ตอนที่ 1 >>>
http://pantip.com/topic/32164131
ตอนที่ 2 >>>
http://pantip.com/topic/32175186
ตอนที่ 3 >>>
http://pantip.com/topic/32226678
ตอนที่ 4 >>>
http://pantip.com/topic/32316165
ตอนที่ 4 (ต่อ) >>>
http://pantip.com/topic/32346960
ตอนที่ 5 >>>
http://pantip.com/topic/32492911
ตอนที่ 6 >>>
http://pantip.com/topic/32511328
ตอนที่ 7 >>>
http://pantip.com/topic/32526878
ตอนที่ 8 >>>
http://pantip.com/topic/32550496
ตอนที่ 9
สวนดอกแก้วในยามค่ำคืนมองทีไรก็สวยงามเสมอ ลลิตนั่งลงบนม้าหินอ่อนเอนกายพิงพนักอย่างผ่อนคลาย คืนนี้เขาไม่อยู่เธอจึงมีโอกาสได้มานั่งเล่นที่นี่ และค่อนข้างโชคดีที่คืนนี้ฝนไม่ตก คงจะมีแต่เพียงก้อนเมฆสีดำลอยมาปกคลุมเมื่อตอนหัวค่ำและตอนนี้มันก็โดนกระแสลมพัดหายไปเหลือแต่เพียงท้องฟ้าแจ่มใส มองเห็นดวงดาวส่องแสงระยิบยับอยู่เต็มฟ้า
ลลิตโน้มกิ่งต้นแก้วลงมากิ่งหนึ่งแล้วเด็ดดอกแก้วช่อขนาดกลางมาถือไว้ในมือ คนในบ้านนี้ไม่มีใครต่อว่าเธอหรอกนอกจากเขา แต่จะกลัวอะไรในเมื่อคืนนี้เขาไม่อยู่ เธอจะเด็ดดอกแก้วไปวางไว้ในห้องทุกวันเชียวแหละ
“แหม พอเจ้าของเขาไม่อยู่หน่อยก็เด็ดของเขามาเลยนะคะ” สิตาทักเมื่อเห็นหญิงสาวที่อยู่ในชุดนอนสีครีมเดินเข้ามาในบ้านใบหน้ายิ้มแย้ม ในมือเจ้าหล่อนถือดอกแก้วอยู่ช่อหนึ่ง
“ดอกแก้วมีตั้งเป็นร้อย ๆ ช่อ ดิฉันเด็ดมาช่อหนึ่งคงไม่กระเทือนต้นหรอกมั๊งคะ” ลลิตบอกก่อนจะเดินไปห้องตัวเอง สิตามองตามร่างบางแววตาไม่พอใจก่อนจะเรียกให้ลลิตหยุด
“อยากรู้ไหมคะว่าทำไมคุณเพชรถึงหวงดอกแก้วพวกนี้มาก” ถามพลางมองอีกฝ่ายว่าจะสนใจหรือไม่ ลลิตไม่ตอบหากแต่ยืนนิ่ง ก็ถ้านางอยากจะเล่าก็เล่ามาเถิด ไม่เห็นจะต้องถามเพื่อเรียกร้องความสนใจเลย
“คุณแก้วตา แม่ของคุณเพชรเธอหลงไหลและชอบดอกแก้วมาก เธอจึงบอกให้คนสวนนำต้นแก้วมาปลูกไว้หลังบ้านจนเต็ม แต่น่าเสียดายที่เธอมาด่วนจากไปเสียก่อนเลยอยู่ชื่นชมดอกแก้วพวกนี้ไม่ได้นานนัก”
“อย่างนั้นเหรอคะ แล้วทำไมคุณเพชรเธอต้องหวงดอกแก้วพวกนี้ด้วยล่ะคะ” ลลิตถาม เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งหวงดอกแก้วได้มากมายขนาดนี้
“รู้ไหมคะว่าหลังจากที่คุณแก้วตาเสียไปแล้วร่างของเธอถูกฝังอยู่ที่ไหน” สิตาถาม เมื่อเห็นลลิตทำหน้างุนงงจึงพูดต่อ
“ก็ใต้ต้นแก้วพวกนั้นอย่างไรล่ะคะ เธอสั่งไว้ตั้งแต่ยังมีชีวิตว่าหากเธอตายเมื่อไหร่ก็ให้ฝังร่างเธอไว้ที่นั่น คุณเพชรคงจะเห็นว่าต้นแก้วพวกนั้นกำเนิดขึ้นมาได้ก็เพราะคุณแก้วตา และยังใช้ร่างของคุณแก้วตาเป็นปุ๋ยอีกถึงได้เติบโตแตกกิ่งก้านมาถึงทุกวันนี้ เธอก็เลยหวงของเธอมาก ไม่แต่เฉพาะดอกแก้วพวกนี้เท่านั้นหรอกนะคะ อะไรก็ตามที่เคยเป็นของคุณแก้วตามาก่อนเธอก็หวงทั้งหมดนั่นแหละ ไม่เว้นแม้แต่ห้องที่คุณใช้นอนอยุ่ทุกวัน”
“ห้องของฉันน่ะหรือคะ” ลลิตยิ่งทำหน้าสงสัยเมื่อยิ่งฟังสิ่งที่สิตาบอก
“ห้องที่คุณนอนอยู่เมื่อก่อนเป็นห้องคุณแก้วตา ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างในห้องนั้นก็เป็นของคุณแก้วตา รู้ไหมคะว่าคุณเพชรเธอไม่พอใจมากเลยล่ะที่คุณไปพักที่นั่น” สิตาบอก ยิ่งเห็นสีหน้าของลลิตสลดลงก็ยิ่งพอใจ
ที่แท้เขาไม่ชอบหล่อนก็ด้วยเหตุนี้สินะ ลลิตเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่มันเป็นความผิดของหล่อนเสียเมื่อไหร่ในเมื่อเจ้าของบ้านจัดให้นอนที่ไหนหล่อนก็ต้องนอนที่นั่น ไม่เคยรู้มาก่อนหรอกว่ามันมีประวัติความเป็นมาอย่างไร
………………………………….
งานนิทรรศการธุรกิจ SME และธุรกิจขนาดกลางถูกจัดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่ง เพชรกับเกษมมาร่วมงานสายเนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืนทำทั้งคู่แทบลุกจากเตียงไม่ไหว เกษมกำลังสนใจขยายกิจการร้านทองของเขาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ขณะที่เพชรก็ต้องการขยายกิจการและพัฒนางานที่สวนมะพร้าว จึงตกลงใจพากันมาที่นี่ เพราะโอกาสที่จะได้ฟังกลยุทธ์การตลาดจากนักธุรกิจฝีมือดีของประเทศมีไม่บ่อยนัก และงานนี้ก็มีนักธุรกิจชื่อดังหลายคนมาร่วมบรรยาย จึงนับว่าเป็นโอกาสดีของว่าที่ผู้ประกอบการเลยทีเดียว
“เขาว่าวิทยากรบรรยายจบไปสองคนแล้วว่ะ” เกษมบอกอย่างเสียดายขณะเดินดูบูธแนะนำสินค้าและผลิตภัณฑ์จากสถานประกอบการต่าง ๆ เพชรรับฟังแต่ไม่ได้สนใจเพราะสายตาของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่สตรีผู้มีใบหน้าอ่อนหวานนางหนึ่ง เขาเริ่มเชื่อแล้วว่าโลกนี้กลมจริง ๆ เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอหล่อนอีกหลังจากแยกย้ายกันไปตั้งแต่เมื่อคืน
“อ้าว…สวัสดีครับคุณลลิล” เกษมรีบตรงดิ่งเข้าไปทักทายหลังจากเพชรสะกิดเขาให้มองผู้หญิงที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนกลุ่มหนึ่ง เพชรเดินตามไปบ้าง เขาทักทายหล่อน ดูเหมือนวันนี้หล่อนจะดูสวยหวานเป็นพิเศษแม้ว่าเสื้อผ้าที่หล่อนสวมใส่อยู่จะไม่ได้ดูทันสมัยเหมือนอย่างที่สาวสมัยนี้นิยมกันก็ตาม
“ไม่ยักรู้ว่าคุณลลิลก็สนใจทำธุรกิจเหมือนกัน” เกษมทักทาย แววตาเจ้าชู้เริ่มทำหน้าที่
“อ้อ…ค่ะ ยินดีที่ได้เจออีกครั้งค่ะ” ลลิลตอบยิ้ม ๆ หากแต่ชายหนุ่มที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวเร็วกลับเป็นอีกคนที่กำลังส่งยิ้มมาให้เธอมากกว่า เมื่อคืนเธอไม่ได้สังเกตเขามากนักหรอกเพราะมัวแต่กังวลกับการเกี้ยวพาราสีของบุรุษจอมกะล่อนอย่างเกษม แต่วันนี้เมื่อมีโอกาสได้สำรวจเพชรอย่างชัดเจนอีกครั้งถึงรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ทั้งบุคลิกดีและหล่อเหลาเอาการคนหนึ่งเลยทีเดียว
“ถ้าอย่างไรลิลคงต้องขอตัวก่อนนะคะ พอดีลิลมีธุระต้องไปทำงานอีกที่นึงน่ะค่ะ” ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่เสียดายหรอกที่จะไม่ได้สานสัมพันธ์กับบุรุษหนุ่มมาดนิ่งอย่างเพชร แต่ทว่าหล่อนมีงานใหญ่รออยู่ที่บริษัท และการบรรยายเรื่องธุรกิจที่หล่อนได้รับเชิญมาเป็นวิทยากรในวันนี้ก็เสร็จสิ้นลงด้วยดีแล้ว
“อ้าว…น่าเสียดายจัง นี่ผมจะมีโอกาสได้เจอคุณอีกไหมครับ” เกษมทำสีหน้าห่อเหี่ยว ลลิลยิ้มจาง ๆ อันที่จริงหล่อนอยากเห็นบุรุษอีกคนทำสีหน้าห่อเหี่ยวมากกว่า
“ถ้ามีโอกาส และถ้าโลกกลมจริง ๆ ค่ะ” หล่อนตอบยิ้ม ๆ แล้วแยกตัวออกไป เกษมมองตามอย่างเสียดาย เพชรตบไหล่เพื่อน นี่ไม่ใช่อาการผิดปกติใด ๆ ของเพื่อนตัวแสบหรอก เพราะเกษมจะแสดงอาการแบบนี้ออกมาทุกครั้งเมื่อต้องแยกจากสาวที่ตัวเองกำลังสนใจ ลลิลก็คนหนึ่ง
“ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้นะ ขนาดแต่งตัวเชย ๆ ก็ยังสวย” เกษมบอก นัยน์ตาเจ้าชู้ยังคงมองตามร่างบางที่เดินห่างออกไปไกลแล้ว
“เห็นแกก็พูดแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนแหละ” เพชรขัด ส่ายหน้ากับกิริยาอาการของเพื่อนสนิท
“แต่คนนี้ฉันจริงจังนะ” เกษมยังว่าต่อ เพชรไม่ได้สนใจหากแต่บอกเพื่อนให้เดินตามไปหน้าเวทีเมื่อวิทยากรคนต่อไปกำลังเริ่มต้นบรรยาย เกษมทำคอตก เดินตามเพื่อนไปโดยดีแม้ในหัวพยายามครุ่นคิดว่าจะหาทางเจอลลิลด้วยวิธีใดได้อีก
……………………………………..
ลลิตปลีกตัวมานั่งคนเดียวที่ม้านั่งในสวนแก้วหลังบ้าน หล่อนกำลังพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่ได้ฟังมาจากทั้งสิตาและศรี เพชรรักแม่ของเขามาก เขาเกลียดชังผู้หญิงทุกคนที่อยู่ใกล้พ่อของตัวเองเพราะเขาคิดว่าผู้หญิงพวกนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ของเขาต้องตาย นั่นเป็นเหตุผลที่ลลิตคิดว่าหล่อนสามารถเข้าใจได้ แต่สิ่งที่หล่อนไม่เข้าใจคือ มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาเกลียดชังพ่อของตัวเองได้มากมาย มากจนขนาดหล่อนไม่เคยได้ยินเขาเอ่ยเรียก พ่อ ออกมาจากปากของเขาสักครั้งเดียว
มุกมาตาเองก็เช่นกัน หล่อนได้รับการเลี้ยงดูมาจากป้าอรและบัวตั้งแต่ยังเล็ก หากสิ่งที่ศรีบอกเล่าเป็นความจริงก็น่าเห็นใจที่เด็กผู้หญิงอายุแค่สองสามขวบแต่กลับไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อตัวเองเลย ตอนนั้นอินทรคงจะหลงผู้หญิงมากจนไม่มีเวลามาสนใจลูก ๆ นั่นก็คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มุกมาตาโตมาโดยไม่มีความผูกพันใด ๆ กับคนเป็นพ่อ และก็คงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เพชรเกลียดชังพ่อของตัวเองเช่นกัน
ลลิตถอนใจ นับว่าโชคดีไม่น้อยที่ครอบครัวหล่อนไม่เคยมีเรื่องราวแบบนี้มาให้วุ่นวายใจ ถึงแม้บิดาจะทำให้หล่อนน้อยใจได้ในหลาย ๆ ครั้งแต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เพชรกับมุกมาตาต้องเจอแล้วก็นับว่าหล่อนโชคดีกว่ามาก
“อ้าว…คุณลลิต มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ” บัวถามขณะเข็นรถเข็นพามุกมาตาเข้ามาในสวน
“มานั่งเล่นเพลิน ๆ น่ะจ๊ะ” ลลิตยิ้ม จ้องมองใบหน้าบึ้งตึงของเด็กหญิงบนรถเข็น ถ้าเป็นเมื่อก่อนหล่อนอาจจะสั่งสอนหรือต่อว่ามุกมาตาที่ชอบทำกิริยาอาการแบบนี้ใส่ผู้ใหญ่ แต่มาตอนนี้หล่อนเริ่มรู้สึกว่าเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้าน่าสงสารเกินกว่าที่หล่อนจะทำอะไรแบบนั้นได้
“ไม่ต้องไปหรอกค่ะ เดี๋ยวพี่ไปเอง” ลลิตบอกเป็นภาษามือเมื่อเห็นมุกมาตาพยายามให้บัวพาเธอกลับ หล่อนเริ่มเข้าใจภาษามือมากขึ้นหลังจากได้มีโอกาสเรียนจากคนในบ้าน
“ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณลลิต” บัวบอกสีหน้าเจื่อน ลลิตยิ้มอย่างไม่ได้ถือสา หล่อนไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงมีความคิดอยากให้เพชรกลับมาเร็ว ๆ อาจเป็นเพราะหลายวันมานี้ที่เขาไม่อยู่มุกมาตาก็เลยดูเศร้าซึมมากกว่าปกติ แต่มันก็ดีสำหรับหล่อนแล้วไม่ใช่เหรอที่ไม่ต้องมีเขามาคอยเจ้ากี้เจ้าการสั่งให้ทำงานนู่นนี่ราวกับหล่อนเป็นกรรมกร ลลิตยิ้มที่มุมปาก หล่อนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายิ้มออกมาเพราะอะไร
………………………………………
ลมทะเลพัดเอื่อยพายอดมะพร้าวโอนเอียงไปมา เสียงกรุ๋งกริ๋งของโมบายเปลือกหอยยังคงฟังไพเราะเพราะพริ้งอย่างเช่นทุกครั้ง แสงสีส้มแดงจากพระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังคล้อยต่ำเลือนหายไปทางสุดขอบทะเลฝั่งโน้น เขายืนสูดอากาศอยู่ริมระเบียงจนพอใจก่อนเดินเข้าบ้าน ชายหนุ่มชะงักเมื่อเห็นร่างบางนอนขดตัวอยู่บนเตียงที่เขาเคยประกาศว่าเป็นเตียงนอนส่วนตัวของเขาและห้ามหล่อนไปวุ่นวาย
หล่อนคงไม่ได้แค่เพียงพักสายตาเพราะเขาได้ยินเสียงลมหายใจผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะ แพขนตางอนยาวหลับพริ้ม ริมฝีปากบางเฉียบเหมือนจะอมยิ้มเล็กน้อย ท่าทางหล่อนคงจะฝันดีน่าดู
ที่บ้านชาญเมธีกุล อรรณพกับลลิลนั่งมองหน้ากันด้วยใบหน้าตึงเครียด ขณะที่คุณลดาดูจะเป็นคนเดียวที่ใบหน้าแย้มยิ้มมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งบอกสองพ่อลูกไป
“นี่มันสมัยไหนกันแล้วคุณ จะจับลูกคลุมถุงชนเหมือนสมัยเราหนุ่มสาวน่ะมันไม่ได้หรอกนะ” อรรณพออกความเห็นหลังจากภรรยาบอกว่านางได้นัดให้เพื่อนพาลูกชายมาเยี่ยมบ้านพร้อมทั้งดูตัวลลิล
“ก็ลองดู ๆ กันไปก่อนสิคะ ถ้าไม่ถูกใจก็ค่อยว่ากันอีกที เพื่อนดิฉันคนนี้น่ะรวยมากเลยนะคะ ถ้าลองลลิลได้ร่วมหอลงโรงไปกับลูกชายบ้านนี้แล้วล่ะก็ รับรองสบายไปทั้งชาติ” คุณลดาบอกพลางยกแก้วชาขึ้นจิบอย่างสบายใจ
“ตอนลลิตก็ทีหนึ่งล่ะ คอยจับคู่คนนั้นคนนี้แล้วเป็นไง สุดท้ายลูกก็ไม่สนใจอยู่ดี ผมว่าคุณเลิกจับคู่คนนั้นคนนี้แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่านะ” อรรณพบอกน้ำเสียงไม่พอใจ มองหน้าลูกสาวที่นั่งเงียบด้วยความสงสาร
“ได้ไหมล่ะลลิล เกิดมาฉันก็ไม่เคยขออะไรแกเลยนะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละทำให้ได้ไหม”
“นี่คุณ !! อย่าไปบังคับลูกแบบนี้สิ คุณก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงลูกก็ไม่มีทางปฏิเสธแล้วจะถามแบบนี้ทำไม” อรรณพลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างไม่พอใจ เขารู้นิสัยลลิลดีว่าเป็นอย่างไร ลลิลไม่เคยขัดหรือปฏิเสธหากเป็นเรื่องที่เขาและลดาร้องขอ ครั้งนี้ก็คงเช่นกัน
“หนูตกลงค่ะ คุณแม่นัดพวกเขามาวันไหนล่ะคะ” ลลิลโพล่งออกไปทั้งที่ขัดกับความรู้สึก แต่ถ้าจะให้เธอปฏิเสธผู้มีพระคุณทั้งสองเธอก็ทำไม่ได้
คุณลดายิ้มเมื่อได้รับคำตอบอย่างที่ตัวเองวาดหวัง ขณะที่อรรณพมองหน้าลูกสาวอย่างไม่สบายใจ และทำได้แต่เพียงภาวนาให้ลลิลเจอคนที่ดี
กลิ่นแก้วกลรัก ตอนที่ 9
ตอนที่ 2 >>>http://pantip.com/topic/32175186
ตอนที่ 3 >>>http://pantip.com/topic/32226678
ตอนที่ 4 >>>http://pantip.com/topic/32316165
ตอนที่ 4 (ต่อ) >>>http://pantip.com/topic/32346960
ตอนที่ 5 >>>http://pantip.com/topic/32492911
ตอนที่ 6 >>>http://pantip.com/topic/32511328
ตอนที่ 7 >>>http://pantip.com/topic/32526878
ตอนที่ 8 >>>http://pantip.com/topic/32550496
ตอนที่ 9
สวนดอกแก้วในยามค่ำคืนมองทีไรก็สวยงามเสมอ ลลิตนั่งลงบนม้าหินอ่อนเอนกายพิงพนักอย่างผ่อนคลาย คืนนี้เขาไม่อยู่เธอจึงมีโอกาสได้มานั่งเล่นที่นี่ และค่อนข้างโชคดีที่คืนนี้ฝนไม่ตก คงจะมีแต่เพียงก้อนเมฆสีดำลอยมาปกคลุมเมื่อตอนหัวค่ำและตอนนี้มันก็โดนกระแสลมพัดหายไปเหลือแต่เพียงท้องฟ้าแจ่มใส มองเห็นดวงดาวส่องแสงระยิบยับอยู่เต็มฟ้า
ลลิตโน้มกิ่งต้นแก้วลงมากิ่งหนึ่งแล้วเด็ดดอกแก้วช่อขนาดกลางมาถือไว้ในมือ คนในบ้านนี้ไม่มีใครต่อว่าเธอหรอกนอกจากเขา แต่จะกลัวอะไรในเมื่อคืนนี้เขาไม่อยู่ เธอจะเด็ดดอกแก้วไปวางไว้ในห้องทุกวันเชียวแหละ
“แหม พอเจ้าของเขาไม่อยู่หน่อยก็เด็ดของเขามาเลยนะคะ” สิตาทักเมื่อเห็นหญิงสาวที่อยู่ในชุดนอนสีครีมเดินเข้ามาในบ้านใบหน้ายิ้มแย้ม ในมือเจ้าหล่อนถือดอกแก้วอยู่ช่อหนึ่ง
“ดอกแก้วมีตั้งเป็นร้อย ๆ ช่อ ดิฉันเด็ดมาช่อหนึ่งคงไม่กระเทือนต้นหรอกมั๊งคะ” ลลิตบอกก่อนจะเดินไปห้องตัวเอง สิตามองตามร่างบางแววตาไม่พอใจก่อนจะเรียกให้ลลิตหยุด
“อยากรู้ไหมคะว่าทำไมคุณเพชรถึงหวงดอกแก้วพวกนี้มาก” ถามพลางมองอีกฝ่ายว่าจะสนใจหรือไม่ ลลิตไม่ตอบหากแต่ยืนนิ่ง ก็ถ้านางอยากจะเล่าก็เล่ามาเถิด ไม่เห็นจะต้องถามเพื่อเรียกร้องความสนใจเลย
“คุณแก้วตา แม่ของคุณเพชรเธอหลงไหลและชอบดอกแก้วมาก เธอจึงบอกให้คนสวนนำต้นแก้วมาปลูกไว้หลังบ้านจนเต็ม แต่น่าเสียดายที่เธอมาด่วนจากไปเสียก่อนเลยอยู่ชื่นชมดอกแก้วพวกนี้ไม่ได้นานนัก”
“อย่างนั้นเหรอคะ แล้วทำไมคุณเพชรเธอต้องหวงดอกแก้วพวกนี้ด้วยล่ะคะ” ลลิตถาม เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งหวงดอกแก้วได้มากมายขนาดนี้
“รู้ไหมคะว่าหลังจากที่คุณแก้วตาเสียไปแล้วร่างของเธอถูกฝังอยู่ที่ไหน” สิตาถาม เมื่อเห็นลลิตทำหน้างุนงงจึงพูดต่อ
“ก็ใต้ต้นแก้วพวกนั้นอย่างไรล่ะคะ เธอสั่งไว้ตั้งแต่ยังมีชีวิตว่าหากเธอตายเมื่อไหร่ก็ให้ฝังร่างเธอไว้ที่นั่น คุณเพชรคงจะเห็นว่าต้นแก้วพวกนั้นกำเนิดขึ้นมาได้ก็เพราะคุณแก้วตา และยังใช้ร่างของคุณแก้วตาเป็นปุ๋ยอีกถึงได้เติบโตแตกกิ่งก้านมาถึงทุกวันนี้ เธอก็เลยหวงของเธอมาก ไม่แต่เฉพาะดอกแก้วพวกนี้เท่านั้นหรอกนะคะ อะไรก็ตามที่เคยเป็นของคุณแก้วตามาก่อนเธอก็หวงทั้งหมดนั่นแหละ ไม่เว้นแม้แต่ห้องที่คุณใช้นอนอยุ่ทุกวัน”
“ห้องของฉันน่ะหรือคะ” ลลิตยิ่งทำหน้าสงสัยเมื่อยิ่งฟังสิ่งที่สิตาบอก
“ห้องที่คุณนอนอยู่เมื่อก่อนเป็นห้องคุณแก้วตา ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างในห้องนั้นก็เป็นของคุณแก้วตา รู้ไหมคะว่าคุณเพชรเธอไม่พอใจมากเลยล่ะที่คุณไปพักที่นั่น” สิตาบอก ยิ่งเห็นสีหน้าของลลิตสลดลงก็ยิ่งพอใจ
ที่แท้เขาไม่ชอบหล่อนก็ด้วยเหตุนี้สินะ ลลิตเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่มันเป็นความผิดของหล่อนเสียเมื่อไหร่ในเมื่อเจ้าของบ้านจัดให้นอนที่ไหนหล่อนก็ต้องนอนที่นั่น ไม่เคยรู้มาก่อนหรอกว่ามันมีประวัติความเป็นมาอย่างไร
………………………………….
งานนิทรรศการธุรกิจ SME และธุรกิจขนาดกลางถูกจัดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่แห่งหนึ่ง เพชรกับเกษมมาร่วมงานสายเนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อคืนทำทั้งคู่แทบลุกจากเตียงไม่ไหว เกษมกำลังสนใจขยายกิจการร้านทองของเขาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ขณะที่เพชรก็ต้องการขยายกิจการและพัฒนางานที่สวนมะพร้าว จึงตกลงใจพากันมาที่นี่ เพราะโอกาสที่จะได้ฟังกลยุทธ์การตลาดจากนักธุรกิจฝีมือดีของประเทศมีไม่บ่อยนัก และงานนี้ก็มีนักธุรกิจชื่อดังหลายคนมาร่วมบรรยาย จึงนับว่าเป็นโอกาสดีของว่าที่ผู้ประกอบการเลยทีเดียว
“เขาว่าวิทยากรบรรยายจบไปสองคนแล้วว่ะ” เกษมบอกอย่างเสียดายขณะเดินดูบูธแนะนำสินค้าและผลิตภัณฑ์จากสถานประกอบการต่าง ๆ เพชรรับฟังแต่ไม่ได้สนใจเพราะสายตาของเขากำลังจับจ้องอยู่ที่สตรีผู้มีใบหน้าอ่อนหวานนางหนึ่ง เขาเริ่มเชื่อแล้วว่าโลกนี้กลมจริง ๆ เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอหล่อนอีกหลังจากแยกย้ายกันไปตั้งแต่เมื่อคืน
“อ้าว…สวัสดีครับคุณลลิล” เกษมรีบตรงดิ่งเข้าไปทักทายหลังจากเพชรสะกิดเขาให้มองผู้หญิงที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนกลุ่มหนึ่ง เพชรเดินตามไปบ้าง เขาทักทายหล่อน ดูเหมือนวันนี้หล่อนจะดูสวยหวานเป็นพิเศษแม้ว่าเสื้อผ้าที่หล่อนสวมใส่อยู่จะไม่ได้ดูทันสมัยเหมือนอย่างที่สาวสมัยนี้นิยมกันก็ตาม
“ไม่ยักรู้ว่าคุณลลิลก็สนใจทำธุรกิจเหมือนกัน” เกษมทักทาย แววตาเจ้าชู้เริ่มทำหน้าที่
“อ้อ…ค่ะ ยินดีที่ได้เจออีกครั้งค่ะ” ลลิลตอบยิ้ม ๆ หากแต่ชายหนุ่มที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวเร็วกลับเป็นอีกคนที่กำลังส่งยิ้มมาให้เธอมากกว่า เมื่อคืนเธอไม่ได้สังเกตเขามากนักหรอกเพราะมัวแต่กังวลกับการเกี้ยวพาราสีของบุรุษจอมกะล่อนอย่างเกษม แต่วันนี้เมื่อมีโอกาสได้สำรวจเพชรอย่างชัดเจนอีกครั้งถึงรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ทั้งบุคลิกดีและหล่อเหลาเอาการคนหนึ่งเลยทีเดียว
“ถ้าอย่างไรลิลคงต้องขอตัวก่อนนะคะ พอดีลิลมีธุระต้องไปทำงานอีกที่นึงน่ะค่ะ” ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่เสียดายหรอกที่จะไม่ได้สานสัมพันธ์กับบุรุษหนุ่มมาดนิ่งอย่างเพชร แต่ทว่าหล่อนมีงานใหญ่รออยู่ที่บริษัท และการบรรยายเรื่องธุรกิจที่หล่อนได้รับเชิญมาเป็นวิทยากรในวันนี้ก็เสร็จสิ้นลงด้วยดีแล้ว
“อ้าว…น่าเสียดายจัง นี่ผมจะมีโอกาสได้เจอคุณอีกไหมครับ” เกษมทำสีหน้าห่อเหี่ยว ลลิลยิ้มจาง ๆ อันที่จริงหล่อนอยากเห็นบุรุษอีกคนทำสีหน้าห่อเหี่ยวมากกว่า
“ถ้ามีโอกาส และถ้าโลกกลมจริง ๆ ค่ะ” หล่อนตอบยิ้ม ๆ แล้วแยกตัวออกไป เกษมมองตามอย่างเสียดาย เพชรตบไหล่เพื่อน นี่ไม่ใช่อาการผิดปกติใด ๆ ของเพื่อนตัวแสบหรอก เพราะเกษมจะแสดงอาการแบบนี้ออกมาทุกครั้งเมื่อต้องแยกจากสาวที่ตัวเองกำลังสนใจ ลลิลก็คนหนึ่ง
“ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้นะ ขนาดแต่งตัวเชย ๆ ก็ยังสวย” เกษมบอก นัยน์ตาเจ้าชู้ยังคงมองตามร่างบางที่เดินห่างออกไปไกลแล้ว
“เห็นแกก็พูดแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนแหละ” เพชรขัด ส่ายหน้ากับกิริยาอาการของเพื่อนสนิท
“แต่คนนี้ฉันจริงจังนะ” เกษมยังว่าต่อ เพชรไม่ได้สนใจหากแต่บอกเพื่อนให้เดินตามไปหน้าเวทีเมื่อวิทยากรคนต่อไปกำลังเริ่มต้นบรรยาย เกษมทำคอตก เดินตามเพื่อนไปโดยดีแม้ในหัวพยายามครุ่นคิดว่าจะหาทางเจอลลิลด้วยวิธีใดได้อีก
……………………………………..
ลลิตปลีกตัวมานั่งคนเดียวที่ม้านั่งในสวนแก้วหลังบ้าน หล่อนกำลังพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่ได้ฟังมาจากทั้งสิตาและศรี เพชรรักแม่ของเขามาก เขาเกลียดชังผู้หญิงทุกคนที่อยู่ใกล้พ่อของตัวเองเพราะเขาคิดว่าผู้หญิงพวกนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่ของเขาต้องตาย นั่นเป็นเหตุผลที่ลลิตคิดว่าหล่อนสามารถเข้าใจได้ แต่สิ่งที่หล่อนไม่เข้าใจคือ มีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาเกลียดชังพ่อของตัวเองได้มากมาย มากจนขนาดหล่อนไม่เคยได้ยินเขาเอ่ยเรียก พ่อ ออกมาจากปากของเขาสักครั้งเดียว
มุกมาตาเองก็เช่นกัน หล่อนได้รับการเลี้ยงดูมาจากป้าอรและบัวตั้งแต่ยังเล็ก หากสิ่งที่ศรีบอกเล่าเป็นความจริงก็น่าเห็นใจที่เด็กผู้หญิงอายุแค่สองสามขวบแต่กลับไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่นจากพ่อตัวเองเลย ตอนนั้นอินทรคงจะหลงผู้หญิงมากจนไม่มีเวลามาสนใจลูก ๆ นั่นก็คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มุกมาตาโตมาโดยไม่มีความผูกพันใด ๆ กับคนเป็นพ่อ และก็คงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เพชรเกลียดชังพ่อของตัวเองเช่นกัน
ลลิตถอนใจ นับว่าโชคดีไม่น้อยที่ครอบครัวหล่อนไม่เคยมีเรื่องราวแบบนี้มาให้วุ่นวายใจ ถึงแม้บิดาจะทำให้หล่อนน้อยใจได้ในหลาย ๆ ครั้งแต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เพชรกับมุกมาตาต้องเจอแล้วก็นับว่าหล่อนโชคดีกว่ามาก
“อ้าว…คุณลลิต มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ” บัวถามขณะเข็นรถเข็นพามุกมาตาเข้ามาในสวน
“มานั่งเล่นเพลิน ๆ น่ะจ๊ะ” ลลิตยิ้ม จ้องมองใบหน้าบึ้งตึงของเด็กหญิงบนรถเข็น ถ้าเป็นเมื่อก่อนหล่อนอาจจะสั่งสอนหรือต่อว่ามุกมาตาที่ชอบทำกิริยาอาการแบบนี้ใส่ผู้ใหญ่ แต่มาตอนนี้หล่อนเริ่มรู้สึกว่าเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้าน่าสงสารเกินกว่าที่หล่อนจะทำอะไรแบบนั้นได้
“ไม่ต้องไปหรอกค่ะ เดี๋ยวพี่ไปเอง” ลลิตบอกเป็นภาษามือเมื่อเห็นมุกมาตาพยายามให้บัวพาเธอกลับ หล่อนเริ่มเข้าใจภาษามือมากขึ้นหลังจากได้มีโอกาสเรียนจากคนในบ้าน
“ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณลลิต” บัวบอกสีหน้าเจื่อน ลลิตยิ้มอย่างไม่ได้ถือสา หล่อนไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงมีความคิดอยากให้เพชรกลับมาเร็ว ๆ อาจเป็นเพราะหลายวันมานี้ที่เขาไม่อยู่มุกมาตาก็เลยดูเศร้าซึมมากกว่าปกติ แต่มันก็ดีสำหรับหล่อนแล้วไม่ใช่เหรอที่ไม่ต้องมีเขามาคอยเจ้ากี้เจ้าการสั่งให้ทำงานนู่นนี่ราวกับหล่อนเป็นกรรมกร ลลิตยิ้มที่มุมปาก หล่อนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายิ้มออกมาเพราะอะไร
………………………………………
ลมทะเลพัดเอื่อยพายอดมะพร้าวโอนเอียงไปมา เสียงกรุ๋งกริ๋งของโมบายเปลือกหอยยังคงฟังไพเราะเพราะพริ้งอย่างเช่นทุกครั้ง แสงสีส้มแดงจากพระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังคล้อยต่ำเลือนหายไปทางสุดขอบทะเลฝั่งโน้น เขายืนสูดอากาศอยู่ริมระเบียงจนพอใจก่อนเดินเข้าบ้าน ชายหนุ่มชะงักเมื่อเห็นร่างบางนอนขดตัวอยู่บนเตียงที่เขาเคยประกาศว่าเป็นเตียงนอนส่วนตัวของเขาและห้ามหล่อนไปวุ่นวาย
หล่อนคงไม่ได้แค่เพียงพักสายตาเพราะเขาได้ยินเสียงลมหายใจผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะ แพขนตางอนยาวหลับพริ้ม ริมฝีปากบางเฉียบเหมือนจะอมยิ้มเล็กน้อย ท่าทางหล่อนคงจะฝันดีน่าดู
ที่บ้านชาญเมธีกุล อรรณพกับลลิลนั่งมองหน้ากันด้วยใบหน้าตึงเครียด ขณะที่คุณลดาดูจะเป็นคนเดียวที่ใบหน้าแย้มยิ้มมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งบอกสองพ่อลูกไป
“นี่มันสมัยไหนกันแล้วคุณ จะจับลูกคลุมถุงชนเหมือนสมัยเราหนุ่มสาวน่ะมันไม่ได้หรอกนะ” อรรณพออกความเห็นหลังจากภรรยาบอกว่านางได้นัดให้เพื่อนพาลูกชายมาเยี่ยมบ้านพร้อมทั้งดูตัวลลิล
“ก็ลองดู ๆ กันไปก่อนสิคะ ถ้าไม่ถูกใจก็ค่อยว่ากันอีกที เพื่อนดิฉันคนนี้น่ะรวยมากเลยนะคะ ถ้าลองลลิลได้ร่วมหอลงโรงไปกับลูกชายบ้านนี้แล้วล่ะก็ รับรองสบายไปทั้งชาติ” คุณลดาบอกพลางยกแก้วชาขึ้นจิบอย่างสบายใจ
“ตอนลลิตก็ทีหนึ่งล่ะ คอยจับคู่คนนั้นคนนี้แล้วเป็นไง สุดท้ายลูกก็ไม่สนใจอยู่ดี ผมว่าคุณเลิกจับคู่คนนั้นคนนี้แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่านะ” อรรณพบอกน้ำเสียงไม่พอใจ มองหน้าลูกสาวที่นั่งเงียบด้วยความสงสาร
“ได้ไหมล่ะลลิล เกิดมาฉันก็ไม่เคยขออะไรแกเลยนะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นแหละทำให้ได้ไหม”
“นี่คุณ !! อย่าไปบังคับลูกแบบนี้สิ คุณก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงลูกก็ไม่มีทางปฏิเสธแล้วจะถามแบบนี้ทำไม” อรรณพลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างไม่พอใจ เขารู้นิสัยลลิลดีว่าเป็นอย่างไร ลลิลไม่เคยขัดหรือปฏิเสธหากเป็นเรื่องที่เขาและลดาร้องขอ ครั้งนี้ก็คงเช่นกัน
“หนูตกลงค่ะ คุณแม่นัดพวกเขามาวันไหนล่ะคะ” ลลิลโพล่งออกไปทั้งที่ขัดกับความรู้สึก แต่ถ้าจะให้เธอปฏิเสธผู้มีพระคุณทั้งสองเธอก็ทำไม่ได้
คุณลดายิ้มเมื่อได้รับคำตอบอย่างที่ตัวเองวาดหวัง ขณะที่อรรณพมองหน้าลูกสาวอย่างไม่สบายใจ และทำได้แต่เพียงภาวนาให้ลลิลเจอคนที่ดี