เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้ไปเดิน Central Rama 9 (เพราะปกติอยู่แต่ฝั่งธน) เข้าไปตอนประมาณ 10.30 ท้องเริ่มร้อง เพราะมื้อเช้ากินไปตอน 6.30 ก็ลองเดินไล่ดูตั้งแต่ ชั้น 5 ยันชั้น 7 แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับชื่อร้าน Yoshinoya เพราะจำได้ว่าเคยมีกระทู้มารีวิวในห้องก้นครัวนี้ ใจจึงอยากลองดูสักตั้งกับ สุดยอดต้นตำรับข้าวหน้าญี่ปุ่น
แต่เนื่องจาก ณ.เวลานั้นห้างพึ่งจะเริ่มเปิด ร้านอาหารต่างๆก็กำลังจัดโต๊ะกัน ผมก็ด้อมๆมองๆดูในร้าน Yoshinoya ก็ไม่พบใครเลยสักคนในร้าน (ไม่ได้มองลึกเข้าไปในครัว) ก็เดินผ่านไปดูร้านใหม่ๆที่ไม่เคยเห็นตอนอยู่ฝั่งธน จนเดินหมดทั้ง 3 ชั้น เวลาก็ได้ล่วงเลยไปถึงประมาณ 11.30 ก็คิดว่าได้เวลาต้องหาอะไรเข้าท้องสักทีละ หลังจากที่ทรมานท้องมาเกือบชั่วโมง
จึงตัดสินใจเดินไปชั้น 6 เพื่อลิ้มลองรสชาติของร้าน Yoshinoya สุดยอดต้นตำรับข้าวหน้าญี่ปุ่น เมื่อเดินถึงหน้าร้านกลับปรากฎว่า ก็ไม่เห็นใครสักคนเหมือนเดิม จึงตัดสินใจเดินเข้าไปเสาะหาพนักงานของร้านก็พบอยู่คนนึง อยู่ในชุดของร้านที่ยังไม่ครบเซท ผมก็ถามไปเสียงอ่อยๆว่า "ขายแล้วยังครับ" พนักงานก็ทำหน้างง ๆตอบว่า"ขายแล้ว" และบอกให้ผมเดินไปหาที่นั่งได้เลย
ที่โต๊ะอาหารพนักงานก็เดินมารับออเดอร์โดยแนะนำ เมนูที่เป็นโปรโมชั่นของร้านตอนนี้อยู่ ก็คือข้าวหน้าปลาย่าง 3 เมนู แต่ผมก็ไม่สนใจ เปิดเมนูไปหาข้าวหน้าเนื้อที่ตั้งใจไว้ว่าจะมากินให้ได้ก็ได้เห็นอยู่ 2 เมนู คือข้าวหน้าเนื้อ(พนักงานบอกว่าจะเป็นเนื้อต้ม) และ ข้าวหน้าเนื้อย่าง ผมจึงเลือกข้าวหน้าเนื้อย่าง เพราะชอบแบบย่างจึงสั่งไปที่นึง ไซส์ L และเพิ่มชุด ซุปมิโสะ+กิมจิ+ไก่คาราเกะ และไข่ออนเซ็น(ไข่ลวก) พร้อมน้ำชามะนาวรีฟิลอีกแก้ว
พอพนักงานรับออเดอร์ไป ก็เดินมาเสริฟน้ำชามะนาวได้เร็วทันใจดีแท้ ผ่านไปอีกประมาณ 3 นาทีก็ยกชุดข้าวมาเสริฟ ผมเริ่มประเดิมจาก เนื้อย่างก่อนเลย พบว่าเนื้ออร่อย นิ่ม แต่ว่าบางมากและไม่ได้รู้สึกว่าย่างมาเลย ต่อมากับไก่คาราเกะ 2 ชิ้นที่รสชาติชืดๆไม่ค่อยร้อน กิมจิที่สีออกแดงๆและรสสัมผัสที่เย็นๆ ไข่ออนเซ็นที่เหมือนกับว่าอยู่เมืองหิมะมากกว่าอยู่ออนเซ็น จนมาถึงพระเอกของเรา ซูปมิโสะนี่เอง รสชาติอร่อย ชุ่มคอดี กับราคารวมทั้งหมด 238 บาท
สรุป ราคา ผมคิดว่าค่อนข้างแพงเกินไป กับข้าวไซส์ L (พอๆกับข้าวกล่อง 30 บาท) ผมถือว่าซื้อประสบการณ์
คุณภาพ ผมว่าราคาแพงเกินไปกับคุณภาพที่ได้รับมา เหมือนเอาอาหารมาเวฟแล้วเสริฟ เพิ่มอีก ร้อยก็ได้กินบุฟเฟต์ระดับ ชาบูชิ
พนักงาน ผมถือว่าโอเค เพราะน้ำรีฟิลนี่เดินมาถามเวลาที่หมดแก้วตลอด(ไม่รู้ว่าเพราะมีลูกค้าอยู่คนเดียวหรือเปล่านะ หุหุ)
แต่ในโดยรวมแล้วผมคิดว่าคงจะไม่ได้เดินเข้าร้านนี้อีกแล้วแน่ๆ
ปล. นี่เป็นครั้งแรกในการตั้งกระทู้ของผม(ใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วโมง)ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ และขออภัยด้วยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาแบบว่าไม่ชอบถ่ายรูปเวลากินก็ชอบจัดเลยอะ เหอๆ
ปล.2 อาจจะเยอะเกินไปหน่อยแต่ก็ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผมจนจบนะครับ(สนับสนุนให้คนไทยอ่านหนังสือเกิน 8 บรรทัด)
ประสบการณ์ครั้งแรกที่ Yoshinoya at Central Rama 9
แต่เนื่องจาก ณ.เวลานั้นห้างพึ่งจะเริ่มเปิด ร้านอาหารต่างๆก็กำลังจัดโต๊ะกัน ผมก็ด้อมๆมองๆดูในร้าน Yoshinoya ก็ไม่พบใครเลยสักคนในร้าน (ไม่ได้มองลึกเข้าไปในครัว) ก็เดินผ่านไปดูร้านใหม่ๆที่ไม่เคยเห็นตอนอยู่ฝั่งธน จนเดินหมดทั้ง 3 ชั้น เวลาก็ได้ล่วงเลยไปถึงประมาณ 11.30 ก็คิดว่าได้เวลาต้องหาอะไรเข้าท้องสักทีละ หลังจากที่ทรมานท้องมาเกือบชั่วโมง
จึงตัดสินใจเดินไปชั้น 6 เพื่อลิ้มลองรสชาติของร้าน Yoshinoya สุดยอดต้นตำรับข้าวหน้าญี่ปุ่น เมื่อเดินถึงหน้าร้านกลับปรากฎว่า ก็ไม่เห็นใครสักคนเหมือนเดิม จึงตัดสินใจเดินเข้าไปเสาะหาพนักงานของร้านก็พบอยู่คนนึง อยู่ในชุดของร้านที่ยังไม่ครบเซท ผมก็ถามไปเสียงอ่อยๆว่า "ขายแล้วยังครับ" พนักงานก็ทำหน้างง ๆตอบว่า"ขายแล้ว" และบอกให้ผมเดินไปหาที่นั่งได้เลย
ที่โต๊ะอาหารพนักงานก็เดินมารับออเดอร์โดยแนะนำ เมนูที่เป็นโปรโมชั่นของร้านตอนนี้อยู่ ก็คือข้าวหน้าปลาย่าง 3 เมนู แต่ผมก็ไม่สนใจ เปิดเมนูไปหาข้าวหน้าเนื้อที่ตั้งใจไว้ว่าจะมากินให้ได้ก็ได้เห็นอยู่ 2 เมนู คือข้าวหน้าเนื้อ(พนักงานบอกว่าจะเป็นเนื้อต้ม) และ ข้าวหน้าเนื้อย่าง ผมจึงเลือกข้าวหน้าเนื้อย่าง เพราะชอบแบบย่างจึงสั่งไปที่นึง ไซส์ L และเพิ่มชุด ซุปมิโสะ+กิมจิ+ไก่คาราเกะ และไข่ออนเซ็น(ไข่ลวก) พร้อมน้ำชามะนาวรีฟิลอีกแก้ว
พอพนักงานรับออเดอร์ไป ก็เดินมาเสริฟน้ำชามะนาวได้เร็วทันใจดีแท้ ผ่านไปอีกประมาณ 3 นาทีก็ยกชุดข้าวมาเสริฟ ผมเริ่มประเดิมจาก เนื้อย่างก่อนเลย พบว่าเนื้ออร่อย นิ่ม แต่ว่าบางมากและไม่ได้รู้สึกว่าย่างมาเลย ต่อมากับไก่คาราเกะ 2 ชิ้นที่รสชาติชืดๆไม่ค่อยร้อน กิมจิที่สีออกแดงๆและรสสัมผัสที่เย็นๆ ไข่ออนเซ็นที่เหมือนกับว่าอยู่เมืองหิมะมากกว่าอยู่ออนเซ็น จนมาถึงพระเอกของเรา ซูปมิโสะนี่เอง รสชาติอร่อย ชุ่มคอดี กับราคารวมทั้งหมด 238 บาท
สรุป ราคา ผมคิดว่าค่อนข้างแพงเกินไป กับข้าวไซส์ L (พอๆกับข้าวกล่อง 30 บาท) ผมถือว่าซื้อประสบการณ์
คุณภาพ ผมว่าราคาแพงเกินไปกับคุณภาพที่ได้รับมา เหมือนเอาอาหารมาเวฟแล้วเสริฟ เพิ่มอีก ร้อยก็ได้กินบุฟเฟต์ระดับ ชาบูชิ
พนักงาน ผมถือว่าโอเค เพราะน้ำรีฟิลนี่เดินมาถามเวลาที่หมดแก้วตลอด(ไม่รู้ว่าเพราะมีลูกค้าอยู่คนเดียวหรือเปล่านะ หุหุ)
แต่ในโดยรวมแล้วผมคิดว่าคงจะไม่ได้เดินเข้าร้านนี้อีกแล้วแน่ๆ
ปล. นี่เป็นครั้งแรกในการตั้งกระทู้ของผม(ใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วโมง)ถ้าผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ และขออภัยด้วยที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาแบบว่าไม่ชอบถ่ายรูปเวลากินก็ชอบจัดเลยอะ เหอๆ
ปล.2 อาจจะเยอะเกินไปหน่อยแต่ก็ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผมจนจบนะครับ(สนับสนุนให้คนไทยอ่านหนังสือเกิน 8 บรรทัด)