ตอนที่ 1 >>>
http://pantip.com/topic/32164131
ตอนที่ 2 >>>
http://pantip.com/topic/32175186
ตอนที่ 3 >>>
http://pantip.com/topic/32226678
ตอนที่ 4
เรือยนต์ขนาดเล็กวิ่งตัดกระแสคลื่นมุ่งหน้าสู่ทะเลเวิ้งว้างเบื้องหน้า ท้องฟ้าบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีดำทะมึนไม่มีแม้แต่แสงดาวระยิบระยับหรือแสงนวลของพระจันทร์ที่พอจะนำทางได้ อีกไม่นานฝนคงจะตก ลลิตคิดในใจพลางกระชับแขนสองข้างที่กอดอกอยู่ให้แน่นขึ้นเมื่อความหนาวดูเหมือนจะทวีขึ้นทุกขณะ หญิงสาวนึกขอบคุณตัวเองที่เลือกสวมเสื้อแขนยาวมาจากบ้าน ไม่เช่นนั้นเธออาจนอนหนาวตายหรือไข้ขึ้นอยู่กลางลำเรือนี้เป็นแน่ ที่ตำแหน่งคนขับ ชายที่มารับเธอที่สนามบินยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับเรือไปอย่างสงบโดยไม่ได้พูดอะไร หมวกใบลานเก่า ๆ กับแว่นกันแดดสีดำที่เขาสวมอยู่ตลอดเวลาถูกถอดออกไปแล้ว ลลิตจึงได้มีโอกาสพิจารณาเขาอย่างชัดเจนอีกครั้ง
ว่าไปเขาก็เป็นผู้ชายหน้าตาใช้ได้คนหนึ่งเชียวล่ะ ใบหน้าเรียวคมชัด คิ้วเข้มหนาทั้งสองข้างจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน จมูกโด่งเป็นสันจนเธอเผลอนึกว่าผ่านการศัลยกรรมมา มิหนำซ้ำยังไรหนวดเขียวครึ้มบนริมฝีปากหยักนั่นอีกเล่า ลลิตสะดุ้งโหยงเมื่อเขาหันมาทางเธอแว่บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปทางเดิม หญิงสาวสะบัดศีรษะไปมาแล้วหยิกขาตัวเองเบา ๆ ที่เผลอคิดอะไรไม่เข้าท่า ไม่นานทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง คงจะมีแต่เสียงเครื่องยนต์ของเรือและเสียงลมเสียงคลื่นที่ดังแข่งกันไปตลอดทาง
การขับเรือในที่มืดและลมแรงแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา สมัยที่ยังเด็กพ่อกับแม่ให้เขาเรียนขับเรือจนเขาขับได้ชำนาญและเก่งกาจกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่จริงพ่อยังมีแผนที่จะสอนเขาทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง ทว่าช่วงหลังพ่อหันไปสนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ มากกว่า มากจนลืมที่จะใส่ใจเขากับแม่ด้วยซ้ำ เพชรกำมือแน่นเมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาเกลียดผู้หญิงทุกคนที่มาแย่งความรักของพ่อไปจากแม่ ผู้หญิงพวกนั้นทำให้แม่เจ็บปวด ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหลังเขาก็คนหนึ่ง เธอมีสิทธิ์อะไรที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในห้องของแม่ ดูพ่อจะให้ความสำคัญกับเธอมากจนลืมว่าห้องนั้นเป็นห้องที่แม่รักและคงไม่อยากให้ใครไปยุ่งเกี่ยว ป่านนี้พ่อคงกำลังรอเธออย่างใจจดจ่อ น่าเสียดายที่เธอคงจะไปถึงบ้านช้าสักหน่อย พ่อคงกระวนกระวายจนแทบบ้าเชียวแหละ
เพชรหัวเราะหึหึในลำคอแล้วเร่งความเร็วจนเรือทะยานพุ่งไปข้างหน้า ลลิตที่ไม่ทันตั้งตัวเซถลาไปชิดอีกฝั่งของลำเรือ หญิงสาวทำหน้าเหยเก อดไม่ได้ที่จะตะโกนต่อว่า
“ขับเรือยังไงของนายฮึ ไอ้…ไอ้…” คำที่กำลังจะหลุดออกจากปากถูกกลืนหายเข้าไปในลำคออย่างฉับพลันเมื่อเขาดับเครื่องและลุกเดินมาทางที่เธอกำลังนั่งอยู่ ลลิตใจหายวาบ เขาดับเครื่องทำไมกลางทะเล นี่เขากำลังจะทำอะไรเธออย่างนั้นล่ะหรือ
“นาย..นายดับเครื่องทำไม” ลลิตถามเสียงสั่น ร่างบางถอยร่นไปจนชนกับขอบเรือ ดูเหมือนว่าไม่มีที่ให้เธอถอยเสียแล้วนอกจากกระโดดลงกลางทะเลเท่านั้น
“เครื่องมีปัญหานิดหน่อย” เพชรตอบเสียงห้วนแล้วเดินไปหยิบถุงเครื่องมือที่วางอยู่ท้ายลำเรือ ลลิตลอบถอนใจ นึกว่าจะถูกฆ่าแล้วโยนทิ้งไว้กลางทะเลเสียแล้ว
เพชรก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ที่เครื่องยนต์โดยมีลลิตนั่งมองอยู่ตาไม่กะพริบ อันที่จริงเครื่องยนต์ของเรือลำนี้ถูกตรวจเช็คเป็นประจำทุกวัน และตอนนี้มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหากเขาต้องการแค่เพียงถ่วงเวลาให้คนที่กำลังรอผู้หญิงคนนี้อยู่ร้อนรนเล่นเท่านั้น
…………………..
ที่บ้านเปรมพัฒน์ อินทรเดินกระสับกระส่ายไปมาหลังจากรู้ว่าลูกสาวเพื่อนสนิทยังเดินทางมาไม่ถึง สิตาเห็นอาการสามีแล้วรู้สึกหงุดหงิด ดูเขาจะเป็นห่วงเป็นใยเด็กสาวคนนี้มากเสียเหลือเกิน
“คุณนั่งก่อนดีกว่าไหมคะ เครื่องอาจจะดีเลย์ หรือไม่ลูกสาวเพื่อนคุณอาจจะออกเดินทางช้ากว่ากำหนดแล้วไม่ได้แจ้งมาทางเราก็ได้ค่ะ” สิตาบอก ยังคงจ้องมองสามีที่เดินไปมารอบที่เท่าไหร่เธอก็ไม่อยากนับ
“ผมโทรไปเช็คกับเพื่อนแล้วก็ไม่ได้เลื่อนเวลาอะไรนี่นา นี่ถ้าลูกสาวเค้าเป็นอะไรไปผมจะเอาหน้าที่ไหนไปบอกพ่อเค้าล่ะคุณ” อินทรบอกสีหน้าเคร่งเครียดทำเอาป้าอรเครียดไปด้วยอีกคน ก็นางเองนี่แหละที่เป็นธุระจัดการให้ชัชหลานชายไปรับแขกคนสำคัญของอินทรที่สนามบิน แต่ป่านนี้ทั้งคนไปรับ ทั้งแขก ยังไม่มีใครกลับมาสักคน
เสียงเรือยนต์สงบลงหลังถูกนำมาจอดเทียบท่าที่ริมฝั่ง ลลิตต้องนั่งรอเขาซ่อมเรือและลอยเท้งเต้งอยู่บนนั้นนานราวชั่วโมง หญิงสาวมองขึ้นไปบนเกาะที่มีแสงไฟวับแวมอยู่ไกล ๆ แม้ความมืดจะทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัดนักแต่ก็พอจับใจความได้ว่าบนเกาะเต็มไปด้วยสนทะเลสลับกับมะพร้าวต้นสูงตระหง่าน มันคงจะดีไม่น้อยหากมีแสงไฟหรือผู้คนบ้าง หากนั่นก็เป็นได้แค่ความคิด
“ลงมาสิคุณ ใจคอจะนั่งอยู่ในเรือแบบนั้นทั้งคืนไหมครับ” เสียงตะโกนเรียกของชายที่มารับเธอทำให้ลลิตสะดุ้ง อันที่จริงเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนจากบ้านเปรมพัฒน์จริงหรือไม่ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร และที่ที่เขาพามาเป็นที่ไหน เขาอาจเป็นมิจฉาชีพที่มาหลอกเธอว่าเป็นคนของบ้านเปรมพัฒน์ก็ได้ใครจะรู้ ก็ดูการแต่งตัวของเขาสิ เสื้อยืดเก่า ๆ กางเกงยีนส์ขาด ๆ แถมยังสวมหมวกสวมแว่นตาดำอำพรางใบหน้าอีกต่างหาก ทำไมเธอถึงไม่คิดถึงข้อนี้ตั้งแต่แรกนะ
“ที่นี่ที่ไหน” ลลิตตะโกนฝ่าเสียงคลื่นกลับไปยังคนที่ยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างลำเรือ ในใจได้แต่ภาวนาไม่ให้สิ่งที่เธอคิดเป็นจริง
“ลงมาเถอะน่า หรือถ้าอยากนอนหนาวตายบนนั้นก็ตามใจ” เขาตะโกนกลับมาอีกครั้งก่อนจะหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ของเธอเดินตรงขึ้นไปบนฝั่ง ลลิตสบถด่าเขาในใจ มองไปรอบตัวก็มีแต่ทะเลเวิ้งว้างกับหมู่เมฆสีดำทะมึน หากเธอนอนอยู่บนเรือเธออาจจะหนาวตายอย่างเขาว่า แต่ถ้าเดินตามเขาไป เธออาจจะไม่ได้กลับไปหาพ่อกับแม่ที่เธอรักอีกเลยก็ได้ หญิงสาวชั่งใจ สุดท้ายเธอก็ยอมลงจากเรือแต่โดยดีเพราะดูเหมือนฝนกำลังจะตก และคงไม่ดีแน่หากเธอต้องนอนตากฝนอยู่ตรงนี้
“นายจะพาชั้นไปไหนเนี่ย” ลลิตตะโกนถามเสียงดังเมื่อเห็นเขายังคงเดินฝ่าความมืดตรงไปข้างหน้า ไม่มีคำตอบจากปากของเขาอีกตามเคย ชายหนุ่มยังคงมุ่งหน้าเดินฝ่ามวลหมู่สนทะเลและมะพร้าวต้นใหญ่ตรงเข้าไปด้านในเกาะ ลลิตจึงได้แต่บ่นพึมพำอยู่คนเดียว
บางทีเมื่อเธอไปถึงบ้านเปรมพัฒน์แล้วเธออาจจะโยนรองเท้าส้นสูงราคาแพงคู่นี้ทิ้งทะเล ไม่สิ ยังมีรองเท้าอีกหลายคู่อยู่ในกระเป๋าใบที่เขากำลังแบกอยู่ และเธออาจจะทิ้งมันทั้งหมดนั่นเลยก็ได้เพราะมันคงใช้ประโยชน์ตอนอยู่ที่นี่ไม่ได้เลย ลลิตนึกในใจก่อนจะถอดรองเท้าส้นสูงคู่โปรดมาถือไว้อีกครั้งแล้วเดินตามเขาไปเงียบ ๆ
แสงไฟสลัวจากยอดโดมที่มองเห็นอยู่ไกล ๆ ทำให้ลลิตเริ่มใจชื้น และไม่นานเขาก็พาหล่อนมาหยุดอยู่บริเวณประตูรั้วเหล็กขนาดใหญ่ที่มีป้าย “บ้านเปรมพัฒน์” ติดอยู่ข้างหน้า
เพชรผลักประตูรั้วเข้าไปข้างใน วินาทีแรกที่มองเห็นตัวบ้านลลิตนึกว่าเธอหลุดเข้ามาในนิยายเรื่องไหนสักเรื่อง คฤหาสน์สีขาวข้างหน้าที่แวดล้อมด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิดมองราวกับภาพวาด ใต้โคนต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ข้าง ๆ ก็เต็มไปด้วยดอกสีชมพูร่วงเกลื่อนจนเธอแอบนึกว่ากำลังอยู่บนสรวงสวรรค์ แถมยังกลิ่นหอมเย็นของดอกไม้สักชนิดที่เธอไม่คุ้นชินแต่ก็หอมจนอดพูดถึงไม่ได้
“สวยมาก” ลลิตพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปข้างใน เพชรมองท่าทางตื่นตาตื่นใจของหญิงสาวแล้วส่ายหน้า เขาชินเสียแล้วกับท่าทางแบบนี้ ก็บรรดาผู้หญิงกี่คน ๆ ของพ่อที่มาที่นี่ครั้งแรกก็ตาค้างกันแบบนี้ทั้งนั้น
ในบ้านยังคงเปิดไฟสว่างบ่งบอกว่าคนในบ้านคงยังไม่นอน ที่หน้าบ้านป้าอรยืนชะเง้อท่าทางกระสับกระส่ายและไม่นานนางก็หันมาเห็นเขา ป้าอรทำท่าตกใจในแว่บแรกแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาคว้ากระเป๋าใบหนึ่งในมือเขาไปถือไว้ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้คนที่เดินตามเขามาด้านหลัง
“คุณหนูมากับคุณผู้หญิงคนนี้ได้ยังไงคะ แล้วเจ้าชัชไปอยู่ที่ไหนเสียล่ะคะ” ป้าอรถามเสียงเบาพอที่จะได้ยินกันแค่สองคน
“ชัชอยู่ที่สวนมะพร้าวฮะ ป้าอรไม่ต้องห่วง” เพชรตอบเสียงเรียบแล้ววางกระเป๋าลงข้างตัว
“แล้วคุณหนูทำไมถึง….” นางพูดไม่ทันจบประโยคเพชรก็เดินหายไปทางด้านหลังบ้าน ลลิตมองตามเขาอย่างงุนงง ก่อนจะหันมาทางป้าอรที่ทำหน้างุนงงไม่แพ้หล่อนเช่นกัน
///ตอนที่ 4 ยังไม่จบนะคะ แก้ไขเสร็จแล้วจะมาต่อให้วันหลังค่ะ ^^
กลิ่นแก้วกลรัก (ตอนที่ 4)
ตอนที่ 2 >>>http://pantip.com/topic/32175186
ตอนที่ 3 >>>http://pantip.com/topic/32226678
ตอนที่ 4
เรือยนต์ขนาดเล็กวิ่งตัดกระแสคลื่นมุ่งหน้าสู่ทะเลเวิ้งว้างเบื้องหน้า ท้องฟ้าบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีดำทะมึนไม่มีแม้แต่แสงดาวระยิบระยับหรือแสงนวลของพระจันทร์ที่พอจะนำทางได้ อีกไม่นานฝนคงจะตก ลลิตคิดในใจพลางกระชับแขนสองข้างที่กอดอกอยู่ให้แน่นขึ้นเมื่อความหนาวดูเหมือนจะทวีขึ้นทุกขณะ หญิงสาวนึกขอบคุณตัวเองที่เลือกสวมเสื้อแขนยาวมาจากบ้าน ไม่เช่นนั้นเธออาจนอนหนาวตายหรือไข้ขึ้นอยู่กลางลำเรือนี้เป็นแน่ ที่ตำแหน่งคนขับ ชายที่มารับเธอที่สนามบินยังคงตั้งหน้าตั้งตาขับเรือไปอย่างสงบโดยไม่ได้พูดอะไร หมวกใบลานเก่า ๆ กับแว่นกันแดดสีดำที่เขาสวมอยู่ตลอดเวลาถูกถอดออกไปแล้ว ลลิตจึงได้มีโอกาสพิจารณาเขาอย่างชัดเจนอีกครั้ง
ว่าไปเขาก็เป็นผู้ชายหน้าตาใช้ได้คนหนึ่งเชียวล่ะ ใบหน้าเรียวคมชัด คิ้วเข้มหนาทั้งสองข้างจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน จมูกโด่งเป็นสันจนเธอเผลอนึกว่าผ่านการศัลยกรรมมา มิหนำซ้ำยังไรหนวดเขียวครึ้มบนริมฝีปากหยักนั่นอีกเล่า ลลิตสะดุ้งโหยงเมื่อเขาหันมาทางเธอแว่บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปทางเดิม หญิงสาวสะบัดศีรษะไปมาแล้วหยิกขาตัวเองเบา ๆ ที่เผลอคิดอะไรไม่เข้าท่า ไม่นานทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง คงจะมีแต่เสียงเครื่องยนต์ของเรือและเสียงลมเสียงคลื่นที่ดังแข่งกันไปตลอดทาง
การขับเรือในที่มืดและลมแรงแบบนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา สมัยที่ยังเด็กพ่อกับแม่ให้เขาเรียนขับเรือจนเขาขับได้ชำนาญและเก่งกาจกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่จริงพ่อยังมีแผนที่จะสอนเขาทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง ทว่าช่วงหลังพ่อหันไปสนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ มากกว่า มากจนลืมที่จะใส่ใจเขากับแม่ด้วยซ้ำ เพชรกำมือแน่นเมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาเกลียดผู้หญิงทุกคนที่มาแย่งความรักของพ่อไปจากแม่ ผู้หญิงพวกนั้นทำให้แม่เจ็บปวด ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหลังเขาก็คนหนึ่ง เธอมีสิทธิ์อะไรที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในห้องของแม่ ดูพ่อจะให้ความสำคัญกับเธอมากจนลืมว่าห้องนั้นเป็นห้องที่แม่รักและคงไม่อยากให้ใครไปยุ่งเกี่ยว ป่านนี้พ่อคงกำลังรอเธออย่างใจจดจ่อ น่าเสียดายที่เธอคงจะไปถึงบ้านช้าสักหน่อย พ่อคงกระวนกระวายจนแทบบ้าเชียวแหละ
เพชรหัวเราะหึหึในลำคอแล้วเร่งความเร็วจนเรือทะยานพุ่งไปข้างหน้า ลลิตที่ไม่ทันตั้งตัวเซถลาไปชิดอีกฝั่งของลำเรือ หญิงสาวทำหน้าเหยเก อดไม่ได้ที่จะตะโกนต่อว่า
“ขับเรือยังไงของนายฮึ ไอ้…ไอ้…” คำที่กำลังจะหลุดออกจากปากถูกกลืนหายเข้าไปในลำคออย่างฉับพลันเมื่อเขาดับเครื่องและลุกเดินมาทางที่เธอกำลังนั่งอยู่ ลลิตใจหายวาบ เขาดับเครื่องทำไมกลางทะเล นี่เขากำลังจะทำอะไรเธออย่างนั้นล่ะหรือ
“นาย..นายดับเครื่องทำไม” ลลิตถามเสียงสั่น ร่างบางถอยร่นไปจนชนกับขอบเรือ ดูเหมือนว่าไม่มีที่ให้เธอถอยเสียแล้วนอกจากกระโดดลงกลางทะเลเท่านั้น
“เครื่องมีปัญหานิดหน่อย” เพชรตอบเสียงห้วนแล้วเดินไปหยิบถุงเครื่องมือที่วางอยู่ท้ายลำเรือ ลลิตลอบถอนใจ นึกว่าจะถูกฆ่าแล้วโยนทิ้งไว้กลางทะเลเสียแล้ว
เพชรก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ที่เครื่องยนต์โดยมีลลิตนั่งมองอยู่ตาไม่กะพริบ อันที่จริงเครื่องยนต์ของเรือลำนี้ถูกตรวจเช็คเป็นประจำทุกวัน และตอนนี้มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหากเขาต้องการแค่เพียงถ่วงเวลาให้คนที่กำลังรอผู้หญิงคนนี้อยู่ร้อนรนเล่นเท่านั้น
…………………..
ที่บ้านเปรมพัฒน์ อินทรเดินกระสับกระส่ายไปมาหลังจากรู้ว่าลูกสาวเพื่อนสนิทยังเดินทางมาไม่ถึง สิตาเห็นอาการสามีแล้วรู้สึกหงุดหงิด ดูเขาจะเป็นห่วงเป็นใยเด็กสาวคนนี้มากเสียเหลือเกิน
“คุณนั่งก่อนดีกว่าไหมคะ เครื่องอาจจะดีเลย์ หรือไม่ลูกสาวเพื่อนคุณอาจจะออกเดินทางช้ากว่ากำหนดแล้วไม่ได้แจ้งมาทางเราก็ได้ค่ะ” สิตาบอก ยังคงจ้องมองสามีที่เดินไปมารอบที่เท่าไหร่เธอก็ไม่อยากนับ
“ผมโทรไปเช็คกับเพื่อนแล้วก็ไม่ได้เลื่อนเวลาอะไรนี่นา นี่ถ้าลูกสาวเค้าเป็นอะไรไปผมจะเอาหน้าที่ไหนไปบอกพ่อเค้าล่ะคุณ” อินทรบอกสีหน้าเคร่งเครียดทำเอาป้าอรเครียดไปด้วยอีกคน ก็นางเองนี่แหละที่เป็นธุระจัดการให้ชัชหลานชายไปรับแขกคนสำคัญของอินทรที่สนามบิน แต่ป่านนี้ทั้งคนไปรับ ทั้งแขก ยังไม่มีใครกลับมาสักคน
เสียงเรือยนต์สงบลงหลังถูกนำมาจอดเทียบท่าที่ริมฝั่ง ลลิตต้องนั่งรอเขาซ่อมเรือและลอยเท้งเต้งอยู่บนนั้นนานราวชั่วโมง หญิงสาวมองขึ้นไปบนเกาะที่มีแสงไฟวับแวมอยู่ไกล ๆ แม้ความมืดจะทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัดนักแต่ก็พอจับใจความได้ว่าบนเกาะเต็มไปด้วยสนทะเลสลับกับมะพร้าวต้นสูงตระหง่าน มันคงจะดีไม่น้อยหากมีแสงไฟหรือผู้คนบ้าง หากนั่นก็เป็นได้แค่ความคิด
“ลงมาสิคุณ ใจคอจะนั่งอยู่ในเรือแบบนั้นทั้งคืนไหมครับ” เสียงตะโกนเรียกของชายที่มารับเธอทำให้ลลิตสะดุ้ง อันที่จริงเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนจากบ้านเปรมพัฒน์จริงหรือไม่ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร และที่ที่เขาพามาเป็นที่ไหน เขาอาจเป็นมิจฉาชีพที่มาหลอกเธอว่าเป็นคนของบ้านเปรมพัฒน์ก็ได้ใครจะรู้ ก็ดูการแต่งตัวของเขาสิ เสื้อยืดเก่า ๆ กางเกงยีนส์ขาด ๆ แถมยังสวมหมวกสวมแว่นตาดำอำพรางใบหน้าอีกต่างหาก ทำไมเธอถึงไม่คิดถึงข้อนี้ตั้งแต่แรกนะ
“ที่นี่ที่ไหน” ลลิตตะโกนฝ่าเสียงคลื่นกลับไปยังคนที่ยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างลำเรือ ในใจได้แต่ภาวนาไม่ให้สิ่งที่เธอคิดเป็นจริง
“ลงมาเถอะน่า หรือถ้าอยากนอนหนาวตายบนนั้นก็ตามใจ” เขาตะโกนกลับมาอีกครั้งก่อนจะหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ของเธอเดินตรงขึ้นไปบนฝั่ง ลลิตสบถด่าเขาในใจ มองไปรอบตัวก็มีแต่ทะเลเวิ้งว้างกับหมู่เมฆสีดำทะมึน หากเธอนอนอยู่บนเรือเธออาจจะหนาวตายอย่างเขาว่า แต่ถ้าเดินตามเขาไป เธออาจจะไม่ได้กลับไปหาพ่อกับแม่ที่เธอรักอีกเลยก็ได้ หญิงสาวชั่งใจ สุดท้ายเธอก็ยอมลงจากเรือแต่โดยดีเพราะดูเหมือนฝนกำลังจะตก และคงไม่ดีแน่หากเธอต้องนอนตากฝนอยู่ตรงนี้
“นายจะพาชั้นไปไหนเนี่ย” ลลิตตะโกนถามเสียงดังเมื่อเห็นเขายังคงเดินฝ่าความมืดตรงไปข้างหน้า ไม่มีคำตอบจากปากของเขาอีกตามเคย ชายหนุ่มยังคงมุ่งหน้าเดินฝ่ามวลหมู่สนทะเลและมะพร้าวต้นใหญ่ตรงเข้าไปด้านในเกาะ ลลิตจึงได้แต่บ่นพึมพำอยู่คนเดียว
บางทีเมื่อเธอไปถึงบ้านเปรมพัฒน์แล้วเธออาจจะโยนรองเท้าส้นสูงราคาแพงคู่นี้ทิ้งทะเล ไม่สิ ยังมีรองเท้าอีกหลายคู่อยู่ในกระเป๋าใบที่เขากำลังแบกอยู่ และเธออาจจะทิ้งมันทั้งหมดนั่นเลยก็ได้เพราะมันคงใช้ประโยชน์ตอนอยู่ที่นี่ไม่ได้เลย ลลิตนึกในใจก่อนจะถอดรองเท้าส้นสูงคู่โปรดมาถือไว้อีกครั้งแล้วเดินตามเขาไปเงียบ ๆ
แสงไฟสลัวจากยอดโดมที่มองเห็นอยู่ไกล ๆ ทำให้ลลิตเริ่มใจชื้น และไม่นานเขาก็พาหล่อนมาหยุดอยู่บริเวณประตูรั้วเหล็กขนาดใหญ่ที่มีป้าย “บ้านเปรมพัฒน์” ติดอยู่ข้างหน้า
เพชรผลักประตูรั้วเข้าไปข้างใน วินาทีแรกที่มองเห็นตัวบ้านลลิตนึกว่าเธอหลุดเข้ามาในนิยายเรื่องไหนสักเรื่อง คฤหาสน์สีขาวข้างหน้าที่แวดล้อมด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิดมองราวกับภาพวาด ใต้โคนต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ข้าง ๆ ก็เต็มไปด้วยดอกสีชมพูร่วงเกลื่อนจนเธอแอบนึกว่ากำลังอยู่บนสรวงสวรรค์ แถมยังกลิ่นหอมเย็นของดอกไม้สักชนิดที่เธอไม่คุ้นชินแต่ก็หอมจนอดพูดถึงไม่ได้
“สวยมาก” ลลิตพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปข้างใน เพชรมองท่าทางตื่นตาตื่นใจของหญิงสาวแล้วส่ายหน้า เขาชินเสียแล้วกับท่าทางแบบนี้ ก็บรรดาผู้หญิงกี่คน ๆ ของพ่อที่มาที่นี่ครั้งแรกก็ตาค้างกันแบบนี้ทั้งนั้น
ในบ้านยังคงเปิดไฟสว่างบ่งบอกว่าคนในบ้านคงยังไม่นอน ที่หน้าบ้านป้าอรยืนชะเง้อท่าทางกระสับกระส่ายและไม่นานนางก็หันมาเห็นเขา ป้าอรทำท่าตกใจในแว่บแรกแล้วก็รีบวิ่งเข้ามาคว้ากระเป๋าใบหนึ่งในมือเขาไปถือไว้ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้คนที่เดินตามเขามาด้านหลัง
“คุณหนูมากับคุณผู้หญิงคนนี้ได้ยังไงคะ แล้วเจ้าชัชไปอยู่ที่ไหนเสียล่ะคะ” ป้าอรถามเสียงเบาพอที่จะได้ยินกันแค่สองคน
“ชัชอยู่ที่สวนมะพร้าวฮะ ป้าอรไม่ต้องห่วง” เพชรตอบเสียงเรียบแล้ววางกระเป๋าลงข้างตัว
“แล้วคุณหนูทำไมถึง….” นางพูดไม่ทันจบประโยคเพชรก็เดินหายไปทางด้านหลังบ้าน ลลิตมองตามเขาอย่างงุนงง ก่อนจะหันมาทางป้าอรที่ทำหน้างุนงงไม่แพ้หล่อนเช่นกัน
///ตอนที่ 4 ยังไม่จบนะคะ แก้ไขเสร็จแล้วจะมาต่อให้วันหลังค่ะ ^^