
อาจจะยาวหน่อย แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดประโยชน์ไม่มากก็น้อยคะ
จากเมื่อต้นปี ที่วีได้ลองเขียนเล่าประสบการณ์การลดน้ำหนัก ที่ใช้เวลา 400 วัน มาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ปรากฏกระแสดีเกินคาด มีคนเข้ามาถาม ถ้ามีเวลาก็จะตอบบ้าง แต่ถ้าไม่ได้ตอบก็ขอโทษที่นี้ด้วยนะคะ งานยุ่งจริงๆ มีบางคนอาจจะนำไปสร้างแรงบันดาลใจ ในการหันมาดูแลสุขภาพตัวเอง วีก็ขอขอบคุณทุกๆคนมาก
ต่อมาวีตั้งใจว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปอีก เพราะวีไม่อยากแค่เป็นคนผอม แต่วีอยากจะมีกล้าม(อาจจะดูบ้าๆไปหน่อย แต่จะบอกว่า กล้ามในผู้หญิงเราสร้างกันยากมากๆจริงๆ คะ) พอตั้งใจ ก็เริ่มค้นหาเป้าหมายในการทำ ได้ข่าวมาจากนายพิโคโร่ คนเดิมอีกแล้วว่า ประมาณ เดือน สิงหาคม – กันยายน ปีนี้ จะมีเวทีประกวด ฟิตเนสสำหรับคนหน้าใหม่ ในชื่องาน “หนุ่มกายงาม สาวกล้ามสวย” วีเลยเกิดประกายในหัวใจ ผู้หญิงตัวโต(ที่เล็กลงมาจากเมื่อก่อนมากแล้ว) แต่มีความฝันที่จะยืนบนเวทีนั้น ช่วงนั้นประมาณเดือน มีนาคม ค่ะ คิดไว้ในใจตลอดมา และพยายามฝึกตัวเอง ในทุกวัน ไม่ได้บอกใครเลย แม้แต่คนใกล้ตัว เพราะกลัว โดนหัวเราะว่า “อะนะ จะทำได้” เลยเฝ้าเก็บไว้ในใจ และเฝ้าลงมือทำ
(ภาพมีค) ตอนนั้นจากที่ลดน้ำหนักมา ช่วงนึงแล้ว หนักเหลือ 61 กก คงที่มาตลอดค่ะ
หัวข้อที่วีต้องคิดถึง ณ ตอนนั้น เพื่อการวางแผน
1 วีมีเวลาประมาณ 6 เดือน จะทำอย่างไรให้หุ่นเราเปลี่ยนแปลง เราต้องแก้ไขข้อบกพร่องอะไรบ้าง
2 มิถุนายน จะต้องไปเรียนต่อเฉพาะทางแล้ว เราจะฝึกไหวไหม จะต้องปรับตัวแค่ไหน
3 อาหาร ในแต่ละช่วงของการฝึก จนถึงวันแข่ง
4เราต้องทำได้ ต้องทำได้ และ ต้องทำได้ เราต้องยอมเสีย อะไรบางอย่างไป อย่างเช่นเวลาพัก เวลานอน
5รายละเอียด อื่นๆ เช่น การโพส ชุดแข่ง
บทเรียนแรก 6 เดือนต่อจากนี้เราจะทำอะไรบ้าง
วีแบ่งง่ายๆเป็น4 กับ2 ค่ะ 5 คือ เวลาเพิ่มกล้ามเนื้อ ของวี ส่วน2 เป็นเวลา ลดไขมันของวี (lean)
โปรแกรมการฝึก โดยส่วนตัวเป็นคนไขมันสะสมค่อนข้างมาก ไม่ใช่คนผอมมาก่อน
4 เดือนแรก
Weight training 4-5 วันต่อสัปดาห์
Cardio ทุกวัน โดย วันละ 40-60 นาที โดยจะสลับเครื่องไปเรื่อยๆ heart rate ในช่วง 135-140 bpm
อาหาร คำนวณคร่าวๆ คือ
1 กินพลังงาน 1500-1800 kcal ต่อวัน อาจจะดูน้อย แต่วีเป็นคนเผาผลาญช้ามากคะ มากกว่านี้จะไม่ไหว แบ่งกิน คาร์บ 60%โปรตีน 30% ไขมัน 10 แบ่ง 4 มื้อ กินหมดทุกมื้อ (กินเวย์วันละมื้อ รวมใน 4 มื้อ แล้ว เลือกว่าเป็นมื้อเช้า หรือ หลังออกกำลังกายทันที)
2คาร์บ จาก หลากหลาย ข้าวกล้อง ธัญพืช ผักหัวๆ โปรตีน จาก ไข่ ไก่ ปลา เท่านั้น
3ปรุงน้อย แต่ยังปรุงอยู่ แต่ ไม่มีน้ำตาลเลย
4 cheat meal อาทิตย์ละวัน เพื่อให้ร่างกายไม่เครียดมากเกินไป
ดูเหมือนไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคใช่ไหมค่ะ แต่หารู้ไม่หายนะอันยิ่งใหญ่มันรอวีอยู่ข้างหน้า เพราะวีทำอย่างนี้ได้เพียง มีนา เมษา พค คือช่วงก่อนเรียนต่อเท่านั้น พอเข้ามาเรียนต่อ ใน กทมแล้ว น้ำตาจิไหล
บทเรียนที่สอง ร่างกายไม่ไหวแล้ว
ถ้าใครมีญาติเป็นหมอ หรือมีเพื่อนพี่ คนรู้จัก ที่เรียนต่อเฉพาะทาง จะรู้ว่า ช่วงการเปลี่ยนแปลงในชีวิต มันหนักมาก วีเปิดเทอม 1มิย วีอยู่สายงานหนัก มิย-กค ซึ่งยังเป็นช่วงเดือนที่4-5 ของการ เพิ่มกล้าม แต่ วีแทบไม่ได้ออกกำลังกายเลย
- ได้อยู่สายงานหนักสุด
- อยู่เวร วันเว้นวัน ทั้งเดือน (ทำงานในเวลาทุกวันอยู่แล้ว แต่ล่วงเวลาคือ วันเว้นวัน ) คิดง่ายๆคือ วีทำงาน 24 ชั่วโมง 4วัน อีก3 วัน ทำงาน 12 ชั่วโมง
- วันที่ไม่อยู่เวรเลิก 2-3 ทุ่ม
บอกเลยคะว่าตอนนั้น ถอดใจแล้ว เราทำไม่ได้แล้ว ยังไงเราก็ต้องทำงานหลักให้ดีก่อน เท้าไม่ได้ย่างเข้ายิมเลยค่ะ จิตก็ตกลงมาเรื่อยๆ ที่ผ่านมาคืออะไร ที่สร้างมา คืออะไร ที่เฝ้าดูแลการกินมา คืออะไร
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยวี วีก็ทำงานหลักให้ดี และดูแลอาหารให้ดี ออกกำลังในยิมน้อยลง แต่ออกกำลัง ในบ้าน หรือ รพ(ห้องพักแพทย์) มากขึ้น เราเป็นมือสมัครเล่น ถ้าวีทำได้ วีก็จะผ่านมันไปได้”.....ขอบคุณพิโกโร่ มันเป็นคำพูดที่ทำให้ เราลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งนึง ใช่!!!! เราไม่มีเวลาออกกำลังเหมือนก่อน แต่เราก็ยังสามารถเลือกอาหารที่เรากินเข้าไปได้ และมีเวลาค่อยเข้ายิม ยกเวท(เหลืออาทิตย์ละสองวันเท่านั้นค่ะ ) นอกนั้น วี body weight ทุกวัน คะ ทั้งคอนโด ห้องพักแพทย์
ผลลัพทธิ์เดือนนั้นคือ น้ำหนักคงที่เท่าเดิม แต่ดูซูบลงคะ เอาวะ อย่างน้อยก็ไม่อ้วนขึ้น กล้ามไม่ตายก็เล่นใหม่ได้
(ภาพอยูเวร)
ต้องขอบคุณ พิโคโร่จริงๆ ที่แวะเอาอาหาร ทำเองมาส่งที่ รพ เพราะรู้ว่าวีไม่มีเวลา ทำให้วีมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ผ่านเดือน กค ไป น้ำหนักเท่าเดิมค่ะ คือ 60 กก แต่ ผอม ลงมาก กล้ามที่มีไม่มากอยู๋แล้ว หายไป ดูได้จากขา ที่วีแน่นมากๆ แต่ไม่เป็นไร เดือนหน้า ไปวนแผนกสบาย ไม่มีเวรนอกเวลามากนัก เอาวะ ลองสักตั้ง
บทเรียนที่3 เดือน สิงหาคม โค้งสุดท้ายก่อนแข่ง
ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวเองเลยคะ ว่าจะแข่งได้ และได้ถอดใจออกไปแล้ว รู้แต่ว่า เรามีเวลามากขึ้น เราต้องออกกำลังกายให้ได้มากที่สุด เผื่อจะพอไปขึ้นเวทีกะเขาได้ ไม่อายใคร และ ชนะใจตัวเอง
โปรแกรมเดือนสุดท้าย ลีนอย่างเดียว
Cardio 60 นาที 2-3รอบ ต่อวัน รวม120-180 นาที ต่อวัน คุมอยู่ในช่วง 65 MHR
Weight training ลดลงแล้วคะ เน้นส่วนที่เราต้องปรับปรุง ของวีจะเป็น แขน ท้องทั้งหมด
Crunch,reverse crunch, twist อัดเข้าไปทุกวัน 25*4 set แต่ละท่า
อาหาร ลดเหลือ 800 kcal-1000 kcal ต่อวันค่ะ
ผลที่ได้ ก่อนแข่ง 3วัน ชั่ง นน ได้ 57 กก
บทเรียนรองสุดท้าย ม้าดีดกะโหลก โพสท่าไม่เป็น
ไม่ใช่คนที่หุ่นดีจะมาใส่บิกินี่แล้วแข่งเบ่งกล้ามบนเวทีนะคะ เวที model physique ต้องงมีท่าทางบังคับในการแข่ง โพส 4 ท่า โพส 3 จุด และ free posing วีได้รับโอกาสไปเรียน วีขอเรียกว่า เป็น idol ของวี คนแรกในเวทีนี้เลยทีดียว พี่เชอรี่ ดีกรี นักกีฬาฟินเนสทีมชาติไทย การเรียน เหนื่อยมากๆ และปวดหลังมากๆคะ และวีต้องเดินบนส้นสูง 4 นิ้ว ที่ใช้ใส่แข่งขัน ผลการเรียน... เด็กหญิง วี เป็นท้ายห้องคะ แน่นอน ปกติวีเป้นคนเดินห้าวมาก ไม่ใส่ส้นสูง และไม่มีความเป็น ผญ เหลืออยู่เลย แต่สุดท้าย โค้ชเชอรี่ ของวีก็เคี่ยวเข็ญ จนได้ท่าโพสของตัวเอง บนเวทีมาได้ แบบ ใจตุ้มๆต่อมๆ ว่า มันจะจำได้ไหม และ มันจะ เดินได้ไหม
ถึงตรงนี้ต้องขอขอบคุณ พี่เชอรี่ พี่ทิม mutantthailand PVL essential มากคะ ที่สอนวีและให้แข่งในนามทีม
บทเรียนสุดท้าย เวทีที่รอคอยอยู่ตรงหน้า กับประสบการณ์ สลบในซาวน่า
ก่อนถึงวันแข่ง1วัน วีไปนอนพักที่ สนามแข่ง คือ พัทยาก่อนค่ะ เพื่อไปซาวน่า(เพื่อเอาน้ำที่ผิวหนังออกให้มากที่สุด) แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วีเผลอหลับในห้องซาสน่าคนเดียว เวลาผ่านไป 1 ชม ครึ่ง ไม่รู้ตัวเลยคะ ตื่นมาอีกที วิงเวรยน คลื่นไส้ หน้ามืด บ้านหมุน เรียกให้คนช่วยไม่มีใครอยู่ตรงนั้น วิ่งทั้งผ้าขนหนูผืนเดียว ออกมานอกสปาให้คนช่วย ส่วนตัวรู้เลย เพราะว่าเราตัดน้ำ กินน้อย ทำให้ โซเดียมในร่างกายต่ำลง ต่ำมากๆอาจจะชักได้คะ แต่ด้วยความที่เราเป็นหมออยู่แล้ว เลยรีบให้คนเอา เกลือแร่มาจิบ นอนพัก อาการก็หายไป เป็นประสบการณ์ทำให้นำใช้ครั้งหน้า วันนึงก่อนแข่ง วีกินน้ำได้เพียงไม่เกิน 30 cc ซึ่งน้อยมาก เพราะเราต้องเอาน้ำที่ผิวหนังอม ที่แสนบวมออก เช้าวันแข่ง วีกินข้าวเป็นคำๆ เพื่อให้ร่างกายมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู๋ได้ ตื่นเช้ามา แต่งหน้า ต้องขอบคุณ พี่ปอ model physique ในทีม PVL ด้วย ที่แต่งหหน้า ทำหน้าโทรม เป็น หน้าสวย คนละคนจริงๆ ถึงเวที จับหมายเลขได้ 108 ตอนนั้นยังไม่คิดอะไรเลย จำท่าให้ได้ และเดินไม่ตกส้นสูง ชนะเลิศละวี
วินาทีประกาศชื่อ หมายเลข 108 นส...... mutant ทีม เบลอ งง ตื่นเต้น แต่สูดหายใจเข้าออกลึกๆ ว่า เราสวยที่สุด เราหุ่นดีที่สุด เรามั่นใจ...............โพสสามจุด โพส4 มุม ไม่ลืมท่า ไม่ตกส้นสูง แม้ว่าจะแข็งๆไปบ้าง แต่ก็ผ่านมาละ รอประกาศชื่อรอบชิงชนะเลิศ5คนสุดท้าย
.........108 เข้ารอบนะ ห๋า จริงปะเนี้ย เดินรอบสอง ตื่นเต้นลดลง มั่นใจมากขึ้น แต่ สมองเบลอขึ้น โหยหิว น้ำมากๆ กลั้นใจ รวบรวมพลังสุดท้ายที่มี เดิน........ให้ดีที่สุด ไม่เสียแรงที่ พิโกโร่ เทรนมา ไม่เสียแรงที่อดนอน เหนื่อยทำงาน เตรียมอาหาร ออกกำลัง จนหุ่นเปลี่ยนไป และไม่เสียแรง โค้ชเชอรี่ ที่สอนโพส อย่างน้อยเราต้องติด 1 ใน3 ให้ได้วะ.....5 คนสุดท้าย เค้าประกาศรายชื่อคนได้ไล่จากที่5 ไม่มีชื่อเรา 4 ก็ยังไม่ใช่ ในใจตอนนั้น ลุ้นมากกกกกกกกกกกก ขอให้ได้ ที่2 ก็พอใจแล้ว.....และมันก็เป็นอย่างนั้นค่ะ วีได้รางวัลที่2 model physique รุ่นความสูง เกิน 160 เซนติเมตร รางวัล แห่งการชนะใจตัวเอง
ขอบคุณพ่อแม่ ที่ให้กำเนิดชีวิต มาเพื่อให้วีได้ดูแลสุขภาพตัวเอง แม้ว่าหม่าม้าจะไม่ชอบให้วียกเวท แต่วีไม่ทำให้เสียงานแน่นอน สักวัน ม้าคงจะเข้าใจ และภูมิใจ ในสิ่งที่วีทำอยู่
ขอบคุณพิโกโร่ ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ ตั้ง 70 กก จนวันประกวด 56 กก ดุ ด่า โหด จนวีมีวันนี้จริงๆ
ขอบคุณตัวเอง ที่ยังเชื่อมั่นในตัวเอง ยังมีความฝัน และยังคงทำมันอยู่
ขอบคุณพี่เชอรี่ ที่สอน แนะนำ และชุดบิกินี่ ทุกๆอย่างที่เป็นพี่ วีขอซึมซับมันมา ได้แค่ เสี้ยวนึงก็ยังดี
ขอบคุณน้องอ๋อ ที่ช่วยทาสี หลังเวที
ไม่ต้องออกกำลังกายเพื่อแข่งเหมือนวีก็ได้ แต่ตอนนี้ วีมีเป้าหมายแล้ว เป้าหมายคือการชนะใจตัวเองได้แล้ว ต่อไป เป้าหมายคือ อะไร.....ติดตามชมต่อไปนะคะ หลังจาก แมชแข่งขันนี้ วีเองก็ยังไม่รู้จะได้ขึ้นเวทีอีกเมื่อไร แต่อย่างน้อย วีเองเห็นคุณค่าในกีฬานี้ fitness, body builder วีไม่ใช่นักเพาะกาย แต่วีเป็น body = ร่างกาย builder=คนสร้าง วีคือ คนสร้างร่างกาย ตามที่เราต้องการ ชนะใจตัวเองแล้วคะ มาดูกันว่า เป็นยังไง

ท่าโพส ที่แสดงความแข็งแรง ความสวยงาม ความเป็นกีฬา

กับ posing coach พี่เชอรี่ miss fitness thailand จากภาพซ้ายที่เคยแค่มาดูพี่รี่แข่ง เกิดเป็นแรงบันดาลใจ อันแข็งกล้า

my personal trainer พิโกโร่ ถ้าไม่มีคุณคงไม่มีวีวันนี้ ติดตามเค้าได้ที่ ig : sek_trainder face: amron simsa

เวลาผ่านมา 6 เดือน จาคนดู สู่คนแข่ง

ขอบคุณสำหรับ mutantthailand กับการเป็นนักกีฬาในทีม ig: mutantthailand

มุมนึงบนเวที

ผู่หญิงเรา เล่นเวทแล้วไม่ได้กล้ามขึ้นอย่างที่คิด

ค่อยๆเป็นค่อยๆไป

ท่าโพสด้านข้าง

คิดจะทำสองอย่างให้ดี ต้องเหนื่อยกว่าคนอื่นสองเท่า วีภูมิใจที่ได้เกิดมาทำงานเป็นหมอ ได้ดูแลคนไข้ที่รักอย่างดีที่สุด ได้เข้าช่วยผ่าตัด และ อนาคตจะได้เป็นหมอผ่าตัด และวีก็ภูมิใจในกีฬาฟิตเนสที่วีเล่น กีฬาที่ทำให้วีมีบุคลิกภาพที่ดี มีความมั่นใจ มีหุ่นที่ดี สามารถเป็นตัวอย่างในการดูแลสุขภาพให้แก่คนอื่นๆได้ สองอย่างนี้ ช่างเหมือนกันเหลือเกิน และวีจะมุ่งหน้าทำต่อไปให้มันดี ดีกว่า
200วัน แห่งเส้นทางสู่ฟิตเนสโมเดล(ภาคต่อจาก 400 วันแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตตลอดกาล)
อาจจะยาวหน่อย แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดประโยชน์ไม่มากก็น้อยคะ
จากเมื่อต้นปี ที่วีได้ลองเขียนเล่าประสบการณ์การลดน้ำหนัก ที่ใช้เวลา 400 วัน มาให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ปรากฏกระแสดีเกินคาด มีคนเข้ามาถาม ถ้ามีเวลาก็จะตอบบ้าง แต่ถ้าไม่ได้ตอบก็ขอโทษที่นี้ด้วยนะคะ งานยุ่งจริงๆ มีบางคนอาจจะนำไปสร้างแรงบันดาลใจ ในการหันมาดูแลสุขภาพตัวเอง วีก็ขอขอบคุณทุกๆคนมาก
ต่อมาวีตั้งใจว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปอีก เพราะวีไม่อยากแค่เป็นคนผอม แต่วีอยากจะมีกล้าม(อาจจะดูบ้าๆไปหน่อย แต่จะบอกว่า กล้ามในผู้หญิงเราสร้างกันยากมากๆจริงๆ คะ) พอตั้งใจ ก็เริ่มค้นหาเป้าหมายในการทำ ได้ข่าวมาจากนายพิโคโร่ คนเดิมอีกแล้วว่า ประมาณ เดือน สิงหาคม – กันยายน ปีนี้ จะมีเวทีประกวด ฟิตเนสสำหรับคนหน้าใหม่ ในชื่องาน “หนุ่มกายงาม สาวกล้ามสวย” วีเลยเกิดประกายในหัวใจ ผู้หญิงตัวโต(ที่เล็กลงมาจากเมื่อก่อนมากแล้ว) แต่มีความฝันที่จะยืนบนเวทีนั้น ช่วงนั้นประมาณเดือน มีนาคม ค่ะ คิดไว้ในใจตลอดมา และพยายามฝึกตัวเอง ในทุกวัน ไม่ได้บอกใครเลย แม้แต่คนใกล้ตัว เพราะกลัว โดนหัวเราะว่า “อะนะ จะทำได้” เลยเฝ้าเก็บไว้ในใจ และเฝ้าลงมือทำ
(ภาพมีค) ตอนนั้นจากที่ลดน้ำหนักมา ช่วงนึงแล้ว หนักเหลือ 61 กก คงที่มาตลอดค่ะ
หัวข้อที่วีต้องคิดถึง ณ ตอนนั้น เพื่อการวางแผน
1 วีมีเวลาประมาณ 6 เดือน จะทำอย่างไรให้หุ่นเราเปลี่ยนแปลง เราต้องแก้ไขข้อบกพร่องอะไรบ้าง
2 มิถุนายน จะต้องไปเรียนต่อเฉพาะทางแล้ว เราจะฝึกไหวไหม จะต้องปรับตัวแค่ไหน
3 อาหาร ในแต่ละช่วงของการฝึก จนถึงวันแข่ง
4เราต้องทำได้ ต้องทำได้ และ ต้องทำได้ เราต้องยอมเสีย อะไรบางอย่างไป อย่างเช่นเวลาพัก เวลานอน
5รายละเอียด อื่นๆ เช่น การโพส ชุดแข่ง
บทเรียนแรก 6 เดือนต่อจากนี้เราจะทำอะไรบ้าง
วีแบ่งง่ายๆเป็น4 กับ2 ค่ะ 5 คือ เวลาเพิ่มกล้ามเนื้อ ของวี ส่วน2 เป็นเวลา ลดไขมันของวี (lean)
โปรแกรมการฝึก โดยส่วนตัวเป็นคนไขมันสะสมค่อนข้างมาก ไม่ใช่คนผอมมาก่อน
4 เดือนแรก
Weight training 4-5 วันต่อสัปดาห์
Cardio ทุกวัน โดย วันละ 40-60 นาที โดยจะสลับเครื่องไปเรื่อยๆ heart rate ในช่วง 135-140 bpm
อาหาร คำนวณคร่าวๆ คือ
1 กินพลังงาน 1500-1800 kcal ต่อวัน อาจจะดูน้อย แต่วีเป็นคนเผาผลาญช้ามากคะ มากกว่านี้จะไม่ไหว แบ่งกิน คาร์บ 60%โปรตีน 30% ไขมัน 10 แบ่ง 4 มื้อ กินหมดทุกมื้อ (กินเวย์วันละมื้อ รวมใน 4 มื้อ แล้ว เลือกว่าเป็นมื้อเช้า หรือ หลังออกกำลังกายทันที)
2คาร์บ จาก หลากหลาย ข้าวกล้อง ธัญพืช ผักหัวๆ โปรตีน จาก ไข่ ไก่ ปลา เท่านั้น
3ปรุงน้อย แต่ยังปรุงอยู่ แต่ ไม่มีน้ำตาลเลย
4 cheat meal อาทิตย์ละวัน เพื่อให้ร่างกายไม่เครียดมากเกินไป
ดูเหมือนไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคใช่ไหมค่ะ แต่หารู้ไม่หายนะอันยิ่งใหญ่มันรอวีอยู่ข้างหน้า เพราะวีทำอย่างนี้ได้เพียง มีนา เมษา พค คือช่วงก่อนเรียนต่อเท่านั้น พอเข้ามาเรียนต่อ ใน กทมแล้ว น้ำตาจิไหล
บทเรียนที่สอง ร่างกายไม่ไหวแล้ว
ถ้าใครมีญาติเป็นหมอ หรือมีเพื่อนพี่ คนรู้จัก ที่เรียนต่อเฉพาะทาง จะรู้ว่า ช่วงการเปลี่ยนแปลงในชีวิต มันหนักมาก วีเปิดเทอม 1มิย วีอยู่สายงานหนัก มิย-กค ซึ่งยังเป็นช่วงเดือนที่4-5 ของการ เพิ่มกล้าม แต่ วีแทบไม่ได้ออกกำลังกายเลย
- ได้อยู่สายงานหนักสุด
- อยู่เวร วันเว้นวัน ทั้งเดือน (ทำงานในเวลาทุกวันอยู่แล้ว แต่ล่วงเวลาคือ วันเว้นวัน ) คิดง่ายๆคือ วีทำงาน 24 ชั่วโมง 4วัน อีก3 วัน ทำงาน 12 ชั่วโมง
- วันที่ไม่อยู่เวรเลิก 2-3 ทุ่ม
บอกเลยคะว่าตอนนั้น ถอดใจแล้ว เราทำไม่ได้แล้ว ยังไงเราก็ต้องทำงานหลักให้ดีก่อน เท้าไม่ได้ย่างเข้ายิมเลยค่ะ จิตก็ตกลงมาเรื่อยๆ ที่ผ่านมาคืออะไร ที่สร้างมา คืออะไร ที่เฝ้าดูแลการกินมา คืออะไร
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยวี วีก็ทำงานหลักให้ดี และดูแลอาหารให้ดี ออกกำลังในยิมน้อยลง แต่ออกกำลัง ในบ้าน หรือ รพ(ห้องพักแพทย์) มากขึ้น เราเป็นมือสมัครเล่น ถ้าวีทำได้ วีก็จะผ่านมันไปได้”.....ขอบคุณพิโกโร่ มันเป็นคำพูดที่ทำให้ เราลุกขึ้นมาสู้อีกครั้งนึง ใช่!!!! เราไม่มีเวลาออกกำลังเหมือนก่อน แต่เราก็ยังสามารถเลือกอาหารที่เรากินเข้าไปได้ และมีเวลาค่อยเข้ายิม ยกเวท(เหลืออาทิตย์ละสองวันเท่านั้นค่ะ ) นอกนั้น วี body weight ทุกวัน คะ ทั้งคอนโด ห้องพักแพทย์
ผลลัพทธิ์เดือนนั้นคือ น้ำหนักคงที่เท่าเดิม แต่ดูซูบลงคะ เอาวะ อย่างน้อยก็ไม่อ้วนขึ้น กล้ามไม่ตายก็เล่นใหม่ได้
(ภาพอยูเวร)
ต้องขอบคุณ พิโคโร่จริงๆ ที่แวะเอาอาหาร ทำเองมาส่งที่ รพ เพราะรู้ว่าวีไม่มีเวลา ทำให้วีมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ผ่านเดือน กค ไป น้ำหนักเท่าเดิมค่ะ คือ 60 กก แต่ ผอม ลงมาก กล้ามที่มีไม่มากอยู๋แล้ว หายไป ดูได้จากขา ที่วีแน่นมากๆ แต่ไม่เป็นไร เดือนหน้า ไปวนแผนกสบาย ไม่มีเวรนอกเวลามากนัก เอาวะ ลองสักตั้ง
บทเรียนที่3 เดือน สิงหาคม โค้งสุดท้ายก่อนแข่ง
ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวเองเลยคะ ว่าจะแข่งได้ และได้ถอดใจออกไปแล้ว รู้แต่ว่า เรามีเวลามากขึ้น เราต้องออกกำลังกายให้ได้มากที่สุด เผื่อจะพอไปขึ้นเวทีกะเขาได้ ไม่อายใคร และ ชนะใจตัวเอง
โปรแกรมเดือนสุดท้าย ลีนอย่างเดียว
Cardio 60 นาที 2-3รอบ ต่อวัน รวม120-180 นาที ต่อวัน คุมอยู่ในช่วง 65 MHR
Weight training ลดลงแล้วคะ เน้นส่วนที่เราต้องปรับปรุง ของวีจะเป็น แขน ท้องทั้งหมด
Crunch,reverse crunch, twist อัดเข้าไปทุกวัน 25*4 set แต่ละท่า
อาหาร ลดเหลือ 800 kcal-1000 kcal ต่อวันค่ะ
ผลที่ได้ ก่อนแข่ง 3วัน ชั่ง นน ได้ 57 กก
บทเรียนรองสุดท้าย ม้าดีดกะโหลก โพสท่าไม่เป็น
ไม่ใช่คนที่หุ่นดีจะมาใส่บิกินี่แล้วแข่งเบ่งกล้ามบนเวทีนะคะ เวที model physique ต้องงมีท่าทางบังคับในการแข่ง โพส 4 ท่า โพส 3 จุด และ free posing วีได้รับโอกาสไปเรียน วีขอเรียกว่า เป็น idol ของวี คนแรกในเวทีนี้เลยทีดียว พี่เชอรี่ ดีกรี นักกีฬาฟินเนสทีมชาติไทย การเรียน เหนื่อยมากๆ และปวดหลังมากๆคะ และวีต้องเดินบนส้นสูง 4 นิ้ว ที่ใช้ใส่แข่งขัน ผลการเรียน... เด็กหญิง วี เป็นท้ายห้องคะ แน่นอน ปกติวีเป้นคนเดินห้าวมาก ไม่ใส่ส้นสูง และไม่มีความเป็น ผญ เหลืออยู่เลย แต่สุดท้าย โค้ชเชอรี่ ของวีก็เคี่ยวเข็ญ จนได้ท่าโพสของตัวเอง บนเวทีมาได้ แบบ ใจตุ้มๆต่อมๆ ว่า มันจะจำได้ไหม และ มันจะ เดินได้ไหม
ถึงตรงนี้ต้องขอขอบคุณ พี่เชอรี่ พี่ทิม mutantthailand PVL essential มากคะ ที่สอนวีและให้แข่งในนามทีม
บทเรียนสุดท้าย เวทีที่รอคอยอยู่ตรงหน้า กับประสบการณ์ สลบในซาวน่า
ก่อนถึงวันแข่ง1วัน วีไปนอนพักที่ สนามแข่ง คือ พัทยาก่อนค่ะ เพื่อไปซาวน่า(เพื่อเอาน้ำที่ผิวหนังออกให้มากที่สุด) แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วีเผลอหลับในห้องซาสน่าคนเดียว เวลาผ่านไป 1 ชม ครึ่ง ไม่รู้ตัวเลยคะ ตื่นมาอีกที วิงเวรยน คลื่นไส้ หน้ามืด บ้านหมุน เรียกให้คนช่วยไม่มีใครอยู่ตรงนั้น วิ่งทั้งผ้าขนหนูผืนเดียว ออกมานอกสปาให้คนช่วย ส่วนตัวรู้เลย เพราะว่าเราตัดน้ำ กินน้อย ทำให้ โซเดียมในร่างกายต่ำลง ต่ำมากๆอาจจะชักได้คะ แต่ด้วยความที่เราเป็นหมออยู่แล้ว เลยรีบให้คนเอา เกลือแร่มาจิบ นอนพัก อาการก็หายไป เป็นประสบการณ์ทำให้นำใช้ครั้งหน้า วันนึงก่อนแข่ง วีกินน้ำได้เพียงไม่เกิน 30 cc ซึ่งน้อยมาก เพราะเราต้องเอาน้ำที่ผิวหนังอม ที่แสนบวมออก เช้าวันแข่ง วีกินข้าวเป็นคำๆ เพื่อให้ร่างกายมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู๋ได้ ตื่นเช้ามา แต่งหน้า ต้องขอบคุณ พี่ปอ model physique ในทีม PVL ด้วย ที่แต่งหหน้า ทำหน้าโทรม เป็น หน้าสวย คนละคนจริงๆ ถึงเวที จับหมายเลขได้ 108 ตอนนั้นยังไม่คิดอะไรเลย จำท่าให้ได้ และเดินไม่ตกส้นสูง ชนะเลิศละวี
วินาทีประกาศชื่อ หมายเลข 108 นส...... mutant ทีม เบลอ งง ตื่นเต้น แต่สูดหายใจเข้าออกลึกๆ ว่า เราสวยที่สุด เราหุ่นดีที่สุด เรามั่นใจ...............โพสสามจุด โพส4 มุม ไม่ลืมท่า ไม่ตกส้นสูง แม้ว่าจะแข็งๆไปบ้าง แต่ก็ผ่านมาละ รอประกาศชื่อรอบชิงชนะเลิศ5คนสุดท้าย
.........108 เข้ารอบนะ ห๋า จริงปะเนี้ย เดินรอบสอง ตื่นเต้นลดลง มั่นใจมากขึ้น แต่ สมองเบลอขึ้น โหยหิว น้ำมากๆ กลั้นใจ รวบรวมพลังสุดท้ายที่มี เดิน........ให้ดีที่สุด ไม่เสียแรงที่ พิโกโร่ เทรนมา ไม่เสียแรงที่อดนอน เหนื่อยทำงาน เตรียมอาหาร ออกกำลัง จนหุ่นเปลี่ยนไป และไม่เสียแรง โค้ชเชอรี่ ที่สอนโพส อย่างน้อยเราต้องติด 1 ใน3 ให้ได้วะ.....5 คนสุดท้าย เค้าประกาศรายชื่อคนได้ไล่จากที่5 ไม่มีชื่อเรา 4 ก็ยังไม่ใช่ ในใจตอนนั้น ลุ้นมากกกกกกกกกกกก ขอให้ได้ ที่2 ก็พอใจแล้ว.....และมันก็เป็นอย่างนั้นค่ะ วีได้รางวัลที่2 model physique รุ่นความสูง เกิน 160 เซนติเมตร รางวัล แห่งการชนะใจตัวเอง
ขอบคุณพ่อแม่ ที่ให้กำเนิดชีวิต มาเพื่อให้วีได้ดูแลสุขภาพตัวเอง แม้ว่าหม่าม้าจะไม่ชอบให้วียกเวท แต่วีไม่ทำให้เสียงานแน่นอน สักวัน ม้าคงจะเข้าใจ และภูมิใจ ในสิ่งที่วีทำอยู่
ขอบคุณพิโกโร่ ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ ตั้ง 70 กก จนวันประกวด 56 กก ดุ ด่า โหด จนวีมีวันนี้จริงๆ
ขอบคุณตัวเอง ที่ยังเชื่อมั่นในตัวเอง ยังมีความฝัน และยังคงทำมันอยู่
ขอบคุณพี่เชอรี่ ที่สอน แนะนำ และชุดบิกินี่ ทุกๆอย่างที่เป็นพี่ วีขอซึมซับมันมา ได้แค่ เสี้ยวนึงก็ยังดี
ขอบคุณน้องอ๋อ ที่ช่วยทาสี หลังเวที
ไม่ต้องออกกำลังกายเพื่อแข่งเหมือนวีก็ได้ แต่ตอนนี้ วีมีเป้าหมายแล้ว เป้าหมายคือการชนะใจตัวเองได้แล้ว ต่อไป เป้าหมายคือ อะไร.....ติดตามชมต่อไปนะคะ หลังจาก แมชแข่งขันนี้ วีเองก็ยังไม่รู้จะได้ขึ้นเวทีอีกเมื่อไร แต่อย่างน้อย วีเองเห็นคุณค่าในกีฬานี้ fitness, body builder วีไม่ใช่นักเพาะกาย แต่วีเป็น body = ร่างกาย builder=คนสร้าง วีคือ คนสร้างร่างกาย ตามที่เราต้องการ ชนะใจตัวเองแล้วคะ มาดูกันว่า เป็นยังไง
ท่าโพส ที่แสดงความแข็งแรง ความสวยงาม ความเป็นกีฬา
กับ posing coach พี่เชอรี่ miss fitness thailand จากภาพซ้ายที่เคยแค่มาดูพี่รี่แข่ง เกิดเป็นแรงบันดาลใจ อันแข็งกล้า
my personal trainer พิโกโร่ ถ้าไม่มีคุณคงไม่มีวีวันนี้ ติดตามเค้าได้ที่ ig : sek_trainder face: amron simsa
เวลาผ่านมา 6 เดือน จาคนดู สู่คนแข่ง
ขอบคุณสำหรับ mutantthailand กับการเป็นนักกีฬาในทีม ig: mutantthailand
มุมนึงบนเวที
ผู่หญิงเรา เล่นเวทแล้วไม่ได้กล้ามขึ้นอย่างที่คิด
ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ท่าโพสด้านข้าง
คิดจะทำสองอย่างให้ดี ต้องเหนื่อยกว่าคนอื่นสองเท่า วีภูมิใจที่ได้เกิดมาทำงานเป็นหมอ ได้ดูแลคนไข้ที่รักอย่างดีที่สุด ได้เข้าช่วยผ่าตัด และ อนาคตจะได้เป็นหมอผ่าตัด และวีก็ภูมิใจในกีฬาฟิตเนสที่วีเล่น กีฬาที่ทำให้วีมีบุคลิกภาพที่ดี มีความมั่นใจ มีหุ่นที่ดี สามารถเป็นตัวอย่างในการดูแลสุขภาพให้แก่คนอื่นๆได้ สองอย่างนี้ ช่างเหมือนกันเหลือเกิน และวีจะมุ่งหน้าทำต่อไปให้มันดี ดีกว่า