@---กิจกรรมที่เป็นความทรงจำดีๆ ในวัยเด็กของคุณคืออะไรบ้างคะ---@

คนที่คิดถึง อดีตบ่อยๆ คือคนที่แก่แล้ว สงสัยจะจริง ตอนนี้เราอายุย่าง 30 คิดถึงอดีตมาก ชีวิตที่แสนวุ่นวาย ยุ่งเหยิงในปัจจุบัน ยิ่งคิดถึงความสุขในอดีต
ตั้งแต่เกิดจนโต ช่วงที่คิดถึงมากที่สุดคงเป็นช่วงตั้งแต่จำความได้ จนประถม หลังจากเป็นวัยรุ่นได้รับรู้โลกความจริงมากขึ้น ได้พบเจอเรื่องราวดีเลวต่างๆมากมาย ความสุขเทียบไม่ได้กับช่วงวัยก่อนหน้านั้นเลย

เริ่มจากตั้งแต่จำความได้ก็อยู่กับตายาย และน้าชาย ที่บ้านนอกเมืองเหนือ ชีวิตมีความสุขมากตามประสาเด็กๆ ตาเป็นครูใหญ่ที่เกษียณแล้ว ส่วนยายก็ดูแลหลานๆ และเก็บค่าที่ ที่ตลาดเช้าเล็กๆในหมู่บ้านที่มีที่วางขายอยู่ 4 ร้าน เก็บค่าที่วันละ 5 บาท

ตากับยายมีลูกด้วยกัน 9 คน ครอบครัวเราโชคดีมากๆ ที่ลูกๆ ทั้ง 9 คนของตายาย เป็นคนดีทุกคน รักและกลมเกลียวกันมาก ตากับยายเลี้ยงลูกได้ดีจริงๆ และยังดูแลหลานๆ ได้ดีมากด้วย

เรา พี่สาวและน้องชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี การเลี้ยงดูอย่างดีไม่ได้หมายถึงการตามใจ อยากได้อะไรก็ให้ แต่หมายถึงการอบรมเรื่องกิริยามารยาท การเคารพนับถือผู้ใหญ่ การออม การแบ่งปัน ความมีน้ำใจ สอนทำงานบ้านตั้งแต่เด็ก ท่านบอกว่าโตไปจะได้ไม่ลำบาก เราโชคดีมากๆ ที่ได้เกิดเป็นลูกหลานพวกท่าน  ถึงแม้ท่านจะจากไปเกือบ 20 ปีแล้ว ทุกวันนี้ยังคิดถึงคำสอนสั่งของท่านเสมอ แม้บางครั้งจะทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ตาม แหะๆ

วิถีชีวิตของเด็กหญิงผมหยิกตัวผอมดำ เริ่มจากอนุบาล ตื่นตอนเช้าด้วยการปลุกของตา ไปล้างหน้า แปรงฟันด้วยยาสีฟันดอกบัวคู่ (ส่วนตาใช้แบบผงจำยี่ห้อไม่ได้แฮะ) เสร็จแล้วก็มานั่งเก้าอี้กับตา ตาจะชงโอวันตินวางไว้ให้ทุกเช้า กินโอวันตินไปก็ดูรายการเจ้าขุนทอง หุยฮา หุยฮา เจ้าขุนทองเจื้อยแจ้วเจรจา จบแล้วก็แต่งตัวไปโรงเรียนชนบทซึ่งอยู่ไกลจากบ้านประมาณ 2 กม. จำได้ว่าไปโรงเรียนวันแรกรู้สึกดีใจมากเพราะจะได้เจอเพื่อนใหม่ ลั้นลาสุดๆ ไม่ร้องไห้เลย พอไปถึงโรงเรียนเห็นเพื่อนกอดซี่กรงไม้ที่ระเบียงห้องร้องไห้หาพ่อแม่ ส่วนเราก็ได้แต่ชวนเพื่อนคุย ช่วงอนุบาลไม่มีการเรียนการสอนมากนัก ตอนสายก็เล่นชิงช้า เที่ยงกินข้าว บ่ายก็กินนมถุง แล้วก็ถูกบังคับนอน ซึ่งถ้านอนไม่หลับมันเป็นอะไรที่ทรมานมาก เพราะครูจะคอยเฝ้าแล้วบอกให้หลับตา พอได้เวลาตื่นก็ไปเข้าแถวรอคิวเข้าห้องน้ำที่มีอยู่ 2 ห้อง ใครกลั้นถี่ไม่ได้ก็ฉี่ใส่กางเกงก็มี เราเองก็เคยครั้งนึง อิอิ
หลังจากนั้นก็ล้างหน้า ครูก็ประแป้งให้ เสร็จแล้วก็ไปเล่นชิงช้ารอน้าก็ขี่มอไซต์มารับตอนเย็น อยู่โรงเรียนก็โดนเพื่อนแกล้งบ้าง แย่งขนมบ้าง ใส่รองเท้าเรากลับบ้านบ้าง คือรองเท้าหายประจำอ่ะ โดยเพื่อนขโมย แต่ก็ได้แต่ฟ้องครู ชีวิตเด็กอนุบาลนี่สบายจริงๆ นะ เครียดอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องการถูกบังคับให้นอนทั้งที่ยังไม่ง่วงนี่แหละ ส่วนเงินค่าขนมยังไม่ได้ไปสักบาท

พอขี้นประถม ได้เงินไปโรงเรียน 1 บาท เช้ามาก็ขี่รถถีบไปโรงเรียนบ้าง บางวันก็เดินไปบ้าง ถ้าช่วงหน้าหนาว จะหนาวมาก หน้าชา มือแข็งมากๆ สมัยนั้นเราไม่มีถุงมือใส่ ไปถึงโรงเรียนก็รีบเอารถถีบไปจอด รีบวิ่งไปเข้าแถวหน้าเสาธง ตากแดดอ่อนๆ ยามเช้า ยอดหญ้าเต็มไปด้วยน้ำค้าง ความรู้สึกอบอุ่นนั้นมันยังตราตรึงในใจ สมัย 20 กว่าปีก่อน อากาศดีมากๆ ใครทำความดีความชอบอะไรครูก็จะประกาศหน้าเสาธง เราเคยออกไปรับรางวัลสมุดในหลวงเล่มใหญ่สีน้ำตาล จากการชนะแข่งคัดลายมือเพลงชาติ จำได้ว่าตื่นเต้นมากอ่ะ (แต่ตอนนี้ลายมือห่วยมากๆ เขียนเองอ่านไม่ออกเอง รางวัลหน้าเสาธงวันนั้นไม่ช่วยอะไรเลย)

สมุดในหลวง


ตอนกลางวันก็กินข้าวถาดหลุมไม่ต้องซื้อข้าว พอเลิกเรียนก็ขี่รถถีบกลับบ้าน มีครั้งนึงตอนป.4 เราหลับในขี่รถถีบตกสะพาน สลบไปวันนึงเต็มๆ ตื่นมาอีกทีหัวโนเท่าลูกมะนาวที่หน้าผาก ข้อมือเต็มไปด้วยด้ายสู่ขวัญ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าขี่รถตกสะพาน จำได้แค่ว่าก็ขี่อยู่ดีๆ คิดแล้วยังขำตัวเอง ทำไปได้ ขี่รถถีบหลับใน แต่โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก รอดมาได้เนาะ

วันเสาร์-อาทิตย์ของเด็กชนบทอย่างเราก็มุดรั้วไปหาเพื่อนแถวบ้านจ้า ทำรั้วเป็นรู ทั้งหมาทั้งคนมุดรูเดียวกัน ไปหาเพื่อนแถวบ้านที่เป็นผู้หญิง 2 คนพากันเล่นกระโดดหนังยาง เบื่อแล้วก็เล่นเบสบอลกระดาษ วิ่งเป็นสี่เหลี่ยม อันนี้ฮิตสุดๆ อ่ะสมัยนั้น เบื่อแล้วก็เล่นขายของ เอาช้อนกินข้าวสังกะสีสีเขียวนี่แหละ เอาไปขุดดินเป็นหลุม ทำขนมครกขายจ้า เพื่อนก็ขายผัดผัก เด็ดใบไม้เอามารวมๆ กันแล้วผัดๆ บนดิน แล้วก็จ่ายเงินกันด้วยใบไม้ สนุกมาก บางเสาร์-อาทิตย์ ก็พากันขี่จักรยานไปโรงเรียน ไปเก็บดอกงิ้วก็ร่วง เพื่อเอาไปตากแห้ง เก็บไว้ทำขนมจีนน้ำเงี้ยวกิน

ดอกงิ้ว


พอช่วงหน้าปลูกข้าวก็พากันไปทุ่งนา ช่วยพ่อแม่เพื่อนปลูกต้นกล้าลงดิน จับหอยจับปูเอาไว้แกง ไปหาปลาตามแอ่งน้ำตื้น ด้วยการตักน้ำสาดขี้นไปบนบกให้ปลามันค้างอยู่บนบก มีปลาซิว ปลาสร้อย ปลาสลิด เอาไปตากแห้ง บ้างก็พากันไปปีนต้นไม้ เก็บมะม่วงเก็บชมพู่ ลำไย มะปราง กระท้อน มะไฟ โชคดีที่ไม่เคยตกต้นไม้นะเนี่ย แต่เคยเห็นเพื่อนตก เพื่อนปากแตกเลยทีเดียว ตอนนั้นขำเพื่อน ตอนนี้มาคิดดูน่าสงสารเพื่อนนะคงเจ็บมาก (เปิ้นขอโทษเน่อ ที่วันนั้นไขหัวใส่ตั๋ว)

เพี้ยนเพลีย

กิจกรรมการละเล่นอื่นๆก็มีแสดงละครบ้าง ที่บันไดหน้าบ้าน เราเล่นละครจักรๆวงศ์ๆ เราจะเอาผ้าเช็ดตัวมาทำสะไบแล้วนั่งบันไดขั้นบนสุดเป็นองค์หญิงเพคะ ส่วนเพื่อนจะนั่งขั้นถัดลงเป็นนางสนม ในกลุ่มเราไม่มีผู้ชาย เราจึงจินตนาการกันว่า มีเสด็จพี่นั่งข้างๆ เรา ซึ่งเราเป็นเสด็จน้อง(พระมเหสี) แล้วมีทหารมาถวายบังคม คือน่ารักอ่ะ รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าสูงเพราะเป็นองค์หญิง บอกเลย 5555 พอเราเล่นเสร็จก็ตาเพื่อนสลับกันไปเป็นองค์หญิงบ้าง เราก็ไปเป็นนางสนม คือสนุกอ่ะ อิอิ



พอถึงช่วงเกี่ยวข้าว เรากับเพื่อนๆก็จะตามพ่อแม่เพื่อนไปทุ่งนา เตรียมห่อข้าวกลางวันไปให้คนที่นาที่มาช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าว เกี่ยวข้าวเสร็จผู้ใหญ่ก็ขับรถอีแต๋นเอาข้าวไปใส่เล้าข้าว(ยุ้งฉาง) ผ่านช่วงเกี่ยวข้าวก็จะปลูกหอมแดง กระเทียม ถั่วลิสง เราชอบตอนเก็บเกี่ยวมาก เก็บดอกหอมแดงไปผัด ได้ขุดดินเก็บหอม พอเข้าหน้าหนาว ทุ่งนาก็เหลือแต่ตอข้าว คนเฒ่าคนแก่ก็จะทำว่าวกระดาษให้ไปเล่นกลางทุ่งนา วิ่งอย่างเหนื่อยกว่าว่าวจะขึ้น ขึ้นแล้วต้องชักให้ติดลมบนอีก น้อยครั้งมากที่จะทำให้มันติดลมบนได้ พอติดแล้วก็ผูกเชือกไว้ นั่งมองดูมันปลิวลิ่วลมอยู่ข้างบน มีความสุขจริงๆ

ดอกหอม


ตอนเย็นก็มักจะโดนยายใช้ให้ไปซื้อใบเมี่ยงดองเป็นมัดๆ ยายชอบเคี้ยวใบเมี่ยงมาก เอามาคลี่ออก ทาเกลือเม็ดนิดหน่อย เคี่ยวเพลินเลย อร่อยด้วย ตอนเด็กกินของยายบ่อยๆ

ใบเมี่ยงดอง




ตอนค่ำๆของหน้าหนาว ครอบครัวเราก็จะทำข้าวหลามกัน ตัดกระบอกไม้ไผ่หนุ่ม เอามาล้าง แล้วเอาข้าวสารที่เป็นข้าวเหนียวแช่น้ำกรอกลงไปใส่เกลือนิดหน่อย ก่อไฟแล้วเอาข้าวหลามไปเผาไฟ พอสุกแล้วข้าวหอมมากๆ อร่อยมากที่สุดในชีวิตที่เคยลิ้มลองข้าวหลามมา ข้าวหลามเดี๋ยวนี้เจอแต่ข้าวหลามกระทิ หวานๆมันๆ ไม่หอมอร่อยเหมือนข้าวหลามปล่าวๆใส่แค่เกลือ

หน้าหนาวตอนเช้า หลังจากยายนึ่งข้าวเสร็จแบ่งข้าวส่วนนึงไว้ใส่หิ้งพระ อีกส่วนเอาไว้ทำข้าวหนึกงา คุณพระ ข้าวหนึกงานี่มันสวรรค์ชัดๆ ตำงาคั่วใส่เกลือนิดหน่อย เอาข้าวเหนียวอุ่นๆ ลงไปคลุกๆ ตักใส่จาดเอามือคลุกอีกที ป้าดดดดโทะ หอมลำแต้ๆหนาวจ้าวว ฟินอ่ะ ถ้าบางคนชอบหวานก็จะตำน้ำอ้อยใส่ไปด้วย พอสายหน่อยก็จะพากันปูเสื่อนั่งอาบแดดอุ่นๆ ที่หน้าบ้าน แล้วก็นอนหนุนตักยาย มีความสุขที่สุดอ่ะ

งา


ข้าวหนึกงา


นอกจากเที่ยวเล่นแล้วก็ช่วยตาเลี้ยงไก่แจ้ ให้น้ำให้อาหาร ตอนค่ำก็เก็บลูกไก่จากกรงเข้ากล่องลังเอาไปไว้ในบ้าน เลี้ยงหมา เลี้ยงแมว เลี้ยงกระต่าย ช่วยน้าเลี้ยงกบ เพราะน้าทำบ่อกบ บ่อปูนใหญ่ 6 บ่อ ให้อาหาร เปลี่ยนน้ำ แยกลูกกบ ตอนเช้าก็เก็บไข่เขียด หรือคางคก เพราะตอนกลางคืนมันชอบมาไข่ไว้ในบ่อกบ ตอนเปลี่ยนน้ำใหม่เอาลูกกบที่หางหดแล้วลงในน้ำ เราก็ว่ายน้ำเล่นในบ่อกับกบ เราสนุกแต่กบมันหนีเข้ามุมบ่อหมด ไม่ว่ายน้ำเล่นกับเราเลยอ่ะ เสียใจ

ไก่แจ้


ตอนค่ำหน้าฝนก็จะถือไฟฉายไปส่องจิ้งหรีด จับจิ้งหรีด เปิดไฟล่อแมงมัน ไม่ใช่ได้แต่แมงมัน ได้ตุ๊กแกด้วย เพราะมันจะพาครอบครัวออกมากินแมลงอย่างอิ่มหมีพลีมัน จับยากมากตุ๊กแก วิ่งเร็วมาก ไม่เคยจับได้ แต่ก็ไม่รู้จะจับไปทำไมเลยอยู่เป็นเพื่อนกันมาจนเดี๋ยวนี้  ล่าสุดเจอกันเมื่อเดือนที่แล้ว คงเป็นตุ๊กแก Generation ใหม่ละ ออกมากินแมง 6 ตัวเลย ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ได้แต่มองไปยิ้มไป รู้สึกคุ้นเคยเหมือนเราโตมาด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน

แมงมัน


วันสำคัญทางศาสนา เราก็ปลอกมะพร้าวห้าว เก็บน้ำกับไข่มะพร้าวไว้กิน แล้วก็ขูดด้วยกระต่ายขูดมะพร้าวให้ยายทำน้ำกะทิ ทำขนมไปวัด

ไข่มะพร้าว


กระต่ายขูดมะพร้าว


ชีวิตที่อยู่กับตากับยายนี่มีความสุขจริงๆ ไม่เคยคิดว่าตัวเองขาดพ่อแม่เลย ท่านทั้งสองเป็นเหมือนพ่อแม่เป็นที่พึ่งจริงๆ ค่ะ
ที่มาตั้งกระทู้วันนี้ก็เพื่ออยากแสดงเล่าความทรงจำและกิจกรรมสนุกของเด็กชนทบสมัย 20 กว่าปีก่อน อยากบอกว่าความอบอุ่นในครอบครัวในวัยเด็ก มันสำคัญและมีค่าขนาดไหน เป็นสิ่งที่หล่อหลอมให้คนๆนึงเติบโต และพัฒนาทางด้านจิตใจ มุมมอง ความคิดการตัดสินใจ อยากให้พ่อแม่ยุคใหม่ให้เวลากับความเอาใจใส่ลูกหลานให้มากๆ ให้เค้าได้ทำกิจกรรมที่เค้าอยากทำ ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์นะคะ เพราะวัยเด็กเป็นวัยที่สำคัญที่สุดค่ะ
แล้วกิจกรรมที่เป็นความทรงจำดีๆ ในวัยเด็กของคุณคืออะไรบ้างคะ

ปล. ภาพทั้งหมดเอามาจากอากู๋ค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่