.....
"ตุลาการภิวัฒน์" หมายถึง อำนาจตุลาการที่แผ่กว้างขึ้น และแนวคิดนี้เกิดขึ้นจากหลักสากลที่มองว่าสถาบันตุลาการ คือสถาบันเดียวที่มีความชอบธรรมภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ในการเป็นผู้ตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับความเป็นธรรมทั้งมวล
อาชีพ ตุลาการ ถือว่ามีเกียรติ มีศักดิ์ศรีมาช้านาน ขนาดเรียกขานตำแหน่ง ยังมีคำว่าท่าน นำหน้า เช่น ท่านผู้พิพากษา แสดงให้เห็นว่าได้รับความเคารพยกย่องอย่างสูงในสังคมไทย คนในอาชีพนี้ มีพฤติกรรมเป็นที่ยอมรับของสังคมว่า ซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรม
แต่พฤติกรรมก่อนมาสู่ยุค ตุลาการภิวัฒน์ ชวนให้ประชาชนสงสัยไว้ เกียรติและศักดิ์ศรีของตุลาการนั้นมีจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงภาพมายาที่ต้องการให้สังคมยกย่องเท่านั้น เพราะทั้งๆที่ก็รู้ว่าอำนาจประชาธิปไตยเป็นของประชาชนทั้งชาติ แต่ฝ่ายตุลาการกลับเลือกที่จะปกป้องคนที่ปล้นอำนาจจากประชาชนอย่างคณะทหาร
และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุคสมัยของ ตุลาการภิวัฒน์ ที่เริ่มต้นมาจากการกระทำรัฐประหารของคณะ คมช. และได้การรับรองอำนาจจากฝ่ายตุลาการด้วยคำว่า
“รัฏฐาธิปัตย์” เห็นได้จากกลุ่มคนในองค์กรตุลาการต่างกันออกมาพาเหลิดเข้ามามีส่วนร่วมกับการเขียนรัฐธรรมนูญ 2550 ให้คณะรัฐประหาร อีกทั้งแต่งตั้งองค์กรอิสระอย่าง ศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาพิทักษ์รัฐธรรมนูญของพวกที่ปล้นอำนาจประชาธิปไตยไปจากประชาชน ซึ่งการกระทำของฝ่ายทหารและตุลาการสอดคล้องกัน ราวกับนัดแนะกันไว้ก่อนล่วงหน้าที่จะมีรัฐประหาร
เกียรติและศักดิ์ศรีของท่านอยู่ที่ได้ ถึงได้กระทำการเยี่ยงโจรปล้นอำนาจประชาธิปไตยของประชาชน และคำกล่าวอ้างใดๆของเหตุผลในการรัฐประหารจากฝ่ายโจร(คนที่ปล้นอำนาจประชาชน) ย่อมฟังไม่ขึ้น เพราะตามวิถีแห่งประชาธิปไตยมีวิธีที่ใช้แก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว ถ้าทุกฝ่ายรู้จักยอมรับ
การทำลายประชาธิปไตยของคนทั้งชาติลงแล้วเขียนขึ้นใหม่ด้วยมือพรรคพวกตัวเอง นั้นหรือคือ ประชาธิปไตย?
แต่เหตุนั้นก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปเอ่ยถึง
เพราะในปัจจุบันสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็ร้ายแรงและบ่อนทำลายระบอบการปกครองรูปแบบประชาธิปไตยไม่ยิ่งหย่อนกว่าเดิม เมื่อคนในฝ่ายตุลาการบางส่วน พยายามจะพลักดันให้ประเทศนี้อยู่ภายใต้การปกครองรูปแบบ ตุลาการธิปไตย หรือระบบการปกครองภายใต้ฝ่ายตุลาการ เห็นได้จากการขยายขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ให้อยู่เหนือฝ่าย บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ จากการสอดไส้รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 216 วรรค 5 ที่ว่า
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ อีกทั้งยังผูกขาดมิให้แก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ด้วย มาตรา 68 ที่ว่า บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้
ทั้งสองมาตรานี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ฝ่ายตุลาการสอดไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อล็อคสเป็คให้ประเทศไทยเปลี่ยนมาอยู่ในระบอบการปกครองแบบ ตุลาการธิปไตย
ต่อไปนี้ ฝ่ายบริหาร(รัฐบาล) จะกระทำการใดๆของขอความเห็นชอบจากพวกตุลาการภิวัฒน์ก่อน ดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน การคิดพัฒนาประเทศด้วยการสร้างรถไฟความเร็วสูง ก็ถูกยันกลับมาจากศาลรัฐธรรมนูญว่า ไม่สอดคล้องกับทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง และยังเร็วไปที่จะทำเพราะเมืองไทยยังมีถนนลูกรังอยู่ ซึ่งหากทำกันลักษณะนี้ แปรว่าผู้มีอำนาจในการบริหารประเทศมิใช่รัฐบาล แต่เป็นคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือกลุ่มตุลาการภิวัฒน์ แล้วแบบนี้ จะมีคณะรัฐมนตรีไปทำไม?
ต่อไปนี้ ฝ่ายนิติบัญญัติ(รัฐสภา) จะออกกฎหมาย ตราพระราชกำหนดใดๆ ต้องขอความเห็นชอบจากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก่อน ทั้งพระราชกำหนดงบประมาณรายจ่าย พระราชกำหนดกฎหมายต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สมาชิกผู้แทนราษฎรอันเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือกลุ่มตุลาการภิวัฒน์ แล้วแบบนี้จะมีเลือกตั้ง มีผู้แทนไปทำไม?
ต่อไปนี้ ฝ่ายตุลาการยุติธรรม(ศาลยุติธรรม) มิสามารถใช้อำนาจหน้าที่ตามกระบวนการยุติธรรมได้ หากมีความเห็นจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เช่น กรณีการออกหมายจับแกนนำ กปปส.ของศาลอาญา ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเป็นการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพ โดยปราศจากอาวุธ อาศัยอำนาจในรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 216 วรรค 5 ที่ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ แล้วแบบนี้จะมีศาลยุติธรรมไปทำไม?
จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า อำนาจของกลุ่มตุลาการภิวัฒน์ กำลังแทรกแทรกและแปรเปลี่ยนระบอบการปกครองของประเทศไทยจากระบอบประชาธิปไตยไปเป็นระบอบตุลาการธิปไตยแล้ว เพราะอำนาจทุกอย่างขึ้นอยู่กับคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
คำถามคือ ประชาชนในประเทศนี้ ยอมให้เป็นแบบนั้นหรือ ยอมรับกับอำนาจตุลาการธิปไตยที่มาจากการปล้นอำนาจประชาธิปไตยของประชาชนเมื่อปี 2549 กระนั้นหรือ?
บ้านเมืองนี้ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งข้างเดียว แต่เป็นของประชาชนทั้งหมด หากกลุ่มคนไม่กี่กลุ่มอย่าง ตุลาการบางคน ทหารบางคณะ นักการเมืองบางกลุ่ม จะยึดเอาไปโดยอาศัยฝ่ายตุลาการ ซึ่งสังคมไทยให้การยอมรับในครั้งอดีตมากระทำการ ประชาชนทั้งหมด ยอมหรือ?
ใครจะว่ายังไงผมไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่า ตุลาการภิวัฒน์มันกลายเป็นตุลาการพิบัติที่จะบ่อนทำลายระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยของประเทศไทยแล้ว และผมก็จะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ไม่ และเป็นที่มาของการล่ารายชื่อประชาชนในการถอดถอนคณะ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยตัวผมเอง
ป.ล. ท่านใดที่มีเจตนาเข้าร่วมลงชื่อถอดถอน แต่ยังไม่ได้ส่งเอกสารมาให้ผม รบกวนสละเวลาอันมีค่าของท่าน มาร่วมทำประโยชน์ให้กับบ้านนี้เมืองนี้ ด้วยการกำจัดคณะบุคคลที่สร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองออกไปเถอะครับ ผมรอคอยเอกสารของท่านอยู่
กะทู้หลักเรื่องนี้
http://pantip.com/topic/31407153
หากใครสนใจจะร่วมลงชื่อยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกับผม สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่
http://www.upload-thai.com/download.php?id=da7561454e200deea9eb0ce6d0e0ba2b
แล้วกรอกรายละเอียดให้ครบ พร้อมเอกสารสำเนาบัตรประชาชน เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องให้ชัดเจน เขียนกำกับว่าเพื่อใช้ยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยก็ได้ครับ แล้วส่งมาถึง ถอดถอน บ้านเลขที่ 9/465 ม.2 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพ 10530
ตุลาการภิวัฒน์ มาสู่ตุลาการธิปไตย ภัยพิบัติของระบอบการปกครองประเทศไทย
อาชีพ ตุลาการ ถือว่ามีเกียรติ มีศักดิ์ศรีมาช้านาน ขนาดเรียกขานตำแหน่ง ยังมีคำว่าท่าน นำหน้า เช่น ท่านผู้พิพากษา แสดงให้เห็นว่าได้รับความเคารพยกย่องอย่างสูงในสังคมไทย คนในอาชีพนี้ มีพฤติกรรมเป็นที่ยอมรับของสังคมว่า ซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรม
แต่พฤติกรรมก่อนมาสู่ยุค ตุลาการภิวัฒน์ ชวนให้ประชาชนสงสัยไว้ เกียรติและศักดิ์ศรีของตุลาการนั้นมีจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงภาพมายาที่ต้องการให้สังคมยกย่องเท่านั้น เพราะทั้งๆที่ก็รู้ว่าอำนาจประชาธิปไตยเป็นของประชาชนทั้งชาติ แต่ฝ่ายตุลาการกลับเลือกที่จะปกป้องคนที่ปล้นอำนาจจากประชาชนอย่างคณะทหาร
และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ยุคสมัยของ ตุลาการภิวัฒน์ ที่เริ่มต้นมาจากการกระทำรัฐประหารของคณะ คมช. และได้การรับรองอำนาจจากฝ่ายตุลาการด้วยคำว่า “รัฏฐาธิปัตย์” เห็นได้จากกลุ่มคนในองค์กรตุลาการต่างกันออกมาพาเหลิดเข้ามามีส่วนร่วมกับการเขียนรัฐธรรมนูญ 2550 ให้คณะรัฐประหาร อีกทั้งแต่งตั้งองค์กรอิสระอย่าง ศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาพิทักษ์รัฐธรรมนูญของพวกที่ปล้นอำนาจประชาธิปไตยไปจากประชาชน ซึ่งการกระทำของฝ่ายทหารและตุลาการสอดคล้องกัน ราวกับนัดแนะกันไว้ก่อนล่วงหน้าที่จะมีรัฐประหาร
เกียรติและศักดิ์ศรีของท่านอยู่ที่ได้ ถึงได้กระทำการเยี่ยงโจรปล้นอำนาจประชาธิปไตยของประชาชน และคำกล่าวอ้างใดๆของเหตุผลในการรัฐประหารจากฝ่ายโจร(คนที่ปล้นอำนาจประชาชน) ย่อมฟังไม่ขึ้น เพราะตามวิถีแห่งประชาธิปไตยมีวิธีที่ใช้แก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว ถ้าทุกฝ่ายรู้จักยอมรับ
การทำลายประชาธิปไตยของคนทั้งชาติลงแล้วเขียนขึ้นใหม่ด้วยมือพรรคพวกตัวเอง นั้นหรือคือ ประชาธิปไตย?
แต่เหตุนั้นก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปเอ่ยถึง
เพราะในปัจจุบันสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นก็ร้ายแรงและบ่อนทำลายระบอบการปกครองรูปแบบประชาธิปไตยไม่ยิ่งหย่อนกว่าเดิม เมื่อคนในฝ่ายตุลาการบางส่วน พยายามจะพลักดันให้ประเทศนี้อยู่ภายใต้การปกครองรูปแบบ ตุลาการธิปไตย หรือระบบการปกครองภายใต้ฝ่ายตุลาการ เห็นได้จากการขยายขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ให้อยู่เหนือฝ่าย บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ จากการสอดไส้รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 216 วรรค 5 ที่ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ อีกทั้งยังผูกขาดมิให้แก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ด้วย มาตรา 68 ที่ว่า บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้
ทั้งสองมาตรานี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ฝ่ายตุลาการสอดไว้ในรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อล็อคสเป็คให้ประเทศไทยเปลี่ยนมาอยู่ในระบอบการปกครองแบบ ตุลาการธิปไตย
ต่อไปนี้ ฝ่ายบริหาร(รัฐบาล) จะกระทำการใดๆของขอความเห็นชอบจากพวกตุลาการภิวัฒน์ก่อน ดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน การคิดพัฒนาประเทศด้วยการสร้างรถไฟความเร็วสูง ก็ถูกยันกลับมาจากศาลรัฐธรรมนูญว่า ไม่สอดคล้องกับทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง และยังเร็วไปที่จะทำเพราะเมืองไทยยังมีถนนลูกรังอยู่ ซึ่งหากทำกันลักษณะนี้ แปรว่าผู้มีอำนาจในการบริหารประเทศมิใช่รัฐบาล แต่เป็นคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือกลุ่มตุลาการภิวัฒน์ แล้วแบบนี้ จะมีคณะรัฐมนตรีไปทำไม?
ต่อไปนี้ ฝ่ายนิติบัญญัติ(รัฐสภา) จะออกกฎหมาย ตราพระราชกำหนดใดๆ ต้องขอความเห็นชอบจากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก่อน ทั้งพระราชกำหนดงบประมาณรายจ่าย พระราชกำหนดกฎหมายต่างๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สมาชิกผู้แทนราษฎรอันเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือกลุ่มตุลาการภิวัฒน์ แล้วแบบนี้จะมีเลือกตั้ง มีผู้แทนไปทำไม?
ต่อไปนี้ ฝ่ายตุลาการยุติธรรม(ศาลยุติธรรม) มิสามารถใช้อำนาจหน้าที่ตามกระบวนการยุติธรรมได้ หากมีความเห็นจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เช่น กรณีการออกหมายจับแกนนำ กปปส.ของศาลอาญา ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเป็นการแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพ โดยปราศจากอาวุธ อาศัยอำนาจในรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 216 วรรค 5 ที่ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ แล้วแบบนี้จะมีศาลยุติธรรมไปทำไม?
จากที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า อำนาจของกลุ่มตุลาการภิวัฒน์ กำลังแทรกแทรกและแปรเปลี่ยนระบอบการปกครองของประเทศไทยจากระบอบประชาธิปไตยไปเป็นระบอบตุลาการธิปไตยแล้ว เพราะอำนาจทุกอย่างขึ้นอยู่กับคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
คำถามคือ ประชาชนในประเทศนี้ ยอมให้เป็นแบบนั้นหรือ ยอมรับกับอำนาจตุลาการธิปไตยที่มาจากการปล้นอำนาจประชาธิปไตยของประชาชนเมื่อปี 2549 กระนั้นหรือ?
บ้านเมืองนี้ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งข้างเดียว แต่เป็นของประชาชนทั้งหมด หากกลุ่มคนไม่กี่กลุ่มอย่าง ตุลาการบางคน ทหารบางคณะ นักการเมืองบางกลุ่ม จะยึดเอาไปโดยอาศัยฝ่ายตุลาการ ซึ่งสังคมไทยให้การยอมรับในครั้งอดีตมากระทำการ ประชาชนทั้งหมด ยอมหรือ?
ใครจะว่ายังไงผมไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่า ตุลาการภิวัฒน์มันกลายเป็นตุลาการพิบัติที่จะบ่อนทำลายระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยของประเทศไทยแล้ว และผมก็จะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ไม่ และเป็นที่มาของการล่ารายชื่อประชาชนในการถอดถอนคณะ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยตัวผมเอง
ป.ล. ท่านใดที่มีเจตนาเข้าร่วมลงชื่อถอดถอน แต่ยังไม่ได้ส่งเอกสารมาให้ผม รบกวนสละเวลาอันมีค่าของท่าน มาร่วมทำประโยชน์ให้กับบ้านนี้เมืองนี้ ด้วยการกำจัดคณะบุคคลที่สร้างปัญหาให้กับบ้านเมืองออกไปเถอะครับ ผมรอคอยเอกสารของท่านอยู่
กะทู้หลักเรื่องนี้ http://pantip.com/topic/31407153
หากใครสนใจจะร่วมลงชื่อยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญกับผม สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่
http://www.upload-thai.com/download.php?id=da7561454e200deea9eb0ce6d0e0ba2b
แล้วกรอกรายละเอียดให้ครบ พร้อมเอกสารสำเนาบัตรประชาชน เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องให้ชัดเจน เขียนกำกับว่าเพื่อใช้ยื่นถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยก็ได้ครับ แล้วส่งมาถึง ถอดถอน บ้านเลขที่ 9/465 ม.2 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพ 10530