มารีวิวความสำเร็จในการลดความอ้วนครับ จริงๆๆแล้ว ที่วางโปรแกรมไว้ต้องเป็น 4 เดือนครับ พร้อมกับทั้งยังไม่ถึงตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้คือ 79.5 กฺิโล (ตอนนี้ น้ำหนักตัว) 81.5 กิโลครับ) แต่เนื่องจากต้องลาไปบวชอาทิตย์นึงให้ พ่อแม่ และยาย หลังจากนั้นผมได้ทุนรัฐบาลบินไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอกด้านวิศวกรรมศาสตร์น้ำ ที่เนเธอแลนด์ คิดว่าน่าจะไม่มีเวลา เลยขอมารีวิวก่อนนะครับ ^___^
เริ่มแรกเลย 125 กิโล โปรแกรมทั้งสิ้น 110 วัน วันที่ 19 เมษายน - 6 สิงหาคม 2557 นัำหนักตัว 101 กิโลกรัม ลดลงมาเหลือ 81.5 กิโลกรัม น้ำหนักหายไป 19.5 กิโลกรัม เปอร์เซ็นต์ไขมัน น่าจะ 27% ตอนนี้น่าจะเหลือเพียง 13-15% ครับ กล้ามสวยขึ้น คมขึ้น ซิคแพ็คครบหกลูกแล้วครับ
การลดความอ้วนนั้น เป็นโปรแกรมที่ผ่านระยะเวลาอันยาวนาน ผ่านด้วยความไม่รู้ ลองผิดลองถูก ความท้อแท้ หมดกำลังใจ หยาดเหงื่อและน้ำตาครับ เหมือนกับคำกล่าวของท่านวินสตัน เชอร์ชิล บุคคลที่ผมชื่นชอบมากครับกล่าวไว้ว่า (ผมขอแปลงเล็กน้อยนะครับ) "หากจะกล่าวถึงเป้าหมายของชัยชนะ ข้าพเจ้าไม่อะไรจะมอบให้ นอกจากโลหิต แรงงาน น้ำตา และหยาดเหงื่อ" ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีศรัทธาที่มั่นคง เป้าหมายที่แน่ชัด ความรู้แจ้งดี และระเบียบวินัยของตนเองครับ
เริ่มต้น บอกก่อนเลยครับว่า ผมเป็นคนอ้วนมาตั้งแต่เด็ก เริ่มมาตอน 6 ขวบ เนื่องจากไม่ชอบทานข้าว และชอบเล่นดินทราย จึงมีพยาธิเยอะ พอได้ยาขับพยาธิ แล้วก็ย้ายบ้านตามคุณพ่อจากกำแพงเพชร มาที่ นนทบุรี บ้านของคุณแม่ คุณตาคุณยาย และลุงป้าน้า เราอยู่กันเป็นครอบครัวแบบบ้านใกล้เรือนเคียงกัน พอมาอยู่ที่นนทบุรีเท่านั้น ของกินอร่อย ตายายป้าน้าตามใจ ขนของกินอร่อยๆๆมากมาย กินจนน้ำหนักขึ้นเยอะมากๆๆๆ รวมทั้งบ้านปลูกทุเรียน ชอบกินมากๆๆ ด้วยครับ กินจนอ้วนไปกันใหญ่ น้ำหนักขึ้นถึง 70 กว่าโลตอนอยู่ ป. 6
ต่อมาเรียนหนังสือผ่านมาเรื่อยๆๆ จากมัธยมไปเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมเรียนที่พระจอมเกล้าพระนครเหนือ ก็ยิ่งอ้วนใหญ่ กับข้าวมหวิทยาลัยให้อย่างกับกรรมกรมาก กินหนักๆๆ ทั้งพะแนง ขาหมู ไก่ทอด ชาเย็นหวานๆๆ สมัยก่อนบุฟเฟ่ต์ไดโดม่อนดัง ก็ไปจัดกันกับเพื่อนสองคน กินไปทั้งสิ้น 45 ถาด 5555 จากนั้นเรียนต่อ ป.โท ที่จุฬา อันนี้ก็ลำบากใจอีกแล้ว ตลาดสามย่านอุดมด้วยของกินอ้วนๆๆ อร่อยๆๆ ระดับเทพ ทั้งก๊อดฟาเธอร์ เฟลิมิยอง ข้าวทะเลผัดผงกระหรี่ บางวันก็ไปกินสิบสี่เหรียญข้างมาบุญครอง หรือไม่ก็ไปกินโชคดีติ่มซำตอนกลางคืน น้ำหนักก็อัพไป 95-99 กิโลครับ
สำหรับการออกกำลังกายนั้น ผมเริ่มตอนเรียนปีสาม ป.ตรี ที่พระจอมครับ ด้วยการเล่นเวทที่พระจอม สไตส์ลูกทุ่ง โหด มันส์ ฮา มากๆๆ เล่นมั่วๆๆ ตอนแรกดัมเบลเล่นหน้าแขนอย่างเดียว ข้างขวาข้างเดียวด้วย ปรากฎว่า กล้ามเนื้อแขนขวาใหญ่ข้างเดียวครับ ตอนแรกศึกษาเพิ่มเติม ถามผู้รู้จึงเข้าใจว่า ต้องเริ่มกล้ามเนื้อโดยรวมก่อนครับ
จนกระทั่งได้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา 6-8 เดือน ไม่ได้ออกกำลังกายเลย อาหารการกินอุดมสมบูรณ์มาก อเมริกันทานสัดส่วนอาหารมากกว่าคนไทยเกือบ สอง-สามเท่า (สั่งข้าวผัดใส่กล่องกระดาษ สามารถทานได้สองถึงสามมื้อครับ) พิซซ่าถูกมาก (ถาดละ 40 บาท) แบบแช่แข็ง ซื้อ 6 ถาด แถมถาดนึง เลยกินทุกวัน วันละถาดครับ ตามด้วยไอติมถังใหญ่ยี่ห้อ Ben&Jerry รสชาติ chocolate fudge brownie กินถังใหญ่ 3-4 วันหมดครับ แล้วก็ไปเรียนต่อ ป.โท ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ กินดีอยู่ดี fish&chip เคบับ ช่วงนั้น จัดสุรา เบียร์หนักมากมายครับ (เคยดื่มเหล้าสูงสุด 2 กลม หรือ เบียร์ขวดใหญ่ 13 ขวด คนเดียว คืนเดียวครับ ชีวิตเลวร้ายมากมายคับ) ผลกรรมที่ได้ทำไว้ ส่งผลให้น้ำหนักเลยขึ้นจาก 98-99 กิโล จนไปถึงที่ 125 กิโล มีอาการปวดขา เข่า ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย หายใจไม่ออก นอนกรน อาหารไม่ค่อยย่อย ปัญหาสุขภาพและจิตใจอีกมากมาย
จนวันนึง หลังจากที่เรียนรายวิชาจบหมดแล้ว เหลืองานวิทยานิพนธ์อย่างเดียว ดื่มเหล้าฉลองหนัก ร่างกายย่ำแย่ น้องคนไทย เกิดเมาแล้ว แซวกึ่งๆๆดูถูกนิดๆๆ ประมาณว่า "ชาตินี้ผมลดความอ้วนไม่ได้หรอก ถ้าพี่ทำได้จะให้พี่หอมแก้มเลย" ว่างี้ ของขึ้นเลย (ไม่ได้อยากหอมเลย หน้าตาไม่ใช่เสป็คเลย บ่งตง 555) ประกอบกับตอนน้น หนังใหม่เข้ามาเรื่อง "300" โอ้....แม่เจ้า ทำไม คิงลีโอโนดาสและเหล่าขุนพลกล้ามเท่ห์ ซิคแพ็คเต็มอย่างนี้ อย่างเป็นบ้าง เลยคุยกันกะเพื่อนรุมเมทคนไทย เราไปฟิตหุ่นเล่นยิมดีกว่า จะได้มีหุ่นเท่ห์ก็เขาบ้าง ว่าแล้วก็เอาเลยครับ ไปสมัครยิมมหาลัยวิทยาลัย ซื้อหนังสือ men's health เล่นท่าตาม ฟิตมาก กล้ามหนาบึ๊ก เลยจนพัฒนายกท่า bench press อก ได้น้ำหนัก 90 กิโล leg press 200 กิโล โหดจริงใหญ่จริงครับ เป็นช่วงเวลามันส์ๆๆๆ จนน้ำหนักลดลงมาจาก 125 กิโล จนเหลือ 98 กิโล แต่ซิคแพ็คก็ยังไม่ขึ้นสักกะที หุ่นตันๆๆ ยังไงก็ไม่รู้
หลังจากนั้น กลับมาเมืองไทย สอบบรรจุเป็นข้าราชการได้ ทำงานมาจนถึงปัจจุบัน 5 ปีกว่าๆๆ แล้วครับ ร่างกายมีเปลี่ยนแปลงจากเพิ่มขึ้น แล้วก็ลดลง จนเมื่อสองปีก่อน จาก 98 กิโล ลดลงเหลือ 88 กิโล ด้วยการลองหลายๆๆวิธี ทั้งการตัดคาร์บและไขมัน คีโตน(ทานแต่เนื้อ) ลดได้จริงแต่ก็มีอาการโหยจัด หมดแรง มึนหัวตลอดเวลา หลังจากลดได้ไม่นาน ก็ท้อ ลดไม่ลงจาก 88 กิโล คิดว่าศักยภาพเราคงมาได้เท่านี้
แล้วชีวิตก็กลับมาสู่วงจรอุบาทว์อีกรอบนึงครับ ด้วยการติดเที่ยว ปาร์ตี้ ดิ่มเหล้าหนัก (เพราะเชื่อว่า ดื่มเหล้าไม่อ้วน จริงๆๆแล้ว อ้วนมาก เหล้า 1 ขวดลิตรมี 2,000 กิโลแคลลอรี้ เท่ากับข้าวหมูแดง 5 จานครับ สารอาหารก็น้อย เบียร์ดีกว่าครับ) เคยดื่มหนักติดต่อกันเป็นเดือน เที่ยวหนัก จนกระทั่งตื่นเช้ามาอ้วกออกมาเป็นเลือด ร่างกายแย่ เป็นไข้เกือบครึ่งปี ก็ไม่หาย ยิ่งเล่นเวทออกกำลังกายด้วย อาการยิ่งหนักครับ
เมื่อ 3 เดือนก่อน หลังจากสงกรานต์ น้ำหนักขึ้นถึง 101 กิโลกรัม เนื่องจาก วันสงกรานต์ซัดลีโอไปคนเดียว ลังเดียว คนเดียว คืนเดียวครับ ลดไปจนเหลือ 81.5 กิโลครับ 110 วันพอดี เพราะได้วิธีการจัดการด้านการกินและสารอาหาร โดยการคำนวณค่า BMR และ TDEE โดยผมจะกินไม่ต่ำกว่าค่า BMR แต่ไม่เกินค่า TDEE รวมทั้งการดูรายการ What's the fat? ของเทรนเนอร์ฟ้าใสและดีเจภูมิ รายการฮาๆๆ แต่เต็มไปดูสรรสาระของการลดความอ้วนและการรักษาสุขภาพอย่างยั่งยืน ผมเลยตาสว่าง จากความไม่รู้ โง่มานาน เป็นการรู้แจ้งมากขึ้น ที่เหลือก็มอบให้กับความเชื่อศรัทธาในแนวคิด และการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดให้เกิดผลเท่านั้น จากทฤษฎีที่ว่าอยากลดความอ้วน ต้องมีจากสามสิ่งหลัก "กิน 70% ออกกำลัง 20% นอน 10%" หรือ "กินถึง เล่นถึง นอนถึง นั่นเองครับ"
ปัจจุบันนี้ ผมมีความสุขมากครับ พอใจในรูปร่าง ความคล่องตัว กระชับกระเฉง ร่างกายที่แข็งแรงขึ้น จากที่เคยเหมือนคนแก่ลงพุง ใส่เสื้อเบอร์ XXL กางเกงเอว 45 นิ้ว ตอนนี้ ใส่เสื้อเบอร์ M สลิมหมดเลย เอววัดได้ล่าสุด 31 นิ้วครับ มีไม่ดีอย่างเดียว คือ ต้องช๊อปซื้อเสื้อผ้าใหม่เกือบหมดครับ 5555 ที่สำคัญเป็นการวัดใจผมอย่างนึง พอดีผมได้ทุนการศึกษาจากหน่วยงานไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอก ที่เนเธอแลนด์ ผมคิดว่า ถ้าเรื่องลดความอ้วนแค่นั้ ย้งทำไม่สำเร็จ ผมคงไม่มีปัญญาไปเรียนต่อให้จบได้แน่นอน ปัญหาอุปสรรคที่ผมจะต้องเผชิญอย่างหนักสาหัสต้องมีเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน ผมต้องเตรียมกายใจให้พร้อมรับกับสถานการณ์และจัดการปัญหาให้ได้ครับ การที่ผมทำสำเร็จสิ่งนี้ ทำให้ผมมีความมั่นใจขึ้นบ้าง ว่าความตั้งใจและความพยายาม จะทำให้ผมเรียนจบอย่างที่ตั้งใจไว้ได้ครับ ^____^
สุดท้ายนี้ ผมขอฝากข้อคิดไว้จากหนังเรื่อง shawshank redemption พระเอกนักโทษแหกคุกใช้สิ่ว เจาะผนังแหกคุกเป็นเวลา 25 ปี เค้ากล่าวว่า "การศึกษาเรื่องธรณีเป็นเรื่องของปัจจัยของแรงดัน (pressure) และเวลา (time) หากเราใส่แรงดันที่เหมาะสมกับผนังหินจุดนึง ในระยะเวลาที่เหมาะสม" ณ วันนึง "ทั่งก็ย่อมถูกฝนให้กลายเป็นเข็ม ด้ายก็ย่อมปั่นหินผาให้ขาดออกจากกันได้" ดังนั้น หากเราจะทำอะไรให้สำเร็จ "เราจะต้องใส่ความตั้งใจ วินัยและความพยายามในสิ่งๆๆนั้น (แรงดัน) แล้วทำให้ต่อเนื่อง ใจเย็น รอระยะเวลาที่เหมาะสม (เวลา) เพื่อให้เกิดผลสำเร็จในขั้นสุดท้าย เหมือนรอเก็บเกี่ยวผลพลับหวานครับ" สำหรับอีกประสบการณ์นึงคือ การได้ขี่จักรยานขึ้นเขาที่น่าน จริงอยู่ขึ้นเขาทั้งเหนื่อย ลำบาก เหมือนการเริ่มทำอะไรบางอย่าง แต่พอขึ้นไปแล้ว ตอนลงเขาก็จะสบาย ไม่ลำบาก เหมือนเราทำได้สักพักก็จะอยู่ตัว ไม่เหนื่อยในการทำงานเพราะเราชินแล้ว แถมหากได้ขึ้นไปบนยอดเขา ยังได้เห็นวิวสวยๆๆ ลมเย็น เหมือนได้ชื่นชมกับผลของความพยายามที่ลงทุนไป เพื่อเดินทางสู้ต่อไปครับ ขอเป็นกำลังให้กับคนที่มีความกล้าหาญและพยายามทำสิ่งๆนั้นให้สำเร็จอยูครับ
ปล. ในคราวหน้านั้น ผมจะอัพเดท วิธีการทั้งหมดของการกิน ออกกำลังกายให้เห็นหมดเปลือกเลยครับ โปรดติดตามหรือหากไม่เหมาะสมอย่างไร แจ้งเตือนได้นะครับ ผมจะยินดีมากๆๆ ครับ
[SR] [SR] การเดินทางยาวนาน ลดน้ำหนักจาก 125 กิโล เหลือ 81.5 กิโล อายุ 35 ปี
เริ่มแรกเลย 125 กิโล โปรแกรมทั้งสิ้น 110 วัน วันที่ 19 เมษายน - 6 สิงหาคม 2557 นัำหนักตัว 101 กิโลกรัม ลดลงมาเหลือ 81.5 กิโลกรัม น้ำหนักหายไป 19.5 กิโลกรัม เปอร์เซ็นต์ไขมัน น่าจะ 27% ตอนนี้น่าจะเหลือเพียง 13-15% ครับ กล้ามสวยขึ้น คมขึ้น ซิคแพ็คครบหกลูกแล้วครับ
การลดความอ้วนนั้น เป็นโปรแกรมที่ผ่านระยะเวลาอันยาวนาน ผ่านด้วยความไม่รู้ ลองผิดลองถูก ความท้อแท้ หมดกำลังใจ หยาดเหงื่อและน้ำตาครับ เหมือนกับคำกล่าวของท่านวินสตัน เชอร์ชิล บุคคลที่ผมชื่นชอบมากครับกล่าวไว้ว่า (ผมขอแปลงเล็กน้อยนะครับ) "หากจะกล่าวถึงเป้าหมายของชัยชนะ ข้าพเจ้าไม่อะไรจะมอบให้ นอกจากโลหิต แรงงาน น้ำตา และหยาดเหงื่อ" ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีศรัทธาที่มั่นคง เป้าหมายที่แน่ชัด ความรู้แจ้งดี และระเบียบวินัยของตนเองครับ
เริ่มต้น บอกก่อนเลยครับว่า ผมเป็นคนอ้วนมาตั้งแต่เด็ก เริ่มมาตอน 6 ขวบ เนื่องจากไม่ชอบทานข้าว และชอบเล่นดินทราย จึงมีพยาธิเยอะ พอได้ยาขับพยาธิ แล้วก็ย้ายบ้านตามคุณพ่อจากกำแพงเพชร มาที่ นนทบุรี บ้านของคุณแม่ คุณตาคุณยาย และลุงป้าน้า เราอยู่กันเป็นครอบครัวแบบบ้านใกล้เรือนเคียงกัน พอมาอยู่ที่นนทบุรีเท่านั้น ของกินอร่อย ตายายป้าน้าตามใจ ขนของกินอร่อยๆๆมากมาย กินจนน้ำหนักขึ้นเยอะมากๆๆๆ รวมทั้งบ้านปลูกทุเรียน ชอบกินมากๆๆ ด้วยครับ กินจนอ้วนไปกันใหญ่ น้ำหนักขึ้นถึง 70 กว่าโลตอนอยู่ ป. 6
ต่อมาเรียนหนังสือผ่านมาเรื่อยๆๆ จากมัธยมไปเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมเรียนที่พระจอมเกล้าพระนครเหนือ ก็ยิ่งอ้วนใหญ่ กับข้าวมหวิทยาลัยให้อย่างกับกรรมกรมาก กินหนักๆๆ ทั้งพะแนง ขาหมู ไก่ทอด ชาเย็นหวานๆๆ สมัยก่อนบุฟเฟ่ต์ไดโดม่อนดัง ก็ไปจัดกันกับเพื่อนสองคน กินไปทั้งสิ้น 45 ถาด 5555 จากนั้นเรียนต่อ ป.โท ที่จุฬา อันนี้ก็ลำบากใจอีกแล้ว ตลาดสามย่านอุดมด้วยของกินอ้วนๆๆ อร่อยๆๆ ระดับเทพ ทั้งก๊อดฟาเธอร์ เฟลิมิยอง ข้าวทะเลผัดผงกระหรี่ บางวันก็ไปกินสิบสี่เหรียญข้างมาบุญครอง หรือไม่ก็ไปกินโชคดีติ่มซำตอนกลางคืน น้ำหนักก็อัพไป 95-99 กิโลครับ
สำหรับการออกกำลังกายนั้น ผมเริ่มตอนเรียนปีสาม ป.ตรี ที่พระจอมครับ ด้วยการเล่นเวทที่พระจอม สไตส์ลูกทุ่ง โหด มันส์ ฮา มากๆๆ เล่นมั่วๆๆ ตอนแรกดัมเบลเล่นหน้าแขนอย่างเดียว ข้างขวาข้างเดียวด้วย ปรากฎว่า กล้ามเนื้อแขนขวาใหญ่ข้างเดียวครับ ตอนแรกศึกษาเพิ่มเติม ถามผู้รู้จึงเข้าใจว่า ต้องเริ่มกล้ามเนื้อโดยรวมก่อนครับ
จนกระทั่งได้ไปเรียนภาษาอังกฤษที่รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา 6-8 เดือน ไม่ได้ออกกำลังกายเลย อาหารการกินอุดมสมบูรณ์มาก อเมริกันทานสัดส่วนอาหารมากกว่าคนไทยเกือบ สอง-สามเท่า (สั่งข้าวผัดใส่กล่องกระดาษ สามารถทานได้สองถึงสามมื้อครับ) พิซซ่าถูกมาก (ถาดละ 40 บาท) แบบแช่แข็ง ซื้อ 6 ถาด แถมถาดนึง เลยกินทุกวัน วันละถาดครับ ตามด้วยไอติมถังใหญ่ยี่ห้อ Ben&Jerry รสชาติ chocolate fudge brownie กินถังใหญ่ 3-4 วันหมดครับ แล้วก็ไปเรียนต่อ ป.โท ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ กินดีอยู่ดี fish&chip เคบับ ช่วงนั้น จัดสุรา เบียร์หนักมากมายครับ (เคยดื่มเหล้าสูงสุด 2 กลม หรือ เบียร์ขวดใหญ่ 13 ขวด คนเดียว คืนเดียวครับ ชีวิตเลวร้ายมากมายคับ) ผลกรรมที่ได้ทำไว้ ส่งผลให้น้ำหนักเลยขึ้นจาก 98-99 กิโล จนไปถึงที่ 125 กิโล มีอาการปวดขา เข่า ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย หายใจไม่ออก นอนกรน อาหารไม่ค่อยย่อย ปัญหาสุขภาพและจิตใจอีกมากมาย
จนวันนึง หลังจากที่เรียนรายวิชาจบหมดแล้ว เหลืองานวิทยานิพนธ์อย่างเดียว ดื่มเหล้าฉลองหนัก ร่างกายย่ำแย่ น้องคนไทย เกิดเมาแล้ว แซวกึ่งๆๆดูถูกนิดๆๆ ประมาณว่า "ชาตินี้ผมลดความอ้วนไม่ได้หรอก ถ้าพี่ทำได้จะให้พี่หอมแก้มเลย" ว่างี้ ของขึ้นเลย (ไม่ได้อยากหอมเลย หน้าตาไม่ใช่เสป็คเลย บ่งตง 555) ประกอบกับตอนน้น หนังใหม่เข้ามาเรื่อง "300" โอ้....แม่เจ้า ทำไม คิงลีโอโนดาสและเหล่าขุนพลกล้ามเท่ห์ ซิคแพ็คเต็มอย่างนี้ อย่างเป็นบ้าง เลยคุยกันกะเพื่อนรุมเมทคนไทย เราไปฟิตหุ่นเล่นยิมดีกว่า จะได้มีหุ่นเท่ห์ก็เขาบ้าง ว่าแล้วก็เอาเลยครับ ไปสมัครยิมมหาลัยวิทยาลัย ซื้อหนังสือ men's health เล่นท่าตาม ฟิตมาก กล้ามหนาบึ๊ก เลยจนพัฒนายกท่า bench press อก ได้น้ำหนัก 90 กิโล leg press 200 กิโล โหดจริงใหญ่จริงครับ เป็นช่วงเวลามันส์ๆๆๆ จนน้ำหนักลดลงมาจาก 125 กิโล จนเหลือ 98 กิโล แต่ซิคแพ็คก็ยังไม่ขึ้นสักกะที หุ่นตันๆๆ ยังไงก็ไม่รู้
หลังจากนั้น กลับมาเมืองไทย สอบบรรจุเป็นข้าราชการได้ ทำงานมาจนถึงปัจจุบัน 5 ปีกว่าๆๆ แล้วครับ ร่างกายมีเปลี่ยนแปลงจากเพิ่มขึ้น แล้วก็ลดลง จนเมื่อสองปีก่อน จาก 98 กิโล ลดลงเหลือ 88 กิโล ด้วยการลองหลายๆๆวิธี ทั้งการตัดคาร์บและไขมัน คีโตน(ทานแต่เนื้อ) ลดได้จริงแต่ก็มีอาการโหยจัด หมดแรง มึนหัวตลอดเวลา หลังจากลดได้ไม่นาน ก็ท้อ ลดไม่ลงจาก 88 กิโล คิดว่าศักยภาพเราคงมาได้เท่านี้
แล้วชีวิตก็กลับมาสู่วงจรอุบาทว์อีกรอบนึงครับ ด้วยการติดเที่ยว ปาร์ตี้ ดิ่มเหล้าหนัก (เพราะเชื่อว่า ดื่มเหล้าไม่อ้วน จริงๆๆแล้ว อ้วนมาก เหล้า 1 ขวดลิตรมี 2,000 กิโลแคลลอรี้ เท่ากับข้าวหมูแดง 5 จานครับ สารอาหารก็น้อย เบียร์ดีกว่าครับ) เคยดื่มหนักติดต่อกันเป็นเดือน เที่ยวหนัก จนกระทั่งตื่นเช้ามาอ้วกออกมาเป็นเลือด ร่างกายแย่ เป็นไข้เกือบครึ่งปี ก็ไม่หาย ยิ่งเล่นเวทออกกำลังกายด้วย อาการยิ่งหนักครับ
เมื่อ 3 เดือนก่อน หลังจากสงกรานต์ น้ำหนักขึ้นถึง 101 กิโลกรัม เนื่องจาก วันสงกรานต์ซัดลีโอไปคนเดียว ลังเดียว คนเดียว คืนเดียวครับ ลดไปจนเหลือ 81.5 กิโลครับ 110 วันพอดี เพราะได้วิธีการจัดการด้านการกินและสารอาหาร โดยการคำนวณค่า BMR และ TDEE โดยผมจะกินไม่ต่ำกว่าค่า BMR แต่ไม่เกินค่า TDEE รวมทั้งการดูรายการ What's the fat? ของเทรนเนอร์ฟ้าใสและดีเจภูมิ รายการฮาๆๆ แต่เต็มไปดูสรรสาระของการลดความอ้วนและการรักษาสุขภาพอย่างยั่งยืน ผมเลยตาสว่าง จากความไม่รู้ โง่มานาน เป็นการรู้แจ้งมากขึ้น ที่เหลือก็มอบให้กับความเชื่อศรัทธาในแนวคิด และการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดให้เกิดผลเท่านั้น จากทฤษฎีที่ว่าอยากลดความอ้วน ต้องมีจากสามสิ่งหลัก "กิน 70% ออกกำลัง 20% นอน 10%" หรือ "กินถึง เล่นถึง นอนถึง นั่นเองครับ"
ปัจจุบันนี้ ผมมีความสุขมากครับ พอใจในรูปร่าง ความคล่องตัว กระชับกระเฉง ร่างกายที่แข็งแรงขึ้น จากที่เคยเหมือนคนแก่ลงพุง ใส่เสื้อเบอร์ XXL กางเกงเอว 45 นิ้ว ตอนนี้ ใส่เสื้อเบอร์ M สลิมหมดเลย เอววัดได้ล่าสุด 31 นิ้วครับ มีไม่ดีอย่างเดียว คือ ต้องช๊อปซื้อเสื้อผ้าใหม่เกือบหมดครับ 5555 ที่สำคัญเป็นการวัดใจผมอย่างนึง พอดีผมได้ทุนการศึกษาจากหน่วยงานไปเรียนต่อในระดับปริญญาเอก ที่เนเธอแลนด์ ผมคิดว่า ถ้าเรื่องลดความอ้วนแค่นั้ ย้งทำไม่สำเร็จ ผมคงไม่มีปัญญาไปเรียนต่อให้จบได้แน่นอน ปัญหาอุปสรรคที่ผมจะต้องเผชิญอย่างหนักสาหัสต้องมีเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน ผมต้องเตรียมกายใจให้พร้อมรับกับสถานการณ์และจัดการปัญหาให้ได้ครับ การที่ผมทำสำเร็จสิ่งนี้ ทำให้ผมมีความมั่นใจขึ้นบ้าง ว่าความตั้งใจและความพยายาม จะทำให้ผมเรียนจบอย่างที่ตั้งใจไว้ได้ครับ ^____^
สุดท้ายนี้ ผมขอฝากข้อคิดไว้จากหนังเรื่อง shawshank redemption พระเอกนักโทษแหกคุกใช้สิ่ว เจาะผนังแหกคุกเป็นเวลา 25 ปี เค้ากล่าวว่า "การศึกษาเรื่องธรณีเป็นเรื่องของปัจจัยของแรงดัน (pressure) และเวลา (time) หากเราใส่แรงดันที่เหมาะสมกับผนังหินจุดนึง ในระยะเวลาที่เหมาะสม" ณ วันนึง "ทั่งก็ย่อมถูกฝนให้กลายเป็นเข็ม ด้ายก็ย่อมปั่นหินผาให้ขาดออกจากกันได้" ดังนั้น หากเราจะทำอะไรให้สำเร็จ "เราจะต้องใส่ความตั้งใจ วินัยและความพยายามในสิ่งๆๆนั้น (แรงดัน) แล้วทำให้ต่อเนื่อง ใจเย็น รอระยะเวลาที่เหมาะสม (เวลา) เพื่อให้เกิดผลสำเร็จในขั้นสุดท้าย เหมือนรอเก็บเกี่ยวผลพลับหวานครับ" สำหรับอีกประสบการณ์นึงคือ การได้ขี่จักรยานขึ้นเขาที่น่าน จริงอยู่ขึ้นเขาทั้งเหนื่อย ลำบาก เหมือนการเริ่มทำอะไรบางอย่าง แต่พอขึ้นไปแล้ว ตอนลงเขาก็จะสบาย ไม่ลำบาก เหมือนเราทำได้สักพักก็จะอยู่ตัว ไม่เหนื่อยในการทำงานเพราะเราชินแล้ว แถมหากได้ขึ้นไปบนยอดเขา ยังได้เห็นวิวสวยๆๆ ลมเย็น เหมือนได้ชื่นชมกับผลของความพยายามที่ลงทุนไป เพื่อเดินทางสู้ต่อไปครับ ขอเป็นกำลังให้กับคนที่มีความกล้าหาญและพยายามทำสิ่งๆนั้นให้สำเร็จอยูครับ
ปล. ในคราวหน้านั้น ผมจะอัพเดท วิธีการทั้งหมดของการกิน ออกกำลังกายให้เห็นหมดเปลือกเลยครับ โปรดติดตามหรือหากไม่เหมาะสมอย่างไร แจ้งเตือนได้นะครับ ผมจะยินดีมากๆๆ ครับ