ข้อความจากฝั่งเจ้าของตัวจริง กรณีกระทู้ อ้างตนเป็นเจ้าของตึก ไม่ผิด ใส่สนับมือชก รปภ.หญิงวัย60กว่า

ข้อความจากฝั่งเจ้าของตัวจริงครับ

เรียนชี้แจงดังนี้

ชายในคลิปไม่ใช่เจ้าของตึกเป็นเพียงญาติที่มาขายของด้านล่างตึก ถ้อยคำอวดอ้างว่าเป็นเจ้าของตึกไม่ต้องไปโรงพัก ไม่ผิด หรือ อะไรนั้น ตามที่ผู้โพสต์ได้โพสต์ไว้ไม่แน่ใจว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ช่วยให้เกิดการวิจารณ์ที่อาจผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริงดังนี้
คู่กรณีทั้งคู่ได้มีเรื่องระหองระแหงกินใจกันมาเป็นประจำ เป็นไม้เบื่อไม้เมา กันมาโดยตลอด ซึ่งทางเจ้าของหอพักได้พยายามห้ามปรามและไกล่เกลี่ยให้เรียบร้อยมาโดยตลอด จากกรณีที่เกิดขึ้นสาเหตุเท่าที่ฟังจากปากรปภ.และคู่กรณีและพยานอื่นๆ (ซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อนจากการเล่าต่อๆกันและเล่าในเรื่องที่ตนอยากเล่า ต้องรอทางตำรวจสรุป ขอไม่ด่วนสรุป)
ได้รับการแจ้งว่า รปภ.ได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าว่ามีหมาหอน จึงทำการส่องไฟฉายไปดู แล้วส่องไปโดนหน้า ภรรยาของชายในคลิป ภรรยาของชายในคลิปจึงถามว่าส่องใส่หน้าตนทำไม รปภ.จึงตอบกลับว่า ส่องหมา หลังจากนั้นจึงมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งคาดว่าคงจะไม่ลงรอยกันมาจึง ทำให้มีการไม่พอใจกันทั้ง2ฝ่าย ฝ่ายภรรยาจึงโทรไปบอกชายในคลิปว่า มีเรื่องกัน ถึงขั้นมาด่าว่าเป็นหมา ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ อาจจะเพราะมีประเด็นอะไรในใจกันมาก่อนหน้าหรือป่าวไม่รู้
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทางเจ้าของตึกตัวจริงขอชี้แจงทีละประเด็น อย่างตรงไปตรงมา ตามข้อเท็จจริง ดังนี้ครับ
ประเด็นที่จะชี้แจงมีดังนี้
1.สาเหตุของการเกิดเรื่องมาจากการมีปากเสียง ไม่ลงรอยกันอยู่ประจำของทั้งสองฝ่าย แต่ทางเจ้าของตึกได้พยายามไกล่เกลี่ยมาโดยตลอด ซึ่งให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายเนื่องจากคิดว่าเป็นเพียงการไม่ลงรอยกัน โดยก็ไม่ได้ปลดรปภ.ออกเพราะ โดยเนื้องานเป็นคนที่ทำงานดีและก็สงสารเพราะอยากให้มีงานทำ อีกฝ่ายก็เป็นญาติจึงได้ทำการห้ามปรามว่าอย่ามีเรื่องราวและ ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการหรืองานใดๆของพนักงานซึ่งทั้งสองฝ่ายก็รับทราบกันมาโดยตลอด สามารถสอบถามไปยังรปภ.ท่านนี้ได้
2.เจ้าของหอพักไม่ได้เข้าข้างใคร ฝ่ายใดทั้งสิ้น โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ตามที่แต่ละฝ่ายเห็นสมควร ซึ่งคดีก็มีความคืบหน้ามาโดยตลอด โดยฝ่ายชายในคลิปได้ไปแสดงตนเองที่สถานีตำรวจในรุ่งเช้าของอีกวัน โดยบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพร้อมรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ได้ให้กลับบ้านเพราะไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าและคู่กรณียังไม่มา (จากที่ได้รับการบอกเล่า) ต่อมาฝ่ายรปภ.ได้เข้าไปที่สถานีตำรวจ จึงได้เกิดการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายขึ้น ซึ่ง ได้นัดทั้งคู่เข้าไปที่สถานีตำรวจในวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2556 แต่ทางฝ่ายรปภ. ขอเลื่อนเป็นวันพุธที่  16 ตุลาคม 2556 เพราะตนไปพบแพทย์ จากนั้นวันนี้ (วันพุธที่  16 ตุลาคม 2556) ก็ได้มีการนัดทั้งคู่เข้าไปไกล่เกลี่ย แต่ไม่ได้ข้อยุติ ทางตำรวจแจ้งว่าอยู่ระหว่างการรอเอกสารใบรับรองแพทย์เพื่อระบุอาการบาดเจ็บว่าเกิดจากอะไร โดยคำวินิจฉัยจากแพทย์เพื่อจะได้ดำเนินตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งจะมีการเรียกทั้งสองฝ่ายเข้าไปเร็วๆนี้อีกครั้ง ขอยืนยันว่าไม่มีการใช้อิทธิพลใดๆหรือความไม่ยุติธรรมใดๆ สามารถตรวจสอบได้จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ คดีก็ได้ดำเนินไปอย่างตลอด (ขอเรียนว่าเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นคืนวันที่ 12 ตุลาคม 2556 ย่างเข้าเช้าวันที่ 13 ตุลาคม 2556)  การบอกว่าคดีไม่คืบจึงไม่ใช่ความจริง

3.ทางเจ้าของตึกไม่ได้นิ่งนอนใจ เพื่อเป็นการระงับเรื่องราวและลงโทษ จึงได้แจ้งให้ฝ่ายชายและภรรยา ย้ายออกจากตึกไปโดยเร็ว เนื่องจากเป็นฝ่ายผิด แต่ได้รับการขอร้องเวลาในการเก็บของและจัดการร้านไม่กี่วัน แล้วจะย้ายออกไป (อีกทั้งทางเจ้าของตึกยังดำเนินการส่งมอบหลักฐานต่างๆที่มีทั้งหมดให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่มีการปกป้องแต่อย่างใด) ฝ่าย รปภ. เจ้าของตึกก็ได้ให้หยุดงานพัก รักษาอาการ แต่แกเป็นคนมีความรับผิดชอบแกบอกแกไหว แกจะทำ ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าของตึกก็ให้การช่วยเหลือและอยู่กันอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาโดยตลอด กรณีนี้ก็เหมือนกันทุกคนถามตลอด ถามบ่อยมาก พูดบ่อยมากว่า ให้ไปพักเถอะ แกไม่ยอม  ซึ่งก็มีการติดตามอาการแกอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดหลังเกิดเหตุการณ์ (โทรศัพท์สอบถามอาการกับพนักงานคนอื่น ตลอด)
สุดท้ายอยากเรียนชี้แจงทุกท่านว่า กล้องวงจรปิดมีหลายมุม มีการบันทึกภาพการห้ามปรามของฝ่ายภรรยา ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะมีคนเห็น แต่ที่มีการบันทึกมาเป็นเพียงกล้องในมุมนึง ซึ่งมีอีกหลายมุมที่จะสามารถเป็นหลักฐานในการเอาผิดและแสดงว่ามีการใช้สนับมืออย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งการทำร้ายร่างกาย รปภ. ท่านนี้เป็นความผิดอยู่แล้ว แต่ฝ่ายชายบอกว่าตนไม่ได้ใช้อาวุธหรือสนับมือแต่อย่างใดและให้การว่าหากไม่เหลืออดจริงๆตนคงไม่ลงมือทำร้ายผู้หญิงซึ่งอายุไล่เลี่ยกัน (ฝ่ายชาย56ปี) แต่กรณีก็นี้ถือว่าไม่สมควรทำอย่างมาก รอยแตกที่หน้าผากรปภ. น่าจะเกิดจากของแข็งอะไรที่อยู่บนโต๊ะ หรือ ไฟฉาย ที่แกถืออยู่ เกิดกระแทกระหว่างการเข้าไปทำร้ายร่างกายกัน ซึ่งขอออกความเห็นโดยส่วนตัวว่า หากมีการใช้สนับมือและแรงการทำร้ายในระดับนั้นคุณยาย รปภ. คงมีอาการสาหัสกว่านี้และคงมีรอยแตกมากกว่านี้ และฝ่ายที่ใส่สนับมือคงมีแผลที่มือด้วยจากการกระแทกกลับเช่นกัน แต่จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าของตึก ได้มีการนำส่งหลักฐานภาพวงจรปิด ฉบับเต็ม ทุกตัว และเห็นรายละเอียดที่มากกว่าในคลิป ให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการลงโทษต่อไป
อนึ่ง คลิปที่นำมาโพสต์ลงในอินเตอร์เนต เป็นเพียงภาพบางส่วนที่มีการแอบเข้ามาบันทึกไปโดยไม่ได้รับการอนุญาติจากเจ้าของ และนำไปโพสต์โดยมีข้อความความเท็จจริงที่อาจไม่ครบถ้วน เพียงพอ และสร้างให้เกิดความรุนแรงมากเกินกว่าเรื่องราวจริงๆ ที่เกิดขึ้น และไม่เพียงพอต่อการ บริโภคข้อมูลข่าวสารบนโลกออนไลน์ ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้าใจผิดจากเรื่องราวจริงๆที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้

ขอให้ทุกท่านรับทราบถึงเรื่องราวแท้จริงในทุกมุมที่ทำการชี้แจงมานี้ คิดว่าทุกอย่างมีสาเหตุและมีบทสรุปให้กับทุกเรื่อง โปรดวางใจว่าคุณยายรปภ.ท่านนี้จะได้รับความยุติธรรมและมีการดำเนินการตามกฎหมายกับฝ่ายชายอย่างต่อเนื่องและคืบหน้าแน่นอน ทางเจ้าของตึกไม่เข้าข้างฝ่ายใด ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง และไม่ปกป้องแม้กระทั่งญาติตนเองที่กระทำผิด โดยคุณรปภ.ก็ยังคงจ้างงาน ให้มีอาชีพ มีเงินใช้จ่าย ในอัตราที่มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่ประกาศด้วย เพราะแกเป็นคนทำงานดี มีความรับผิดชอบ และอยู่กันมานาน ปัญหาที่เกิดขึ้นคงจะได้ข้อยุติและการชดใช้ในการเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างยุติธรรมในเร็ววันนี้แน่นอน    
ปล.เข้าใจว่าผู้ที่นำคลิปมาโพสต์ลงอินเตอร์เน็ต มีความเกี่ยวพันกับคุณยายรปภ.ในฐานะหลาน(จากการสอบถามพนักงานอื่นๆ) ซึ่งทางเจ้าของตึกเข้าใจถึงอารมณ์โกรธและไม่พอใจ ที่อยากให้สังคมช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์ แต่อาจนำเสนอไม่ครบและไม่สอดคล้องกับเรื่องราวที่แท้จริงทั้งหมด 100%  เราต่างไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ในฐานะเจ้าของสถานที่ต้องขอแสดงความเสียใจและกราบขอโทษ ขออภัย มา ณ ที่นี้ โดยจะให้ความเป็นธรรมและดูแล รปภ.ท่านนี้อย่างดีในการทำงานจากนี้ต่อไปโดยไม่มีอีกฝ่ายในตึกอีกต่อไปเพื่อเป็นการลงโทษและระงับปัญหาต่างๆที่อาจตามมา ขอให้ใจเย็นเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง เอกสารหลักฐานต่างๆที่ทางตึกมี ก็จะได้นำส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างครบถ้วนต่อไป  

ขอบคุณครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่