขึ้นเร็วขึ้น กับคนที่ไม่อยากจะทำอะไรเลย

การพัฒนาทุกอย่างมันต้องทำเพื่อซัพพอร์ตกลุ่มตลอดทุกรูปแบบ ประเทศไทยไม่ได้จนขนาดนั้น ขีดความสามารถในการใช้จ่ายอยู่ในระดับปานกลางถึงสูง อีก 10  ปี 20 ปีมันก็ต้องเพิ่มขึ้น คุณคิดว่าคนไทยมันจะจนตรอกอะไรตลอดกาล สร้างไว้ตอนนี้มันก็เผื่ออนาคตด้วย ไม่ใช่ต้องมีตลาดก่อนค่อยทำ ป่านนั้นเงินลงทุนล่อไปไม่รู้กี่ล้านล้านแล้ว ไปถามนักธุรกิจทุกคนเค้าก็พูดเหมือนกันหมด

รถไฟฟ้าในกทม สร้างช้ามาเป็นสิบๆปีแล้ว รู้มั้ยว่าถ้าทำตั้งแต่ห้าสิบปีที่แล้ว มันจะถูกกว่านี้มาก แต่ตอนนั้นมันยังไม่มีตลาดไง คนยังพึงพอใจที่จะนั่งรถเมล์ สองสามชั่วโมงไง แล้วเป็นไง ผ่านมาถึงตอนนี้ การเดินทางสาธารณะทำได้ไม่ดี คนมีเงินมากพอจะซื้อรถใช้กัน ขับกันเต็มเมือง มารู้ตัวว่าไม่พอแล้ว ต้องทำขนส่งพื้นฐาน แล้วรถไฟก็เป็นคำตอบ มาขุดกันตอนนี้ เงินลงทุนสิบสาย เอาไปทำรถไฟไฮสปีดได้ตั้งสี่ห้าเส้น

เค้าเรียกว่าการลงทุนเพื่ออนาคต เค้าเรียกว่าการวางแผนสำหรับแนวโน้มการใช้งานในภายภาคหน้า เค้าเรียกว่าใช้สมองเพื่อลดปริมาณการลงทุน ท่านอย่าคิดว่าสร้างอะไรเพื่อตอนนี้เท่านั้น มองแนวโน้มการโต แล้วก็ทำ

โทษของรถไฟความเร็วสูงคืออะไร ทำไปคนไม่ขั้นเหรอ ใช้อะไรคิด คนไทยจนไม่มีเงินขึ้นเหรอ แล้วไง เราไม่ได้ต้องการให้คน หกสิบล้านคนขึ้นรถไฟความเร็วสูง มันไม่ใช่โหมดการเดินทางแบบที่ต้องขึ้นทุกวัน มันแค่สำหรับคนที่เดนิทางนานๆที ไปเที่ยว รู้มั้ยคนชั้นกลางที่มีกำลังจ่ายสายการบินโลวคอสมีตั้งเท่าไหร่ แล้วมันจะเพิ่มขึ้นอีกขนาดไหน คนกลุ่มนี้มันก็กลุ่มเดียวกับที่จะขึ้นรถไฟไฮสปีดนั่นแล่ะ แล้วนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปีที่แล้วล่อไป 22 ล้านคน ไปดูกราฟสิ เทรนมันขึ้นมาขนาดไหน ลองเดาดูว่าอีกสิบปี มันจะเพิ่มอีกเท่าไหร่ สนามบินเร่งขยายกันจนจะไม่ทันแล้ว คนพวกนี้มีกำลังซื้อทั้งนั้น

แล้วที่สำคัญ รถไฟมันไปทุกจังหวัดที่ผ่าน มันกวาดคนได้ตลอดทาง ไม่ใช่เครื่องบิน ที่จุดนึงไปจุดนึง มันมีข้อจำกัดของมัน แต่รถไฟ คิดง่ายๆท่านจะไปโคราช พัทยา หัวหิน ทำไงให้ไปเร็วสุด แล้วถ้าท่านอยู่ระหว่างทาง อย่างนครสวรรค์ จะไปเชียงใหม่ ไปเร็วสุดทำยังไง?

นี่แล่ะตัวตอบโจทย์ มันไม่ได้ตอบทุกโจทย์ แต่มันตอบโจทย์สำคัญหลายๆอัน ลองพิจารณาถึงความเป็นไปได้ แล้วก็ประโยชน์ที่ประเทศจะได้รับสิ ค่าตั๋วพันสองพัน มันไม่ได้มากสำหรับคนยุคเรา ท่านจะไปเอาคนต่างจังหวัดอย่างตาสีตาสามาวัดว่าจะไม่ทำไฮสปีดไม่ได้ มันคนละกลุ่มคน คนพวกนั้นแม้แต่เครื่องบินเค้าก็ไม่ขึ้น แต่จะให้หยุดพัฒนาทุกอย่างเพื่อคนพวกนั้นงั้นเหรอ ไม่เข้าใจตรรกะจริงๆ ของทุกอย่างมันก็มีกลุ่มตลาดของตัวเองอยู่แล้ว ทุกวันนี้เรามีโหมดการเดินทางให้ตั้งแต่คนระดับโคตรพ่อรากหญ้า ไปจนถึงระดับกลาง แล้วมนจะมีระดับกลางถึงสูงมั่งไม่ได้เหรอ อย่างน้อยถ้าท่านไม่อยากขึ้น ไม่เห็นประโยชน์ ไม่เป็นไร แต่อย่าไปดึงคนอื่นได้มั้ย

รักเมืองไทย คิดว่าเราต้องโต คิดว่าเราต้องเจริญ และนี่ก็คือหนึ่งในโอกาสสำคัญอันนึง ผมเป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง เห็นโอกาสและประโยชน์จากการทำ อย่าไปหาเหตุผลที่จำไม่ทำ คนที่ย่ำต้อกอยู่กับที่เท่านั้นแล่ะที่มีความคิดลักษณะนี้
ความคิดเห็นที่ 1
สั้นๆ ง่ายๆ คือ กลุ่มผู้โดยสารหลักๆ เป็นผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง
ไม่ประสงค์จะจ่ายค่าตั๋วแพงๆกับสิ่งที่เขาไม่ได้ต้องการเจ้าค่ะ

รถไฟความเร็วสูง 300 กม./ชม. วิ่งไปเชียงใหม่ได้ภายใน 3 ชม.
แลกกับค่าตั๋ว 2-3พันบาท คนต้องการจ่ายในราคานี้มีไม่มากพอ
เทียบกับรถไฟทางคู่ความเร็ว 120-150 กม./ชม. วิ่งไปเชียงใหม่ได้ภายใน 7-8 ชม.
กับค่าตั๋ว 1พันบาท คนต้องการไปอันนี้มากกว่า ขึ้น 4ทุ่ม ไปถึง 6โมงเช้า สบายๆ

คนที่รีบร้อนไปมากๆ เขาก็เลือกไปเครื่องบิน 1-2พันบาท ชั่วโมงเดียวถึง

เด้อค่ะเด้อ
ความคิดเห็นที่ 46
ที่โพสไปไม่ได้ตอบเจ้าของกระทู้นะ ตอบไอความเห็นที่ต่อๆมานั่นแล่ะ แค่อยากจะให้เห็นอีกมุมบ้าง คนที่บอกว่ารู้มั้ยคนไทยมีรายได้เท่าไหร่ บอกได้เลยเค้าพิมมาเค้าก็ไม่รู้หรอก ถามสถิติ GDP/PPP เค้าก็บอกไม่ได้ แต่แค่จินตนาการเอา ไม่รุ้ด้วยซ้ำว่าตลาดท่องเที่ยงเมืองไทย กลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมีมากขนาดไหน เด็กจบใหม่มาทุกปีกี่แสนคน คนพวกนี้เค้าก็ไม่มานั่งรถทัวร์ 7-8 ชั่วโมงเพื่อเดินทางกันแล้ว คนที่พิมพ์มานี่ต้องแก่มากๆอ่ะ ถึงได้มัวแต่คิดว่าคนไทยจน คนไทยไม่ต้องการความเร็วเนี่ย

แต่ถ้าจะให้ตอบจขกทตรงๆ

ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว แบ่งเป็นสองกลุ่มหลักๆที่ใช้หรือไม่ใชไฮสปีด ประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปตะวันตก และเอเชีย อย่าง เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน เค้ามีระบบรถไฟความเร้วสูง ที่ทำสปีดได้เกิน 200 กม ต่อ ชั่วโมง

อีกกลุ่มคือยังไม่มีระบบไฮสปีดเลย อย่างสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา

ส่วนกลุ่มที่สามคือประเทศเกิดใหม่ ที่กำลังมาแรง และได้เริ่ม หรือสร้างระบบรถไฟไฮสปีดไปแล้วอย่าง จีน ตุรกี ซาอุ และที่กำลังอยู่ในแผนหรือขั้นเตรียมการ ก็คือ มาเลเซีย/สิงคโปร์ เม็กซิโก บราซิล รัสเซีย อินเดีย

ส่วนคำถามที่ว่าทำไมประเทศนึงสร้าง ประเทศนึงไม่สร้าง มันไม่มีอะไรเลย นอกเหนือไปจากแผนการพัฒนาประเทศ ที่จะใช้อะไรเป็นหลัก ประเทศอย่างยุโรปตะวันตก หรือเอเชียตะวันออก เค้ามีปริมาณการอยู่อาศัยของคนค่อนข้างหนาแน่น การวางแผนเส้นทางรถไฟทำได้ค่อนข้างง่าย (คนละความหมายกับการสร้างจริงๆนะ) มันไม่ได้เริ่มจากรถไฟไฮสปีดหรอก มันก็แค่ว่า เค้าเลือกขยายเศรษฐกิจประเทศ ผ่านเส้นทางรถไฟปกติธรรมดานี่แล่ะ คนเดินทางด้วยรถไฟกันเป็นปกติ รถไฟไฮสปีดมันแค่มีเข้ามาตามเทรนการพัฒนาเทคโนโลยีของโลก คือทำทุกอย่างให้เร็วขึ้น ดีขึ้น แค่นั้น (ให้นึกถึงอารมณ์ เปลี่ยน 2G ไปเป็น 3G/4G หรือการอัพเกรตอินเตอร์เน็ตจาก 56k ไปเป็น 2M, 10M, 100M)

ประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา แคนาดา หรือออสเตรเลีย เค้ามีพื้นที่กว้าง คนอยู่กระจาย โหมดการเดินทางด้วยรถไฟ มันเหมาะเฉพาะสำหรับการเชื่อมต่อเมืองสู่เมืองในระยะใกล้ๆกัน แต่การเดินทางข้ามฝั่งประเทศ อย่างชายฝั่งตะวันออกไปตะวันตก รถไฟมันเริ่มไม่เหมาะ เพราะมันไกลเกินไป ตรงนั้นเค้าเลยมีการบินเข้ามาแทน ส่วนการขยายเมืองของเค้า เพราะคนไม่ได้อยู่หนาแน่นๆเป็นจุดๆ แต่กระจายออกไปทุกทิศทาง เค้าเลยเลือกที่จะใช้พัฒนาประเทศโดยถนนเป็นหลัก และเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่อเมริกาค่อนข้างพยายามเข้าถึงแหล่งน้ำมัน เพราะมันเป็นหนึ่งในเชื้อเพลิงสำคัญในการพัฒนาประเทศเค้า รถไฟในอเมริกาส่วนใหญ่ถึงใช้แค่การขนส่งสินค้ามากกว่าขนคน

แต่ตอนนี้ประเทศที่ไม่มีระบบรถไฟไฮสปีด ก็เริ่มหันมามอง อย่างสหรัฐอเมรกา ก็เริ่มวางแผนสร้างรถไฟใน LA ที่วิ่งเชื่อมจาก แคลิฟอร์เนีย ยาวลงมาทางใต้ หรืออย่างออสเตรเลีย ก็เริ่มวางแผนเชื่อมเมืองหลักๆฝั่งตะวันออกเข้าด้วยกัน ถ้าถามว่าจำเป็นมั้ย สำหรับประเทศพวกนี้ บอกได้เลยว่ายัง เพราะว่า เค้ายังมีพื้นที่ค่อนข้างมาก และการเดินทางโดยถนนยังสะดวกอยู่ ไม่มีใครเข้าใจเหตุผลที่แท้จริง บางคนคิดว่าอาจจะเพราะจีน

จริงๆสาเหตุที่รถไฟไฮสปีดกลายเป็นท้อคอ้อฟเดอทาวน์เนี่ย สาเหตุหลักๆมาจากจีน สมัยที่ญี่ปุ่นทำแรกๆ ไม่มีใครอยากตาม เพราะมันแพง เหมือนมันเทคโนโลยีชั้นสูง หรือแม้แต่ที่ยุโรปตะวันตกทำ ประเทศบางประเทศอย่างอังกฤษ ก็ไม่ได้ทำ (อังกฤษมีรถไฟวิ่งแค่ 200 กมต่อชั่วโมงนะ ไม่มีเร็วกว่านี้) แต่จีนอยู่ดีก็บอกว่าจะใช้รถไฟไฮสปีดเชื่อมประเทศ ตั้งเป้าหมื่นกิโล และจะทำให้ตัวเองกลายเป็นประเทศชั้นแนวหน้าให้ได้ คำถามเลยเกิดขึ้นมาว่า แล้วคนจีนจะมีเงินพอขึ้นเหรอ จีนกับไทยมันก็จนพอกัน (ถ้าเทียบเฉลี่ยต่อหัว) แต่จีนมีจุดเด่นเรื่อง economy of scale คือคนจนเยอะไม่ว่า แต่ถ้าคนรวยมีขึ้นมากพอ แค่นั้นก็เกินความจำเป็นแล้ว เค้าเลยตั้งหน้าทำเลย แค่ไม่กี่ปี เค้าขยายเส้นทางเชื่อมเมืองหลักๆได้เกือบครบหมด แล้วผันตัวเองจากผู้ซื้อเทคโนโลยี กลายมาเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยี แค่ 10 ปี จีนขยายทั้งเส้นทาง พัฒนาเทคโนโลยี แล้วก็กำลังจะขายออกให้ประเทศอื่นด้วย

จีนเร่งทดลองความเร็ว จากที่วิ่งเฉลี่ย 250/ชั่วโมง กลายมาเป็น 350/ชั่วโมง แซงหน้าญี่ปุ่นในระยะเวลาไม่นาน (รถญี่ปุ่น วิ่งอยู่ที่ 230 - 270) แต่หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์อุบัติเหตุ ทางการจีนก็สั่งลดความเร็วทั้งหมดลง เพื่อความปลอดภัย แต่ว่าก็ยังพยายามทดลองเร่งสปีดอยู่ตลอดเวลา

แต่ที่น่าสนใจคือ จีนทำให้เทคโนโลยีไฮสปีด ราคาถูกลงมามาก ปริมาณการลงทุนต่อกิโล ถูกกว่าที่ประเทศพัฒนาแล้วประเทศอื่นทำค่อนข้างเยอะ บวกกับจีนโชว์ให้ดูว่า คุณไม่จำเป็นต้องรอให้คนทั้งประเทศรวยหมดหรอกนะ ถึงจะทำโหมดการเดินทางลักษณะนี้ได้ ประเทศที่กำลังโต อย่างที่ลิสไปข้างบน เลยเกิดความสนใจ เริ่มวางแผนกัน ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เลยกลายเป็นเรื่องที่พูดกันไปทั่ว แต่ละรัฐบาลก็เริ่มวางแผนกัน และนั่นเป็นหนึ่งในจุดสำคัญ ที่ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐ หรือประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศ เริ่มหันมาให้ความสนใจกับเรื่องนี้ ถือเป็นปรากฏการที่น่าสนใจมาก

หลายท่านที่พิมพ์อยู่หน้าคอม แล้วนั่งบ่นเรื่องคนไทยจน ผมไม่ว่าหรอก ผมพยายามเข้าใจแนวคิดท่าน แต่อยากจะบอกอย่างนึง ท่านรู้รึเปล่า ว่าท่านกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญหลายๆอย่างของโลก ณ จุดนี้ตอนนี้ มันเป็นช่วงของประเทศเกิดใหม่จำนวนมาก ที่กำลังโตแบบพรวดพราด โดนมีจีนเป็นตัวกรุยทาง ประเทศเราน่ะควรจะอยู่ในกลุ่มเดียวกับเกาลี ไต้หวัน มาตั้งแต่ 50 ปีที่แล้ว เพราะเราอยู่ในช่วงอุตสาหกรรมเกิดใหม่มารอบนึงแล้ว (ท่านที่เรียนเศรษฐศาสตร์มาน่าจะเข้าใจได้ดี) ช่วงนั้น GDP พุ่งพรวดๆ แต่หลังจากต้มยำกุ้ง เราล้ม ล้มแบบพังไปเลย เราตกรางรถไฟ เราหยุดพัฒนาหลายๆอย่าง เราเลยหลุดกลุ่มนั้นออกมา ตอนนี้กำลังเป็นช่วงการเกิดใหม่รอบสองของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (และอาจจะเปลี่ยนช่วงเปลี่ยนผู้นำโลก เพราะกลุ่มประเทศเกิดใหม่รุ่นนี้ มีปริมาณเศรษฐกิจ ที่ใหญ่กว่าประเทศพัฒนาแล้วเก่ามาก) ประเทศไทยอาจจะไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แต่เรามีพื้นฐานดี และเราถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่รุ่นนี้ นี่คือโอกาสรอบที่สอง แต่มันจะต่างจากรอบก่อน เพราะรอบนี้ทุกอย่างจะมาเร็วมาก ทั้งในเรื่องการพัฒนาคน เทคโนโลยี จริงๆเราไม่ได้ qualify เต็มตัว เพราะว่า อัตราการโต GDP เรามันเริ่มชะลอแล้ว เพราะทุนของเรามันแพง บริษัทต่างๆเริ่มย้ายไปประเทศเกิดใหม่ที่ถูกกว่าอย่าง อินโด หรือเวียดนาม เราใช้วิธีการรอโตแบบเก่าไม่ได้ การพัฒนา infrastructure พวกนี้ มันเลยกลายเป็นหนึ่งในโอพชั่นกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเสียไม่ได้ เราไม่สามารถมานั่งบอกว่าคนในชาติจน เราเลยจะไม่ทำอะไรเลย ไม่ได้ circumstance ทุกอย่างมันเปลี่ยนหมดแล้ว ท่านต้องเปลี่ยนแนวคิดด้วย ถ้าไม่อยากให้ประเทศเรา ตกรถไฟรอบนี้เป็นรอบที่สอง

มันใช้เวลาแค่ 10-20 ปีเท่านั้นแล่ะ ถ้าไม่คิดจะทำอะไรในรอบนี้ ท่านรอเกาะกลุ่มพัฒนาอีกทีรอบที่สาม ร่วมกับ พม่า กัมพูชา ลาวได้เลย ไม่ได้นั่งเทียนเขียนด้วย เค้ามีการจัดกลุ่มประเทศเกิดใหม่ที่กำลังโตมาแล้ว มันจะกลายเป็นมุขตลกร้ายที่สุด ถ้าถึงตอนนั้น มันเกิดขึ้นจริง แล้วคนที่มานั่งบอกไม่ให้สร้างนั่นสร้างนี่ คือกลุ่มเดียวกับที่นั่งด่าและดูถูกประเทศตัวเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่