สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 138
คุณเจ้าของตึก ครับ ด้วยความเคารพครับ
คุณบอกว่าบาดแผลบนหน้าป้า เกิดจากการไปกระแทกอะไรสักอย่าง เลยเป็นแผล ไม่ได้เกิดจาการใช้สนับมือต่อยใส่...
????? คุณคิดว่าคุณเดินไปชนเสา ต้นไม้ หรือ ขอบปูน มันจะเป็นแผลเล็กแต่ลึก(แบบหน้าผากป้า) หรือครับ ?
การไปกระแทกของแข็งโดยไม่ตั้งใจ เต็มที่ก็เป็นรอยฟกช้ำ ดำเขียว
แต่ไม่ใช่แผลแตกเย็บขนาดนี้ครับ
ไม่ว่าคุณจะอ้างเรื่องการสงสารป้า เห็นใจป้า อะไรก็ตามที่สาธยายมากนั้น
มันดูเหมือนคุณจะพูดว่า คุณยุติธรรมมาก ให้พี่ตนเองออก จ้างป้าทำงานต่อ ให้ค่าแรงเยอะกว่า 300 บาท ฯลฯ ไม่ไล่ออกก็บุญแล้ว(ว่างั้นสิ)
คุณทราบเหตุแต่แรกว่า พี่ คุณ มีปัญหากับคนเยอะ เพราะเค้าถือว่า "เค้าเป็นพี่เจ้าของหอ" น่ะครับ
คนเราเวลามี บารมี คุ้มกะลาหัว ก็จะเบ่ง และไม่กลัวใครแบบนี้แหละครับ คนแบบนี้อันตราย และ สร้างปัญหาให้คุณแน่นอน
ตามคลิ๊บก็เห็นแล้ว ว่าเกิดจาก เมียไปหาเรื่องป้าก่อน แล้ว ผัว มาทำร้ายป้าก่อน
บาดแผลป้าไม่ได้เกิดจากไฟฉายกลิ้งมาโดนหน้าน่ะครับ (หรือว่าป้า เอาไฟฉายมาฟาดหน้าตัวให้เป็นแผลจะได้เป็นดราม่า ? หืม ?)
กรณีนี้เกิดขึ้น มันทำให้เห็นว่า คุณเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในตึกนั้น
แต่กลับรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ได้ คนเช่าอยู่จะสบายใจได้หรือครับ ? รปภ.เอง ยังโดนทำร้ายจากพี่ชายคุณเอง
แทนที่คุณจะมาบอกว่า ให้ความยุติธรรม สงสารป้า ไม่ละเว้นพี่ชายตัวเอง ฯลฯ อะไรก็ตาม
คุณควรจะหาวิธีสร้างภาพให้มันดูดีกว่านี้ไม่ใช่หรือครับ ?
เช่น ช่วยค่ารักษาพยาบาล ให้ค่าทำขวัญ ช่วยเหลือต่างๆ ฯลฯ
ผมคิดว่าชีวิตป้าเค้าไม่ได้ร่ำรวยมาจากไหน เงินสักหมื่นสองหมื่น มันก็ช่วยตัวคุณและตัวป้าได้ครับ คงไม่ทำให้คุณต้องขายรถ ขายบ้านหรอกครับ
เพราะคนที่ทำร้าย เป็น พี่ชายคุณ ไม่ใช่ คนข้างนอกเข้ามาซะที่ไหน ที่คุณทำไปตามหน้าที่นายจ้างเท่านั้น
แต่นี่ คุณต้องร่วมรับผิดชอบด้วยในส่วนหนึ่ง เหมือนคุณเป็นเจ้าของบ้าน แล้วมีคนมายิงกันตาย ขายยาในบ้านคุณ และ คนทำเป็นญาติคุณที่อนุญาตให้มาพักอาศัยได้โดยรับรู้แล้วนั้น คุณจะปัดความรับผิดชอบร่วมด้วยไม่ได้เลยครับ
ถ้าคุณแสดงความรับผิดชอบในพื้นที่คุณ เหตุเกิดจากพี่ชายคุณ ผลที่ได้อาจจะดีกว่านี้นะครับ..
การออกมาบอกว่า ยุติธรรมๆๆๆๆ มันไม่ได้ช่วยให้สถานะการณ์ดีขึ้นนะครับ มันกลับดูว่าคุณมาแก้ตัวให้พี่ชายคุณ
และผมรู้สึกไม่ดี กับประโยคที่คุณบอกว่า แผลป้าเกิดจากเหตุอื่น ไม่ใช่จากการทำร้ายของพี่ชายคุณ มันดูแล้ว ไร้เหตุผลมากครับ เป็นการแก้ตัวให้พี่ชายคุณชัดๆ ว่าไม่ได้ใช้สนับมือหรือของแข็งทำร้ายป้า
ใช้มือเปล่าทำร้ายหรือต่อย มันไม่แตกเย็บแบบนี้หรอกครับ
ถ้าป้าคนนี้เป็น แม่ หรือ พี่สาวคุณ แล้ว คนทำร้าย เป็นลูกจ้างคุณ ไม่ใช่ญาติคุณ จะเกิดอะไรขึ้นครับ ? คงไม่ใช่แบบนี้ใช่ไหม ?
ข่าวนี่ เค้าเล่นต่อกันแล้ว เดี๋ยวมันจะดังเองแหละครับ
คนเช่าอาจจะหาที่อยู่ใหม่กันล่ะมั้ง กลัวใครมาจะมาต่อยถึงหน้าห้องแบบนี้
ผมก็เห็นใจคุณนะครับ เชื่อว่าตัวคุณเอง ส่วนหนึ่งก็ลำบากใจ คนหนึ่งก็พี่ชาย คนหนึ่งก็ลูกจ้างที่ไม่มีความผิดอะไร
ถ้าเอาใจพี่ชาย สังคมก็ประนามคุณ คุณก็เสียชื่อ ธุรกิจมีผลกระทบตามไปด้วย
ถ้าเอาใจลูกจ้าง พี่ชายก็จะมีปัญหากับคุณ และ คงไม่จบง่ายๆด้วย
แต่ดูเหมือนจุดนี้ คุณจะเอียงไปทางพี่ชายคุณนิดนึง เรื่องแก้ตัวว่าไม่มีสนับมืออะไร
เพื่อให้คดีมันเบาลง เป็นแค่ ทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย
ถ้ามีอาวุธ หรือ สนับมือ คดีมันจะแรงขึ้นเป็นพยายามฆ่าแทนทะเลาะวิวาท
(จริงๆ ถ้าเป็นคนมีเงิน มีสีทั่วไป เค้าคงใช้เงินจบปัญหาน่ะครับ แต่คุณก็อาจจะไม่อยากเสียจุดนั้นก็ได้)
คุณบอกว่าบาดแผลบนหน้าป้า เกิดจากการไปกระแทกอะไรสักอย่าง เลยเป็นแผล ไม่ได้เกิดจาการใช้สนับมือต่อยใส่...
????? คุณคิดว่าคุณเดินไปชนเสา ต้นไม้ หรือ ขอบปูน มันจะเป็นแผลเล็กแต่ลึก(แบบหน้าผากป้า) หรือครับ ?
การไปกระแทกของแข็งโดยไม่ตั้งใจ เต็มที่ก็เป็นรอยฟกช้ำ ดำเขียว
แต่ไม่ใช่แผลแตกเย็บขนาดนี้ครับ
ไม่ว่าคุณจะอ้างเรื่องการสงสารป้า เห็นใจป้า อะไรก็ตามที่สาธยายมากนั้น
มันดูเหมือนคุณจะพูดว่า คุณยุติธรรมมาก ให้พี่ตนเองออก จ้างป้าทำงานต่อ ให้ค่าแรงเยอะกว่า 300 บาท ฯลฯ ไม่ไล่ออกก็บุญแล้ว(ว่างั้นสิ)
คุณทราบเหตุแต่แรกว่า พี่ คุณ มีปัญหากับคนเยอะ เพราะเค้าถือว่า "เค้าเป็นพี่เจ้าของหอ" น่ะครับ
คนเราเวลามี บารมี คุ้มกะลาหัว ก็จะเบ่ง และไม่กลัวใครแบบนี้แหละครับ คนแบบนี้อันตราย และ สร้างปัญหาให้คุณแน่นอน
ตามคลิ๊บก็เห็นแล้ว ว่าเกิดจาก เมียไปหาเรื่องป้าก่อน แล้ว ผัว มาทำร้ายป้าก่อน
บาดแผลป้าไม่ได้เกิดจากไฟฉายกลิ้งมาโดนหน้าน่ะครับ (หรือว่าป้า เอาไฟฉายมาฟาดหน้าตัวให้เป็นแผลจะได้เป็นดราม่า ? หืม ?)
กรณีนี้เกิดขึ้น มันทำให้เห็นว่า คุณเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในตึกนั้น
แต่กลับรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ได้ คนเช่าอยู่จะสบายใจได้หรือครับ ? รปภ.เอง ยังโดนทำร้ายจากพี่ชายคุณเอง
แทนที่คุณจะมาบอกว่า ให้ความยุติธรรม สงสารป้า ไม่ละเว้นพี่ชายตัวเอง ฯลฯ อะไรก็ตาม
คุณควรจะหาวิธีสร้างภาพให้มันดูดีกว่านี้ไม่ใช่หรือครับ ?
เช่น ช่วยค่ารักษาพยาบาล ให้ค่าทำขวัญ ช่วยเหลือต่างๆ ฯลฯ
ผมคิดว่าชีวิตป้าเค้าไม่ได้ร่ำรวยมาจากไหน เงินสักหมื่นสองหมื่น มันก็ช่วยตัวคุณและตัวป้าได้ครับ คงไม่ทำให้คุณต้องขายรถ ขายบ้านหรอกครับ
เพราะคนที่ทำร้าย เป็น พี่ชายคุณ ไม่ใช่ คนข้างนอกเข้ามาซะที่ไหน ที่คุณทำไปตามหน้าที่นายจ้างเท่านั้น
แต่นี่ คุณต้องร่วมรับผิดชอบด้วยในส่วนหนึ่ง เหมือนคุณเป็นเจ้าของบ้าน แล้วมีคนมายิงกันตาย ขายยาในบ้านคุณ และ คนทำเป็นญาติคุณที่อนุญาตให้มาพักอาศัยได้โดยรับรู้แล้วนั้น คุณจะปัดความรับผิดชอบร่วมด้วยไม่ได้เลยครับ
ถ้าคุณแสดงความรับผิดชอบในพื้นที่คุณ เหตุเกิดจากพี่ชายคุณ ผลที่ได้อาจจะดีกว่านี้นะครับ..
การออกมาบอกว่า ยุติธรรมๆๆๆๆ มันไม่ได้ช่วยให้สถานะการณ์ดีขึ้นนะครับ มันกลับดูว่าคุณมาแก้ตัวให้พี่ชายคุณ
และผมรู้สึกไม่ดี กับประโยคที่คุณบอกว่า แผลป้าเกิดจากเหตุอื่น ไม่ใช่จากการทำร้ายของพี่ชายคุณ มันดูแล้ว ไร้เหตุผลมากครับ เป็นการแก้ตัวให้พี่ชายคุณชัดๆ ว่าไม่ได้ใช้สนับมือหรือของแข็งทำร้ายป้า
ใช้มือเปล่าทำร้ายหรือต่อย มันไม่แตกเย็บแบบนี้หรอกครับ
ถ้าป้าคนนี้เป็น แม่ หรือ พี่สาวคุณ แล้ว คนทำร้าย เป็นลูกจ้างคุณ ไม่ใช่ญาติคุณ จะเกิดอะไรขึ้นครับ ? คงไม่ใช่แบบนี้ใช่ไหม ?
ข่าวนี่ เค้าเล่นต่อกันแล้ว เดี๋ยวมันจะดังเองแหละครับ
คนเช่าอาจจะหาที่อยู่ใหม่กันล่ะมั้ง กลัวใครมาจะมาต่อยถึงหน้าห้องแบบนี้
ผมก็เห็นใจคุณนะครับ เชื่อว่าตัวคุณเอง ส่วนหนึ่งก็ลำบากใจ คนหนึ่งก็พี่ชาย คนหนึ่งก็ลูกจ้างที่ไม่มีความผิดอะไร
ถ้าเอาใจพี่ชาย สังคมก็ประนามคุณ คุณก็เสียชื่อ ธุรกิจมีผลกระทบตามไปด้วย
ถ้าเอาใจลูกจ้าง พี่ชายก็จะมีปัญหากับคุณ และ คงไม่จบง่ายๆด้วย
แต่ดูเหมือนจุดนี้ คุณจะเอียงไปทางพี่ชายคุณนิดนึง เรื่องแก้ตัวว่าไม่มีสนับมืออะไร
เพื่อให้คดีมันเบาลง เป็นแค่ ทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย
ถ้ามีอาวุธ หรือ สนับมือ คดีมันจะแรงขึ้นเป็นพยายามฆ่าแทนทะเลาะวิวาท
(จริงๆ ถ้าเป็นคนมีเงิน มีสีทั่วไป เค้าคงใช้เงินจบปัญหาน่ะครับ แต่คุณก็อาจจะไม่อยากเสียจุดนั้นก็ได้)
ความคิดเห็นที่ 124
ข้อความจากฝั่งเจ้าของตัวจริงครับ
เรียนชี้แจงดังนี้
ชายในคลิปไม่ใช่เจ้าของตึกเป็นเพียงญาติที่มาขายของด้านล่างตึก ถ้อยคำอวดอ้างว่าเป็นเจ้าของตึกไม่ต้องไปโรงพัก ไม่ผิด หรือ อะไรนั้น ตามที่ผู้โพสต์ได้โพสต์ไว้ไม่แน่ใจว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ช่วยให้เกิดการวิจารณ์ที่อาจผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริงดังนี้
คู่กรณีทั้งคู่ได้มีเรื่องระหองระแหงกินใจกันมาเป็นประจำ เป็นไม้เบื่อไม้เมา กันมาโดยตลอด ซึ่งทางเจ้าของหอพักได้พยายามห้ามปรามและไกล่เกลี่ยให้เรียบร้อยมาโดยตลอด จากกรณีที่เกิดขึ้นสาเหตุเท่าที่ฟังจากปากรปภ.และคู่กรณีและพยานอื่นๆ (ซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อนจากการเล่าต่อๆกันและเล่าในเรื่องที่ตนอยากเล่า ต้องรอทางตำรวจสรุป ขอไม่ด่วนสรุป)
ได้รับการแจ้งว่า รปภ.ได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าว่ามีหมาหอน จึงทำการส่องไฟฉายไปดู แล้วส่องไปโดนหน้า ภรรยาของชายในคลิป ภรรยาของชายในคลิปจึงถามว่าส่องใส่หน้าตนทำไม รปภ.จึงตอบกลับว่า ส่องหมา หลังจากนั้นจึงมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งคาดว่าคงจะไม่ลงรอยกันมาจึง ทำให้มีการไม่พอใจกันทั้ง2ฝ่าย ฝ่ายภรรยาจึงโทรไปบอกชายในคลิปว่า มีเรื่องกัน ถึงขั้นมาด่าว่าเป็นหมา ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ อาจจะเพราะมีประเด็นอะไรในใจกันมาก่อนหน้าหรือป่าวไม่รู้
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทางเจ้าของตึกตัวจริงขอชี้แจงทีละประเด็น อย่างตรงไปตรงมา ตามข้อเท็จจริง ดังนี้ครับ
ประเด็นที่จะชี้แจงมีดังนี้
1.สาเหตุของการเกิดเรื่องมาจากการมีปากเสียง ไม่ลงรอยกันอยู่ประจำของทั้งสองฝ่าย แต่ทางเจ้าของตึกได้พยายามไกล่เกลี่ยมาโดยตลอด ซึ่งให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายเนื่องจากคิดว่าเป็นเพียงการไม่ลงรอยกัน โดยก็ไม่ได้ปลดรปภ.ออกเพราะ โดยเนื้องานเป็นคนที่ทำงานดีและก็สงสารเพราะอยากให้มีงานทำ อีกฝ่ายก็เป็นญาติจึงได้ทำการห้ามปรามว่าอย่ามีเรื่องราวและ ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการหรืองานใดๆของพนักงานซึ่งทั้งสองฝ่ายก็รับทราบกันมาโดยตลอด สามารถสอบถามไปยังรปภ.ท่านนี้ได้
2.เจ้าของหอพักไม่ได้เข้าข้างใคร ฝ่ายใดทั้งสิ้น โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ตามที่แต่ละฝ่ายเห็นสมควร ซึ่งคดีก็มีความคืบหน้ามาโดยตลอด โดยฝ่ายชายในคลิปได้ไปแสดงตนเองที่สถานีตำรวจในรุ่งเช้าของอีกวัน โดยบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพร้อมรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ได้ให้กลับบ้านเพราะไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าและคู่กรณียังไม่มา (จากที่ได้รับการบอกเล่า) ต่อมาฝ่ายรปภ.ได้เข้าไปที่สถานีตำรวจ จึงได้เกิดการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายขึ้น ซึ่ง ได้นัดทั้งคู่เข้าไปที่สถานีตำรวจในวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2556 แต่ทางฝ่ายรปภ. ขอเลื่อนเป็นวันพุธที่ 16 ตุลาคม 2556 เพราะตนไปพบแพทย์ จากนั้นวันนี้ (วันพุธที่ 16 ตุลาคม 2556) ก็ได้มีการนัดทั้งคู่เข้าไปไกล่เกลี่ย แต่ไม่ได้ข้อยุติ ทางตำรวจแจ้งว่าอยู่ระหว่างการรอเอกสารใบรับรองแพทย์เพื่อระบุอาการบาดเจ็บว่าเกิดจากอะไร โดยคำวินิจฉัยจากแพทย์เพื่อจะได้ดำเนินตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งจะมีการเรียกทั้งสองฝ่ายเข้าไปเร็วๆนี้อีกครั้ง ขอยืนยันว่าไม่มีการใช้อิทธิพลใดๆหรือความไม่ยุติธรรมใดๆ สามารถตรวจสอบได้จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ คดีก็ได้ดำเนินไปอย่างตลอด (ขอเรียนว่าเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นคืนวันที่ 12 ตุลาคม 2556 ย่างเข้าเช้าวันที่ 13 ตุลาคม 2556) การบอกว่าคดีไม่คืบจึงไม่ใช่ความจริง
3.ทางเจ้าของตึกไม่ได้นิ่งนอนใจ เพื่อเป็นการระงับเรื่องราวและลงโทษ จึงได้แจ้งให้ฝ่ายชายและภรรยา ย้ายออกจากตึกไปโดยเร็ว เนื่องจากเป็นฝ่ายผิด แต่ได้รับการขอร้องเวลาในการเก็บของและจัดการร้านไม่กี่วัน แล้วจะย้ายออกไป (อีกทั้งทางเจ้าของตึกยังดำเนินการส่งมอบหลักฐานต่างๆที่มีทั้งหมดให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่มีการปกป้องแต่อย่างใด) ฝ่าย รปภ. เจ้าของตึกก็ได้ให้หยุดงานพัก รักษาอาการ แต่แกเป็นคนมีความรับผิดชอบแกบอกแกไหว แกจะทำ ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าของตึกก็ให้การช่วยเหลือและอยู่กันอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาโดยตลอด กรณีนี้ก็เหมือนกันทุกคนถามตลอด ถามบ่อยมาก พูดบ่อยมากว่า ให้ไปพักเถอะ แกไม่ยอม ซึ่งก็มีการติดตามอาการแกอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดหลังเกิดเหตุการณ์ (โทรศัพท์สอบถามอาการกับพนักงานคนอื่น ตลอด)
สุดท้ายอยากเรียนชี้แจงทุกท่านว่า กล้องวงจรปิดมีหลายมุม มีการบันทึกภาพการห้ามปรามของฝ่ายภรรยา ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะมีคนเห็น แต่ที่มีการบันทึกมาเป็นเพียงกล้องในมุมนึง ซึ่งมีอีกหลายมุมที่จะสามารถเป็นหลักฐานในการเอาผิดและแสดงว่ามีการใช้สนับมืออย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งการทำร้ายร่างกาย รปภ. ท่านนี้เป็นความผิดอยู่แล้ว แต่ฝ่ายชายบอกว่าตนไม่ได้ใช้อาวุธหรือสนับมือแต่อย่างใดและให้การว่าหากไม่เหลืออดจริงๆตนคงไม่ลงมือทำร้ายผู้หญิงซึ่งอายุไล่เลี่ยกัน (ฝ่ายชาย56ปี) แต่กรณีก็นี้ถือว่าไม่สมควรทำอย่างมาก รอยแตกที่หน้าผากรปภ. น่าจะเกิดจากของแข็งอะไรที่อยู่บนโต๊ะ หรือ ไฟฉาย ที่แกถืออยู่ เกิดกระแทกระหว่างการเข้าไปทำร้ายร่างกายกัน ซึ่งขอออกความเห็นโดยส่วนตัวว่า หากมีการใช้สนับมือและแรงการทำร้ายในระดับนั้นคุณยาย รปภ. คงมีอาการสาหัสกว่านี้และคงมีรอยแตกมากกว่านี้ และฝ่ายที่ใส่สนับมือคงมีแผลที่มือด้วยจากการกระแทกกลับเช่นกัน แต่จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าของตึก ได้มีการนำส่งหลักฐานภาพวงจรปิด ฉบับเต็ม ทุกตัว และเห็นรายละเอียดที่มากกว่าในคลิป ให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการลงโทษต่อไป
อนึ่ง คลิปที่นำมาโพสต์ลงในอินเตอร์เนต เป็นเพียงภาพบางส่วนที่มีการแอบเข้ามาบันทึกไปโดยไม่ได้รับการอนุญาติจากเจ้าของ และนำไปโพสต์โดยมีข้อความความเท็จจริงที่อาจไม่ครบถ้วน เพียงพอ และสร้างให้เกิดความรุนแรงมากเกินกว่าเรื่องราวจริงๆ ที่เกิดขึ้น และไม่เพียงพอต่อการ บริโภคข้อมูลข่าวสารบนโลกออนไลน์ ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้าใจผิดจากเรื่องราวจริงๆที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้
ขอให้ทุกท่านรับทราบถึงเรื่องราวแท้จริงในทุกมุมที่ทำการชี้แจงมานี้ คิดว่าทุกอย่างมีสาเหตุและมีบทสรุปให้กับทุกเรื่อง โปรดวางใจว่าคุณยายรปภ.ท่านนี้จะได้รับความยุติธรรมและมีการดำเนินการตามกฎหมายกับฝ่ายชายอย่างต่อเนื่องและคืบหน้าแน่นอน ทางเจ้าของตึกไม่เข้าข้างฝ่ายใด ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง และไม่ปกป้องแม้กระทั่งญาติตนเองที่กระทำผิด โดยคุณรปภ.ก็ยังคงจ้างงาน ให้มีอาชีพ มีเงินใช้จ่าย ในอัตราที่มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่ประกาศด้วย เพราะแกเป็นคนทำงานดี มีความรับผิดชอบ และอยู่กันมานาน ปัญหาที่เกิดขึ้นคงจะได้ข้อยุติและการชดใช้ในการเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างยุติธรรมในเร็ววันนี้แน่นอน
ปล.เข้าใจว่าผู้ที่นำคลิปมาโพสต์ลงอินเตอร์เน็ต มีความเกี่ยวพันกับคุณยายรปภ.ในฐานะหลาน(จากการสอบถามพนักงานอื่นๆ) ซึ่งทางเจ้าของตึกเข้าใจถึงอารมณ์โกรธและไม่พอใจ ที่อยากให้สังคมช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์ แต่อาจนำเสนอไม่ครบและไม่สอดคล้องกับเรื่องราวที่แท้จริงทั้งหมด 100% เราต่างไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ในฐานะเจ้าของสถานที่ต้องขอแสดงความเสียใจและกราบขอโทษ ขออภัย มา ณ ที่นี้ โดยจะให้ความเป็นธรรมและดูแล รปภ.ท่านนี้ ในการทำงานจากนี้ต่อไปโดยไม่มีอีกฝ่ายในตึกอีกต่อไปเพื่อเป็นการลงโทษและระงับปัญหาต่างๆที่อาจตามมา ขอให้ใจเย็นเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง เอกสารหลักฐานต่างๆที่ทางตึกมีก็จะได้นำส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างครบถ้วนต่อไป
เรียนชี้แจงดังนี้
ชายในคลิปไม่ใช่เจ้าของตึกเป็นเพียงญาติที่มาขายของด้านล่างตึก ถ้อยคำอวดอ้างว่าเป็นเจ้าของตึกไม่ต้องไปโรงพัก ไม่ผิด หรือ อะไรนั้น ตามที่ผู้โพสต์ได้โพสต์ไว้ไม่แน่ใจว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ช่วยให้เกิดการวิจารณ์ที่อาจผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริงดังนี้
คู่กรณีทั้งคู่ได้มีเรื่องระหองระแหงกินใจกันมาเป็นประจำ เป็นไม้เบื่อไม้เมา กันมาโดยตลอด ซึ่งทางเจ้าของหอพักได้พยายามห้ามปรามและไกล่เกลี่ยให้เรียบร้อยมาโดยตลอด จากกรณีที่เกิดขึ้นสาเหตุเท่าที่ฟังจากปากรปภ.และคู่กรณีและพยานอื่นๆ (ซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อนจากการเล่าต่อๆกันและเล่าในเรื่องที่ตนอยากเล่า ต้องรอทางตำรวจสรุป ขอไม่ด่วนสรุป)
ได้รับการแจ้งว่า รปภ.ได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าว่ามีหมาหอน จึงทำการส่องไฟฉายไปดู แล้วส่องไปโดนหน้า ภรรยาของชายในคลิป ภรรยาของชายในคลิปจึงถามว่าส่องใส่หน้าตนทำไม รปภ.จึงตอบกลับว่า ส่องหมา หลังจากนั้นจึงมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งคาดว่าคงจะไม่ลงรอยกันมาจึง ทำให้มีการไม่พอใจกันทั้ง2ฝ่าย ฝ่ายภรรยาจึงโทรไปบอกชายในคลิปว่า มีเรื่องกัน ถึงขั้นมาด่าว่าเป็นหมา ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ อาจจะเพราะมีประเด็นอะไรในใจกันมาก่อนหน้าหรือป่าวไม่รู้
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทางเจ้าของตึกตัวจริงขอชี้แจงทีละประเด็น อย่างตรงไปตรงมา ตามข้อเท็จจริง ดังนี้ครับ
ประเด็นที่จะชี้แจงมีดังนี้
1.สาเหตุของการเกิดเรื่องมาจากการมีปากเสียง ไม่ลงรอยกันอยู่ประจำของทั้งสองฝ่าย แต่ทางเจ้าของตึกได้พยายามไกล่เกลี่ยมาโดยตลอด ซึ่งให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายเนื่องจากคิดว่าเป็นเพียงการไม่ลงรอยกัน โดยก็ไม่ได้ปลดรปภ.ออกเพราะ โดยเนื้องานเป็นคนที่ทำงานดีและก็สงสารเพราะอยากให้มีงานทำ อีกฝ่ายก็เป็นญาติจึงได้ทำการห้ามปรามว่าอย่ามีเรื่องราวและ ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการหรืองานใดๆของพนักงานซึ่งทั้งสองฝ่ายก็รับทราบกันมาโดยตลอด สามารถสอบถามไปยังรปภ.ท่านนี้ได้
2.เจ้าของหอพักไม่ได้เข้าข้างใคร ฝ่ายใดทั้งสิ้น โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ตามที่แต่ละฝ่ายเห็นสมควร ซึ่งคดีก็มีความคืบหน้ามาโดยตลอด โดยฝ่ายชายในคลิปได้ไปแสดงตนเองที่สถานีตำรวจในรุ่งเช้าของอีกวัน โดยบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพร้อมรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ได้ให้กลับบ้านเพราะไม่ใช่เหตุซึ่งหน้าและคู่กรณียังไม่มา (จากที่ได้รับการบอกเล่า) ต่อมาฝ่ายรปภ.ได้เข้าไปที่สถานีตำรวจ จึงได้เกิดการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายขึ้น ซึ่ง ได้นัดทั้งคู่เข้าไปที่สถานีตำรวจในวันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2556 แต่ทางฝ่ายรปภ. ขอเลื่อนเป็นวันพุธที่ 16 ตุลาคม 2556 เพราะตนไปพบแพทย์ จากนั้นวันนี้ (วันพุธที่ 16 ตุลาคม 2556) ก็ได้มีการนัดทั้งคู่เข้าไปไกล่เกลี่ย แต่ไม่ได้ข้อยุติ ทางตำรวจแจ้งว่าอยู่ระหว่างการรอเอกสารใบรับรองแพทย์เพื่อระบุอาการบาดเจ็บว่าเกิดจากอะไร โดยคำวินิจฉัยจากแพทย์เพื่อจะได้ดำเนินตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งจะมีการเรียกทั้งสองฝ่ายเข้าไปเร็วๆนี้อีกครั้ง ขอยืนยันว่าไม่มีการใช้อิทธิพลใดๆหรือความไม่ยุติธรรมใดๆ สามารถตรวจสอบได้จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ คดีก็ได้ดำเนินไปอย่างตลอด (ขอเรียนว่าเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นคืนวันที่ 12 ตุลาคม 2556 ย่างเข้าเช้าวันที่ 13 ตุลาคม 2556) การบอกว่าคดีไม่คืบจึงไม่ใช่ความจริง
3.ทางเจ้าของตึกไม่ได้นิ่งนอนใจ เพื่อเป็นการระงับเรื่องราวและลงโทษ จึงได้แจ้งให้ฝ่ายชายและภรรยา ย้ายออกจากตึกไปโดยเร็ว เนื่องจากเป็นฝ่ายผิด แต่ได้รับการขอร้องเวลาในการเก็บของและจัดการร้านไม่กี่วัน แล้วจะย้ายออกไป (อีกทั้งทางเจ้าของตึกยังดำเนินการส่งมอบหลักฐานต่างๆที่มีทั้งหมดให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่มีการปกป้องแต่อย่างใด) ฝ่าย รปภ. เจ้าของตึกก็ได้ให้หยุดงานพัก รักษาอาการ แต่แกเป็นคนมีความรับผิดชอบแกบอกแกไหว แกจะทำ ซึ่งที่ผ่านมาทางเจ้าของตึกก็ให้การช่วยเหลือและอยู่กันอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาโดยตลอด กรณีนี้ก็เหมือนกันทุกคนถามตลอด ถามบ่อยมาก พูดบ่อยมากว่า ให้ไปพักเถอะ แกไม่ยอม ซึ่งก็มีการติดตามอาการแกอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดหลังเกิดเหตุการณ์ (โทรศัพท์สอบถามอาการกับพนักงานคนอื่น ตลอด)
สุดท้ายอยากเรียนชี้แจงทุกท่านว่า กล้องวงจรปิดมีหลายมุม มีการบันทึกภาพการห้ามปรามของฝ่ายภรรยา ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะมีคนเห็น แต่ที่มีการบันทึกมาเป็นเพียงกล้องในมุมนึง ซึ่งมีอีกหลายมุมที่จะสามารถเป็นหลักฐานในการเอาผิดและแสดงว่ามีการใช้สนับมืออย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งการทำร้ายร่างกาย รปภ. ท่านนี้เป็นความผิดอยู่แล้ว แต่ฝ่ายชายบอกว่าตนไม่ได้ใช้อาวุธหรือสนับมือแต่อย่างใดและให้การว่าหากไม่เหลืออดจริงๆตนคงไม่ลงมือทำร้ายผู้หญิงซึ่งอายุไล่เลี่ยกัน (ฝ่ายชาย56ปี) แต่กรณีก็นี้ถือว่าไม่สมควรทำอย่างมาก รอยแตกที่หน้าผากรปภ. น่าจะเกิดจากของแข็งอะไรที่อยู่บนโต๊ะ หรือ ไฟฉาย ที่แกถืออยู่ เกิดกระแทกระหว่างการเข้าไปทำร้ายร่างกายกัน ซึ่งขอออกความเห็นโดยส่วนตัวว่า หากมีการใช้สนับมือและแรงการทำร้ายในระดับนั้นคุณยาย รปภ. คงมีอาการสาหัสกว่านี้และคงมีรอยแตกมากกว่านี้ และฝ่ายที่ใส่สนับมือคงมีแผลที่มือด้วยจากการกระแทกกลับเช่นกัน แต่จากการตรวจสอบไม่พบร่องรอยดังกล่าว ซึ่งทางเจ้าของตึก ได้มีการนำส่งหลักฐานภาพวงจรปิด ฉบับเต็ม ทุกตัว และเห็นรายละเอียดที่มากกว่าในคลิป ให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการลงโทษต่อไป
อนึ่ง คลิปที่นำมาโพสต์ลงในอินเตอร์เนต เป็นเพียงภาพบางส่วนที่มีการแอบเข้ามาบันทึกไปโดยไม่ได้รับการอนุญาติจากเจ้าของ และนำไปโพสต์โดยมีข้อความความเท็จจริงที่อาจไม่ครบถ้วน เพียงพอ และสร้างให้เกิดความรุนแรงมากเกินกว่าเรื่องราวจริงๆ ที่เกิดขึ้น และไม่เพียงพอต่อการ บริโภคข้อมูลข่าวสารบนโลกออนไลน์ ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้าใจผิดจากเรื่องราวจริงๆที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้
ขอให้ทุกท่านรับทราบถึงเรื่องราวแท้จริงในทุกมุมที่ทำการชี้แจงมานี้ คิดว่าทุกอย่างมีสาเหตุและมีบทสรุปให้กับทุกเรื่อง โปรดวางใจว่าคุณยายรปภ.ท่านนี้จะได้รับความยุติธรรมและมีการดำเนินการตามกฎหมายกับฝ่ายชายอย่างต่อเนื่องและคืบหน้าแน่นอน ทางเจ้าของตึกไม่เข้าข้างฝ่ายใด ว่ากันไปตามข้อเท็จจริง และไม่ปกป้องแม้กระทั่งญาติตนเองที่กระทำผิด โดยคุณรปภ.ก็ยังคงจ้างงาน ให้มีอาชีพ มีเงินใช้จ่าย ในอัตราที่มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำที่ประกาศด้วย เพราะแกเป็นคนทำงานดี มีความรับผิดชอบ และอยู่กันมานาน ปัญหาที่เกิดขึ้นคงจะได้ข้อยุติและการชดใช้ในการเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นอย่างยุติธรรมในเร็ววันนี้แน่นอน
ปล.เข้าใจว่าผู้ที่นำคลิปมาโพสต์ลงอินเตอร์เน็ต มีความเกี่ยวพันกับคุณยายรปภ.ในฐานะหลาน(จากการสอบถามพนักงานอื่นๆ) ซึ่งทางเจ้าของตึกเข้าใจถึงอารมณ์โกรธและไม่พอใจ ที่อยากให้สังคมช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์ แต่อาจนำเสนอไม่ครบและไม่สอดคล้องกับเรื่องราวที่แท้จริงทั้งหมด 100% เราต่างไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ในฐานะเจ้าของสถานที่ต้องขอแสดงความเสียใจและกราบขอโทษ ขออภัย มา ณ ที่นี้ โดยจะให้ความเป็นธรรมและดูแล รปภ.ท่านนี้ ในการทำงานจากนี้ต่อไปโดยไม่มีอีกฝ่ายในตึกอีกต่อไปเพื่อเป็นการลงโทษและระงับปัญหาต่างๆที่อาจตามมา ขอให้ใจเย็นเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง เอกสารหลักฐานต่างๆที่ทางตึกมีก็จะได้นำส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างครบถ้วนต่อไป
ความคิดเห็นที่ 52
เว็บข่าวเล่นแล้ว เย้ เย้
http://news.voicetv.co.th/thailand/85246.html
ป้า รปภ.ถูกเจ้าของตึกใส่สนับมือรัวชกหน้าแหก คดีไม่คืบ ออกข่าวแล้ว คงได้ความคีบหน้าเร็วๆ
ปล. ร่วมกันแชร์เยอะๆ คนทำร้ายป้าจะได้รับโทษบ้าง
http://news.voicetv.co.th/thailand/85246.html
ป้า รปภ.ถูกเจ้าของตึกใส่สนับมือรัวชกหน้าแหก คดีไม่คืบ ออกข่าวแล้ว คงได้ความคีบหน้าเร็วๆ
ปล. ร่วมกันแชร์เยอะๆ คนทำร้ายป้าจะได้รับโทษบ้าง
แสดงความคิดเห็น
อ้างตนเป็นเจ้าของตึก ไม่ผิด ใส่สนับมือชก รปภ.หญิงวัย60กว่า ไม่จำเป็นต้องไปโรงพักก็ได้ ทำได้ด้วยหรือคะ??
เห็นแล้วมันทนไม่ไหวจริงๆค่ะ สงสารคุณป้า รปภ. ป้าแกเป็นคนใจดีมากค่ะ งานที่ทำก็คอยสอดส่องความเรียบร้อยให้กับแมนชั่น(มหาสวัสดิ์แมนชั่น ซอยสุขุมวิท97/1 ปากซอยใกล้ BTSสถานีบางจาก) คอยดูรถ,โบกรถเข้าออก อำนวยความสะดวกต่างๆให้กับพวกเราที่อยู่ในแมนชั่น ป้าแกอายุมากแล้ว ประมาณ60 กว่าๆแล้วค่ะ แต่ไม่น่ามาโดนอะไรอย่างนี้เลย เห็นแล้วรับไม่ค่อยได้จริงๆ
เรื่องนี้มันเกิดประมาณตี1 คืนวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2556 ในคริปจะเห็นผู้ชายคนนี้เข้าไปซ้อม โดยที่ผู้ชายใส่สนับมือด้วย(ใจร้ายมาก)..... ป้าแกก็อายุมากแล้ว ทำไปได้ยังไง???? ...
เหตุเกิดจากภรรยาของนายคนนี้(ที่เป็นผู้ชกต่อยคุณป้า) ภรรยาของเขาซึ่งไม่ค่อยกินเส้นกับใครในระแวกนี้อยู่แล้ว เกิดเขม่นกันกับคุณป้ารปภ. และมีปากเสียงกันเล็กน้อย ภรรยาของผู้ชายคนนี้ได้มีการเอาน้ำล้างหม้อข้าวไปสาดใส่คุณป้ารปภ.ก่อนด้วยความโกรธ เกิดการผลักกันเล็กน้อย แล้วก็ต่างคนต่างแยกไปคนละทาง คาดว่าคุณป้า รปภ. คงไม่อยากมีเรื่องไปมากกว่านี้น่ะค่ะ
แต่ฝ่ายภรรยาของผู้ชาย(ที่กำลังจะมาทำร้ายคุณป้ารปภ.)ไม่ยอมจบแค่นั้น จึงนำเรื่องไปฟ้องผู้เป็นสามี(น่าจะโทรศัพท์ไปบอก) ไม่กี่นาทีต่อมาสามีก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาใต้ตึก จอดแล้วเดินไปยังคุณป้ารปภ.ทันทีเพื่อจะเอาเรื่องเหมือนว่าเตรียมตัวมาแล้ว จากนั้นก็พุ่งเข้าทำร้ายคุณป้ารปภ.แบบที่คุณป้าไม่ได้ตั้งตัวเลย จนคุณป้าล้มลงกับพื้น มีรอยแผลสาหัส ถึงขั้นเย็บ ตาขาว เปลือกตา ใบหน้าช้ำไปหมด น่าสงสารและน่าเห็นใจคุณป้ามากๆค่ะ จากนั้นภรรยาก็เข้ามาดึงตัวสามีออกไปจากคุณป้ารปภ. เพราะเห็นว่ามีคนเดินผ่านมากลัวว่าจะเห็นเหตุการณ์เข้ามั้งคะ
คืนนั้นคุณป้าได้แจ้งความไปแล้ว ตำรวจมาในคืนนั้นเลยค่ะ มาเชิญตัวทั้งคู่ไปโรงพัก แต่ฝ่ายผู้ชายอ้างว่าตนเป็นเจ้าของตึกไม่มีความจำเป็นต้องไปโรงพัก แล้วก็ขี่รถมอร์เตอร์ไซค์ออกไปอย่างหน้าตาเฉย จนถึงวันนี้ วันที่ 15 เดือนตุลาคม พ.ศ.2556 (จากคืนวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2556 ) คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยค่ะ ทุกวันนี้ทั้ง2คนสามีภรรยาก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ยังขายของชำอยู่ที่มหาสวัสดิ์แมนชั่นอยู่เหมือนเดิม
จากความเห็นและความสงสัยของดิฉันเอง อยากถามว่า ทำไมเหรอคะ ถ้าเขาเป็นเจ้าของตึกจริงๆอย่างที่อ้างนั้นก็จะสามารถทำร้ายใครก็ได้ตามใจที่ตนต้องการได้งั้นเหรอคะนี่??????? โดยที่ตำรวจหรือใครก็ทำอะไรไม่ได้เลย????????????
สงสารคุณป้ารปภ.จริงๆนะคะ เพื่อนๆ หรือผู้มีความรู้ ช่วยให้คำแนะนำทีนะคะ ช่วยในฐานะที่คุณป้าเป็นเพื่อนมนุษย์คนนึงของพวกเราก็ได้ค่ะ คุณป้าเป็นคนมีเมตตามากๆค่ะ ขนาดโดนทำแบบนี้ ยังพูดว่า “เอาเถอะ ถ้าทำแล้วมีความสุขก็ทำไป๊” แต่ดิฉันเห็นแล้ว มันรู้สึกละอายใจแทนคนที่ทำคุณป้าอ่ะค่ะ เหอะๆ
วันนี้ก็ยังเห็นคุณป้ามาทำงานอยู่แป๊บนึง หน้าช้ำมากๆ โอย.......เจ็บแทน แล้วแกก็หยิบแว่นดำขึ้นมาใส่ปกปิดตาที่ช้ำมากๆ
ช่วยทีนะคะ ช่วยแนะนำ หรือขอความเห็นเพื่อเพื่อนมนุษย์ที่แสนดีคนนึงที่กำลังโดนรังแกทีเถอะค่ะ
นี่ภาพคุณป้าที่โดนทำร้าย ไม่ทราบว่าเห็นมั้ยนะคะ
คงเจ็บไม่น้อย
https://plus.google.com/u/0/photos/110238017989318070249/albums/posts
ฝากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ช่วยกันโหวตเปนกระทู้แนะนำด้วยนะคะ