ทั้งที่หัวข้อธรรมเดียวกัน แต่ในขณะฌาน จะให้ความรู้สึกสังเวช และปล่อยวางได้หนักแน่นกว่านอกฌาน ทั้งที่เพียงแค่นึกไม่ต่างจากเวลาปกตินอกฌาน ท่านคิดว่าเป็นเพราะเหตุใดครับ ?
(ยกตัวอย่าง) พิจารณาหมวดมรณานุสสติกรรมฐาน หากพิจารณาปกตินอกญานจะละได้เพียงชั่วคราว แต่หากพิจารณาในขณะเข้าฌานจะประทับแน่น แม้เมื่อหลังออกฌานแล้ว ยังรู้สึกปล่อยวางโดยอัตโนมัตินานหลายวัน แล้วยิ่งปฏิบัติซ้ำ ยิ่งตอกย้ำลึกลงไปอีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขณิกมรณะ แปลว่า ตายเล็กๆ น้อย ๆ ท่านหมายเอาความตาย คือ ความดับ หรือการ
เคลื่อนไปของชีวิต ที่มีการเคลื่อนไปวันหนึ่ง ๆ วันเวลาล่วงไป ชีวิตก็เคลื่อนไปใกล้จุดจบสุดยอดคือ
ตายดับทุกขณะ การผ่านไปของชีวิตท่านถือเป็นความตาย คือ ตายทุกลมหายใจออกและเกิด
ต่อทุกๆ ลมหายใจเข้า อาหารเก่าที่บริโภคเข้าไปเป็นการหล่อเลี้ยงชีวิตชั่วคราวเมื่อสิ้นอำนาจ
ของอาหารเก่า ร่างกายต้องการอาหารใหม่เข้าไปหล่อเลี้ยงแทนแต่ถ้าไม่ได้อาหารใหม่เข้าไปทด
แทนชีวิตก็จะต้องดับ ชีวิตที่ทรงอยู่ได้ก็เพราะอาหารใหม่เข้าไปหล่อเลี้ยงไว้ เมื่อสิ้นสภาพของอาหาร
เก่า ท่านถือว่าร่างกายต้องตายแล้วไปยุคหนึ่ง พอได้อาหารใหม่มาทดแทน ชีวิตก็เกิดใหม่อีกวาระ
หนึ่ง การเกิดการตายต่อเนื่องกันทุกวันเวลาอย่างนี้ ถ้าอาหารเก่าหมดสภาพไม่บริโภคใหม่ หรือลม
หายใจออกแล้ว ไม่หายใจเข้า สภาพของร่างกายก็จะสิ้นลมปราณ คือตายทันที ที่ทรงอยู่ได้อย่างนี้ก็
เพราะได้ปัจจัยบางอย่างค้ำจุนทดแทนกันเข้าไป ท่านสอนให้มองเห็นสภาพของสังขารร่างกายว่ามี
ความตายเป็นปกติทุกวันเวลาอย่างนี้ท่านเรียกว่า ขณิกมรณะ แปลว่า ตายทีละเล็กละน้อย หรือ
ตายเล็ก ๆ น้อย ๆ
ทำไมการพิจารณาธรรมระหว่างอยู่ในฌาน กับ นอกฌาน จึงให้ความลึกซึ้งต่างกันครับ
(ยกตัวอย่าง) พิจารณาหมวดมรณานุสสติกรรมฐาน หากพิจารณาปกตินอกญานจะละได้เพียงชั่วคราว แต่หากพิจารณาในขณะเข้าฌานจะประทับแน่น แม้เมื่อหลังออกฌานแล้ว ยังรู้สึกปล่อยวางโดยอัตโนมัตินานหลายวัน แล้วยิ่งปฏิบัติซ้ำ ยิ่งตอกย้ำลึกลงไปอีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้