เรื่องนี้ต้องบอกก่อนนะครับ ว่า (ไม่เคยอ้วน ไม่เข้าใจ)
ขอแบ่งเรื่องการลดความอ้วน(ของคนอ้วน) เป็น
1.ส่วนของการปรับตัวเมื่อเริ่มลดความอ้วน
.................................................................................................................................................







<< เห็นแค่นี้ยังอยากกินเลย
1.เห็นอะไรมันก็อยากกินไปหมด วันแรกที่ลดความอ้วนอาจจะทำได้ไม่อยากกับการไม่กินของที่ชอบทั้งหลาย เช่น ข้าวขาหมู ไก่ทอด+ข้าวเหนียว หรืออะไรแล้วแต่ที่ติดมัน รวมถึงพวกฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย(ของชอบจริงๆ) น้ำหวาน+น้ำอัดลมต่างๆ เป็นต้น
แต่วันที่ 3 ขึ้นไปเนี่ยมันจะรู้สึกอยากมากจนบางครั้งมันก็ชนะใจคนอ้วนๆได้หลายๆครั้ง จนต้องกลับมานับ 1 กันใหม่




2.ความเจ็บปวด เหนื่อยล้าเหมือนใจจะขาด ต้องยอมรับนะครับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ด้วยน้ำหนักตัวที่มากกว่าคนปกติหลายเท่าตัว การที่เราเริ่มออกกำลังกายแรกๆจะรู้สึกถึงความเจ็บปวด วันแรกไม่เท่าไหร่วันที่ 2-3 ขึ้นไปนี่สุดๆแค่เอามือกดๆก็เจ็บแล้ว บางคนหนีไปว่ายน้ำที่ต้องเจอก็คือเหนื่อยล้าเหมือนใจจะขาด ไปทางไหนๆก็ต้องเจอเรื่องพวกนี้จนหลายๆครั้งก็ต้องยอมเพราะสังขารไม่พร้อมจริงๆ จนต้องกลับมาเริ่มนับ 1 ใหม่




3.ความคิดและการผลัดวันประกันพรุ่ง คนอ้วนๆหลายๆคนมักจะมีความคิดเข้าข้างตัวเอง เช่นหยุดออกกำลังกายสักวันก็ได้ กินสักวันนึงก็ดี หรือพรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่นะ วันนี้เหนื่อยจังเลย หรือ อากาศไม่ค่อยดี ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง แดดแรง อากาศหนาว นี่คือสิ่งที่พุ่งมาในความคิดของเราชั่วขณะเท่านั้น
3สาเหตุหลักๆครับ ที่ทำให้ความคิดจะลดความอ้วนล้มเหลวไม่เป็นท่าตลอด แต่ในเมื่อเรารู้ถึงสาเหตุแล้ว เราก็สามารถแก้ไขได้ครับ

1.ให้ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีของกินแสนอร่อย หรือเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันก็ได้ครับ จากที่เคยไปแล้วเจอแต่ของกินก็เปลี่ยนไปสถานที่อื่นๆ
วิธีนี้จะช่วยให้เราลดความอยากลงได้ เพราะเราไม่เห็น ไม่ได้กลิ่น และก็จะไม่ได้ลิ้มลองและสุดท้ายจะเริ่มชินไปเองเพราะข้อ 3

2.อาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และการเหนื่อยง่าย สิ่งนี้บอกเลยว่าคงต้องใช้ความอดทนกันสักนิดและอาการเหล่านี้จะเบาลง จนหายไปได้เลย
เช่นการวิ่ง ให้คิดในใจครับว่าใครอยากแซงๆไปกุไม่รีบ ค่อยๆๆเยาะๆไปทีละนิดเมื่อเกิดอาการตึงๆก็หยุดพักยืดเส้นสายบ้างแล้วเปลี่ยนมาเดินเร็วสักรอบ จากนั้นค่อยๆเยาะๆ ไปเรื่อยๆเพิ่มจำนวนเรื่อยๆ และที่สำคัญให้คิดในใจครับว่า กุวิ่งไม่เร็วแต่กุวิ่งไมหยุด ค่อยๆไปหายใจลึกๆ ประมาณ 1 อาทิตย์ คุณจะดีขึ้น 7 วันเองดีขึ้นละ ทีนี้ล่ะยาวๆๆๆๆๆไม่ลองไม่รู้

3.ความคิดนี่ตัวดีเลยห้ามความคิดไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แวบๆมาตลอดเหมือน 2 คนในร่างเดียวกันเถียงกันตลอดว่าจะเอายังไง ถ้าเกิดเหตุการนี้เมื่อไหร่ให้เริ่มออกกำลังกายเลย หยุดเถียงกันทันที เสียงที่มันค้านจะค่อยๆจางลงไปจนหายไปในที่สุด จนบางครั้งออกกำลังกายอยู่ฝนปรอยน้อยๆ เรายังไม่อยากหยุดวิ่งเลยทั้งๆที่เมื่อกี๊มันยังเถียงกันอยู่เลย ฝนจะตกๆ และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดเมื่อออกกำลังกายเสร็จ จะรู้สึกดีที่เมื่อกี๊กุคิดไม่ผิดจริงๆ ทำแบบนี้ให้สม่ำเสมอรับรองครับว่าอีกคนที่มันชอบค้านในตัวเรามันก็เริ่มชอบการวิ่งขึ้นมาแล้วล่ะ ทีนี้จะเริ่มรู้สึกว่ามันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำไมวันนี้มุงไม่วิ่งวะ
..............................................................................................................................................................................
2.การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย





การคุมอาหาร&ออกกำลังกายของผมอาจจะไม่ได้ถูกหลัก 100% เท่าไหร่ แต่มันก็ทำให้น้ำหนักผมลดลงมาเรื่อยๆครับ
1.ผมวิ่งวันละ 2 ช่วง คือ เช้า กับ เย็น ช่วงเช้าคือ 05.30 - 06.00 มีเวลาแค่นี้ครับ แต่จะออกกำลังกายต่อเนื่อง ครึ่งชั่วโมง นะครับ
ส่วนช่วงเย็นจะประมาณ 18.30 - 19.15 ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เป็นการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเหมือนตอนเช้าครับ
ผมวิ่งเยาะๆครับเรื่อยๆไม่รีบยึกหลักข้างบน อ่อลืมบอกเลยผมวิ่งตามสวนสาธารณะ และริมทะเล
2.การควบคุมอาหารผมจะแทน 3 มื้อนะครับ มื้อเช้าจะเน้นที่ข้าว+อาหารอร่อยๆ เช่นของทะเล ผักต่างๆ และนม (กินอิ่มครับ)
มื้อกลางวันจะดื่มนมกับผลไม้ และมื้อเย็นจะกินผลไม้กับเนื้อสัตว์บ้างแต่ไม่มีข้าวนะครับและไม่กินจนอื่มเอาแค่อยู่ท้องพอเพราะจะออกกำลังกาย ผมไม่รู้สึกหิวแล้วตอนนี้ จึงไม่คิดว่าตัวเองอด กินน้ำต่อวันค่อนข้างเยอะครับ
ปล.ก่อนหน้านี้ผมน้ำหนัก 126 เริ่มลดน้ำหนักวันที่ 10/11/13 จนถึงวันนี้ 21/11/13 นน.อยู่ที่ 120 ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาไม่ใช่ว่าตัวเองยังลด นน. ไม่สำเร็จแล้วยังจะมาบอกคนอื่นๆอีก แต่ผมอยากบอกแค่ว่าที่ผ่านมามันยากช่วงเริ่มต้น 1 อาทิตย์แรกซึ่งผมผ่านมันมาแล้วและอาจจะมีคนอ้วนๆที่กำลังเริ่มต้นและอาจจะเอาชนะใจตัวเองไม่ได้จนต้องเริ่มนับ 1 กันหลายๆหน ผ่านมาแล้ววันนี้ผมบอกได้คำเดียวครับว่าเริ่มอยู่ตัวแล้ว วิ่งไม่เหนื่อยจนหอบเหมือนแรกๆ ไม่ค่อยหิวและอยากเหมือนตอนแรกๆ ตอนนี้สบายๆและอยากวิ่งทุกๆวัน อ่ออีกนิดนะครับที่ยากช่วงแรกคือการปรับตัวตื่นแต่เช้า 05.00 แต่ตอนนี้ได้เวลาตื่นเองเลย สุดท้ายนี้ก็ลองดูครับ



ลดความอ้วน เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด เหนื่อยเหมือนใจจะขาด ความคิดชนะความตั้งใจทุกที
ขอแบ่งเรื่องการลดความอ้วน(ของคนอ้วน) เป็น
1.ส่วนของการปรับตัวเมื่อเริ่มลดความอ้วน
.................................................................................................................................................
1.เห็นอะไรมันก็อยากกินไปหมด วันแรกที่ลดความอ้วนอาจจะทำได้ไม่อยากกับการไม่กินของที่ชอบทั้งหลาย เช่น ข้าวขาหมู ไก่ทอด+ข้าวเหนียว หรืออะไรแล้วแต่ที่ติดมัน รวมถึงพวกฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย(ของชอบจริงๆ) น้ำหวาน+น้ำอัดลมต่างๆ เป็นต้น
แต่วันที่ 3 ขึ้นไปเนี่ยมันจะรู้สึกอยากมากจนบางครั้งมันก็ชนะใจคนอ้วนๆได้หลายๆครั้ง จนต้องกลับมานับ 1 กันใหม่
2.ความเจ็บปวด เหนื่อยล้าเหมือนใจจะขาด ต้องยอมรับนะครับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ด้วยน้ำหนักตัวที่มากกว่าคนปกติหลายเท่าตัว การที่เราเริ่มออกกำลังกายแรกๆจะรู้สึกถึงความเจ็บปวด วันแรกไม่เท่าไหร่วันที่ 2-3 ขึ้นไปนี่สุดๆแค่เอามือกดๆก็เจ็บแล้ว บางคนหนีไปว่ายน้ำที่ต้องเจอก็คือเหนื่อยล้าเหมือนใจจะขาด ไปทางไหนๆก็ต้องเจอเรื่องพวกนี้จนหลายๆครั้งก็ต้องยอมเพราะสังขารไม่พร้อมจริงๆ จนต้องกลับมาเริ่มนับ 1 ใหม่
3.ความคิดและการผลัดวันประกันพรุ่ง คนอ้วนๆหลายๆคนมักจะมีความคิดเข้าข้างตัวเอง เช่นหยุดออกกำลังกายสักวันก็ได้ กินสักวันนึงก็ดี หรือพรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่นะ วันนี้เหนื่อยจังเลย หรือ อากาศไม่ค่อยดี ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง แดดแรง อากาศหนาว นี่คือสิ่งที่พุ่งมาในความคิดของเราชั่วขณะเท่านั้น
3สาเหตุหลักๆครับ ที่ทำให้ความคิดจะลดความอ้วนล้มเหลวไม่เป็นท่าตลอด แต่ในเมื่อเรารู้ถึงสาเหตุแล้ว เราก็สามารถแก้ไขได้ครับ
1.ให้ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีของกินแสนอร่อย หรือเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวันก็ได้ครับ จากที่เคยไปแล้วเจอแต่ของกินก็เปลี่ยนไปสถานที่อื่นๆ
วิธีนี้จะช่วยให้เราลดความอยากลงได้ เพราะเราไม่เห็น ไม่ได้กลิ่น และก็จะไม่ได้ลิ้มลองและสุดท้ายจะเริ่มชินไปเองเพราะข้อ 3
2.อาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และการเหนื่อยง่าย สิ่งนี้บอกเลยว่าคงต้องใช้ความอดทนกันสักนิดและอาการเหล่านี้จะเบาลง จนหายไปได้เลย
เช่นการวิ่ง ให้คิดในใจครับว่าใครอยากแซงๆไปกุไม่รีบ ค่อยๆๆเยาะๆไปทีละนิดเมื่อเกิดอาการตึงๆก็หยุดพักยืดเส้นสายบ้างแล้วเปลี่ยนมาเดินเร็วสักรอบ จากนั้นค่อยๆเยาะๆ ไปเรื่อยๆเพิ่มจำนวนเรื่อยๆ และที่สำคัญให้คิดในใจครับว่า กุวิ่งไม่เร็วแต่กุวิ่งไมหยุด ค่อยๆไปหายใจลึกๆ ประมาณ 1 อาทิตย์ คุณจะดีขึ้น 7 วันเองดีขึ้นละ ทีนี้ล่ะยาวๆๆๆๆๆไม่ลองไม่รู้
3.ความคิดนี่ตัวดีเลยห้ามความคิดไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แวบๆมาตลอดเหมือน 2 คนในร่างเดียวกันเถียงกันตลอดว่าจะเอายังไง ถ้าเกิดเหตุการนี้เมื่อไหร่ให้เริ่มออกกำลังกายเลย หยุดเถียงกันทันที เสียงที่มันค้านจะค่อยๆจางลงไปจนหายไปในที่สุด จนบางครั้งออกกำลังกายอยู่ฝนปรอยน้อยๆ เรายังไม่อยากหยุดวิ่งเลยทั้งๆที่เมื่อกี๊มันยังเถียงกันอยู่เลย ฝนจะตกๆ และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดเมื่อออกกำลังกายเสร็จ จะรู้สึกดีที่เมื่อกี๊กุคิดไม่ผิดจริงๆ ทำแบบนี้ให้สม่ำเสมอรับรองครับว่าอีกคนที่มันชอบค้านในตัวเรามันก็เริ่มชอบการวิ่งขึ้นมาแล้วล่ะ ทีนี้จะเริ่มรู้สึกว่ามันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำไมวันนี้มุงไม่วิ่งวะ
..............................................................................................................................................................................
2.การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
การคุมอาหาร&ออกกำลังกายของผมอาจจะไม่ได้ถูกหลัก 100% เท่าไหร่ แต่มันก็ทำให้น้ำหนักผมลดลงมาเรื่อยๆครับ
1.ผมวิ่งวันละ 2 ช่วง คือ เช้า กับ เย็น ช่วงเช้าคือ 05.30 - 06.00 มีเวลาแค่นี้ครับ แต่จะออกกำลังกายต่อเนื่อง ครึ่งชั่วโมง นะครับ
ส่วนช่วงเย็นจะประมาณ 18.30 - 19.15 ใช้เวลาประมาณ 45 นาที เป็นการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องเหมือนตอนเช้าครับ
ผมวิ่งเยาะๆครับเรื่อยๆไม่รีบยึกหลักข้างบน อ่อลืมบอกเลยผมวิ่งตามสวนสาธารณะ และริมทะเล
2.การควบคุมอาหารผมจะแทน 3 มื้อนะครับ มื้อเช้าจะเน้นที่ข้าว+อาหารอร่อยๆ เช่นของทะเล ผักต่างๆ และนม (กินอิ่มครับ)
มื้อกลางวันจะดื่มนมกับผลไม้ และมื้อเย็นจะกินผลไม้กับเนื้อสัตว์บ้างแต่ไม่มีข้าวนะครับและไม่กินจนอื่มเอาแค่อยู่ท้องพอเพราะจะออกกำลังกาย ผมไม่รู้สึกหิวแล้วตอนนี้ จึงไม่คิดว่าตัวเองอด กินน้ำต่อวันค่อนข้างเยอะครับ
ปล.ก่อนหน้านี้ผมน้ำหนัก 126 เริ่มลดน้ำหนักวันที่ 10/11/13 จนถึงวันนี้ 21/11/13 นน.อยู่ที่ 120 ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาไม่ใช่ว่าตัวเองยังลด นน. ไม่สำเร็จแล้วยังจะมาบอกคนอื่นๆอีก แต่ผมอยากบอกแค่ว่าที่ผ่านมามันยากช่วงเริ่มต้น 1 อาทิตย์แรกซึ่งผมผ่านมันมาแล้วและอาจจะมีคนอ้วนๆที่กำลังเริ่มต้นและอาจจะเอาชนะใจตัวเองไม่ได้จนต้องเริ่มนับ 1 กันหลายๆหน ผ่านมาแล้ววันนี้ผมบอกได้คำเดียวครับว่าเริ่มอยู่ตัวแล้ว วิ่งไม่เหนื่อยจนหอบเหมือนแรกๆ ไม่ค่อยหิวและอยากเหมือนตอนแรกๆ ตอนนี้สบายๆและอยากวิ่งทุกๆวัน อ่ออีกนิดนะครับที่ยากช่วงแรกคือการปรับตัวตื่นแต่เช้า 05.00 แต่ตอนนี้ได้เวลาตื่นเองเลย สุดท้ายนี้ก็ลองดูครับ