เรื่องการมีเครื่องหมายคอมม่า (,) ในประโยคAdjective Clause
มีหลายคนมากที่มักสับสนก้บ Adjective Clause แบบที่มีเครื่องหมาย (,) และไม่มีเครื่งหมาย (,)
ผู้เขียนขอชี้แจงให้ความกระจ่างดังนี้:
ก่อนอื่นต้องมาเข้าใจเสียก่อนว่า Adj.Cl. นั้นมีการเขียน 2 แบบคือ
1.การเขียนแบบสอดใส้เช่น
That student who is sitting there is my brother.
That student, who is sitting there, is my brother.
That student.......... is my brother. = Main Clause (ประโยคหลัก)
........who is sitting there...... = Subordinate Clause (ประโยครองแบบสอดใส้)
2.การเขียนแบบต่อท้าย
Tom picks out the books which he likes.
Tom picks out the books, which he likes.
Tom picks out the books = Main Clause (ประโยคหลัก)
.........which he likes. (ประโยครองแบบต่อท้าย)
ทีนี้เรามารู้จัก Adj.Cl.ว่ามันมีสองชนิด
ชนิดที่ 1. ชนิดนี้ไม่มีเครื่งหมายคอมม่าเรียกว่า Defining Adjective Clause หรือ Restrictive Adjective Clause หรือ Necessary Adjective Clause หรือจะเรียกอะไรอีกก็แล้วแต่ผู้เขียนตำรา
Adj.Cl.ประเภทนี้ให้ความหมายคือ ผู้รับสารจะต้องตีความนัยสำคัญของข้มูลเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด (define, restrict, necessary) ว่าข้อมูลนั้นมีหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น:
ประโยค A (Adj.Cl.ขยายคำนามเอกพจน์)
I have a sister who is a teacher. ฉันมีพี่สาวคนหนึ่งผู้ซึ่งเป็นครู
ตีความตามนัยสำคัญของประโยคได้ว่า:
1.ในครอบครัวของฉันมีพี่สาวอยู่หลายคนและมีคนหนึ่งผู้ซึ่งเป็นครู
2.ประโยค "ผูซึ่งเป็นครู" เป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่ผู้รับสารตัองตีความนัยสำคัญจากคำนามที่มันไปขยายอย่างเคร่งครัด (ในกรณีที่ไม่มีเครื่องหมายคอมม่าจะมีนัยสำคัญว่า "คำนามนั้นมีความหมายมากกว่าหนึง แล้วเลือกมาแค่หนึ่งเท่านั้น")
ประโยค B (Adj.Cl.ขยายคำนามพหูพจน์)
I have sisters who are teachers. ฉันมีพี่สาวอยู่หลายคนผู้ซึ่งเป็นครู
ตีความตามนัยสำคัญของประโยคได้ว่า:
1ในครอบครัวของฉันมีพี่สาวอยู่หลายคนและมีมากกว่าหนึ่งคนซึ่งเป็นครูแต่ไม่ได้เป็นครูหมดทุกคน (อธิบายให้เข้าใจได้ว่าฉันมีพี่สาวอยู่ห้าคนแต่มีสามคนที่เป็นครู ประโยคนี้เป็นการสมมุติตัวเลขเพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้น)
2.ประโยค "ผูซึ่งเป็นครู" เป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่ผู้รับสารจะต้องตีความนัยสำคัญจากคำนามทีมันไปขยายอย่างเคร่งครัด (ในกรณีที่ไม่มีเครื่องหมายคอมม่าจะมีนัยสำคัญว่า"คำนามนั้นมีความหมายมากกว่าหนึง แล้วเลือกมาแค่สองสามไม่ใช่ทั้งหมด")
ชนิดที่ 2.ชนิดนี้มีเครื่องหมายคอมม่าเรียกว่า Nondefining Adjective Clause หรือ Nonrestrictive Adjective Clause หรือ Unnecessary Adjective Clause หรือจะเรียกอะไรอีกก็แล้วแต่ผู้เขียนตำรา และAdj.Cl.ประเภทนี้มักปรากฎอยู่แต่ในภาษาเขียน (เพราะภาษาพูดไม่รู้ว่าจะเอ่ยเครื่องหมายคอมม่าได้อย่างไร) Adj.Cl.ประเภทนี้ให้ความหมายคือ ผู้รับสารไม่จำเป็นต้องตีความนัยสำคัญของข้มูลเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด (nondefine, nonrestrict, unnecessary) ว่าข้อมูลนั้นมีหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่ง เพราะข้อมูลทีให้มาจะมีความหมาตามนัยสำคัญว่ามีหนึ่งเดียวเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น:
ประโยค A (Adj.Cl.ขยายคำนามเอกพจน์)
I have a sister, who is a teacher.ฉันมีพี่สาวคนหนึ่งผู้ซึ่งเป็นครู
ตีความตามนัยสำคัญของประโยคได้ว่า:
1.ในครอบครัวของฉันมีพี่สาวอยู่คนเดียวและพี่สาวเพียงคนเดียวคนนั้นผู้ซึ่งเป็นครู
2.ประโยค "ผูซึ่งเป็นครู" เป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่ผู้รับสารไม่จำเป็นตัองตีความนัยสำคัญจากคำนามที่มันไปขยายอย่างเคร่งครัดเพราะรู้อยู่แล้วว่ามีเพียงหนึ่งเดียว (ในกรณีที่มีเครื่องหมายคอมม่าจะมีนัยสำคัญว่า "คำนามนั้นมีความหมายแค่เพีนงหนึงเดียว แล้วก็เลือกได้แค่หนึ่งเดียวเท่านั้น")
ประโยค B (Adj.Cl.ขยายคำนามพหูพจน์)
I have sisters, who are teachers. ฉันมีพี่สาวอยู่หลายคนผู้ซึ่งเป็นครู
ตีความตามนัยสำคัญของประโยคได้ว่า:
1ในครอบครัวของฉันมีพี่สาวอยู่หนึ่งเซ็ท(set)และทั้งหนึ่งเซ็ทนั้นป็นครูเป็นครูหมดทุกคน
(อธิบายให้เข้าใจได้ว่าฉันมีพี่สาวอยู่หนึ่ง set ซึ่งหนึ่ง set นั้นมีสมาขิกที่เป็นพี่สาวห้าคนและทั้งห้าคนในหนึ่ง set นี้เป็นครูทั้งหมด ประโยคนี้เป็นการสมมุติตัวเลขเพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้น)
2.ประโยค "ผูซึ่งเป็นครู" เป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่ผู้รับสารไม่จำเป็นต้องตีความนัยสำคัญจากคำนามทีมันไปขยายอย่างเคร่งครัด (ในกรณีที่มีเครื่องหมายคอมม่าจะมีนัยสำคัญว่า"คำนามนั้นมีความหมายหนึ่งเดียว และสามารถเลือกได้แค่หนึ่งเดียวเท่านั้น")
ประเด็นที่สับสน :
>หลายคนคิดว่าการมีเครื่องหมายคอมม่าใน Adj.Cl.จะมีก็ได้หรือไม่มีก็ได้ความหมายมันไม่แตกต่างกัน อันนี้ไม่จริง เหตุผลตามที่อธิบายไว้แล้ว
>หลายคนสับสน Adj.Cl.ที่มีเครื่องหมายคอมม่า ว่าไม่จำเป็นต้องมี Adj.Cl.ชนิดนี้ก็ได้ (อาจสับสนเพราะตีความจากชื่อของมันผิด)
ความคิดนี้ไม่ถูกต้อง ถ้าไม่มีผู้เขียนจะเขียน Adj.Cl. มาทำไมให้รกลูกตาเวลาอ่าน
ข้อคิดที่ต้องตระหนัก :
เพราะเนื่องจาากว่า Adj.Cl.ที่มีเครื่องหมายคอมม่ามันมีนัยสำคัญว่าหนึ่งเดียวเท่านั้นคั้งนั้นข้อความต่อไปนี้จึงจำเป็นต้องใส่เครื่องหมายคอมม่ามิฉะนั้นแล้ว
ความหมายที่สื่อออกไปจะไม่ make sense
>My mother, who enjoys cooking, is going to the market.
ประโยคนี้ต้องใส่เครื่องหมายคอมม่าถ้าไมใส่มันจมีนัยสำคัญว่า ฉันมีแม่หลายคนและมีอยู่คนหนึ่งซึ่งชอบทำอาหารไปตลาด
ดังนั้นสรุปได้ว่านามที่มีสิ่ง เดียว เซ็ทเดียว ถ้าต้องการขยายด้วย Adj.Cl.จงใส่เครื่องหมายคอมม่าด้วย
>ชื่อเฉพาะประมาณ 90% มักเป็นสิ่งเดียว เช่น Bangkok, which is the capital of Thailand, is the most beautiful city in the world.ข้อความนี้ถ้าไม่ใส่เครื่องหมายคอมม่าจะมีนัยสำคัญว่า มีหลายกรุงเทพแล้วเลือกมาหนึ่งกรุงเทพ
ยังมีอีกหลายประเด็นที่เกี่ยวกับการมีคอมม่าและไม่มีคอมม่าแต่ผู้เขียนขอจบไว้เพียงแค่นี้
Who knows " How to Stop Puppy Whining " ?
Who let the dogs (out) howl ?
ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับประเด็นที่เป็นปัญหาทางไวยกรณ์ (1)
มีหลายคนมากที่มักสับสนก้บ Adjective Clause แบบที่มีเครื่องหมาย (,) และไม่มีเครื่งหมาย (,)
ผู้เขียนขอชี้แจงให้ความกระจ่างดังนี้:
ก่อนอื่นต้องมาเข้าใจเสียก่อนว่า Adj.Cl. นั้นมีการเขียน 2 แบบคือ
1.การเขียนแบบสอดใส้เช่น
That student who is sitting there is my brother.
That student, who is sitting there, is my brother.
That student.......... is my brother. = Main Clause (ประโยคหลัก)
........who is sitting there...... = Subordinate Clause (ประโยครองแบบสอดใส้)
2.การเขียนแบบต่อท้าย
Tom picks out the books which he likes.
Tom picks out the books, which he likes.
Tom picks out the books = Main Clause (ประโยคหลัก)
.........which he likes. (ประโยครองแบบต่อท้าย)
ทีนี้เรามารู้จัก Adj.Cl.ว่ามันมีสองชนิด
ชนิดที่ 1. ชนิดนี้ไม่มีเครื่งหมายคอมม่าเรียกว่า Defining Adjective Clause หรือ Restrictive Adjective Clause หรือ Necessary Adjective Clause หรือจะเรียกอะไรอีกก็แล้วแต่ผู้เขียนตำรา
Adj.Cl.ประเภทนี้ให้ความหมายคือ ผู้รับสารจะต้องตีความนัยสำคัญของข้มูลเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด (define, restrict, necessary) ว่าข้อมูลนั้นมีหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น:
ประโยค A (Adj.Cl.ขยายคำนามเอกพจน์)
I have a sister who is a teacher. ฉันมีพี่สาวคนหนึ่งผู้ซึ่งเป็นครู
ตีความตามนัยสำคัญของประโยคได้ว่า:
1.ในครอบครัวของฉันมีพี่สาวอยู่หลายคนและมีคนหนึ่งผู้ซึ่งเป็นครู
2.ประโยค "ผูซึ่งเป็นครู" เป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่ผู้รับสารตัองตีความนัยสำคัญจากคำนามที่มันไปขยายอย่างเคร่งครัด (ในกรณีที่ไม่มีเครื่องหมายคอมม่าจะมีนัยสำคัญว่า "คำนามนั้นมีความหมายมากกว่าหนึง แล้วเลือกมาแค่หนึ่งเท่านั้น")
ประโยค B (Adj.Cl.ขยายคำนามพหูพจน์)
I have sisters who are teachers. ฉันมีพี่สาวอยู่หลายคนผู้ซึ่งเป็นครู
ตีความตามนัยสำคัญของประโยคได้ว่า:
1ในครอบครัวของฉันมีพี่สาวอยู่หลายคนและมีมากกว่าหนึ่งคนซึ่งเป็นครูแต่ไม่ได้เป็นครูหมดทุกคน (อธิบายให้เข้าใจได้ว่าฉันมีพี่สาวอยู่ห้าคนแต่มีสามคนที่เป็นครู ประโยคนี้เป็นการสมมุติตัวเลขเพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้น)
2.ประโยค "ผูซึ่งเป็นครู" เป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่ผู้รับสารจะต้องตีความนัยสำคัญจากคำนามทีมันไปขยายอย่างเคร่งครัด (ในกรณีที่ไม่มีเครื่องหมายคอมม่าจะมีนัยสำคัญว่า"คำนามนั้นมีความหมายมากกว่าหนึง แล้วเลือกมาแค่สองสามไม่ใช่ทั้งหมด")
ชนิดที่ 2.ชนิดนี้มีเครื่องหมายคอมม่าเรียกว่า Nondefining Adjective Clause หรือ Nonrestrictive Adjective Clause หรือ Unnecessary Adjective Clause หรือจะเรียกอะไรอีกก็แล้วแต่ผู้เขียนตำรา และAdj.Cl.ประเภทนี้มักปรากฎอยู่แต่ในภาษาเขียน (เพราะภาษาพูดไม่รู้ว่าจะเอ่ยเครื่องหมายคอมม่าได้อย่างไร) Adj.Cl.ประเภทนี้ให้ความหมายคือ ผู้รับสารไม่จำเป็นต้องตีความนัยสำคัญของข้มูลเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด (nondefine, nonrestrict, unnecessary) ว่าข้อมูลนั้นมีหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่ง เพราะข้อมูลทีให้มาจะมีความหมาตามนัยสำคัญว่ามีหนึ่งเดียวเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น:
ประโยค A (Adj.Cl.ขยายคำนามเอกพจน์)
I have a sister, who is a teacher.ฉันมีพี่สาวคนหนึ่งผู้ซึ่งเป็นครู
ตีความตามนัยสำคัญของประโยคได้ว่า:
1.ในครอบครัวของฉันมีพี่สาวอยู่คนเดียวและพี่สาวเพียงคนเดียวคนนั้นผู้ซึ่งเป็นครู
2.ประโยค "ผูซึ่งเป็นครู" เป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่ผู้รับสารไม่จำเป็นตัองตีความนัยสำคัญจากคำนามที่มันไปขยายอย่างเคร่งครัดเพราะรู้อยู่แล้วว่ามีเพียงหนึ่งเดียว (ในกรณีที่มีเครื่องหมายคอมม่าจะมีนัยสำคัญว่า "คำนามนั้นมีความหมายแค่เพีนงหนึงเดียว แล้วก็เลือกได้แค่หนึ่งเดียวเท่านั้น")
ประโยค B (Adj.Cl.ขยายคำนามพหูพจน์)
I have sisters, who are teachers. ฉันมีพี่สาวอยู่หลายคนผู้ซึ่งเป็นครู
ตีความตามนัยสำคัญของประโยคได้ว่า:
1ในครอบครัวของฉันมีพี่สาวอยู่หนึ่งเซ็ท(set)และทั้งหนึ่งเซ็ทนั้นป็นครูเป็นครูหมดทุกคน
(อธิบายให้เข้าใจได้ว่าฉันมีพี่สาวอยู่หนึ่ง set ซึ่งหนึ่ง set นั้นมีสมาขิกที่เป็นพี่สาวห้าคนและทั้งห้าคนในหนึ่ง set นี้เป็นครูทั้งหมด ประโยคนี้เป็นการสมมุติตัวเลขเพื่อให้เข้าใจยิ่งขึ้น)
2.ประโยค "ผูซึ่งเป็นครู" เป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่ผู้รับสารไม่จำเป็นต้องตีความนัยสำคัญจากคำนามทีมันไปขยายอย่างเคร่งครัด (ในกรณีที่มีเครื่องหมายคอมม่าจะมีนัยสำคัญว่า"คำนามนั้นมีความหมายหนึ่งเดียว และสามารถเลือกได้แค่หนึ่งเดียวเท่านั้น")
ประเด็นที่สับสน :
>หลายคนคิดว่าการมีเครื่องหมายคอมม่าใน Adj.Cl.จะมีก็ได้หรือไม่มีก็ได้ความหมายมันไม่แตกต่างกัน อันนี้ไม่จริง เหตุผลตามที่อธิบายไว้แล้ว
>หลายคนสับสน Adj.Cl.ที่มีเครื่องหมายคอมม่า ว่าไม่จำเป็นต้องมี Adj.Cl.ชนิดนี้ก็ได้ (อาจสับสนเพราะตีความจากชื่อของมันผิด)
ความคิดนี้ไม่ถูกต้อง ถ้าไม่มีผู้เขียนจะเขียน Adj.Cl. มาทำไมให้รกลูกตาเวลาอ่าน
ข้อคิดที่ต้องตระหนัก :
เพราะเนื่องจาากว่า Adj.Cl.ที่มีเครื่องหมายคอมม่ามันมีนัยสำคัญว่าหนึ่งเดียวเท่านั้นคั้งนั้นข้อความต่อไปนี้จึงจำเป็นต้องใส่เครื่องหมายคอมม่ามิฉะนั้นแล้ว
ความหมายที่สื่อออกไปจะไม่ make sense
>My mother, who enjoys cooking, is going to the market.
ประโยคนี้ต้องใส่เครื่องหมายคอมม่าถ้าไมใส่มันจมีนัยสำคัญว่า ฉันมีแม่หลายคนและมีอยู่คนหนึ่งซึ่งชอบทำอาหารไปตลาด
ดังนั้นสรุปได้ว่านามที่มีสิ่ง เดียว เซ็ทเดียว ถ้าต้องการขยายด้วย Adj.Cl.จงใส่เครื่องหมายคอมม่าด้วย
>ชื่อเฉพาะประมาณ 90% มักเป็นสิ่งเดียว เช่น Bangkok, which is the capital of Thailand, is the most beautiful city in the world.ข้อความนี้ถ้าไม่ใส่เครื่องหมายคอมม่าจะมีนัยสำคัญว่า มีหลายกรุงเทพแล้วเลือกมาหนึ่งกรุงเทพ
ยังมีอีกหลายประเด็นที่เกี่ยวกับการมีคอมม่าและไม่มีคอมม่าแต่ผู้เขียนขอจบไว้เพียงแค่นี้
Who knows " How to Stop Puppy Whining " ?
Who let the dogs (out) howl ?