ตอนที่ 1 >>>
http://pantip.com/topic/32164131
ตอนที่ 2 >>>
http://pantip.com/topic/32175186
ตอนที่ 3 >>>
http://pantip.com/topic/32226678
ตอนที่ 4 >>>
http://pantip.com/topic/32316165
ตอนที่ 4 (ต่อ) >>>
http://pantip.com/topic/32346960
ตอนที่ 5 >>>
http://pantip.com/topic/32492911
ตอนที่ 6 >>>
http://pantip.com/topic/32511328
ตอนที่ 7 >>>
http://pantip.com/topic/32526878
ตอนที่ 8 >>>
http://pantip.com/topic/32550496
ตอนที่ 9 >>>
http://pantip.com/topic/32577184
ตอนที่ 10
“แกไม่ได้โกรธฉันใช่ไหมลิลที่ไม่ได้บอกแกก่อนว่าฉันนัดแกมาเจอใคร” สรวงสุดาถามเพื่อนอย่างรู้สึกผิดขณะนั่งอยู่ในร้านกาแฟเล็ก ๆ บรรยากาศสงบ
“แกก็บอกฉันอยู่นี่ไง” ลลิลยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม หล่อนไม่แน่ใจว่าตัวเองโชคดีหรือโชคร้ายที่คนรอบข้างมีแต่จะคอยหาคู่ให้ สรวงสุดาก็คนหนึ่ง
“แกพูดแบบนี้ฉันยิ่งรู้สึกผิดเลยนะ ที่จริงคุณเกษมเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่ ถ้าแกไม่ชอบเขาแกก็ปฏิเสธไปเลย”
“ฉันไม่ชอบผู้ชายกะล่อนแบบนั้นแกก็รู้นี่” ลลิลบอกเพื่อน ที่ผ่านมาก็พอจะมีผู้ชายแวะเวียนมาขายขนมจีบบ้างแต่หล่อนมัวแต่สนใจการเรียนมากกว่า พวกผู้ชายเหล่านั้นเลยห่าง ๆ ไป ผิดกับสรวงสุดาเพื่อนสาวที่ขยันเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น ก็เจ้าหล่อนทั้งสวย หุ่นดี คุยเก่ง ไม่ว่าหนุ่มที่ไหนอยู่ใกล้เป็นต้องติดกับแม่เพื่อนสาวแทบทั้งนั้น
“ถ้าอย่างนั้นแกชอบแนวไหน เอ้อ อย่างคุณเพชรน่ะพอไหวไหม” สรวงสุดาถาม น่าแปลกที่ลลิลรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยินชื่อเขา
“แกเลิกเดาเถอะ รู้ไว้ก็พอว่าฉันไม่ได้ชอบคุณเกษม ฉันไม่ชอบผู้ชายกะล่อน เจ้าชู้ ชอบเที่ยวกลางคืน แถมเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น”
“พอ ๆ ยัยลิล ฉันเข้าใจแล้ว” สรวงสุดาร้องห้ามขณะก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือ เกือบจะถึงเวลานัดแล้ว แต่หล่อนยังไม่เห็นแม้แต่วี่แววของเกษม
“ผมก็เข้าใจแล้วเหมือนกันฮะ” เสียงที่คุ้นชินดังแทรกขึ้น สรวงสุดาเงยหน้าขึ้นมองก็พบบุรุษหนุ่มแต่งตัวดี ในมือเขามีดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่ถืออยู่ด้วย
“อ้าว คุณเกษม มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” สรวงสุดาถามพร้อมส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้เกษม ลลิลหันหลังกลับไป หล่อนสบตากับบุรุษหนุ่ม นัยน์ตาเขาแสดงความผิดหวังออกมาเต็มเปี่ยมทว่าเขาก็ยังส่งยิ้มให้หล่อน
“ผมควรจะต้องไปแล้ว เอ้อ ดอกไม้ช่อนี้ผมให้คุณนะครับคุณลลิล ถือซะว่าเป็นการขอโทษที่ผมบังอาจไปชอบคุณ” เกษมยื่นดอกไม้ให้ ลลิลรับมาอย่างรู้สึกผิด แต่หากไม่รับไว้เลยก็เกรงว่าจะเป็นการทำลายน้ำใจเขามากขึ้นไปอีก
“ขอบคุณค่ะ” ลลิลบอกพร้อมส่งยิ้มจาง ๆ ให้เขา เกษมยิ้มรับก่อนจะเดินออกไปจากร้าน สองสาวหันมาสบตากัน สรวงสุดานั้นรู้สึกสงสารเกษมเป็นที่สุดหากแต่เธอก็รู้สึกเห็นใจลลิลไม่แพ้กัน
“นายหัวเป็นอะไรฮะ ทำไมถึงได้ดูเหม่อ ๆ ลอย ๆ ชอบกล” ชาญจ้องมองคนเป็นเจ้านายก่อนจะเดินวนไปมารอบ ๆ ตัวเพชรอย่างคนกำลังพินิจพิเคราะห์
“เอ…หรือว่าเมื่อคืนที่คุณลลิตค้างที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น” ชาญทำหน้าสงสัยกรุ้มกริ่ม เพชรยกมือขึ้นเท้าสะเอวพร้อมผ่อนลมหายใจทีหนึ่งก่อนจะหันไปมองชาญตาขวาง
“ถ้าแกไม่รู้สักเรื่องจะตายมั๊ยฮึ” เพชรถามลูกน้อง ขณะที่คนถูกถามได้แต่ยิ้มเจื่อนแล้วรีบวิ่งไปหลบหลังต้นมะพร้าว เพชรส่ายหน้ากับท่าทางของลูกน้องคนสนิทก่อนจะเดินเลยไปทางริมหาด เช้านี้อากาศสดชื่นหลังจากที่เมื่อคืนฝนเทกระหน่ำลงมาเสียจนเขากับลลิตต้องนอนค้างที่นี่ ดีที่ฝนมาหยุดตกตอนใกล้รุ่ง เช้ามาเขาก็เลยให้ชาญขับรถไปส่งลลิตที่บ้านเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดของหล่อนพอดี
สายแล้ว แต่แสงแดดไม่ได้จัดจ้านอย่างเช่นทุกวันคงเป็นเพราะหมู่เมฆที่เคลื่อนตัวมาบดบังแสงอาทิตย์เอาไว้ เพชรทรุดนั่งลงบนชายหาด ทอดมองน้ำทะเลสีฟ้าครามเบื้องหน้า แล้วอยู่ ๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็โผล่เข้ามาในความคิด
เขาไม่ควรทำแบบนั้นกับลลิต หล่อนคงเสียใจและเกลียดเขามาก
ชายหนุ่มเหม่อมองไปบนท้องฟ้าสีหม่น นกหลายตัวบินผ่านจุดที่เขานั่งไปราวกับกำลังอพยพหนีฝนที่อาจเทกระหน่ำลงมาอีกในไม่ช้า เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับความรู้สึกของผู้หญิงคนนั้น ในเมื่อหล่อนเองไม่ใช่หรือที่พูดเรื่องแม่ขึ้นมาก่อน ถ้าหล่อนไม่ยั่วยุให้เขาโมโหมีหรือที่เขาจะทำแบบนั้น
ที่บ้านชาญเมธีกุล อรรณพกับลดานั่งรอต้อนรับแขกที่กำลังจะมาถึงอย่างตื่นเต้น โดยเฉพาะลดานั้นท่าทางมีความสุขเป็นพิเศษเนื่องจากกำลังจะได้เกี่ยวดองกับคนที่มีฐานะทัดเทียมกัน
“มาแล้วคุณ มาแล้ว” คุณลดาบอกอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนเดินเข้ามาภายในตัวบ้านพร้อมกับสามีและลูกชาย อรรณพลุกขึ้นเชื้อเชิญให้แขกผู้มาใหม่นั่ง เขาส่งยิ้มให้ทุกคนถึงแม้ในใจจะกระวนกระวายและหนักใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา
“สวัสดีคุณป้าลดากับคุณลุงอรรณพสิลูก” เพื่อนสนิทของคุณลดาบอกกับลูกชายอย่างยิ้มแย้ม ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าทั้งสองตามที่มารดาเขาแนะนำ อรรณพพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาเป็นคนผิวขาว ตาตี่ จมูกโด่งเป็นสันและคิ้มเข้มจัด โดยรวมจึงถือว่าดูดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
“เอ…ไหนล่ะว่าที่ลูกสะใภ้ฉันน่ะ อยากให้พ่อลูกบ้านนี้เห็นจะแย่อยู่แล้ว” อีกฝ่ายรุกโดยไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา พอดีกับที่ลลิลเดินเข้ามา หล่อนสวมเดรสมีแขนกระโปรงยาวเลยเข่า ใบหน้าได้รับการแต่งแต้มมาเล็กน้อย ไม่ได้แต่งตัวหวือหวาน่าดึงดูดเหมือนสาว ๆ สมัยนี้หากแต่ก็ทำให้ชายหนุ่มอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
ไม่ใช่เฉพาะเขาหรอกที่อึ้ง หล่อนเองก็แทบอุทานออกมาเหมือนกันเมื่อเห็นหน้าว่าที่คู่หมั้น หล่อนนึกว่าการพบกันที่ร้านกาแฟในครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกับเขา และดอกไม้ช่อนั้นก็คงเป็นช่อแรกและช่อสุดท้ายที่จะได้รับจากเขาแต่คงไม่ใช่เสียแล้ว เมื่อวันนี้เกษมมานั่งอยู่ตรงหน้าพร้อมกับดอกลิลลี่สีขาวผูกโบว์สีชมพูสวยที่เขาถืออยู่ในมือ
“เห็นไหมล่ะคะว่าหน้าตาหนูลลิลน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน แถมยังทำงานเก่งมาก ๆ เสียด้วยนะคะ” มารดาของเกษมเอ่ยชมว่าที่ลูกสะใภ้ไม่ขาดปากหลังจากแนะนำตัวกันเสร็จ ลลิลไม่ได้บอกใครว่ารู้จักกับเกษมมาก่อน เช่นเดียวกับเขาที่ไม่ได้แสดงตัวออกไปว่ารู้จักหล่อนเช่นกัน
“ตาเกษมน่ะเรียนจบนอกมานาน ตอนนี้ก็ช่วยกิจการที่บ้านอยู่ นี่ก็เห็นว่าจะทำธุรกิจค้าเพชรพลอยอะไรอีก ก็อย่างที่บอกแหละเธอว่าพ่อคนนี้น่ะเอาการเอางานมากเชียวล่ะ” มารดาของเกษมยังคงชมลูกชายให้อีกฝ่ายฟังอย่างภูมิใจ ลลิลเห็นเขายิ้มแย้มเออออไปตามคำชื่นชมของมารดา มีหลายครั้งที่เขาหันมาสบตากับหล่อน แต่ทุกครั้งรอยยิ้มนั้นก็เหือดหายไป ลลิลไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ รู้แต่เพียงว่าการสานสัมพันธ์กับเขาตามที่คุณลดาต้องการคงเป็นเรื่องยากเสียแล้ว
หลังจากรับประทานอาหารและคุยเรื่องราวสัพเพเหระกันเสร็จ ฝ่ายบ้านของเกษมก็ขอตัวกลับ ลลิลเกือบจะโล่งใจได้อยู่แล้วถ้าหากไม่มีความคิดที่ต้องการให้หล่อนและเขาได้ใกล้ชิดกันหลุดออกมาจากปากของคุณลดาเสียก่อน
“พรุ่งนี้อย่าลืมมารับน้องไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาล่ะพ่อเกษม ป้าจะให้ลลิลแต่งตัวสวย ๆ รอเลยเชียว” คุณลดาบอกใบหน้าแย้มยิ้ม ลลิลเห็นเกษมยิ้มรับ หล่อนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย
“แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะครับน้องลลิล” เขาเน้นเสียงหนัก ๆ ตอนเรียกชื่อหล่อนก่อนจะขอตัวกลับไป คุณลดาหันมากำชับลลิลอีกครั้งสำหรับนัดวันพรุ่งนี้ หญิงสาวรับคำ ทว่าแขนขาไร้เรี่ยวแรงจนแทบจะทรุดนั่งลงตรงนั้น
“เมื่อคืนเห็นว่าติดฝนอยู่ที่สวนมะพร้าวใช่ไหม” อินทรถามขณะเห็นลลิตนั่งเหม่อลอยอยู่ที่โซฟาภายในห้องนั่งเล่น
“อ้อ…ค่ะ เพิ่งจะกลับมาเมื่อเช้านี่เอง” ลลิตตอบพลางขยับเมื่ออินทรเดินมานั่งใกล้ ๆ
“เจ้าเพชรมันไม่ได้รังแกหนูใช่ไหม เอ้อ อาหมายถึงมันไม่ได้ต่อว่าหรือทำร้ายหนูใช่ไหม” อินทรจ้องมองใบหน้าผู้อ่อนวัยกว่า ลลิตยิ้มจาง ๆ จะให้หล่อนบอกล่ะหรือว่าเพชรทำอะไรหล่อนบ้างเมื่อคืนนี้ อย่าว่าแต่ให้พูดถึงเลย แม้แต่นึกถึงหล่อนก็ไม่อยากทำด้วยซ้ำ
“เปล่าเลยค่ะ คุณเพชรเธอก็ดูแลลิตดีนี่คะ” ลลิตตอบเสียงเบา ภาพที่หล่อนพยายามสลัดออกจากหัวกลับฉายชัดเข้ามาอยู่ในสมองอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ อาจะได้สบายใจ” อินทรยกฝ่ามือขึ้นลูบศีรษะลลิตเบา ๆ ทว่าภาพนั้นกลับทำให้คนที่เดินเข้ามาใหม่ชะงัก นัยน์ตาแข็งกร้าวของเขาจ้องมองบิดาและสตรีตรงหน้า ฝ่ามือหนากำเข้าหากันจนเห็นเส้นเอ็นปูดโปน
“ผมไม่ใช่ผู้ชายแบบคุณถึงจะได้ทำร้ายจิตใจผู้หญิงเป็นว่าเล่น กรุณาพูดเสียใหม่” เพชรพูดน้ำเสียงแข็งกร้าวทำให้ลลิตและอินทรหันไปมองที่เขาแทบจะพร้อมกัน
“แกเป็นบ้าอะไรอีกล่ะ ก็นิสัยแบบนี้ไงฉันเลยต้องเป็นห่วงหนูลลิตกลัวแกจะไปบ้าใส่เขาเข้า” อินทรลุกขึ้นยืนต่อว่าลูกชายปากคอสั่น ลลิตมองพ่อลูกสลับกันอย่างตกใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น
“ใช่ ผมมันบ้า แล้วคุณล่ะ คุณที่ฆ่าเมียตัวเองได้อย่างเลือดเย็นมันไม่บ้าหรือไง บอกผมซิมันไม่บ้าหรือไง” เสียงเพชรดังก้องไปทั้งบ้าน ลลิตเห็นนัยน์ตาของเขาแดงก่ำ หล่อนไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ เพชรกำลังบอกว่าพ่อตัวเองเป็นฆาตกรอย่างนั้นหรือ และถ้าเธอฟังไม่ผิดคนที่ถูกฆ่าก็คือแม่ของเขา ลลิตสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนต้องตบหน้าตัวเองเบา ๆ ให้รู้ว่าหล่อนไม่ได้ฝัน และบุรุษสองคนที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่กำลังจะแลกหมัดกันจริง ๆ เสียแล้ว
“พอเถอะค่ะ ถือว่าลิตขอเถอะนะคะ” ลลิตเข้าไปขวางระหว่างพ่อลูกแล้วยกมือไหว้อินทร หล่อนผลักร่างเพชรไปอีกทางก่อนจะสบตาเขาราวกับจะอ้อนวอนให้เขาหยุด เพชรมองหน้าบิดาแววตาขุ่นเคือง นัยน์ตาเขาแดงก่ำเหมือนจะมีน้ำตาคลออยู่เต็มเบ้าเพียงแต่รอเวลาที่เขาจะปล่อยให้มันไหลออกมาเท่านั้น
“คุณอินทรเป็นไงบ้างศรี” ลลิตถามหลังจากศึกสายเลือดสงบลงและเพชรกลับไปที่สวนมะพร้าวแล้ว ส่วนอินทรก็ทำท่าเหมือนจะเป็นลม จนต้องเรียกหมอประจำตัวเข้ามาตรวจถึงเกาะ
“เห็นว่าความดันขึ้นสูงปรี๊ดเลยล่ะค่ะ โธ่ ! เมื่อไหร่พ่อลูกคู่นี้จะสงบศึกกันได้สักทีก็ไม่รู้นะคะ” ศรีพูดพลางถอนใจ
“เมื่อกี๊ลิตได้ยินว่าคุณแก้วตาถูกฆ่า จากฝีมือของ…เอ่อ…คุณอินทรใช่ไหมศรี” ลลิตมองหน้าคนถูกถามที่มีท่าทีกระอักกระอ่วน ศรีหันมองรอบตัว เมื่อไม่เห็นใครจึงพูดกับลลิตเสียงเบาจนแทบจะกระซิบ
“ศรีบอกแล้วคุณลิตอย่าไปบอกใครเชียวนะคะ” ลลิตพยักหน้ารับคำเมื่ออีกฝ่ายร้องขอ นั่นเองศรีถึงได้ยอมเปิดปากพูด
“ว่ากันว่าวันที่คุณแก้วตาเสียชีวิตน่ะ คุณอินทรอยู่กับเธอเป็นคนสุดท้าย ตอนนั้นใคร ๆ บนเกาะก็ลือกันว่าคุณอินทรฆ่าเมียตัวเองเพื่อจะได้มีความสุขกับเมียใหม่”
“คุณสิตาน่ะหรือ” ลลิตเดา
กลิ่นแก้วกลรัก ตอนที่ 10
ตอนที่ 2 >>>http://pantip.com/topic/32175186
ตอนที่ 3 >>>http://pantip.com/topic/32226678
ตอนที่ 4 >>>http://pantip.com/topic/32316165
ตอนที่ 4 (ต่อ) >>>http://pantip.com/topic/32346960
ตอนที่ 5 >>>http://pantip.com/topic/32492911
ตอนที่ 6 >>>http://pantip.com/topic/32511328
ตอนที่ 7 >>>http://pantip.com/topic/32526878
ตอนที่ 8 >>>http://pantip.com/topic/32550496
ตอนที่ 9 >>>http://pantip.com/topic/32577184
ตอนที่ 10
“แกไม่ได้โกรธฉันใช่ไหมลิลที่ไม่ได้บอกแกก่อนว่าฉันนัดแกมาเจอใคร” สรวงสุดาถามเพื่อนอย่างรู้สึกผิดขณะนั่งอยู่ในร้านกาแฟเล็ก ๆ บรรยากาศสงบ
“แกก็บอกฉันอยู่นี่ไง” ลลิลยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม หล่อนไม่แน่ใจว่าตัวเองโชคดีหรือโชคร้ายที่คนรอบข้างมีแต่จะคอยหาคู่ให้ สรวงสุดาก็คนหนึ่ง
“แกพูดแบบนี้ฉันยิ่งรู้สึกผิดเลยนะ ที่จริงคุณเกษมเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่ ถ้าแกไม่ชอบเขาแกก็ปฏิเสธไปเลย”
“ฉันไม่ชอบผู้ชายกะล่อนแบบนั้นแกก็รู้นี่” ลลิลบอกเพื่อน ที่ผ่านมาก็พอจะมีผู้ชายแวะเวียนมาขายขนมจีบบ้างแต่หล่อนมัวแต่สนใจการเรียนมากกว่า พวกผู้ชายเหล่านั้นเลยห่าง ๆ ไป ผิดกับสรวงสุดาเพื่อนสาวที่ขยันเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น ก็เจ้าหล่อนทั้งสวย หุ่นดี คุยเก่ง ไม่ว่าหนุ่มที่ไหนอยู่ใกล้เป็นต้องติดกับแม่เพื่อนสาวแทบทั้งนั้น
“ถ้าอย่างนั้นแกชอบแนวไหน เอ้อ อย่างคุณเพชรน่ะพอไหวไหม” สรวงสุดาถาม น่าแปลกที่ลลิลรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นเมื่อได้ยินชื่อเขา
“แกเลิกเดาเถอะ รู้ไว้ก็พอว่าฉันไม่ได้ชอบคุณเกษม ฉันไม่ชอบผู้ชายกะล่อน เจ้าชู้ ชอบเที่ยวกลางคืน แถมเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่น”
“พอ ๆ ยัยลิล ฉันเข้าใจแล้ว” สรวงสุดาร้องห้ามขณะก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือ เกือบจะถึงเวลานัดแล้ว แต่หล่อนยังไม่เห็นแม้แต่วี่แววของเกษม
“ผมก็เข้าใจแล้วเหมือนกันฮะ” เสียงที่คุ้นชินดังแทรกขึ้น สรวงสุดาเงยหน้าขึ้นมองก็พบบุรุษหนุ่มแต่งตัวดี ในมือเขามีดอกกุหลาบขาวช่อใหญ่ถืออยู่ด้วย
“อ้าว คุณเกษม มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” สรวงสุดาถามพร้อมส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้เกษม ลลิลหันหลังกลับไป หล่อนสบตากับบุรุษหนุ่ม นัยน์ตาเขาแสดงความผิดหวังออกมาเต็มเปี่ยมทว่าเขาก็ยังส่งยิ้มให้หล่อน
“ผมควรจะต้องไปแล้ว เอ้อ ดอกไม้ช่อนี้ผมให้คุณนะครับคุณลลิล ถือซะว่าเป็นการขอโทษที่ผมบังอาจไปชอบคุณ” เกษมยื่นดอกไม้ให้ ลลิลรับมาอย่างรู้สึกผิด แต่หากไม่รับไว้เลยก็เกรงว่าจะเป็นการทำลายน้ำใจเขามากขึ้นไปอีก
“ขอบคุณค่ะ” ลลิลบอกพร้อมส่งยิ้มจาง ๆ ให้เขา เกษมยิ้มรับก่อนจะเดินออกไปจากร้าน สองสาวหันมาสบตากัน สรวงสุดานั้นรู้สึกสงสารเกษมเป็นที่สุดหากแต่เธอก็รู้สึกเห็นใจลลิลไม่แพ้กัน
“นายหัวเป็นอะไรฮะ ทำไมถึงได้ดูเหม่อ ๆ ลอย ๆ ชอบกล” ชาญจ้องมองคนเป็นเจ้านายก่อนจะเดินวนไปมารอบ ๆ ตัวเพชรอย่างคนกำลังพินิจพิเคราะห์
“เอ…หรือว่าเมื่อคืนที่คุณลลิตค้างที่นี่จะเกิดอะไรขึ้น” ชาญทำหน้าสงสัยกรุ้มกริ่ม เพชรยกมือขึ้นเท้าสะเอวพร้อมผ่อนลมหายใจทีหนึ่งก่อนจะหันไปมองชาญตาขวาง
“ถ้าแกไม่รู้สักเรื่องจะตายมั๊ยฮึ” เพชรถามลูกน้อง ขณะที่คนถูกถามได้แต่ยิ้มเจื่อนแล้วรีบวิ่งไปหลบหลังต้นมะพร้าว เพชรส่ายหน้ากับท่าทางของลูกน้องคนสนิทก่อนจะเดินเลยไปทางริมหาด เช้านี้อากาศสดชื่นหลังจากที่เมื่อคืนฝนเทกระหน่ำลงมาเสียจนเขากับลลิตต้องนอนค้างที่นี่ ดีที่ฝนมาหยุดตกตอนใกล้รุ่ง เช้ามาเขาก็เลยให้ชาญขับรถไปส่งลลิตที่บ้านเนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดของหล่อนพอดี
สายแล้ว แต่แสงแดดไม่ได้จัดจ้านอย่างเช่นทุกวันคงเป็นเพราะหมู่เมฆที่เคลื่อนตัวมาบดบังแสงอาทิตย์เอาไว้ เพชรทรุดนั่งลงบนชายหาด ทอดมองน้ำทะเลสีฟ้าครามเบื้องหน้า แล้วอยู่ ๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็โผล่เข้ามาในความคิด
เขาไม่ควรทำแบบนั้นกับลลิต หล่อนคงเสียใจและเกลียดเขามาก
ชายหนุ่มเหม่อมองไปบนท้องฟ้าสีหม่น นกหลายตัวบินผ่านจุดที่เขานั่งไปราวกับกำลังอพยพหนีฝนที่อาจเทกระหน่ำลงมาอีกในไม่ช้า เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับความรู้สึกของผู้หญิงคนนั้น ในเมื่อหล่อนเองไม่ใช่หรือที่พูดเรื่องแม่ขึ้นมาก่อน ถ้าหล่อนไม่ยั่วยุให้เขาโมโหมีหรือที่เขาจะทำแบบนั้น
ที่บ้านชาญเมธีกุล อรรณพกับลดานั่งรอต้อนรับแขกที่กำลังจะมาถึงอย่างตื่นเต้น โดยเฉพาะลดานั้นท่าทางมีความสุขเป็นพิเศษเนื่องจากกำลังจะได้เกี่ยวดองกับคนที่มีฐานะทัดเทียมกัน
“มาแล้วคุณ มาแล้ว” คุณลดาบอกอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนเดินเข้ามาภายในตัวบ้านพร้อมกับสามีและลูกชาย อรรณพลุกขึ้นเชื้อเชิญให้แขกผู้มาใหม่นั่ง เขาส่งยิ้มให้ทุกคนถึงแม้ในใจจะกระวนกระวายและหนักใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา
“สวัสดีคุณป้าลดากับคุณลุงอรรณพสิลูก” เพื่อนสนิทของคุณลดาบอกกับลูกชายอย่างยิ้มแย้ม ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าทั้งสองตามที่มารดาเขาแนะนำ อรรณพพิจารณาชายหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาเป็นคนผิวขาว ตาตี่ จมูกโด่งเป็นสันและคิ้มเข้มจัด โดยรวมจึงถือว่าดูดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
“เอ…ไหนล่ะว่าที่ลูกสะใภ้ฉันน่ะ อยากให้พ่อลูกบ้านนี้เห็นจะแย่อยู่แล้ว” อีกฝ่ายรุกโดยไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลา พอดีกับที่ลลิลเดินเข้ามา หล่อนสวมเดรสมีแขนกระโปรงยาวเลยเข่า ใบหน้าได้รับการแต่งแต้มมาเล็กน้อย ไม่ได้แต่งตัวหวือหวาน่าดึงดูดเหมือนสาว ๆ สมัยนี้หากแต่ก็ทำให้ชายหนุ่มอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
ไม่ใช่เฉพาะเขาหรอกที่อึ้ง หล่อนเองก็แทบอุทานออกมาเหมือนกันเมื่อเห็นหน้าว่าที่คู่หมั้น หล่อนนึกว่าการพบกันที่ร้านกาแฟในครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอกับเขา และดอกไม้ช่อนั้นก็คงเป็นช่อแรกและช่อสุดท้ายที่จะได้รับจากเขาแต่คงไม่ใช่เสียแล้ว เมื่อวันนี้เกษมมานั่งอยู่ตรงหน้าพร้อมกับดอกลิลลี่สีขาวผูกโบว์สีชมพูสวยที่เขาถืออยู่ในมือ
“เห็นไหมล่ะคะว่าหน้าตาหนูลลิลน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน แถมยังทำงานเก่งมาก ๆ เสียด้วยนะคะ” มารดาของเกษมเอ่ยชมว่าที่ลูกสะใภ้ไม่ขาดปากหลังจากแนะนำตัวกันเสร็จ ลลิลไม่ได้บอกใครว่ารู้จักกับเกษมมาก่อน เช่นเดียวกับเขาที่ไม่ได้แสดงตัวออกไปว่ารู้จักหล่อนเช่นกัน
“ตาเกษมน่ะเรียนจบนอกมานาน ตอนนี้ก็ช่วยกิจการที่บ้านอยู่ นี่ก็เห็นว่าจะทำธุรกิจค้าเพชรพลอยอะไรอีก ก็อย่างที่บอกแหละเธอว่าพ่อคนนี้น่ะเอาการเอางานมากเชียวล่ะ” มารดาของเกษมยังคงชมลูกชายให้อีกฝ่ายฟังอย่างภูมิใจ ลลิลเห็นเขายิ้มแย้มเออออไปตามคำชื่นชมของมารดา มีหลายครั้งที่เขาหันมาสบตากับหล่อน แต่ทุกครั้งรอยยิ้มนั้นก็เหือดหายไป ลลิลไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ รู้แต่เพียงว่าการสานสัมพันธ์กับเขาตามที่คุณลดาต้องการคงเป็นเรื่องยากเสียแล้ว
หลังจากรับประทานอาหารและคุยเรื่องราวสัพเพเหระกันเสร็จ ฝ่ายบ้านของเกษมก็ขอตัวกลับ ลลิลเกือบจะโล่งใจได้อยู่แล้วถ้าหากไม่มีความคิดที่ต้องการให้หล่อนและเขาได้ใกล้ชิดกันหลุดออกมาจากปากของคุณลดาเสียก่อน
“พรุ่งนี้อย่าลืมมารับน้องไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาล่ะพ่อเกษม ป้าจะให้ลลิลแต่งตัวสวย ๆ รอเลยเชียว” คุณลดาบอกใบหน้าแย้มยิ้ม ลลิลเห็นเกษมยิ้มรับ หล่อนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย
“แล้วพรุ่งนี้เจอกันนะครับน้องลลิล” เขาเน้นเสียงหนัก ๆ ตอนเรียกชื่อหล่อนก่อนจะขอตัวกลับไป คุณลดาหันมากำชับลลิลอีกครั้งสำหรับนัดวันพรุ่งนี้ หญิงสาวรับคำ ทว่าแขนขาไร้เรี่ยวแรงจนแทบจะทรุดนั่งลงตรงนั้น
“เมื่อคืนเห็นว่าติดฝนอยู่ที่สวนมะพร้าวใช่ไหม” อินทรถามขณะเห็นลลิตนั่งเหม่อลอยอยู่ที่โซฟาภายในห้องนั่งเล่น
“อ้อ…ค่ะ เพิ่งจะกลับมาเมื่อเช้านี่เอง” ลลิตตอบพลางขยับเมื่ออินทรเดินมานั่งใกล้ ๆ
“เจ้าเพชรมันไม่ได้รังแกหนูใช่ไหม เอ้อ อาหมายถึงมันไม่ได้ต่อว่าหรือทำร้ายหนูใช่ไหม” อินทรจ้องมองใบหน้าผู้อ่อนวัยกว่า ลลิตยิ้มจาง ๆ จะให้หล่อนบอกล่ะหรือว่าเพชรทำอะไรหล่อนบ้างเมื่อคืนนี้ อย่าว่าแต่ให้พูดถึงเลย แม้แต่นึกถึงหล่อนก็ไม่อยากทำด้วยซ้ำ
“เปล่าเลยค่ะ คุณเพชรเธอก็ดูแลลิตดีนี่คะ” ลลิตตอบเสียงเบา ภาพที่หล่อนพยายามสลัดออกจากหัวกลับฉายชัดเข้ามาอยู่ในสมองอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ อาจะได้สบายใจ” อินทรยกฝ่ามือขึ้นลูบศีรษะลลิตเบา ๆ ทว่าภาพนั้นกลับทำให้คนที่เดินเข้ามาใหม่ชะงัก นัยน์ตาแข็งกร้าวของเขาจ้องมองบิดาและสตรีตรงหน้า ฝ่ามือหนากำเข้าหากันจนเห็นเส้นเอ็นปูดโปน
“ผมไม่ใช่ผู้ชายแบบคุณถึงจะได้ทำร้ายจิตใจผู้หญิงเป็นว่าเล่น กรุณาพูดเสียใหม่” เพชรพูดน้ำเสียงแข็งกร้าวทำให้ลลิตและอินทรหันไปมองที่เขาแทบจะพร้อมกัน
“แกเป็นบ้าอะไรอีกล่ะ ก็นิสัยแบบนี้ไงฉันเลยต้องเป็นห่วงหนูลลิตกลัวแกจะไปบ้าใส่เขาเข้า” อินทรลุกขึ้นยืนต่อว่าลูกชายปากคอสั่น ลลิตมองพ่อลูกสลับกันอย่างตกใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น
“ใช่ ผมมันบ้า แล้วคุณล่ะ คุณที่ฆ่าเมียตัวเองได้อย่างเลือดเย็นมันไม่บ้าหรือไง บอกผมซิมันไม่บ้าหรือไง” เสียงเพชรดังก้องไปทั้งบ้าน ลลิตเห็นนัยน์ตาของเขาแดงก่ำ หล่อนไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ เพชรกำลังบอกว่าพ่อตัวเองเป็นฆาตกรอย่างนั้นหรือ และถ้าเธอฟังไม่ผิดคนที่ถูกฆ่าก็คือแม่ของเขา ลลิตสับสนกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนต้องตบหน้าตัวเองเบา ๆ ให้รู้ว่าหล่อนไม่ได้ฝัน และบุรุษสองคนที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่กำลังจะแลกหมัดกันจริง ๆ เสียแล้ว
“พอเถอะค่ะ ถือว่าลิตขอเถอะนะคะ” ลลิตเข้าไปขวางระหว่างพ่อลูกแล้วยกมือไหว้อินทร หล่อนผลักร่างเพชรไปอีกทางก่อนจะสบตาเขาราวกับจะอ้อนวอนให้เขาหยุด เพชรมองหน้าบิดาแววตาขุ่นเคือง นัยน์ตาเขาแดงก่ำเหมือนจะมีน้ำตาคลออยู่เต็มเบ้าเพียงแต่รอเวลาที่เขาจะปล่อยให้มันไหลออกมาเท่านั้น
“คุณอินทรเป็นไงบ้างศรี” ลลิตถามหลังจากศึกสายเลือดสงบลงและเพชรกลับไปที่สวนมะพร้าวแล้ว ส่วนอินทรก็ทำท่าเหมือนจะเป็นลม จนต้องเรียกหมอประจำตัวเข้ามาตรวจถึงเกาะ
“เห็นว่าความดันขึ้นสูงปรี๊ดเลยล่ะค่ะ โธ่ ! เมื่อไหร่พ่อลูกคู่นี้จะสงบศึกกันได้สักทีก็ไม่รู้นะคะ” ศรีพูดพลางถอนใจ
“เมื่อกี๊ลิตได้ยินว่าคุณแก้วตาถูกฆ่า จากฝีมือของ…เอ่อ…คุณอินทรใช่ไหมศรี” ลลิตมองหน้าคนถูกถามที่มีท่าทีกระอักกระอ่วน ศรีหันมองรอบตัว เมื่อไม่เห็นใครจึงพูดกับลลิตเสียงเบาจนแทบจะกระซิบ
“ศรีบอกแล้วคุณลิตอย่าไปบอกใครเชียวนะคะ” ลลิตพยักหน้ารับคำเมื่ออีกฝ่ายร้องขอ นั่นเองศรีถึงได้ยอมเปิดปากพูด
“ว่ากันว่าวันที่คุณแก้วตาเสียชีวิตน่ะ คุณอินทรอยู่กับเธอเป็นคนสุดท้าย ตอนนั้นใคร ๆ บนเกาะก็ลือกันว่าคุณอินทรฆ่าเมียตัวเองเพื่อจะได้มีความสุขกับเมียใหม่”
“คุณสิตาน่ะหรือ” ลลิตเดา