กลิ่นแก้วกลรัก ตอนที่ 4 (ภาคต่อ)

ตอนที่ 1 >>>http://pantip.com/topic/32164131
ตอนที่ 2 >>>http://pantip.com/topic/32175186
ตอนที่ 3 >>>http://pantip.com/topic/32226678
ตอนที่ 4 >>>http://pantip.com/topic/32316165


ตอนที่ 4 (ต่อ)


ลลิตหมุนตัวสำรวจรอบห้องอีกครั้งอย่างแทบไม่เชื่อตาตัวเอง บ้านป่าเมืองเถื่อนที่แม่พยายามบอกมาตลอดไม่ได้เป็นแบบในจินตนาการของแม่สักนิด ห้องนอนที่กำลังจะเป็นของเธอกว้างใหญ่โอ่โถง โต๊ะ ตู้ เตียง อีกทั้งของประดับตกแต่งทุกอย่างเข้ากันอย่างลงตัว บนฝาผนังมีรูปเขียนขนาดใหญ่ติดอยู่ ลลิตเดินเข้าไปใกล้ อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะอย่างแผ่วเบา

ไม่บ่อยนักที่เธอจะชื่นชมกับภาพเขียนสีน้ำมันพวกนี้ เธอไม่ใช่สาวหัวศิลปะหรือสนใจการขีด ๆ เขียน ๆ สักเท่าไหร่ แต่ทว่าภาพดอกแก้วสีขาวนวลหลากหลายช่อแซมด้วยใบสีเขียวสดภาพนี้ก็ทำให้เธออดชื่นชมอย่างเสียไม่ได้ ภาพที่ดูมีชีวิต ภาพที่เสมือนเอาดงดอกแก้วมาแปะไว้บนฝาผนัง ลลิตยืนมองภาพนั้นนิ่งราวต้องมนต์สะกด เธอไล่สายตาไปทั่วภาพอย่างชื่นชม และมาหยุดที่อักษรขนาดเล็กที่มุมล่างขวา “แก้วตา” ลลิตอ่านออกเสียงเบา ๆ แก้วตาคงจะเป็นคนเขียนภาพนี้ซีนะ

ลลิตเดินกลับไปนั่งบนเตียงขนาดใหญ่ ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาก อาการคิดถึงบ้าน และอาการอึดอัดใจได้มลายหายไปหลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอแทบจะร้องไห้เสียด้วยซ้ำ หลังจากนายคนที่ไปรับเธอที่สนามบินเดินหายไปทางหลังบ้านและทิ้งเธอไว้กับหญิงสูงวัยคนหนึ่งซึ่งมาทราบชื่อทีหลังว่าป้าอร เป็นแม่นมและแม่บ้านใหญ่ของที่นี่ ป้าอรพาเธอไปพบคุณอินทรเพื่อนที่บิดาพูดถึงให้ฟังอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเขาก็แลดูใจดีและเอ็นดูเธอเหมือนอย่างที่บิดาบอกไว้ หากแต่ภรรยาที่ชื่อสิตานั่นต่างหากที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจพิกล ดูจากสีหน้าท่าทางและการพูดจาแล้วนางคงไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่ ก็คนชอบหน้ากันที่ไหนจะมาพูดกระแทก-ดันเรื่องเธอมาถึงช้ากว่ากำหนดแล้วไม่แจ้ง แถมยังคอยเกาะเกี่ยวคล้องแขนคุณอินทรไว้ตลอดราวกับจงอางหวงไข่…เหอะ !! ถึงคุณอินทรจะหล่อคมเข้มและแลดูไม่แก่ตามอายุ แต่เธอก็ไม่เคยพิสมัยชายที่แก่กว่าเธอเกือบสามรอบหรอกนะ อีกอย่างการที่เธอมาถึงช้ามันเป็นความผิดของเธอเสียเมื่อไหร่กันเล่า ก็คนของที่นี่เองไม่ใช่เหรอที่ไปรับเธอช้า และดูเถอะไม่มีใครพูดถึงหรือต่อว่าหมอนั่นสักคำ ป้าอรก็ดูเหมือนจะปกป้องเสียด้วยซ้ำ

ลลิตเอนหลังลงนอนในแนวขวางกับทิศทางนอนของเตียง ขาสองข้างห้อยลงมาพอที่ปลายเท้าจะหยั่งถึงพื้นได้ นอกจากยัยสิตาจอมกระทบกระแทก-ดันแล้ว เด็กผู้หญิงผิวขาวผมเปียที่นั่งอยู่บนรถเข็นคนนั้นก็จ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ยิ้มให้ก็ไม่ยิ้มตอบ แต่เอาเถอะ เธอไม่ได้ถือสาอะไรกับเด็กโดยเฉพาะเด็กที่พูดไม่ได้และขาพิการด้วยแล้ว เธอกลับสงสารเสียด้วยซ้ำ ลลิตหลับตาลงอย่างอ่อนล้า เธอยังไม่พร้อมที่จะชำระร่างกาย จัดกระเป๋า หรือแม้แต่ทานอาหารเย็นตามคำเชิญชวนของป้าอร เผลอนึกไปถึงที่บ้าน ป่านนี้แม่คงกำลังนั่งขัดเครื่องเพชรในกรุ ก็นางขัดของนางได้ทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้วนี่นา ส่วนพ่อ รายนั้นคงกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ไม่ก็หนังสือธุรกิจอะไรสักอย่าง ส่วนลลิลน่ะเหรอ เธอไม่ค่อยได้สนใจกิจวัตรของน้องสาวนอกไส้คนนี้อยู่แล้ว ลลิตพลิกตัวมองกระเป๋าใบโตสองใบที่เธอหอบมาจากบ้าน ถ้าอยู่ที่บ้านป่านนี้คงมีคนจัดกระเป๋าเข้าตู้ให้เธอจนเสร็จเรียบร้อย คงมีคนคอยเตรียมน้ำอุ่นผสมด้วยน้ำหอมชั้นดีจากยุโรปไว้ให้เธอลงไปนอนแช่อย่างสบายใจ แต่เรื่องจริงคือเธอต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง จากนี้ไปชีวิตของเธอเสมือนนับหนึ่งใหม่


เพชรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินไปหามุกมาตาที่ห้อง เด็กหญิงอยู่ในชุดนอนสีหวานสดใสปล่อยผมสยายยาวเต็มแผ่นหลัง ท่าทางกำลังจดจ่อมุ่งมั่นอยู่กับภาพวาดบนโต๊ะประจำของเธอ

เพชรลูบหัวน้องสาวเบา ๆ เขายื่นหน้าไปมองรูปวาดบนโต๊ะแล้วชื่นชมน้องสาวไม่ขาดปาก มุกมาตามีพรสวรรค์เรื่องวาดรูป หล่อนทำมันมาตั้งแต่เด็กและฝีมือก็พัฒนามาเรื่อยจนถึงตอนนี้ หากหล่อนจะชอบเรียนวิชาอื่นให้ได้สักครึ่งของวิชาศิลปะเขาคงสบายใจกว่านี้มาก แต่ถึงอย่างไรเขาคงไม่ปิดกั้นหรือห้ามไม่ให้เธอวาด ก็เพราะศิลปะพวกนี้ไม่ใช่หรือที่ทำให้มุกมาตาจิตใจสงบลง ก่อนหน้านี้เธอเป็นเด็กกราดเกรี้ยว โมโหร้าย ครูกี่คนต่อกี่คนที่จ้างมาสอนหนังสือให้ก็เป็นอันต้องลาออกกันหมดเพราะความเจ้าอารมณ์ แต่เขาก็ไม่เคยถือโทษหรือโกรธมุกมาตาแม้สักครั้ง กลับคิดว่าตัวเองต่างหากที่ดูแลน้องไม่ดีจนทำให้กลายเป็นเด็กอารมณ์ร้อนและเอาแต่ใจแบบนี้

มุกมาตาส่งยิ้มหวานให้พี่ชายแล้วบอกให้เขานั่งลงข้าง ๆ เพชรลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างน้องสาวอย่างว่าง่าย หล่อนกำลังวาดรูปทุ่งดอกไม้ มีผีเสื้อหลายตัวโบยบินอยู่รอบ ๆ น่าแปลกที่อยู่ดี ๆ ภาพสาวที่เขาไปรับมาจากสนามบินก็โผล่เข้ามาในห้วงความคิด

หล่อนสวยราวกับภาพวาด บุคลิกอย่างกับนางพญา ดูมาดมั่น ปราดเปรียว ถือตัว และหัวรั้นนิด ๆ เขาทราบมาว่าเธอจะมาช่วยงานที่โรงแรมของบิดาที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง อดแปลกใจไม่ได้ว่าเมืองใหญ่ที่เธอจากมาไม่มีโรงแรมที่ดีพอให้เธอทำงานได้เลยหรือ ทำไมถึงต้องดั้นด้นมาทำงานถึงนี่ และแลดูบิดาก็เต็มใจต้อนรับเธอยิ่งนัก

ชายหนุ่มเผลอนึกไปถึงช่วงหัวค่ำที่ผ่านมา หลังจากพาเธอไปส่งที่หน้าบ้านกับป้าอรแล้วเขาก็หลบมาทางด้านหลัง นั่งพักในสวนแก้วจนหายเหนื่อยแล้วจึงเดินกลับเข้าบ้าน ที่นั่นเขาเจอสิตา ดูเหมือนนางจะตั้งใจรอพบเขาและพอเห็นสภาพการแต่งตัวของเขาแล้ว นางก็คงอดพูดไม่ได้

“ว่าแล้วเชียวว่าคุณต้องไปรับเธอด้วยตัวเอง เล่นเอาพ่อคุณหัวเสียเลยนะคะรู้บ้างไหม” เพชรไม่ได้แม้แต่มองหน้านางด้วยซ้ำ เขาทำท่าจะเดินต่อหากแต่ประโยคต่อไปของสิตาทำให้เขาต้องหยุดกึก

“พ่อคุณเป็นคนเจ้าชู้มากคุณก็รู้ดี ตลอดเวลานี่ก็มีเล็กมีน้อยมาตลอดแต่ฉันก็ไม่อยากจะพูด แล้วดูซีคะ พอคุณลลิตจะมานี่ก็ตื่นเต้นเสียจนเกินงาม ดิฉันว่าผิดปกติของคำว่าแค่ลูกเพื่อนนะคะ” สิตาไม่ได้พูดผิด พ่อเป็นคนเจ้าชู้และมีเล็กมีน้อยมาตลอด พ่อแพ้ผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงสวย ๆ และลลิตก็ช่างสวยเสียเหลือเกิน หากเขาจะใจชื้นขึ้นมาหน่อยและแอบมีข้อโต้แย้งในใจว่าหล่อนเป็นลูกสาวเพื่อนนะ พ่อคงไม่คิดหรือทำอะไรแบบนั้นหรอก

“ที่ผ่านมาห้องนอนคุณแม่ของคุณก็ถูกห้ามให้ใครเข้าไปยุ่งหรือเปิดใช้ แล้วดูซีคะ พอคุณลลิตเข้ามาพ่อคุณก็เปลี่ยนใจเสียได้ คุณไม่เห็นว่ามันผิดปกติบ้างหรอกหรือคะ” สิตายังคงพูดต่อ เพชรทำสีหน้าเครียดขรึม ความเจ็บยังคุกรุ่นอยู่ในใจมาตลอดตั้งแต่วันที่ฝ่ามือหนาของพ่อฟาดลงบนหน้าเขาเพียงแค่เขาห้ามไม่ให้ใครไปยุ่งเกี่ยวกับห้องของแม่ เขาผิดหรือที่ต้องการเก็บกลิ่นไอของแม่เอาไว้ เขาอยากให้ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างในห้องนั้นคงสภาพเดิมและวางอยู่ที่เดิมให้เหมือนกับวันสุดท้ายที่แม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในห้องนั้น เพชรนึกถึงตรงนี้แล้วกำมือแน่น เขาก้าวฉับ ๆ ขึ้นบนบ้านโดยไม่ได้พูดอะไร สิตามองตามร่างสูงอย่างพอใจ อย่างน้อยหากสิ่งที่เธอคิดเป็นความจริง เพชรนี่แหละที่จะช่วยขัดขวางไม่ให้เรื่องบ้าบอนั้นเกิดขึ้นได้

ลลิตอาบน้ำเสร็จแล้วก็มานั่งแปรงผมอยู่หน้ากระจก หล่อนอยู่ในชุดนอนผ้าแพรสีเงินยวงเปิดไหล่ ส่วนกระโปรงยาวไปถึงเข่า โชคดีที่บ้านนี้มีน้ำอุ่นให้เธออาบซึ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปได้มาก หญิงสาวแปรงผมไปพลางนั่งมองตัวเองในกระจก กลิ่นดอกไม้หอมเย็นลอยอวลเข้ามาซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกับตอนที่เธอก้าวข้ามประตูรั้วเข้ามาบ้านนี้ครั้งแรก เสียงลมพัดและใบไม้ลู่ไหวเสียดสีกันไปมา ฝนคงกำลังจะตกจริง ๆ แล้วหลังจากตั้งเค้ามานาน ลลิตเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ซึ่งมีม่านสีขาวนวลปักลายดอกไม้ที่ชายผ้ากั้นอยู่ หล่อนเปิดม่านออกแล้วแง้มหน้าต่างบานใหญ่ออกไป ภาพเบื้องล่างทำให้เธอต้องประหลาดใจระคนตื่นเต้นอีกครั้ง ต้นแก้วหลายสิบต้นที่มีช่อดอกขาวโพลนไปทุกต้นตัดกับความมืดมิดมองดูสวยงามยิ่งนัก นี่มันสวนดอกแก้วในฝันชัด ๆ และกลิ่นพวกนั้นก็คงมาจากที่นี่ซีนะ หล่อนรู้จักดอกแก้วจากในหนังสือ ไม่เคยเห็นของจริงและไม่เคยรู้มาก่อนว่ากลิ่นของมันเป็นอย่างไร ลลิตยิ้มสบายใจ จ้องมองเพลินจนเม็ดฝนเริ่มกระเซ็นเข้าใส่ นั่นเองหล่อนถึงได้รู้สึกตัวแล้วรีบปิดหน้าต่างกลับเข้าที่ พรุ่งนี้หล่อนต้องรีบไปขอบคุณอินทรที่จัดห้องให้หล่อนได้สมใจนัก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่