กลิ่นแก้วกลรัก ตอนที่ 7

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 1 >>>http://pantip.com/topic/32164131
ตอนที่ 2 >>>http://pantip.com/topic/32175186
ตอนที่ 3 >>>http://pantip.com/topic/32226678
ตอนที่ 4 >>>http://pantip.com/topic/32316165
ตอนที่ 4 (ต่อ) >>>http://pantip.com/topic/32346960
ตอนที่ 5 >>>http://pantip.com/topic/32492911
ตอนที่ 6 >>>http://pantip.com/topic/32511328


                                                                                      ตอนที่ 7


ลลิตทรุดตัวลงนั่งบนม้าหินอ่อนใต้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ต้นใหญ่ ตั้งแต่นี้ต่อไปเธอไม่ต้องนั่งเรือข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำงานในเมืองทุกวัน ไม่ต้องเมาเรือ ไม่ต้องทะเลาะกับผืนทรายยามเมื่อต้องเดินไปขึ้นเรือและตัวเธอเองลืมถอดรองเท้าส้นสูงคู่ใจ เธอยังแอบคิดด้วยซ้ำว่าอาจจะทิ้งมันลงทะเลไปซะเพราะคงไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีกนาน

“อาก็ไม่เข้าใจพ่อหนูเหมือนกันนะว่าทำไมถึงทำแบบนี้ อาพยายามคัดค้านแล้วแต่เจ้าอรรณพนี่ก็หัวดื้อชะมัด” ลลิตนึกถึงคำพูดของอินทรที่พูดกับตัวเธอเมื่อเช้า พ่อคงจะเห็นว่าคนอย่างเธอไม่เหมาะสมที่จะไปทำงานในโรงแรมใหญ่ขนาดนั้น พ่อคงกลัวผู้หญิงไม่เอาไหนอย่างเธอจะทำงานของอินทรเสียหาย แม้เพียงแค่โอกาสให้แสดงความสามารถพ่อก็ไม่มีให้เธอด้วยซ้ำ ลลิตแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าพยายามกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอทว่าก็ยากเย็นเหลือเกิน

เสียงเอะอะโครมครามที่ดังมาจากในบ้านทำให้อารมณ์เศร้าของหญิงสาวหยุดลงชั่วขณะ ไม่นานลลิตก็พาตัวเองมาถึงต้นตอของเสียง และก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งอายุน่าจะอ่อนกว่าเธอสักปีสองปี หล่อนกำลังเก็บข้าวของที่หล่นกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ใบหน้าของหล่อนซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันคะป้าอร” ลลิตถามขณะมองป้าอรกับบัวกำลังช่วยกันเก็บหนังสือเรียนหลายเล่มรวมทั้งเศษแจกันที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ที่กระจายอยู่เต็มพื้น ไม่มีใครตอบเธอ แต่แววตาของป้าอรที่มองไปยังร่างบางที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ทำให้ลลิตเข้าใจได้ทะลุปรุโปร่ง

“เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรทำแบบนี้ โดยเฉพาะกับคนที่เป็นครูบาอาจารย์ของเราด้วยแล้วยิ่งไม่ควรนะคะคุณมุก” ลลิตเขียนประโยคนี้ลงบนกระดาษส่งให้มุกมาตาอ่านก่อนที่มุกมาตาจะขยำกระดาษแผ่นนั้นทิ้งอย่างไม่เหลือดีแล้วส่งภาษามือบอกให้บัวพาเธอกลับขึ้นไปบนห้อง

“ไม่ต้องพาขึ้นไปนะบัว เด็กอะไรไม่มีสัมมาคารวะ ไม่รู้จักเคารพยำเกรงผู้ใหญ่ วันนี้ถ้าลิตทำให้คุณมุกยกมือไหว้ขอโทษคุณครูคนนี้ไม่ได้ก็อย่าหวังเลยค่ะว่าลิตจะยอมให้คุณมุกกลับห้อง” ลลิตพูดเสียงดังขณะช่วยประคองร่างครูสาวของมุกมาตาขึ้นมาจากพื้น ที่แขนของครูสาวมีเลือดซึมออกมานิดหนึ่ง คงจะโดนเศษกระเบื้องบาดเข้าให้นั่นแหละ

“อย่าวอนหาเรื่องเลยค่ะคุณลลิต ถ้าคุณเพชรมาเห็นคุณดุน้องสาวเธอขนาดนี้จะเป็นปัญหาเสียเปล่า ๆ นะคะ” สิตาซึ่งยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ ๆ เสนอความเห็น หากแต่ลลิตก็หาได้สนใจกับคำท้วงติงนั้นไม่

“ทำตัวไม่น่ารักแบบนี้ซีนะ พี่ชายถึงไม่ค่อยได้มาสนใจ ที่เห็นอ้างว่างานยุ่งธุระเยอะคงเบื่อน้องสาวเอาแต่ใจเสียมากกว่า” ลลิตเขียนประโยคต่อมาลงบนกระดาษแล้วส่งให้มุกมาตาอ่าน เธอเห็นเด็กหญิงมีสีหน้าโมโหจัดถึงขนาดฉีกกระดาษของเธอละเอียดเป็นชิ้น ๆ แล้วโปรยลงบนพื้น

กระดาษแผ่นต่อไปถูกส่งให้มุกมาตาอีก ในเนื้อหาบอกให้เด็กหญิงขอโทษคุณครูคนที่เธอปาข้าวของใส่ ทว่านอกจากมุกมาตาจะไม่อ่านแล้วเธอยังขยำและปากระดาษใบนั้นใส่หน้าลลิต ดูเหมือนทุกคนในที่นั้นจะมีสีหน้าตกใจกันหมด คงจะมีแต่ลลิตเท่านั้นที่ใบหน้ายังคงนิ่งเฉย นับว่าโชคดีที่มุกมาตาเจอกับหล่อนในช่วงเวลาที่หล่อนพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนใจเย็นและสุขุมมากขึ้น เพราะถ้าเจอกันในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เด็กหญิงอาจได้เจอกับลลิตผู้มีนิสัยขี้เหวี่ยงขี้วีนไม่ยอมใครก็เป็นได้

เหตุการณ์กำลังจะบานปลายแต่ก็นับว่าโชคดีที่เพชรเข้ามาห้ามทัพไว้ทัน ป้าอรดูจะโล่งใจที่สุดเมื่อเห็นบุรุษร่างสูงเดินเข้ามาในบ้าน เพราะในช่วงเวลาแบบนี้คงจะมีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้

เมื่อครูสาวขอตัวกลับไปแล้วหลังจากได้รับคำขอโทษที่ไม่ค่อยเต็มใจจากมุกมาตา เพชรก็พาน้องสาวมาที่สวนดอกแก้วหลังบ้าน ส่วนลลิตก็แยกตัวกลับห้องไปแบบที่อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำกิริยาแบบนี้อีก พี่ไม่ชอบเลยนะคะ” มุกมาตาหน้างอง้ำเมื่อพี่ชายบอกเธอแบบนั้นด้วยภาษามือ เด็กหญิงน้ำตาซึมทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เพชรเห็นอาการน้องสาวแล้วลอบถอนใจ นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่อาการแบบนี้ของน้องสาวไม่ได้ทำให้เขาใจอ่อนเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา

“แม่ไม่เคยสอนให้มุกทำตัวแบบนี้นะคะ เพราะฉะนั้นน้องต้องไม่ทำให้แม่เสียใจ เห็นไหมว่าแม่กำลังมองพวกเราอยู่ แม่ต้องผิดหวังมากแน่ ๆ ที่มุกทำนิสัยไม่น่ารักแบบนี้” เพชรบอกด้วยภาษามือพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเด็ดดอกแก้วมาช่อหนึ่งส่งให้น้องสาว มุกมาตารับมาถือไว้ เด็กหญิงก้มลงสูดกลิ่นของดอกแก้วน้ำตาไหลเป็นทาง

“คุณมุกเธอเป็นแบบนี้กับครูทุกคนนั่นแหละค่ะ โดยเฉพาะครูสาว ๆ แล้วนี่ไม่มีใครอยู่ทำงานได้นานสักคนเดียว” คำบอกเล่าของบัวยังคงดังก้องอยู่ในหู ลลิตครุ่นคิด จะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้เด็กหญิงต่อต้านครูสาวทุกคน ฉับพลันนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ความคิดและข้อสงสัยต่าง ๆ จึงถูกหยุดไว้เพียงแค่นั้นก่อนที่ร่างบางจะเดินไปเปิดประตู

ลลิตแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าบุรุษร่างสูงที่มาเคาะประตูห้องเธอเป็นเพชร เขามองหน้าเธอ แววตาดุดันที่เคยเห็นอยู่ทุกครั้งมองคล้ายจะอ่อนโยนอยู่ในที

“ผมมาขอโทษแทนน้องสาว หวังว่าคุณคงจะไม่ถือสากับสิ่งที่มุกมาตาทำหรอกนะ” นัยน์ตาคมสบตากับหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า ลลิตอึ้งไปชั่วขณะเพราะไม่นึกว่าคนที่แสนเย็นชาอย่างเขาจะบุกมาขอโทษหล่อนถึงห้องขนาดนี้ หญิงสาวเชิดสีหน้าขึ้นนิดหนึ่งเมื่อเรียกคืนสติกลับมาได้ หล่อนแง้มประตูให้กว้างขึ้นก่อนจะตอบเขาน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่โกรธค่ะ แต่จะไม่ยอมให้คุณมุกทำแบบนี้กับใครอีก” เสียงลลิตหนักแน่นจริงจัง เพชรฟังคำตอบแล้วรู้สึกคล้ายกับว่าน้องสาวของเขาจะต้องได้รับการลงโทษอะไรสักอย่างจากผู้หญิงคนนี้ แค่นั้นเองแววตาที่แลดูอ่อนโยนเมื่อสักครู่จึงเปลี่ยนไปกลับกลายเป็น เพชร เปรมพัฒน์ คนเดิมที่เธอรู้จักมาตลอด

“คุณจะทำอะไร” เขาถามเสียงห้วน ขยับตัวเข้าไปยืนพิงกับกรอบประตูห้องของหล่อน

“ก็แค่จะสั่งสอนเด็กไม่มีสัมมาคารวะให้มีสัมมาคารวะขึ้นบ้างก็เท่านั้นแหละค่ะ” ลลิตตอบ ต่างฝ่ายยังคงจ้องหน้ากันไม่มีใครยอมใคร

“อย่าลืมว่าคุณกำลังจะไปเป็นพนักงานของผม คุณไม่ควรมีปัญหากับเจ้านายในอนาคตของคุณนะ” เขาหัวเราะหึหึอยู่ในลำคอ รู้สึกว่าตัวเองเป็นต่ออยู่หลายขุม

ลลิตทำสีหน้าฟึดฟัดเมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้ นึกโมโหบิดาขึ้นมาที่อยู่ดี ๆ ก็ล้มเลิกไม่ให้เธอทำงานที่โรงแรมแต่กลับจะส่งเธอไปทำงานที่สวนมะพร้าว เหตุผลที่บิดาโทรมาบอกเธอในคืนนั้นคืออยากให้เธอได้สัมผัสกับวิถีชนบท ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของชาวสวน ได้เรียนรู้ความยากลำบากในการหารายได้ของคนชนบท ซึ่งบิดาบอกว่านั่นจะทำให้เธอรับผิดชอบและรู้จักการใช้ชีวิตมากขึ้น แถมยังทิ้งท้ายว่าดีกว่าการนั่งทำงานเฉย ๆ อยู่ในห้องแอร์หลายเท่าเสียอีก

“ถ้าไม่ใช่เพราะ…เพราะพ่อ…. ฉันไม่มีวันไปทำงานกับคุณหรอก” ที่จริงเธออยากจะพูดออกไปนักว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเธอต้องการเอาชนะพ่อ ต้องการให้พ่อเห็นว่าไม่ว่าจะงานประเภทไหนเธอก็สามารถทำมันได้ เธอไม่มีวันไปทำงานกับเขาเด็ดขาด


“เอาเถอะ ช่วงนี้ที่ยังไม่เริ่มงานก็เตรียมตัวไว้นะครับ อาทิตย์หน้าทำงานแล้วผมจะได้ใช้คุณถนัด ๆ หน่อย” เขาหัวเราะหึหึในลำคออีกครั้งก่อนจะกลับไปห้องนอนของตนซึ่งอยู่ถัดไปจากห้องของมุกมาตา ลลิตมองตามร่างสูงอย่างหมั่นไส้ ดูเถอะขนาดหล่อนยังไม่ได้เริ่มงานกับเขา เขายังแสดงอำนาจขนาดนี้ แล้วถ้าถึงวันที่หล่อนไปทำงานกับเขาเล่า ไม่อยากนึกเลยว่าจะต้องถูกเขาใช้แรงงานมากมายขนาดไหน

“ขอบใจนะที่ช่วยรับหนูลลิตไปทำงานด้วย นี่ถ้าอรรณพเพื่อนฉันไม่ขอไว้ฉันก็ไม่อยากจะไปรบกวนแกหรอก” อินทรบอกลูกชายในเช้าวันรุ่งขึ้น เขาได้บอกเรื่องนี้กับเพชรไปครั้งหนึ่งแล้ว แม้ตอนนั้นเพชรจะไม่ได้พูดอะไรนอกจากความเงียบแต่อินทรก็รู้ดีว่านั่นแหละคือการตอบรับคำของเขา ก็ลูกชายตัวเองแท้ ๆ ทำไมจะไม่รู้นิสัย หากลองเขาไม่ยอมล่ะก็ป่านนี้เป็นได้เถียงกันบ้านแตกไปแล้ว

“ให้หนูลลิตเริ่มงานอาทิตย์หน้าแล้วกัน สงสารเขาเคยอยู่ดีกินดีไม่เคยต้องลำบาก อยู่ ๆ จะต้องมาทำงานในสวนในไร่แบบนี้ก็ให้เวลาเขาทำใจหน่อย” อินทรขอไว้แบบนั้นและเพชรก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้อีกเช่นเคย อินทรจึงถือว่านั่นคือการยอมรับข้อเสนอของลูกชาย

เพชรผละตัวออกมาเมื่อเห็นว่าบิดาเริ่มมีข้อห้ามมากมายสำหรับการใช้งานผู้หญิงคนนั้น เขาเป็นเจ้านาย มีสิทธิ์ที่จะใช้งานหล่อนอย่างไรก็ได้ ในเมื่อจะฝากหล่อนให้ทำงานกับเขาแล้วบิดาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเรียกร้องอะไรทั้งนั้น ชายหนุ่มคิด ก่อนจะขับมอเตอร์ไซด์ประจำกายออกไปจากบ้านมุ่งหน้าสู่สวนมะพร้าวขนาดใหญ่ สถานที่อันเป็นที่รักของเขา




  แสงแดดอันร้อนระอุที่พร้อมจะแผดเผาทุกสรรพสิ่งให้เป็นเถ้าธุลีทำให้หญิงสาวต้องยกมือขึ้นปิดบังใบหน้า แม้จะสวมเสื้อแขนยาวปิดมิดชิดกับกางเกงขายาวไปถึงตาตุ่มแต่ดูเหมือนเครื่องแต่งกายเหล่านี้จะไม่สามารถปกป้องหล่อนจากรังสียูวีที่หล่อนแสนจะเกลียดชังได้เลย

“ทำไมคุณไม่ขับรถยนต์มาล่ะ ร้อนจะแย่อยู่แล้วเนี่ย” ลลิตตะโกนใส่หูคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับมอเตอร์ไซด์ วันนี้เป็นวันแรกที่หล่อนจะเริ่มงานที่สวนมะพร้าว ไม่เคยคิดมาก่อนด้วยซ้ำว่าสาวไฮโซดีกรีนักเรียนนอกอย่างตัวเองจะต้องมาทำงานอะไรแบบนี้ คิดแล้วหล่อนก็อยากหัวเราะเยาะตัวเองชะมัด

“ถ้าแค่นี้ทนไม่ได้ก็กลับบ้านไปซะ” เสียงเพชรตะโกนกลับ เท่านั้นเองลลิตจึงได้สงบปากสงบคำ มือข้างหนึ่งยังคงกำเสื้อของเขาไว้แน่นเพราะกลัวตกจากรถ มืออีกข้างก็ไม่ลืมยกขึ้นมาป้องแสงแดดแม้ว่ามันแทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลยก็ตาม

ลลิตหันมองเกลียวคลื่นที่ม้วนตัวเข้าหาฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่าเพลิดเพลินจนทำให้ลืมความขุ่นเคืองต่อคนที่กำลังขี่มอเตอร์ไซด์ให้เธอซ้อนได้ชั่วขณะ เส้นทางเล็ก ๆ สำหรับรถยนต์วิ่งได้ ทอดยาวเป็นแนวไปตามชายหาดโดยด้านหนึ่งเป็นทิวมะพร้าวที่ถูกปลูกเรียงกันไปไกลสุดลูกตา อีกด้านเป็นทะเลสีครามกว้างใหญ่มองออกไปไกล ๆ จะเห็นเกาะเล็กเกาะน้อยอยู่ทั่วไป เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซด์คันเก่าดังกลบเสียงคลื่นจนมิด จะว่าไปมันก็คือเศษเหล็กเคลื่อนที่ได้ดี ๆ นี่เอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่