
ความเดิมตอนเก่า อ่านได้ในบล็อกแก็งค์เลยค่ะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=babyrose
ส่วนถ้าอยากทวงนิยาย ก็มีเพจที่ใช้ร่วมกับเพื่อนนักเขียนอีก 2 คนค่ะ
เพจร้างหน่อยนะคะ

คือ วรรณศุกร์ / piccy /แก้วกังไส
https://www.facebook.com/janaey.janjao?ref=hl
ตอนที่ 39
ต้นกรรม
จันทร์เดือนแรมซีดจางไม่กระจ่างชัดเท่าเพ็ญสว่าง สลัวมัวไม่ต่างกับใจผู้คนในตำหนัก ลึกเข้าไปในห้องหับอันมืดมิดของกุสุมาลย์มีเพียงแสงริบหรี่จากตะเกียง ศรีดารามองจนมั่นใจว่านางหลับแล้ว จึงค่อยเป่าตะเกียงให้ดับ แล้วล้มตัวลงนอนที่พื้นข้างตั่ง
“เวรกรรมอะไรนักหนากันหนอ?” นางคนทะเล้นรำพึงออกมาด้วยใจอันหดหู่ ก่อนจะหลับใหลไปในที่สุด
คืนนั้นศรีดาราฝันเห็นหญิงสาวคนหนึ่งผ้าผ่อนที่นางนุ่งห่มดูแปลกแตกต่างกับผู้คนอื่นยิ่งนัก แต่ที่น่าประหลาดคือศรีดารากลับรู้สึกมักคุ้นกับหญิงนางนี้ จึงไม่ติดใจสงสัยว่านางเป็นใคร ซ้ำยังพูดคุยได้อย่างสนิทปาก หรืออาจเพราะนี่เป็นมนตราแห่งความฝัน หาใช่โลกความจริงไม่
“พี่ศรีดารา ทำไมมานอนตรงนี้” คนถูกถามยันตัวขึ้นมาตอบ เสมือนหนึ่งรู้จักกันมานานแล้ว
“ก็มานอนเฝ้าพี่กุสุมาลย์น่ะสิ”
“ทำไมต้องเฝ้า?”
“เจ้าไม่เห็นหรือไง? ทุกวันนี้นางเหมือนผู้เหมือนคนเสียที่ไหน ไม่เอาแต่ร้องไห้ทั้งวี่ทั้งวัน นี่ข้าต้องเอากระจกไปซ่อนไม่ให้นางเห็นหน้าตัวเอง” ศรีดาราตอบเสียงห้วน
“หน้า? หน้าพี่เขาเป็นอะไร?” เคียงฟ้าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ก็...เจ้าดูเอาสิ” ศรีดาราไม่พูดเปล่า นางลุกขึ้นเดินนำไปยังตั่งที่สราญโฉมนอนนิทราอยู่ น่าประหลาดในห้องนั้นควรจะมืดมิดแต่ทั้งสองกลับมองเห็นใบหน้าที่มีรอยไหม้พาดผ่านแก้มของกุสุมาลย์อย่างชัดเจน
“นะ..หน้า !!!” หญิงแต่งกายประหลาดอุทานเสียงดังออกมา
“ชี่ว์...อย่าเสียงดังไปสิ เดี๋ยวพี่กุสุมาลย์ตื่นดอก” เคียงฟ้าจึงยกมือขึ้นปิดปาก ดวงตาของหล่อนบัดนี้ชุ่มไปด้วยน้ำตา มันไหลจนนองอาบสองแก้ม
“ฟ้ามาไม่ทันหรือนี่....พี่กุสุมาลย์”
“ถึงเจ้ามาทันแล้วจะช่วยอะไรได้ ขนาดท่านพราหมณ์ยังบอกว่าอาจจะไม่หายด้วยซ้ำ”
“แต่อย่างน้อย....” หล่อนยังสะอึกสะอื้นต่อ “อย่างน้อยก็อาจจะห้ามไม่ให้พี่กุสุมาลย์ใช้เครื่องสำอางนั่นได้”
“เครื่องสำอางอันใด?” คิ้วหนาของศรีดาราเลิกขึ้นกับศัพท์ไม่คุ้นเคย
“ก็กล่องประทินโฉมนั่นไง กล่องประทินโฉมที่มหิตาให้พี่กุสุมาลย์น่ะ”
“เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?” นางคนทะเล้นยกมือขึ้นทาบอกตนเองอย่างขวัญหาย
“รู้สิ! กล่องนี้น่ะมหิตาได้จากพินทุมณี บอกให้เอาไว้แกล้งเมียน้อย แต่ฉันคิดไม่ถึงว่ามหิตาจะใจดำถึงขนาดนี้ เธอทำกับพี่กุสุมาลย์แบบนี้ได้ยังไง?” เคียงฟ้าได้แต่คิดในใจสมควรแล้วที่วิญญาณของกุสุมาลย์จะอาฆาตเธอข้ามชาติข้ามภพเช่นนี้
“อะไรนะ?!! เจ้าพูดอะไรน่ะ? นี่เป็นเรื่องจริงรึ?” หญิงสาวจากอนาคตกาลหันมามองศรีดาราทั้งน้ำตา
“มหิตาน่ะใจดำ” หล่อนย้ำ
“ไม่จริง พระเทวีไม่ใช่คนแบบนั้น นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด เจ้าอย่าใส่ร้ายพระเทวี!!” ศรีดาราขยับตัวถอยออกห่างจากเคียงฟ้าที่ร่ำไห้อยู่ข้างตั่ง แล้วตะโกนออกมาด้วยใจอันเจ็บปวด
“ไม่จริง!!! ไม่จริง!! พระเทวีไม่ได้ทำ!!!” นางยังตะโกนร่ำร้องออกมาด้วยความเสียใจ นางทุกข์และเจ็บปวดไม่แพ้กุสุมาลย์ แม้ว่านางเองก็เคยตั้งข้อสันนิษฐานไว้ไม่ต่างกับความจริงที่เคียงฟ้ากล่าวนักก็ตาม
“ข้าไม่เชื่อ!! ไม่จริง!! พระเทวีไม่ได้ทำ!!” แล้วเสียงใครอีกใครก็กรีดร้องดังโหยหวนขึ้นมาด้วยประโยคเดียวกัน จนร่างที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ข้างตั่งสะดุ้งตื่น ศรีดารางุนงงกับความฝันที่เกิดขึ้นนัก แต่ไม่มีเวลาตรึกตรองมากนัก เพราะร่างบนตั่งลุกขึ้นนั่งร้องไห้อย่างเสียจริต
“พี่กุสุมาลย์ พี่จ๋า...อย่าร้องไห้นะ” นางขยับตัวขึ้นคู่บนตั่งแล้วโอบกอดร่างนั้นอย่างแสนเวทนา
“ศรีดาราเจ้าบอกข้าสิ พระเทวีไม่ได้อยากให้ข้าเสียโฉม”
“ขะ..ข้า ข้าไม่รู้” ใจนางอยากปฏิเสธด้วยเสียงอันมั่นคง แต่ศรีดารามิอาจกล่าวอันใดได้มากกว่านั้น แล้วจึงได้แต่ร้องไห้เป็นเพื่อนหญิงงาม
เคียงฟ้าเดินออกจากห้องของกุสุมาลย์อย่างเงียบๆ ในใจเจ็บปวดกับภาพที่เห็นยิ่งนัก ที่ยิ่งแค้นคือหล่อนไม่อาจทำอะไรได้เลย ทุกอย่างมันล่วงผ่านไปแล้ว มันสายไปเสียแล้ว...
“มหิตา...ใจเธอทำด้วยอะไร?”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เวียงนาคินทร์ ตอนที่ 39-40
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=babyrose
ส่วนถ้าอยากทวงนิยาย ก็มีเพจที่ใช้ร่วมกับเพื่อนนักเขียนอีก 2 คนค่ะ
เพจร้างหน่อยนะคะ
คือ วรรณศุกร์ / piccy /แก้วกังไส
https://www.facebook.com/janaey.janjao?ref=hl
ตอนที่ 39
ต้นกรรม
จันทร์เดือนแรมซีดจางไม่กระจ่างชัดเท่าเพ็ญสว่าง สลัวมัวไม่ต่างกับใจผู้คนในตำหนัก ลึกเข้าไปในห้องหับอันมืดมิดของกุสุมาลย์มีเพียงแสงริบหรี่จากตะเกียง ศรีดารามองจนมั่นใจว่านางหลับแล้ว จึงค่อยเป่าตะเกียงให้ดับ แล้วล้มตัวลงนอนที่พื้นข้างตั่ง
“เวรกรรมอะไรนักหนากันหนอ?” นางคนทะเล้นรำพึงออกมาด้วยใจอันหดหู่ ก่อนจะหลับใหลไปในที่สุด
คืนนั้นศรีดาราฝันเห็นหญิงสาวคนหนึ่งผ้าผ่อนที่นางนุ่งห่มดูแปลกแตกต่างกับผู้คนอื่นยิ่งนัก แต่ที่น่าประหลาดคือศรีดารากลับรู้สึกมักคุ้นกับหญิงนางนี้ จึงไม่ติดใจสงสัยว่านางเป็นใคร ซ้ำยังพูดคุยได้อย่างสนิทปาก หรืออาจเพราะนี่เป็นมนตราแห่งความฝัน หาใช่โลกความจริงไม่
“พี่ศรีดารา ทำไมมานอนตรงนี้” คนถูกถามยันตัวขึ้นมาตอบ เสมือนหนึ่งรู้จักกันมานานแล้ว
“ก็มานอนเฝ้าพี่กุสุมาลย์น่ะสิ”
“ทำไมต้องเฝ้า?”
“เจ้าไม่เห็นหรือไง? ทุกวันนี้นางเหมือนผู้เหมือนคนเสียที่ไหน ไม่เอาแต่ร้องไห้ทั้งวี่ทั้งวัน นี่ข้าต้องเอากระจกไปซ่อนไม่ให้นางเห็นหน้าตัวเอง” ศรีดาราตอบเสียงห้วน
“หน้า? หน้าพี่เขาเป็นอะไร?” เคียงฟ้าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ก็...เจ้าดูเอาสิ” ศรีดาราไม่พูดเปล่า นางลุกขึ้นเดินนำไปยังตั่งที่สราญโฉมนอนนิทราอยู่ น่าประหลาดในห้องนั้นควรจะมืดมิดแต่ทั้งสองกลับมองเห็นใบหน้าที่มีรอยไหม้พาดผ่านแก้มของกุสุมาลย์อย่างชัดเจน
“นะ..หน้า !!!” หญิงแต่งกายประหลาดอุทานเสียงดังออกมา
“ชี่ว์...อย่าเสียงดังไปสิ เดี๋ยวพี่กุสุมาลย์ตื่นดอก” เคียงฟ้าจึงยกมือขึ้นปิดปาก ดวงตาของหล่อนบัดนี้ชุ่มไปด้วยน้ำตา มันไหลจนนองอาบสองแก้ม
“ฟ้ามาไม่ทันหรือนี่....พี่กุสุมาลย์”
“ถึงเจ้ามาทันแล้วจะช่วยอะไรได้ ขนาดท่านพราหมณ์ยังบอกว่าอาจจะไม่หายด้วยซ้ำ”
“แต่อย่างน้อย....” หล่อนยังสะอึกสะอื้นต่อ “อย่างน้อยก็อาจจะห้ามไม่ให้พี่กุสุมาลย์ใช้เครื่องสำอางนั่นได้”
“เครื่องสำอางอันใด?” คิ้วหนาของศรีดาราเลิกขึ้นกับศัพท์ไม่คุ้นเคย
“ก็กล่องประทินโฉมนั่นไง กล่องประทินโฉมที่มหิตาให้พี่กุสุมาลย์น่ะ”
“เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?” นางคนทะเล้นยกมือขึ้นทาบอกตนเองอย่างขวัญหาย
“รู้สิ! กล่องนี้น่ะมหิตาได้จากพินทุมณี บอกให้เอาไว้แกล้งเมียน้อย แต่ฉันคิดไม่ถึงว่ามหิตาจะใจดำถึงขนาดนี้ เธอทำกับพี่กุสุมาลย์แบบนี้ได้ยังไง?” เคียงฟ้าได้แต่คิดในใจสมควรแล้วที่วิญญาณของกุสุมาลย์จะอาฆาตเธอข้ามชาติข้ามภพเช่นนี้
“อะไรนะ?!! เจ้าพูดอะไรน่ะ? นี่เป็นเรื่องจริงรึ?” หญิงสาวจากอนาคตกาลหันมามองศรีดาราทั้งน้ำตา
“มหิตาน่ะใจดำ” หล่อนย้ำ
“ไม่จริง พระเทวีไม่ใช่คนแบบนั้น นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด เจ้าอย่าใส่ร้ายพระเทวี!!” ศรีดาราขยับตัวถอยออกห่างจากเคียงฟ้าที่ร่ำไห้อยู่ข้างตั่ง แล้วตะโกนออกมาด้วยใจอันเจ็บปวด
“ไม่จริง!!! ไม่จริง!! พระเทวีไม่ได้ทำ!!!” นางยังตะโกนร่ำร้องออกมาด้วยความเสียใจ นางทุกข์และเจ็บปวดไม่แพ้กุสุมาลย์ แม้ว่านางเองก็เคยตั้งข้อสันนิษฐานไว้ไม่ต่างกับความจริงที่เคียงฟ้ากล่าวนักก็ตาม
“ข้าไม่เชื่อ!! ไม่จริง!! พระเทวีไม่ได้ทำ!!” แล้วเสียงใครอีกใครก็กรีดร้องดังโหยหวนขึ้นมาด้วยประโยคเดียวกัน จนร่างที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ข้างตั่งสะดุ้งตื่น ศรีดารางุนงงกับความฝันที่เกิดขึ้นนัก แต่ไม่มีเวลาตรึกตรองมากนัก เพราะร่างบนตั่งลุกขึ้นนั่งร้องไห้อย่างเสียจริต
“พี่กุสุมาลย์ พี่จ๋า...อย่าร้องไห้นะ” นางขยับตัวขึ้นคู่บนตั่งแล้วโอบกอดร่างนั้นอย่างแสนเวทนา
“ศรีดาราเจ้าบอกข้าสิ พระเทวีไม่ได้อยากให้ข้าเสียโฉม”
“ขะ..ข้า ข้าไม่รู้” ใจนางอยากปฏิเสธด้วยเสียงอันมั่นคง แต่ศรีดารามิอาจกล่าวอันใดได้มากกว่านั้น แล้วจึงได้แต่ร้องไห้เป็นเพื่อนหญิงงาม
เคียงฟ้าเดินออกจากห้องของกุสุมาลย์อย่างเงียบๆ ในใจเจ็บปวดกับภาพที่เห็นยิ่งนัก ที่ยิ่งแค้นคือหล่อนไม่อาจทำอะไรได้เลย ทุกอย่างมันล่วงผ่านไปแล้ว มันสายไปเสียแล้ว...
“มหิตา...ใจเธอทำด้วยอะไร?”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++