สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
ผมทำงานด้านเคมีเกษตรครับ
ก่อนอื่นต้องยอมรับกันเลยว่าสินค้าเกษตรส่วนใหญ่แล้วใช้สารเคมีกำจัดแมงหรือเชื้อโรคพืชด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งสารที่ว่า อาจมาจากเคมีสังเคราะห์หรือจากพืชก็ได้เช่น ใบยาสูบให้สารกำจัดแมลงกลุ่ม Neonicotinoid ซึ่งมีฤทธิ์ในการกำจัดแมลงจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยเป็นต้น
ทีนี้เองสารพวกนี้จะมีหลักการทำงานหลักๆอยู่ 2 ชนิด คือ
1, สารที่ไม่มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายได้ในท่อน้ำเลี้ยงพืช มีฤทธิ์ค่อนข้างสั้นเพียงแค่ 3-7 วัน
ส่วนใหญ่คือสารกลุ่ม pyretiod เช่น cypermethrin หรือ permethrin (ตัวนี้ส่วนใหญ่จะพบในพวกสเปรย์กำจัดยุง) ที่สกัดได้จากพืชคือ โล่ติน
สารกลุ่มนี้จะออกฤทธิ์แบบถูกตัวตาย หรือกินตายเป็นหลัก
2, สารที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ในพืช หรือที่เรียกกันว่ายาดูดซึม สารกลุ่มนี้จะเคลื่อนย้ายได้ในท่อลำเลียงน้ำเท่านั้น ย้ำนะครับว่าเฉพาะแค่ท่อลำเลียยงน้ำเท่านั้น ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ในท่ออาหาร โดยตะเคลื่อนย้ายจากโคนไปสู่ปลายยอด
สารกลุ่มนี้ในยุคสมัยนี้ค่อนข้างปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมากกว่ากลุ่มแรก ซึ่งส่วนใหญ่มีค่า LD50 สูงมากๆ และระยะปลอดภัยก่อนเก็บเกี่ยวจะอยู่ที่ประมาณ 7-15 วัน ซึ่งถ้าเป็นผลไม้ส่งออกส่วนใหญ่จะปลอดภัยแน่นอน ยกเว้นว่าผู้รับซื้อมีการชุปสารเคมีเพิ่มเติมเองระหว่างขนส่ง
จากข้อมูลที่มีจากผลการวิเคราะห์ปริมาณสารตกค้างในแตงโม โดยสวนวิจัยพืชสวนพริ้ว จ.จันทบุรีเมื่อหลายปีก่อน โดยแยกวิเคราะห์ 3 ตัวอย่าง
คือ 1,แตงโมทั้งลูก 2,เฉพาะเปลือก 3,และเฉพาะเนื้อ พบว่า ข้อ 1 และ 2 พบสารกำจัดแมลง แต่อยู่ในปริมาณที่ยอมรับได้ ส่วนข้อ 3 ไม่พบสารตกค้างแต่อย่างได้ครับ
อย่างไรก็ดี ในการเลือกซื้อผักหรือผลไม้ควรเลือกผักหรือผลไม้ที่ปราศจากรอยแมลงกัดกิน เพราะเกษตรกรจะพ่นยาตามรอบและมีระยะปลอดภัย แต่ถ้าเลือกผักหรือผลไม้ที่มีรอยแมลงทำลาย เกษตรกรจะต้องเพิ่มรอบการพ่นยาให้ถึ่ขึ้นนะครับ หมายความว่าตัวยาก็จะมากขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผักผลไม้ทุกชนิดที่เราซื้อมารับประทานควรล้างน้ำเปล่าให้สะอาด หลายๆรอบ หรือแช่ด่างทับทิม ก็จะสามารถช่วยลดปริมาณสารตกค้างได้มากขึ้นครับ
ก่อนอื่นต้องยอมรับกันเลยว่าสินค้าเกษตรส่วนใหญ่แล้วใช้สารเคมีกำจัดแมงหรือเชื้อโรคพืชด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งสารที่ว่า อาจมาจากเคมีสังเคราะห์หรือจากพืชก็ได้เช่น ใบยาสูบให้สารกำจัดแมลงกลุ่ม Neonicotinoid ซึ่งมีฤทธิ์ในการกำจัดแมลงจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยเป็นต้น
ทีนี้เองสารพวกนี้จะมีหลักการทำงานหลักๆอยู่ 2 ชนิด คือ
1, สารที่ไม่มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายได้ในท่อน้ำเลี้ยงพืช มีฤทธิ์ค่อนข้างสั้นเพียงแค่ 3-7 วัน
ส่วนใหญ่คือสารกลุ่ม pyretiod เช่น cypermethrin หรือ permethrin (ตัวนี้ส่วนใหญ่จะพบในพวกสเปรย์กำจัดยุง) ที่สกัดได้จากพืชคือ โล่ติน
สารกลุ่มนี้จะออกฤทธิ์แบบถูกตัวตาย หรือกินตายเป็นหลัก
2, สารที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ในพืช หรือที่เรียกกันว่ายาดูดซึม สารกลุ่มนี้จะเคลื่อนย้ายได้ในท่อลำเลียงน้ำเท่านั้น ย้ำนะครับว่าเฉพาะแค่ท่อลำเลียยงน้ำเท่านั้น ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ในท่ออาหาร โดยตะเคลื่อนย้ายจากโคนไปสู่ปลายยอด
สารกลุ่มนี้ในยุคสมัยนี้ค่อนข้างปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมากกว่ากลุ่มแรก ซึ่งส่วนใหญ่มีค่า LD50 สูงมากๆ และระยะปลอดภัยก่อนเก็บเกี่ยวจะอยู่ที่ประมาณ 7-15 วัน ซึ่งถ้าเป็นผลไม้ส่งออกส่วนใหญ่จะปลอดภัยแน่นอน ยกเว้นว่าผู้รับซื้อมีการชุปสารเคมีเพิ่มเติมเองระหว่างขนส่ง
จากข้อมูลที่มีจากผลการวิเคราะห์ปริมาณสารตกค้างในแตงโม โดยสวนวิจัยพืชสวนพริ้ว จ.จันทบุรีเมื่อหลายปีก่อน โดยแยกวิเคราะห์ 3 ตัวอย่าง
คือ 1,แตงโมทั้งลูก 2,เฉพาะเปลือก 3,และเฉพาะเนื้อ พบว่า ข้อ 1 และ 2 พบสารกำจัดแมลง แต่อยู่ในปริมาณที่ยอมรับได้ ส่วนข้อ 3 ไม่พบสารตกค้างแต่อย่างได้ครับ
อย่างไรก็ดี ในการเลือกซื้อผักหรือผลไม้ควรเลือกผักหรือผลไม้ที่ปราศจากรอยแมลงกัดกิน เพราะเกษตรกรจะพ่นยาตามรอบและมีระยะปลอดภัย แต่ถ้าเลือกผักหรือผลไม้ที่มีรอยแมลงทำลาย เกษตรกรจะต้องเพิ่มรอบการพ่นยาให้ถึ่ขึ้นนะครับ หมายความว่าตัวยาก็จะมากขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น ผักผลไม้ทุกชนิดที่เราซื้อมารับประทานควรล้างน้ำเปล่าให้สะอาด หลายๆรอบ หรือแช่ด่างทับทิม ก็จะสามารถช่วยลดปริมาณสารตกค้างได้มากขึ้นครับ
ความคิดเห็นที่ 21
คือมันเป็นอย่างนี้
ของที่เป็นอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี มันมีต้นทุนสูงกว่า
ทั้ง ต้นทุนปัจจัยการผลิตและแรงงาน
เช่น สวนป้าใช้เชื้อราไดโค แทนสารเคมี (ตรูก็กลัวตายเหมือนกัน)
กว่าจะเพาะเชื้อ 7 วัน ต้องกรอง บลา ๆ แถมยังพ่นได้ช่วงเย็นอีก (เสียเวลา)
กับการขับรถไปซื้อสารเคมีที่ร้าน 10 นาที กลับมาเปิดฝาเทยา พ่น ได้ทุกเวลา
ฟังมาเยอะนะ พวกคนกิน ยี้ !!! สารเคมี เกษตรกรไม่รับผิดชอบเห็นแก่ได้ พ่นยาแล้วเก็บเลย บลา ๆ
อย่ารังเกียจกันนักเลย ถ้าไม่มีพวกเราใช้แรงงานหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน รับสารเคมีโดยตรง แล้วจะได้กินกันไหม ผัก ข้าว ปลา หญ้า ผลไม้ เนี่ยย
ผู้บริโภค ก็เรียกร้อง ปลอดสารเคมี ทำไมทำไม่ได้หรือไงุกษตรกรไทย ทำไมไม่รู้จักพัฒนา วิชาชีพตัวเองบ้างดูอย่างยุโรปสิ
มีโรงเรือน ระบบปิด แล้วไง??
แล้วพวกผู้บริโภค ยินดีจ่ายบ้างไหม ? (ยินดีกินผัก ข้าวแพงเหมือน ญี่ปุ่น ยุโรปไหม)
ตรูเห็นผัก ผลไม้ ข้าว ปลา แพงหน่อย ร้องเสียงหลงเชียว รู้กันไหมผักชีในห้างกำละ 10-20 บาท ชาวสวนได้กี่บาท 2 บาท ยังไม่ได้เลย
พวกคุณไม่ปรับปรุงระบบทั้งวงจรแล้วจะมาเรียกร้องอะไร
ขึ้นป้ายผัก ผลไม้ ข้าวอินทรีย์ แพงหน่อย (ก็ต้นทุนมันสูงนะ ไม่ใช่ ทิ่มเมล็ดลงดินวันนี้ พรุ่งนี้ตัดขายเมื่อไร)
ไม่ซื้อล่ะ แพงง
หรือไม่ก็ไม่เชื่อถือบ้างล่ะ (ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เชื่อ ตามมาถึงแปลง เลยก็คงไม่ต้องทำมาหากินอะไร)
จะหวังความน่าเชื่อถือการตรวจสอบของรัฐ ปฏิรูปอีก 10 ครั้งยังไม่สำเร็จเลย เพราะไม่มีท่านไไหนจริงจัง
ไปดูห้าง ตจว ขึ้นป้ายผักปลอดสารพิษ เหลือเน่าเต็ม ก็คนไม่นิยมไง มันแพงงงง
แถม มันไม่สวยงาม เป็นด่าง เป็นจุดก็ไม่กินล่ะ
แล้วเกษตรกร ถึงมีหัวสมอง สติปัญญา (อย่างพวกยุโรปที่ยกย่องนักหนา) ใครมันจึผลิตมาให้กินนัก
รู้ไหมทำไมต้องพ่นยาแล้วเก็บเลย เพราะ เราทำเกษตรที่ซ้ำ ๆ เชื้อโรค มันดื้อ บางทีทิ้งไว้ ไม่ถึง week มันกลับมาอีกล่ะ
จะให้ 1 ปี ซื้อที่ปลูกใหม่ก็ไม่น่าไหวนะ
ไม่สวยไม่งามก็ไม่กินอีก
ใจเขาใจเราเนอะ เกษตรกร ก็ไม่อยากใช้หรอกสารเคมี (กลัวตายเหมือนกัน)
แต่ทำอินทรีย์แล้วมันอยู่ไม่ได้ (ต้นทุนสูง แถมขาย บ้านเรา ตลาดก็ไม่ต่างกัน)
ผู้บริโภค ก็เอางี้ไหม ถ้าไม่ปลอดสารเคมี ไม่กิน
เดี๊ยวเกษตรกร ก็ปรัยตัวเองนั่นล่ะ
ของที่เป็นอินทรีย์ ไม่ใช้สารเคมี มันมีต้นทุนสูงกว่า
ทั้ง ต้นทุนปัจจัยการผลิตและแรงงาน
เช่น สวนป้าใช้เชื้อราไดโค แทนสารเคมี (ตรูก็กลัวตายเหมือนกัน)
กว่าจะเพาะเชื้อ 7 วัน ต้องกรอง บลา ๆ แถมยังพ่นได้ช่วงเย็นอีก (เสียเวลา)
กับการขับรถไปซื้อสารเคมีที่ร้าน 10 นาที กลับมาเปิดฝาเทยา พ่น ได้ทุกเวลา
ฟังมาเยอะนะ พวกคนกิน ยี้ !!! สารเคมี เกษตรกรไม่รับผิดชอบเห็นแก่ได้ พ่นยาแล้วเก็บเลย บลา ๆ
อย่ารังเกียจกันนักเลย ถ้าไม่มีพวกเราใช้แรงงานหลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน รับสารเคมีโดยตรง แล้วจะได้กินกันไหม ผัก ข้าว ปลา หญ้า ผลไม้ เนี่ยย
ผู้บริโภค ก็เรียกร้อง ปลอดสารเคมี ทำไมทำไม่ได้หรือไงุกษตรกรไทย ทำไมไม่รู้จักพัฒนา วิชาชีพตัวเองบ้างดูอย่างยุโรปสิ
มีโรงเรือน ระบบปิด แล้วไง??
แล้วพวกผู้บริโภค ยินดีจ่ายบ้างไหม ? (ยินดีกินผัก ข้าวแพงเหมือน ญี่ปุ่น ยุโรปไหม)
ตรูเห็นผัก ผลไม้ ข้าว ปลา แพงหน่อย ร้องเสียงหลงเชียว รู้กันไหมผักชีในห้างกำละ 10-20 บาท ชาวสวนได้กี่บาท 2 บาท ยังไม่ได้เลย
พวกคุณไม่ปรับปรุงระบบทั้งวงจรแล้วจะมาเรียกร้องอะไร
ขึ้นป้ายผัก ผลไม้ ข้าวอินทรีย์ แพงหน่อย (ก็ต้นทุนมันสูงนะ ไม่ใช่ ทิ่มเมล็ดลงดินวันนี้ พรุ่งนี้ตัดขายเมื่อไร)
ไม่ซื้อล่ะ แพงง
หรือไม่ก็ไม่เชื่อถือบ้างล่ะ (ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เชื่อ ตามมาถึงแปลง เลยก็คงไม่ต้องทำมาหากินอะไร)
จะหวังความน่าเชื่อถือการตรวจสอบของรัฐ ปฏิรูปอีก 10 ครั้งยังไม่สำเร็จเลย เพราะไม่มีท่านไไหนจริงจัง
ไปดูห้าง ตจว ขึ้นป้ายผักปลอดสารพิษ เหลือเน่าเต็ม ก็คนไม่นิยมไง มันแพงงงง
แถม มันไม่สวยงาม เป็นด่าง เป็นจุดก็ไม่กินล่ะ
แล้วเกษตรกร ถึงมีหัวสมอง สติปัญญา (อย่างพวกยุโรปที่ยกย่องนักหนา) ใครมันจึผลิตมาให้กินนัก
รู้ไหมทำไมต้องพ่นยาแล้วเก็บเลย เพราะ เราทำเกษตรที่ซ้ำ ๆ เชื้อโรค มันดื้อ บางทีทิ้งไว้ ไม่ถึง week มันกลับมาอีกล่ะ
จะให้ 1 ปี ซื้อที่ปลูกใหม่ก็ไม่น่าไหวนะ
ไม่สวยไม่งามก็ไม่กินอีก
ใจเขาใจเราเนอะ เกษตรกร ก็ไม่อยากใช้หรอกสารเคมี (กลัวตายเหมือนกัน)
แต่ทำอินทรีย์แล้วมันอยู่ไม่ได้ (ต้นทุนสูง แถมขาย บ้านเรา ตลาดก็ไม่ต่างกัน)
ผู้บริโภค ก็เอางี้ไหม ถ้าไม่ปลอดสารเคมี ไม่กิน
เดี๊ยวเกษตรกร ก็ปรัยตัวเองนั่นล่ะ
แสดงความคิดเห็น
ผลไม้ที่มีเปลือก เช่น ส้ม สัปปะรด กล้วย ฯลฯ เนื้อผลไม้ข้างในจะมีสารจากยาฆ่าแมลงหรือไม่?
การทานผลไม้ที่มีเปลือก เราจะได้รับสารพิษตกค้างจากยาฆ่าแมลงไหม?
ขอ tag อาหารมังสวิรัติด้วย เพราะน่าจะทานผลไม้เยอะ