กระทู้นี้ ตั้งขึ้นมา เพราะอยากให้เป็นกำลังใจสำหรับคน ลดน้ำหนัก ว่า ถ้าตั้งใจจริงก็จะสามารถ ลดน้ำหนักได้
ซึ่งวิธีการผมใช้วิธีของ จอห์น วินยู (Good Shape Save Cost) ซึ่งหาดูได้ตาม Youtube
.. จริงอยู่การลดน้ำหนักของผมอาจจะไม่ได้มากมายเหมือนหลาย ๆ คนที่เคยได้เป็นตัวอย่างมา แต่อย่างน้อย ๆ ก็เป็นจุดเริ่มสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักก็ยังดีครับ
ก่อนอื่นผมต้องบอกว่าผมมีปัญหาเรื่องสุขภาพ โรคประจำตัวคือ หอบหืด และเป็นคนป่วยง่ายต้องไปหาหมอบ่อย ๆ
จนหมอหลาย ๆ ท่านบอกว่าต้องลดน้ำหนักแล้วนะ เพราะมันเกินมาตรฐานไปมาก
- จากภาพคือวันที่ 23 ม.ค. 2556 ตอนนั้นผมหนัก ประมาณ 75 กก. โดยประมาณ (ผมตัวเล็ก สูง 159 ซม. เอง) ซึ่งถือว่าเกินมาตรฐานไปมาก
- แล้วช่วงที่วันที่ 9 - 23 มี.ค. 2556 เป็นช่วงที่ผมบวชอยู่วัด (ภาพก่อนบวช) ซึ่งหนักอยู่ที่ 72 กก. โดยประมาณ
- หลังบวช ลาสิกขาออกมา น้ำหนักผมก็ลดลงมาอยู่ที่ 68 กก. โดยประมาณ
- หลังจากนั้นก็ไม่สนใจการลดน้ำหนักอะไรมาเรื่อย ๆ น้ำหนักผมก็อยูที่ราว ๆ 67 - 70 กก. มาตลอด
- จนมาถึงปลายเดือน มกราคม 2557 ผมก็ตั้งใจว่าจะลดน้ำหนัก
ซึ่งภาพนี้เป็นภาพก่อนผมไปเที่ยวเสม็ด ซึ่งหนักอยู่ที่ราว ๆ 68 - 69 กก. (หลังเที่ยวกลับมา หนัก 70 กก.)
จากนั้นผมเลยตั้งใจลดน้ำหนักเรื่อย ๆ มา โดยผมทำแบบนี้ครับ
... หลักง่าย ๆ คือ ควบคุมอาหาร (คุมแคลลอรี่อาหารในการทาน 1 วัน)
... การควบคุม ไม่ใช่อด ไม่ใช่การทานน้อย แต่เป็นการเลือกทานอาหารที่แคลอรี่ไม่สูง
... เช่น ร่างกายปกติเราจะทาน 2000 kcal เพื่อใช้ภายใน 1 วัน แต่เราทานสัก 700-800 kcal ต่อวันก็พอ เพราะพลังงานที่เหลือร่างกายจะไปดึงจากไขมันมาใช้งาน
... มื้อเย็นถ้าทำได้ ไม่ทานอาหาร ถ้าหิว น้ำเปล่าใส่น้ำแข็ง ดื่มๆดูดๆ อย่างเดียว ช่วงแรกๆ ทรมาน ร่างกายปรับได้จะชินเอง
... อาหารอะไรให้พลังานเท่าไหร่ หาดูได้ตาม Google
... น้ำเปล่า คือเครื่องดื่มชั้นยอด เพราะให้พลังงาน 0 kcal
... ลงทุนซื้อเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอลแบบมีเลขทศนิยม เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก และควรจดบันทึกความเปลี่ยนแปลงทุกวัน
... เหตุที่ออกกำลังแล้วน้ำหนักไม่ลง เพราะพฤติกรรมการกินเราไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าน้ำหนักอยากลงควรเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารด้วยครับ ปกติถ้าเราออกกำลังกายหนักๆ เราจะหิว หลังออกกำลังกายเราจะทานเยอะ ทำให้น้ำหนักไม่ลดเสียที (การออกกำลังกายคือการควบคุมน้ำหนัก ไม่ใช่การลดน้ำหนัก)
... วิธีลดน้ำหนักแบบนี้ ผมเอามาจาก จอห์น วินยู (Good shape Save coast) หาดูได้ตาม YouTube
... ที่สำคัญ อย่าหาข้ออ้างในการไม่ลดน้ำหนัก ถ้าจะลด ต้องเริ่มตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
... การลดน้ำหนักมันต้องใช้เวลา ต้องอดทน เพราะมันไม่มีสูตรลัดในการลดน้ำหนัก (ขั้นต่ำคือ 3 เดือนโดยประมาณ)
... เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายแล้ว ก็อย่ากลับมาตะบี้ตะบันทานเยอะเหมือนเดิม ต้องทานให้พอเหมาะต่อวันด้วยนะ
... อีกข้อที่ผมสังเกตุ คือการไม่นอนดึก พักผ่อนให้เพียงพอก็ช่วยลดน้ำหนักได้ครับ (จากตอนที่บวชเป็นเช่นนั้น)
- ภาพนี้วันที่ 7 มีนาคม 2557 ผมก็หนัก 64.1 กก.
- จนมาวันที่ 20 มีนาคม 2557 ผมก็หนัก 62.9 กก.
- ผมได้จดน้ำหนักที่ชั่งทุก ๆ วันอย่างละเอียดเท่าที่จะทำได้ (ช่วงแรก ๆ ของการลดไม่ได้จดนะครับ พอดีขี้เกียจ) โดย
+ เช้าคือหลังตื่นนอน
+ เย็นคือห่อนนอน
+ ส่วน X คือไม่ได้จด เพราะขี้เกียจ กลับ ตวจ. ไปธุกรที่อื่น ๆ ในวันนั้น ๆ
แล้วเมื่อชั่งก่อนโพสกระทู้นี้ คือ 61.0 กก.
- ส่วนอาหารที่รับประทานผมขอเอามาแชร์สัก 2 - 3 เมนูอาหาร นะครับ (เน้นทำเอง เราจะคุมแคลอรี่ได้)
+ ก๋วยเตี๋ยวเส้นบะหมี่ ลูกชิ้นหมูสับ
(ประมาณ 250 kcal)
+ ลาบหมูทำเอง + ข้าวเหนียว
ประมาณ (200 kcal)
+ แกงจืดถั่วงอก ใส่หมูบด หมูยอ
ประมาณ (100 kcal)
มาถึงนะตอนนี้ ผมก็จะพยายามลดต่อไปเรื่อย ๆ จนเอาให้ได้สัก 57 - 58 กก. (เนื่องจากผมสูงแค่ 159 cm.)
หลังจากที่ผมลดน้ำหนักได้สิ่งที่ร่างกายรู้สึกได้คือ
- จากที่เป็นคนเหนื่อยง่าย ก็เหนื่อยง่ายน้อยลง (เพราะผมมีโรคประจำตัวคือ หอบหืดแบบบ ณเดช ด้วย)
- เป็นคนที่ง่วงนอนง่าย ก็รู้สึกว่า ง่วงน้อยลงกว่าแต่ก่อน
- เวลานอนหลับ เมื่อตื่นขึ้นมารู้สึกว่า นอนได้อิ่มมากขึ้น
- กางเกงหลวม คนทักว่าไปทำไรมาถึงผอมลงมาก อิอิ
ส่วนการกินของผมนั้นถือว่าไม่ได้เคร่งเท่ากับหลาย ๆ คนที่ลดน้ำหนักเพราะบางมื้อ ไปซัดบุปเฟต์ชาบูมื้อเย็นบ้าง ก็มี แต่ก็มีสติว่า เราทานได้แค่ไหน ถ้าสังเหตุจากตารางที่ผมจดบันทุกน้ำหนักที่ลดลง จะค่อย ๆ ลด ไม่ได้เร็วแบบหลาย ๆ คนที่ทำมา แต่ก้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ผมพอใจครับ
เรื่องลดน้ำหนัก ถ้าตั้งใจ เราจะทำได้
... อย่าหาข้ออ้างในการไม่อยากลดน้ำหนัก
ผมลดน้ำหนัก โดยการควบคุมอาหาร (คุมแคลอรี่) และไม่ออกกำลังกาย ไม่ใช้ยา ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักทุกชนิด ไม่พึ่งสถาบันลดน้ำหนัก ก็สามารถลดน้ำหนักได้ ผมเชื่อว่าทุก ๆ คนก็สามารถทำได้ครับ
ไม่เชื่อตัวเองว่าจะลดน้ำหนักได้ อิอิ
ซึ่งวิธีการผมใช้วิธีของ จอห์น วินยู (Good Shape Save Cost) ซึ่งหาดูได้ตาม Youtube
.. จริงอยู่การลดน้ำหนักของผมอาจจะไม่ได้มากมายเหมือนหลาย ๆ คนที่เคยได้เป็นตัวอย่างมา แต่อย่างน้อย ๆ ก็เป็นจุดเริ่มสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักก็ยังดีครับ
ก่อนอื่นผมต้องบอกว่าผมมีปัญหาเรื่องสุขภาพ โรคประจำตัวคือ หอบหืด และเป็นคนป่วยง่ายต้องไปหาหมอบ่อย ๆ
จนหมอหลาย ๆ ท่านบอกว่าต้องลดน้ำหนักแล้วนะ เพราะมันเกินมาตรฐานไปมาก
- จากภาพคือวันที่ 23 ม.ค. 2556 ตอนนั้นผมหนัก ประมาณ 75 กก. โดยประมาณ (ผมตัวเล็ก สูง 159 ซม. เอง) ซึ่งถือว่าเกินมาตรฐานไปมาก
- แล้วช่วงที่วันที่ 9 - 23 มี.ค. 2556 เป็นช่วงที่ผมบวชอยู่วัด (ภาพก่อนบวช) ซึ่งหนักอยู่ที่ 72 กก. โดยประมาณ
- หลังบวช ลาสิกขาออกมา น้ำหนักผมก็ลดลงมาอยู่ที่ 68 กก. โดยประมาณ
- หลังจากนั้นก็ไม่สนใจการลดน้ำหนักอะไรมาเรื่อย ๆ น้ำหนักผมก็อยูที่ราว ๆ 67 - 70 กก. มาตลอด
- จนมาถึงปลายเดือน มกราคม 2557 ผมก็ตั้งใจว่าจะลดน้ำหนัก
ซึ่งภาพนี้เป็นภาพก่อนผมไปเที่ยวเสม็ด ซึ่งหนักอยู่ที่ราว ๆ 68 - 69 กก. (หลังเที่ยวกลับมา หนัก 70 กก.)
จากนั้นผมเลยตั้งใจลดน้ำหนักเรื่อย ๆ มา โดยผมทำแบบนี้ครับ
... หลักง่าย ๆ คือ ควบคุมอาหาร (คุมแคลลอรี่อาหารในการทาน 1 วัน)
... การควบคุม ไม่ใช่อด ไม่ใช่การทานน้อย แต่เป็นการเลือกทานอาหารที่แคลอรี่ไม่สูง
... เช่น ร่างกายปกติเราจะทาน 2000 kcal เพื่อใช้ภายใน 1 วัน แต่เราทานสัก 700-800 kcal ต่อวันก็พอ เพราะพลังงานที่เหลือร่างกายจะไปดึงจากไขมันมาใช้งาน
... มื้อเย็นถ้าทำได้ ไม่ทานอาหาร ถ้าหิว น้ำเปล่าใส่น้ำแข็ง ดื่มๆดูดๆ อย่างเดียว ช่วงแรกๆ ทรมาน ร่างกายปรับได้จะชินเอง
... อาหารอะไรให้พลังานเท่าไหร่ หาดูได้ตาม Google
... น้ำเปล่า คือเครื่องดื่มชั้นยอด เพราะให้พลังงาน 0 kcal
... ลงทุนซื้อเครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตอลแบบมีเลขทศนิยม เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนัก และควรจดบันทึกความเปลี่ยนแปลงทุกวัน
... เหตุที่ออกกำลังแล้วน้ำหนักไม่ลง เพราะพฤติกรรมการกินเราไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าน้ำหนักอยากลงควรเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหารด้วยครับ ปกติถ้าเราออกกำลังกายหนักๆ เราจะหิว หลังออกกำลังกายเราจะทานเยอะ ทำให้น้ำหนักไม่ลดเสียที (การออกกำลังกายคือการควบคุมน้ำหนัก ไม่ใช่การลดน้ำหนัก)
... วิธีลดน้ำหนักแบบนี้ ผมเอามาจาก จอห์น วินยู (Good shape Save coast) หาดูได้ตาม YouTube
... ที่สำคัญ อย่าหาข้ออ้างในการไม่ลดน้ำหนัก ถ้าจะลด ต้องเริ่มตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป
... การลดน้ำหนักมันต้องใช้เวลา ต้องอดทน เพราะมันไม่มีสูตรลัดในการลดน้ำหนัก (ขั้นต่ำคือ 3 เดือนโดยประมาณ)
... เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายแล้ว ก็อย่ากลับมาตะบี้ตะบันทานเยอะเหมือนเดิม ต้องทานให้พอเหมาะต่อวันด้วยนะ
... อีกข้อที่ผมสังเกตุ คือการไม่นอนดึก พักผ่อนให้เพียงพอก็ช่วยลดน้ำหนักได้ครับ (จากตอนที่บวชเป็นเช่นนั้น)
- ภาพนี้วันที่ 7 มีนาคม 2557 ผมก็หนัก 64.1 กก.
- จนมาวันที่ 20 มีนาคม 2557 ผมก็หนัก 62.9 กก.
- ผมได้จดน้ำหนักที่ชั่งทุก ๆ วันอย่างละเอียดเท่าที่จะทำได้ (ช่วงแรก ๆ ของการลดไม่ได้จดนะครับ พอดีขี้เกียจ) โดย
+ เช้าคือหลังตื่นนอน
+ เย็นคือห่อนนอน
+ ส่วน X คือไม่ได้จด เพราะขี้เกียจ กลับ ตวจ. ไปธุกรที่อื่น ๆ ในวันนั้น ๆ
แล้วเมื่อชั่งก่อนโพสกระทู้นี้ คือ 61.0 กก.
- ส่วนอาหารที่รับประทานผมขอเอามาแชร์สัก 2 - 3 เมนูอาหาร นะครับ (เน้นทำเอง เราจะคุมแคลอรี่ได้)
+ ก๋วยเตี๋ยวเส้นบะหมี่ ลูกชิ้นหมูสับ (ประมาณ 250 kcal)
+ ลาบหมูทำเอง + ข้าวเหนียว ประมาณ (200 kcal)
+ แกงจืดถั่วงอก ใส่หมูบด หมูยอ ประมาณ (100 kcal)
มาถึงนะตอนนี้ ผมก็จะพยายามลดต่อไปเรื่อย ๆ จนเอาให้ได้สัก 57 - 58 กก. (เนื่องจากผมสูงแค่ 159 cm.)
หลังจากที่ผมลดน้ำหนักได้สิ่งที่ร่างกายรู้สึกได้คือ
- จากที่เป็นคนเหนื่อยง่าย ก็เหนื่อยง่ายน้อยลง (เพราะผมมีโรคประจำตัวคือ หอบหืดแบบบ ณเดช ด้วย)
- เป็นคนที่ง่วงนอนง่าย ก็รู้สึกว่า ง่วงน้อยลงกว่าแต่ก่อน
- เวลานอนหลับ เมื่อตื่นขึ้นมารู้สึกว่า นอนได้อิ่มมากขึ้น
- กางเกงหลวม คนทักว่าไปทำไรมาถึงผอมลงมาก อิอิ
ส่วนการกินของผมนั้นถือว่าไม่ได้เคร่งเท่ากับหลาย ๆ คนที่ลดน้ำหนักเพราะบางมื้อ ไปซัดบุปเฟต์ชาบูมื้อเย็นบ้าง ก็มี แต่ก็มีสติว่า เราทานได้แค่ไหน ถ้าสังเหตุจากตารางที่ผมจดบันทุกน้ำหนักที่ลดลง จะค่อย ๆ ลด ไม่ได้เร็วแบบหลาย ๆ คนที่ทำมา แต่ก้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ผมพอใจครับ
เรื่องลดน้ำหนัก ถ้าตั้งใจ เราจะทำได้
... อย่าหาข้ออ้างในการไม่อยากลดน้ำหนัก
ผมลดน้ำหนัก โดยการควบคุมอาหาร (คุมแคลอรี่) และไม่ออกกำลังกาย ไม่ใช้ยา ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักทุกชนิด ไม่พึ่งสถาบันลดน้ำหนัก ก็สามารถลดน้ำหนักได้ ผมเชื่อว่าทุก ๆ คนก็สามารถทำได้ครับ