อาทิตย์อับแสง (บทที่ 3)
กว่างานของวันจะเสร็จ และเขาได้กลับมาถึงตึกคอนโดที่พักก็เกือบสองทุ่ม งานในธุรกิจการเงินเช่นนี้ ไม่ได้มีแค่นั่งในออฟฟิศอย่างเดียว หากหมายถึงการออกไปพบปะกับลูกค้าในแต่ละวัน
บางวันสองสามราย
บางวันสี่ราย
แต่บางวันก็อยู่เคลียร์งานในออฟฟิศ
ลูกค้าของเขาถือว่าเป็นลูกค้าชั้นดี มีฐานะที่บ่งบอกโดยยอดเงินฝาก และเงินลงทุนในบัญชีไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้านบาท บางรายก็หลักร้อยล้าน และก็มีอีกหยิบมือที่ถึงพันล้าน ลูกค้าส่วนใหญ่ก็มีเงินฝาก เงินลงทุน หรือไม่ก็เงินกู้ ที่เกิดเป็นรายได้ให้กับธนาคารและให้กับเขาเองในหลากผลิตภัณฑ์อื่น
ภูเก็ตเห็นคุณค่าไม่เพียงแต่ของเงิน หากแต่ของลูกค้าเหล่านั้น
เงิน...ที่อยู่กับเขาหมายถึงรายได้ เงินที่ไม่หยุดนิ่ง เงินที่วิ่งวนลงทุนภายใต้การดูแล การบริหารของเขา หมายถึงรายได้อันงดงามของเขาในฐานะคนดูแลบัญชีและผู้ให้คำปรึกษา
เงินที่เข้ามาก็หมายถึง วัตถุที่เอื้ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตของเขา
ภูเก็ตถอดเสื้อเชิ้ตเนื้อดี ยี่ห้อดังจากอิตาลี่ โยนมันลงตระกร้าซัก ก่อนจะเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา
น้ำที่กระเซ็นเป็นหยดหยาด แตะเบาๆ บนนาฬิกา ปาเท๊ะ ฟิลลิปส์ เรือนงามที่จับวาววับภายใต้แสงไฟอ่อนๆ ในห้องน้ำกว้าง มือของเขาคว้าผ้าขนหนูสีขาวนุ่มซับหน้า ก่อนจะแตะมันบนนาฬิกาคู่ใจ ซับไม่ให้เหลือร่องรอยของหยดน้ำ แล้วออกมาด้านนอก ที่ตู้เสื้อผ้าใหญ่ เลือกหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวยี่ห้อดังที่ดูไม่เป็นทางการนักมาสวม
เมื่อจัดแจงตัวเองเรียบร้อย ภูเก็ตจึงลงมายังร้านอาหารกึ่งคลับที่อยู่ข้างล่างของตึก เขามาตรงเวลานัดพอดี หากเมื่อเวลาล่วงเลยไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าลูกค้าของเขาจะโผล่มา และแม้เป็นเช่นนั้น แต่ใบหน้าคมคายก็ไม่มีทีท่าว่าไม่พอใจ เขายังคงยิ้มและคุยกับลูกค้าอีกคนที่นั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์ได้อย่างสนุกถูกคอ ถึงขนาดแลกนามบัตรกัน นี่เป็นอีกสิ่งที่ภูเก็ตถนัด…การเข้าหาคน การคุยกับคน
เป็นผู้ฟังที่ดี และพูดในสิ่งที่ต้องการจะสื่อได้
ภูเก็ตยังนั่งต่อที่เคาน์เตอร์บาร์ แม้ว่าคู่สนทนาของเขาขอตัวกลับไปแล้ว เขามองไปรอบๆ สังเกตสิ่งรอบตัว
สังเกตเห็นกระทั่งว่า พนักงานในร้านพากันกระซิบกระซาบในการปรากฏตัวของหญิงสาวผมยาวสลวยร่างระหงในชุดเดรสสีดำปลอ่ยยามมาถึงเข่า ที่มากับผู้ชายร่างใหญ่ทีท่าอรชรอ้อนแอ้น ที่ใครๆ พอจะดูออกว่าเป็นกระเทย
“นั่นเกษรา…นางเอกดัง” เสียงกระซิบที่เขาบังเอิญได้ยิน “สงสัยมากับผู้จัดการส่วนตัว ไม่รู้ว่ามารอใครหรือเปล่า”
“เห็นว่าเกษราซื้อห้องพักบนตึกนี้” พนักงานที่เขาสนิทด้วยเข้ามากระซิบบอก “ลือกันว่าเสี่ยใหญ่ซื้อให้ไว้เป็นรังรัก…สงสัยมารอเสี่ย”
หากคนฟังได้แต่รับฟังเฉยๆ ไม่มีท่าทีสนใจ คนสองคนที่นั่งอยู่ไกลอีกฟากของร้าน
และเมื่อเห็นว่ามีผู้หญิงผิวขาวจัดรูปร่างค่อนข้างท้วมวัยเลยกลางคนในเครื่องเพชรแพรวพราวเดินเข้ามา ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นทันทีเพื่อเดินไปรับ
การทักทายอย่างดีอกดีใจของผู้หญิงคนนี้ย่อมเป็นเป้าสายตาของหลายคนที่นั่งอยู่ในร้าน
“ผมจองโต๊ะไว้แล้วครับ” ภูเก็ตบอกผายมือเพื่อเป็นการเชิญ
“ฉันไม่ชอบบรรยากาศที่นี่เลย เราไปที่อื่นดีกว่า”
“ครับ” การรับคำนั้นไม่มีข้อโต้แย้ง
กับลูกค้า…ภูเก็ตมักไม่ค่อยแย้ง ถ้ามันจะทำให้ลูกค้าเอง หรือธนาคารของเขาเสียผลประโยชน์
การเดินออกไปของคนทั้งสองนั่นโดยมีผู้หญิงวัยกลางคนวางมือบนแขนของผู้ชายร่างรูปงามที่มีอายุน้อยกว่าเป็นสิบๆ ปี ย่อมเป็นเป้าสายตาของคนอื่นๆ แม้แต่ดาราสาวที่กำลังคุยกับผู้ที่อยู่ปลายสายของโทรศัพท์มือถือ และเมื่อวางสายแล้วเธอจึงหันไปบอกกับคนที่นั่งร่วมโต๊ะที่เพิ่งวางสายของตนเองไปก่อนหน้าไม่ถึงนาที
“ลูกชายเจ้าของโรงงานผลิตแอร์เขาจีบฉัน” เกษรายักไหล่มองผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัว “หน้าตายังกะจิ้งเหลนคลอดลูก นิสัยก็แย่…ทำไมชีวิตฉันมีแต่คนพรรค์นี้นะ”
ประโยคหลังทอดถอนตามอารมณ์ แต่ไม่ได้มีวี่แววท้อใจอย่างที่ควรเป็น
“ผู้ชายมักมาหาเราพร้อมๆ กับความสวยและชื่อเสียง” พีทซี่หัวเราะก่อนที่จะบอก “นี่มีทั้งเจ้าสัวนายธนาคาร ตำรวจ และก็นักการเมืองใหญ่ที่ต้องการคุยกับเธอ”
คำว่า ‘คุย’ นั้นเน้นชัด โดยทั้งคู่ย่อมรู้ว่าหมายถึงอะไร และจบเช่นไร
“เธอก็รู้อยู่แล้วว่าคำตอบของฉันคืออะไร” หญิงสาวเสียงแข็ง แต่ไม่กระด้าง ยกเครื่องดื่มผสมสีสวยขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว
“เธอจะปฏิเสธไปได้นานแค่ไหนกัน ยังดีที่พวกเศรษฐี ตำรวจและนักการเมืองพวกนี้ต่างคานอำนาจกันอยู่ ไม่งั้นคงเปิดสงครามเพื่อแย่งเธอแน่นอน”
“ฉันไม่ยุ่งกับผู้ชายที่มีเจ้าของ…ฉันไม่อยากทำให้ผู้หญิงอีกคนต้องเจ็บเหมือนฉัน” ดวงหน้าหวานพร้อมนันย์ตาเรียวโตที่ปนเศร้าหันไปทางเพื่อน
“นายธนาคารคนนั้นเป็นพ่อม่าย เสียอย่างเดียว ลูกติดตั้งสามคน”
“ฉันจะไม่เอาตัวเข้าแลกกับคนที่ฉันไม่ได้รัก” นี่ไม่ใช่ข้ออ้าง มันคือความจริง
“เพราะเธอมั่นใจในความสวยและความดังของตนเอง”
“ตอนนี้ฉันดัง มีชื่อเสียงมีเงิน ฉันจะเลือกผู้ชายคนไหนก็ย่อมได้”
“เธอคิดได้อย่างนั้นก็ดี อย่ากลับไปเลือกธัชชาติ…คนที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดก็แล้วกัน”
“ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่” ประโยคที่บอกอย่างชัดเจนเปี่ยมด้วยความมั่นใจ หากคนพูดย่อมรู้
ลึกๆ เธอไม่มั่นใจเอาเสียเลย
แสงไฟที่ส่องอยู่นอกหน้าต่างบานใหญ่มีให้เห็นเพียงบางตาในช่วงเวลาตีหนึ่งกว่า ร่างระหงที่ยืนคว้างกลางห้องชุดใหญ่ สว่างด้วยไฟเพียงดวงเดียวที่เปิดตรงประตูทางเข้า หายใจยาวก่อนที่จะก้าวไปยังประตูระเบียบบานเลื่อนใหญ่ในบริเวณห้องรับแขกแล้วเปิดมันออก เพื่อรับลมจากข้างนอกที่โชยเข้ามา
เกษราก้าวออกมายังระเบียงด้านนอก
“บรรยากาศดี…” เสียงนั่นเป็นเพียงเสียงเดียวท่ามกลางความมืดและความเงียบสงบของห้องชุดบนตึกสูง
จนกระทั่งอีกเกือบสิบนาทีต่อมา ร่างอรชรของหญิงสาวจึงขยับตัวเพื่อกดหมายเลขในโทรศัพท์มือถือ
“พีทซี่…ห้องที่นี่ถูกจัดไว้ค่อยข้างดี เราเพียงแค่ตกแต่งบางส่วน แล้วเปลี่ยนชุดเฟอร์นิเจอร์ ชุดที่นอนใหม่ก็พออยู่ได้ ยังไม่ต้องขนของเข้ามาเยอะ” เกษราบอกคนที่อยู่ปลายสาย “รอให้คุยกับคนที่เช่าห้องข้างๆ แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยทำห้องใหม่ไปเลยทีเดียว แต่เธอต้องช่วยฉันคุยกับเขานะล่ะ เพราะถ้าเขารู้ว่าเป็นฉัน เขาก็คงโขกราคา”
“ไม่มีปัญหา…แหม…พีทซี่ซะอย่าง ว่าแต่พรุ่งนี้เธอมีถ่ายแบบ กว่าจะเสร็จก็บ่าย หลังจากนั้นเราค่อยๆ ดูขนของบางอย่างที่จำเป็นมาก่อนดีไหม แล้วก็ดูเฟอร์นิเจอร์ใหม่ด้วย”
การบอกของเพื่อนทำให้เกษราหัวเราะ “ไม่ต้องเร่งให้ฉันย้ายออกจากบ้านของเรานักก็ได้ รู้น่าว่าเธอรำคาญ”
“เปล่า” การลากเสียงปฏิเสธนั้นยาวเหยืยด วัดระยะทางไม่ได้ “แหม…ถ้าขืนชักช้ามันก็จะช้าเข้าไปใหญ่ เธอก็ขนแค่เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวหลักๆ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร เราจัดๆ ให้เขามาขนทีเดียววันเดียวก็เสร็จ แล้วเราก็เอาเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้ามา”
“งั้นวันมะรืนเธอให้คนมาจัดการนะ อาทิตย์หน้าฉันจะย้ายเข้า”
“ไม่ดูฤกษ์ก่อนเหรอ”
“ดูแล้ว”
“ตายจริง!” เสียงสูงปรี๊ดบ่งบอกถึงความประหลาดใจ “แล้วก็ไม่บอกฉันเลยนะยะ นี่เธอไปดูเมื่อไหร่ กับหมอดูคนไหน”
“เมื่อครู่นี้เอง”
“ฉันเพิ่งแยกจากเธอเมื่อชั่วโมงนี้ที่แล้ว เธอไปให้ใครดูให้ ทำไมเร็วจัง”
“ดูเอง…สะดวกเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น นี่แหละฤกษ์ดีที่สุด” หญิงสาวบอกกลั้วหัวเราะ “แหม…ถ้าเป็นไปได้ อยากจะค้างที่นี่ซะเลย แต่นี่…เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วล่ะ เธอเข้านอนไปก่อนเลย ไม่ต้องรอ บอกให้พี่ยามเตรียมเป็ดประตูให้ฉันด้วยก็แล้วกัน”
และเมื่อวางสายจากเพื่อนแล้ว เกษราจึงลุกขึ้นเปิดไฟในห้องให้สว่างทั่วอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินสำรวจไปตามห้องต่างๆ อีกที
ห้องพักนี้เป็นห้องใหญ่ด้วยเนื้อที่กว่าสองร้อยตารางเมตร ประกอบด้วยสามห้องนอน และห้องพักคนรับใช้ รวมทั้งบริเวณห้องรับแขก และบริเวณโต๊ะทานข้าว
นี่ถ้าเธอได้ห้องข้างๆ เข้ามารวมด้วย เนื้อที่ห้องก็จะถึงสามร้อยห้าสิบตารางเมตรเลยทีเดียว เห็นวิวของตึกทั้งสามด้าน แทนที่จะเพียงสองด้านดังเช่นปัจจุบัน
และถ้าตกแต่งดีๆ ให้เป็นสัดส่วน บางทีในบางครั้งเธออาจจะพา…
หญิงสาวต้องถอนหายใจอีกครั้งเมื่อความคิดแล่นมาถึงจุดนี้ นัยน์ตาหวานใสพราวระยิบคู่นั้นมีแววเศร้าโดยที่เจ้าตัวไม่พยายามปิดบัง หัวใจของเธอรู้สึกเหมือนว่าโดนกดหนักๆ ด้วยความรู้สึกทั้งปวง
ในเวลานี้…เธออยู่ลำพังเพียงคนเดียว
ไม่มีละครฉากไหนที่ต้องแสดง
ไม่มีกล้องฉายแฟรซวาววูบที่ต้องยิ้มใส่
มีเพียงตัวเอง และความคิด ที่เกษราปล่อยล่องลอยไป
อีกครู่ใหญ่ กว่าแสงไฟภายในห้องพักทุกดวงจะถูกดับ ก่อนที่ร่างเปรียวของนางเอกชื่อดังจะปิดประตูบานใหญ่ของห้อง แล้วเดินมายังบริเวณโถงรอลิฟท์ของชั้น
ส่วนที่เป็นคอนโดของตึกสูงนี้มีลิฟท์โดยสารความเร็วสูงสี่ตัวเพื่อรองรับผู้พักอาศัยที่อยู่สิบสองชั้นบนสุด ดังนั้น การรอจึงไม่ได้นานนัก เพราะเพียงไม่ถึงสองนาที สัญญาณไฟของลิฟท์โดยสารตัวหนึ่งก็กระพริบ
เกษราสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ รอหลบอยู่ข้างๆ ของทางเข้าออกลิฟท์ เผื่อว่าจะมีผู้โดยสารที่อยู่ข้างในต้องการออกมา และเมื่อไม่เห็นมีร่างของผู้ใดเตรียมออกมาเมื่อประตูลิฟท์เปิด เธอจึงก้าวเข้าไป หากพลัน ร่างสูงของผู้ชายที่อยู่ข้างในก็โซเซก้าวออก แล้วชนเธอเข้าอย่างจัง
รองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่นั้น ก็ไม่เป็นใจเอาเสียเลย เพราะการชนอย่างจัง กอปรกับลักษณะของรองเท้านั้นเกือบทำให้เธอเสียหลัก ยังดีที่หญิงสาวคว้าขอบผนังกำแพงได้ทัน ไม่เช่นนั้นคงล้มไปกองอยู่บนพื้นแล้วเป็นแน่
“นี่! ไอ้บ้า!” เสียงลั่นร้องด่าไล่หลัง
กลิ่นเหล้าที่โชยมาติดจมูกทำให้เกษราแหยหน้าด้วยความรังเกียจ แม้ผู้ชายคนนั้นจะเดินห่างออกไปแล้วก็ตาม
“ขอ…ขอโทษ” คนที่ก้มหน้าเดินโซเซยังคงพอมีสติพรึมพรำบอก แล้วถามโดยไม่หันกลับมามอง “ไม่เป็นไรนะ”
เขาไม่รอฟังคำตอบ ร่างสูงเดินโซซัดโซเซเซทรงตัวไม่ค่อยอยู่ แต่ค่อยๆ หายไปในทางเดิน โดยคนที่อยู่ในลิฟท์ยังคงบริภาษไล่หลังมา ก่อนเสียงจะเงียบไปพร้อมประตูลิฟท์ที่ปิดลง
(ต่อ)
อาทิตย์อับแสง (บทที่ 3) โดย มานัส
กว่างานของวันจะเสร็จ และเขาได้กลับมาถึงตึกคอนโดที่พักก็เกือบสองทุ่ม งานในธุรกิจการเงินเช่นนี้ ไม่ได้มีแค่นั่งในออฟฟิศอย่างเดียว หากหมายถึงการออกไปพบปะกับลูกค้าในแต่ละวัน
บางวันสองสามราย
บางวันสี่ราย
แต่บางวันก็อยู่เคลียร์งานในออฟฟิศ
ลูกค้าของเขาถือว่าเป็นลูกค้าชั้นดี มีฐานะที่บ่งบอกโดยยอดเงินฝาก และเงินลงทุนในบัญชีไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้านบาท บางรายก็หลักร้อยล้าน และก็มีอีกหยิบมือที่ถึงพันล้าน ลูกค้าส่วนใหญ่ก็มีเงินฝาก เงินลงทุน หรือไม่ก็เงินกู้ ที่เกิดเป็นรายได้ให้กับธนาคารและให้กับเขาเองในหลากผลิตภัณฑ์อื่น
ภูเก็ตเห็นคุณค่าไม่เพียงแต่ของเงิน หากแต่ของลูกค้าเหล่านั้น
เงิน...ที่อยู่กับเขาหมายถึงรายได้ เงินที่ไม่หยุดนิ่ง เงินที่วิ่งวนลงทุนภายใต้การดูแล การบริหารของเขา หมายถึงรายได้อันงดงามของเขาในฐานะคนดูแลบัญชีและผู้ให้คำปรึกษา
เงินที่เข้ามาก็หมายถึง วัตถุที่เอื้ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตของเขา
ภูเก็ตถอดเสื้อเชิ้ตเนื้อดี ยี่ห้อดังจากอิตาลี่ โยนมันลงตระกร้าซัก ก่อนจะเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา
น้ำที่กระเซ็นเป็นหยดหยาด แตะเบาๆ บนนาฬิกา ปาเท๊ะ ฟิลลิปส์ เรือนงามที่จับวาววับภายใต้แสงไฟอ่อนๆ ในห้องน้ำกว้าง มือของเขาคว้าผ้าขนหนูสีขาวนุ่มซับหน้า ก่อนจะแตะมันบนนาฬิกาคู่ใจ ซับไม่ให้เหลือร่องรอยของหยดน้ำ แล้วออกมาด้านนอก ที่ตู้เสื้อผ้าใหญ่ เลือกหยิบเสื้อเชิ้ตแขนยาวยี่ห้อดังที่ดูไม่เป็นทางการนักมาสวม
เมื่อจัดแจงตัวเองเรียบร้อย ภูเก็ตจึงลงมายังร้านอาหารกึ่งคลับที่อยู่ข้างล่างของตึก เขามาตรงเวลานัดพอดี หากเมื่อเวลาล่วงเลยไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าลูกค้าของเขาจะโผล่มา และแม้เป็นเช่นนั้น แต่ใบหน้าคมคายก็ไม่มีทีท่าว่าไม่พอใจ เขายังคงยิ้มและคุยกับลูกค้าอีกคนที่นั่งตรงเคาน์เตอร์บาร์ได้อย่างสนุกถูกคอ ถึงขนาดแลกนามบัตรกัน นี่เป็นอีกสิ่งที่ภูเก็ตถนัด…การเข้าหาคน การคุยกับคน
เป็นผู้ฟังที่ดี และพูดในสิ่งที่ต้องการจะสื่อได้
ภูเก็ตยังนั่งต่อที่เคาน์เตอร์บาร์ แม้ว่าคู่สนทนาของเขาขอตัวกลับไปแล้ว เขามองไปรอบๆ สังเกตสิ่งรอบตัว
สังเกตเห็นกระทั่งว่า พนักงานในร้านพากันกระซิบกระซาบในการปรากฏตัวของหญิงสาวผมยาวสลวยร่างระหงในชุดเดรสสีดำปลอ่ยยามมาถึงเข่า ที่มากับผู้ชายร่างใหญ่ทีท่าอรชรอ้อนแอ้น ที่ใครๆ พอจะดูออกว่าเป็นกระเทย
“นั่นเกษรา…นางเอกดัง” เสียงกระซิบที่เขาบังเอิญได้ยิน “สงสัยมากับผู้จัดการส่วนตัว ไม่รู้ว่ามารอใครหรือเปล่า”
“เห็นว่าเกษราซื้อห้องพักบนตึกนี้” พนักงานที่เขาสนิทด้วยเข้ามากระซิบบอก “ลือกันว่าเสี่ยใหญ่ซื้อให้ไว้เป็นรังรัก…สงสัยมารอเสี่ย”
หากคนฟังได้แต่รับฟังเฉยๆ ไม่มีท่าทีสนใจ คนสองคนที่นั่งอยู่ไกลอีกฟากของร้าน
และเมื่อเห็นว่ามีผู้หญิงผิวขาวจัดรูปร่างค่อนข้างท้วมวัยเลยกลางคนในเครื่องเพชรแพรวพราวเดินเข้ามา ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นทันทีเพื่อเดินไปรับ
การทักทายอย่างดีอกดีใจของผู้หญิงคนนี้ย่อมเป็นเป้าสายตาของหลายคนที่นั่งอยู่ในร้าน
“ผมจองโต๊ะไว้แล้วครับ” ภูเก็ตบอกผายมือเพื่อเป็นการเชิญ
“ฉันไม่ชอบบรรยากาศที่นี่เลย เราไปที่อื่นดีกว่า”
“ครับ” การรับคำนั้นไม่มีข้อโต้แย้ง
กับลูกค้า…ภูเก็ตมักไม่ค่อยแย้ง ถ้ามันจะทำให้ลูกค้าเอง หรือธนาคารของเขาเสียผลประโยชน์
การเดินออกไปของคนทั้งสองนั่นโดยมีผู้หญิงวัยกลางคนวางมือบนแขนของผู้ชายร่างรูปงามที่มีอายุน้อยกว่าเป็นสิบๆ ปี ย่อมเป็นเป้าสายตาของคนอื่นๆ แม้แต่ดาราสาวที่กำลังคุยกับผู้ที่อยู่ปลายสายของโทรศัพท์มือถือ และเมื่อวางสายแล้วเธอจึงหันไปบอกกับคนที่นั่งร่วมโต๊ะที่เพิ่งวางสายของตนเองไปก่อนหน้าไม่ถึงนาที
“ลูกชายเจ้าของโรงงานผลิตแอร์เขาจีบฉัน” เกษรายักไหล่มองผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัว “หน้าตายังกะจิ้งเหลนคลอดลูก นิสัยก็แย่…ทำไมชีวิตฉันมีแต่คนพรรค์นี้นะ”
ประโยคหลังทอดถอนตามอารมณ์ แต่ไม่ได้มีวี่แววท้อใจอย่างที่ควรเป็น
“ผู้ชายมักมาหาเราพร้อมๆ กับความสวยและชื่อเสียง” พีทซี่หัวเราะก่อนที่จะบอก “นี่มีทั้งเจ้าสัวนายธนาคาร ตำรวจ และก็นักการเมืองใหญ่ที่ต้องการคุยกับเธอ”
คำว่า ‘คุย’ นั้นเน้นชัด โดยทั้งคู่ย่อมรู้ว่าหมายถึงอะไร และจบเช่นไร
“เธอก็รู้อยู่แล้วว่าคำตอบของฉันคืออะไร” หญิงสาวเสียงแข็ง แต่ไม่กระด้าง ยกเครื่องดื่มผสมสีสวยขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว
“เธอจะปฏิเสธไปได้นานแค่ไหนกัน ยังดีที่พวกเศรษฐี ตำรวจและนักการเมืองพวกนี้ต่างคานอำนาจกันอยู่ ไม่งั้นคงเปิดสงครามเพื่อแย่งเธอแน่นอน”
“ฉันไม่ยุ่งกับผู้ชายที่มีเจ้าของ…ฉันไม่อยากทำให้ผู้หญิงอีกคนต้องเจ็บเหมือนฉัน” ดวงหน้าหวานพร้อมนันย์ตาเรียวโตที่ปนเศร้าหันไปทางเพื่อน
“นายธนาคารคนนั้นเป็นพ่อม่าย เสียอย่างเดียว ลูกติดตั้งสามคน”
“ฉันจะไม่เอาตัวเข้าแลกกับคนที่ฉันไม่ได้รัก” นี่ไม่ใช่ข้ออ้าง มันคือความจริง
“เพราะเธอมั่นใจในความสวยและความดังของตนเอง”
“ตอนนี้ฉันดัง มีชื่อเสียงมีเงิน ฉันจะเลือกผู้ชายคนไหนก็ย่อมได้”
“เธอคิดได้อย่างนั้นก็ดี อย่ากลับไปเลือกธัชชาติ…คนที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดก็แล้วกัน”
“ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่” ประโยคที่บอกอย่างชัดเจนเปี่ยมด้วยความมั่นใจ หากคนพูดย่อมรู้
ลึกๆ เธอไม่มั่นใจเอาเสียเลย
แสงไฟที่ส่องอยู่นอกหน้าต่างบานใหญ่มีให้เห็นเพียงบางตาในช่วงเวลาตีหนึ่งกว่า ร่างระหงที่ยืนคว้างกลางห้องชุดใหญ่ สว่างด้วยไฟเพียงดวงเดียวที่เปิดตรงประตูทางเข้า หายใจยาวก่อนที่จะก้าวไปยังประตูระเบียบบานเลื่อนใหญ่ในบริเวณห้องรับแขกแล้วเปิดมันออก เพื่อรับลมจากข้างนอกที่โชยเข้ามา
เกษราก้าวออกมายังระเบียงด้านนอก
“บรรยากาศดี…” เสียงนั่นเป็นเพียงเสียงเดียวท่ามกลางความมืดและความเงียบสงบของห้องชุดบนตึกสูง
จนกระทั่งอีกเกือบสิบนาทีต่อมา ร่างอรชรของหญิงสาวจึงขยับตัวเพื่อกดหมายเลขในโทรศัพท์มือถือ
“พีทซี่…ห้องที่นี่ถูกจัดไว้ค่อยข้างดี เราเพียงแค่ตกแต่งบางส่วน แล้วเปลี่ยนชุดเฟอร์นิเจอร์ ชุดที่นอนใหม่ก็พออยู่ได้ ยังไม่ต้องขนของเข้ามาเยอะ” เกษราบอกคนที่อยู่ปลายสาย “รอให้คุยกับคนที่เช่าห้องข้างๆ แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยทำห้องใหม่ไปเลยทีเดียว แต่เธอต้องช่วยฉันคุยกับเขานะล่ะ เพราะถ้าเขารู้ว่าเป็นฉัน เขาก็คงโขกราคา”
“ไม่มีปัญหา…แหม…พีทซี่ซะอย่าง ว่าแต่พรุ่งนี้เธอมีถ่ายแบบ กว่าจะเสร็จก็บ่าย หลังจากนั้นเราค่อยๆ ดูขนของบางอย่างที่จำเป็นมาก่อนดีไหม แล้วก็ดูเฟอร์นิเจอร์ใหม่ด้วย”
การบอกของเพื่อนทำให้เกษราหัวเราะ “ไม่ต้องเร่งให้ฉันย้ายออกจากบ้านของเรานักก็ได้ รู้น่าว่าเธอรำคาญ”
“เปล่า” การลากเสียงปฏิเสธนั้นยาวเหยืยด วัดระยะทางไม่ได้ “แหม…ถ้าขืนชักช้ามันก็จะช้าเข้าไปใหญ่ เธอก็ขนแค่เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวหลักๆ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร เราจัดๆ ให้เขามาขนทีเดียววันเดียวก็เสร็จ แล้วเราก็เอาเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้ามา”
“งั้นวันมะรืนเธอให้คนมาจัดการนะ อาทิตย์หน้าฉันจะย้ายเข้า”
“ไม่ดูฤกษ์ก่อนเหรอ”
“ดูแล้ว”
“ตายจริง!” เสียงสูงปรี๊ดบ่งบอกถึงความประหลาดใจ “แล้วก็ไม่บอกฉันเลยนะยะ นี่เธอไปดูเมื่อไหร่ กับหมอดูคนไหน”
“เมื่อครู่นี้เอง”
“ฉันเพิ่งแยกจากเธอเมื่อชั่วโมงนี้ที่แล้ว เธอไปให้ใครดูให้ ทำไมเร็วจัง”
“ดูเอง…สะดวกเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น นี่แหละฤกษ์ดีที่สุด” หญิงสาวบอกกลั้วหัวเราะ “แหม…ถ้าเป็นไปได้ อยากจะค้างที่นี่ซะเลย แต่นี่…เดี๋ยวฉันจะกลับแล้วล่ะ เธอเข้านอนไปก่อนเลย ไม่ต้องรอ บอกให้พี่ยามเตรียมเป็ดประตูให้ฉันด้วยก็แล้วกัน”
และเมื่อวางสายจากเพื่อนแล้ว เกษราจึงลุกขึ้นเปิดไฟในห้องให้สว่างทั่วอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินสำรวจไปตามห้องต่างๆ อีกที
ห้องพักนี้เป็นห้องใหญ่ด้วยเนื้อที่กว่าสองร้อยตารางเมตร ประกอบด้วยสามห้องนอน และห้องพักคนรับใช้ รวมทั้งบริเวณห้องรับแขก และบริเวณโต๊ะทานข้าว
นี่ถ้าเธอได้ห้องข้างๆ เข้ามารวมด้วย เนื้อที่ห้องก็จะถึงสามร้อยห้าสิบตารางเมตรเลยทีเดียว เห็นวิวของตึกทั้งสามด้าน แทนที่จะเพียงสองด้านดังเช่นปัจจุบัน
และถ้าตกแต่งดีๆ ให้เป็นสัดส่วน บางทีในบางครั้งเธออาจจะพา…
หญิงสาวต้องถอนหายใจอีกครั้งเมื่อความคิดแล่นมาถึงจุดนี้ นัยน์ตาหวานใสพราวระยิบคู่นั้นมีแววเศร้าโดยที่เจ้าตัวไม่พยายามปิดบัง หัวใจของเธอรู้สึกเหมือนว่าโดนกดหนักๆ ด้วยความรู้สึกทั้งปวง
ในเวลานี้…เธออยู่ลำพังเพียงคนเดียว
ไม่มีละครฉากไหนที่ต้องแสดง
ไม่มีกล้องฉายแฟรซวาววูบที่ต้องยิ้มใส่
มีเพียงตัวเอง และความคิด ที่เกษราปล่อยล่องลอยไป
อีกครู่ใหญ่ กว่าแสงไฟภายในห้องพักทุกดวงจะถูกดับ ก่อนที่ร่างเปรียวของนางเอกชื่อดังจะปิดประตูบานใหญ่ของห้อง แล้วเดินมายังบริเวณโถงรอลิฟท์ของชั้น
ส่วนที่เป็นคอนโดของตึกสูงนี้มีลิฟท์โดยสารความเร็วสูงสี่ตัวเพื่อรองรับผู้พักอาศัยที่อยู่สิบสองชั้นบนสุด ดังนั้น การรอจึงไม่ได้นานนัก เพราะเพียงไม่ถึงสองนาที สัญญาณไฟของลิฟท์โดยสารตัวหนึ่งก็กระพริบ
เกษราสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ รอหลบอยู่ข้างๆ ของทางเข้าออกลิฟท์ เผื่อว่าจะมีผู้โดยสารที่อยู่ข้างในต้องการออกมา และเมื่อไม่เห็นมีร่างของผู้ใดเตรียมออกมาเมื่อประตูลิฟท์เปิด เธอจึงก้าวเข้าไป หากพลัน ร่างสูงของผู้ชายที่อยู่ข้างในก็โซเซก้าวออก แล้วชนเธอเข้าอย่างจัง
รองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่นั้น ก็ไม่เป็นใจเอาเสียเลย เพราะการชนอย่างจัง กอปรกับลักษณะของรองเท้านั้นเกือบทำให้เธอเสียหลัก ยังดีที่หญิงสาวคว้าขอบผนังกำแพงได้ทัน ไม่เช่นนั้นคงล้มไปกองอยู่บนพื้นแล้วเป็นแน่
“นี่! ไอ้บ้า!” เสียงลั่นร้องด่าไล่หลัง
กลิ่นเหล้าที่โชยมาติดจมูกทำให้เกษราแหยหน้าด้วยความรังเกียจ แม้ผู้ชายคนนั้นจะเดินห่างออกไปแล้วก็ตาม
“ขอ…ขอโทษ” คนที่ก้มหน้าเดินโซเซยังคงพอมีสติพรึมพรำบอก แล้วถามโดยไม่หันกลับมามอง “ไม่เป็นไรนะ”
เขาไม่รอฟังคำตอบ ร่างสูงเดินโซซัดโซเซเซทรงตัวไม่ค่อยอยู่ แต่ค่อยๆ หายไปในทางเดิน โดยคนที่อยู่ในลิฟท์ยังคงบริภาษไล่หลังมา ก่อนเสียงจะเงียบไปพร้อมประตูลิฟท์ที่ปิดลง
(ต่อ)