วานรินทร์ตื่นขึ้นมาเมื่อเวลาทุ่มครึ่ง แม้จะยังเพลีย แต่ก็กังวลเกินกว่าจะหลับต่อไปได้ จเรนทรจะหัดเลียนแบบท่าทางให้เหมือนเจ้าชายนาธีคราได้อย่างไร ถ้าหากไม่ยอมให้สอนกันเสียที
หนุ่มร่างบางผู้รับภาระหนักหนา ลุกขึ้นมาจดรายละเอียดทั้งเรื่องใหญ่เรื่องย่อยที่นายร้อยเอกนั่นไม่มีทางจะรู้ได้อีกครั้ง... เช่น เจ้าชายเป็นคนถนัดมือขวา ซึ่งตามปกติแล้วก็ไม่ควรจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด ยกเว้นตอนที่สังเกตเห็นว่า จเรนทรเป็นคนถนัดซ้าย
วานรินทร์จดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไว้ด้วย เช่น เจ้าชายมีนิสัยชอบหมุนแหวนตราประจำพระองค์ ที่สวมอยู่บนนิ้วมือข้างขวา เวลาที่ทรงใช้ความคิด
คนยังกังวล ลุกขึ้นจากโต๊ะ เริ่มต้นออกเดินกลับไปกลับมา กึ่งวิกตกึ่งหงุดหงิดและโมโหนายผู้กองหน้าหล่อนั่น...
อันที่จริง... ใครจะสนใจว่าธีคราทำอะไรกับเครื่องประดับของตัวเอง ใครกันที่จะสนใจมองอย่างจริงจัง... ก็แล้วทำไมเขาต้องจดรายละเอียดเสียยาวเหยียด ในเรื่องขี้ปะติ๋ว ในขณะที่เรื่องพื้นๆ อย่างเช่นท่าเดินและการยืนตัวตรงแข็งทื่อของธีครานั่น ก็ยังไม่เห็นจเรนทรจะใส่ใจ
ด้วยความหงุดหงิด วานรินทร์จึงหันไปรื้อเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทาง หยิบกางเกงขาสั้นสำหรับขี่จักรยานกับเสื้อแขนกุดตัวสั้นสำหรับสวมออกกำลังกายออกมา ถึงเวลาที่เขาจะต้องปลดปล่อยความเครียดออกจากตัวเสียแล้ว
ชายหนุ่มหน้าสวยควานลึกลงไปยิ่งขึ้นเพื่อค้นซีดีแผ่นโปรด เขายิ้มเครียดๆ ขณะเดินไปที่สเตริโอราคาแพงที่ฝังอยู่ในผนัง แล้วสอดแผ่นซีดีเข้าในเครื่องเล่น...
เสียงเพลงดังกังวานขึ้น เมื่อกดปุ่มให้เล่นเพลง แล้วก็เร่งความดังให้มากขึ้นไปอีก
ซีดีแผ่นนี้มีเพลงโปรดหลายเพลง... เพลงเร็ว และดัง ด้วยเสียงกลองเป็นจังหวะเร็วถี่ มันเป็นเพลงที่ดี เมื่อสามารถทำให้ติดหูเขาได้
รองเท้าผ้าใบของวานรินทร์วางอยู่บนพื้นตู้ใกล้ห้องอาบน้ำ เขานั่งลงกับพื้นเพื่อสวมและผูกเชือกรองเท้า ปล่อยให้เสียงเพลงอาบไล้ไปทั่วตัว แค่นี้ก็รู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว
แล้วก็ลุกขึ้นยืน เดินไปหยุดยืนกลางห้องนั่งเล่น ผลักเฟอร์นิเจอร์ให้พ้นทาง เปิดฟลอร์ให้โล่ง เพื่อให้มีพื้นที่เคลื่อนไหวได้สะดวก
เมื่อทุกอย่างโล่งดีแล้ว วารินทร์ก็ค่อยๆ เหยียดแขนและขาเพื่อยืดกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้า พออุ่นเครื่องเรียบร้อยดีแล้ว เขาก็หลับตาแล้วปล่อยให้ดนตรีอาบไล้ไปทั่วร่างอีกหน
จากนั้นก็เริ่มเต้น...
เมื่อซีดีผ่านไปได้ครึ่งแผ่น... วานรินทร์ก็ได้คำตอบสำหรับความหงุดหงิดและความโกรธลึกๆ นั่นคือ... ตนเองถูกจ้างมาเพื่อสอนจเรนทรให้แสดงตัวเหมือนเจ้าชาย ซึ่งด้วยความไม่ยอมให้ความร่วมมือแบบนั้น งานนี้ก็ยากและน่ากลัวอยู่แล้ว และถ้านายนั่นไม่ยอมร่วมมือเอาจริงๆ ทุกอย่างก็ไม่มีทางเป็นไปได้... สงสัยต้องมีการข่มขู่กันบ้าง เดี๋ยวเจอกันจะบอกว่า หากยังไม่ร่วมมือ ตัวเขาเองนี่ละ ที่จะถอนตัว
ใช่แล้ว... นั่นละคือสิ่งที่ต้องทำ พอถึงเวลาสามทุ่ม วานรินทร์จะเดินไปยังห้องชุดซึ่งเป็นที่ประทับ ตรงดิ่งเข้าไปหาจเรนทร จ้องตาเขา... แล้วก็....
มีชายคนหนึ่งในชุดดำทั้งตัว ยืนอยู่ด้านในของประตูเฉลียงห้องนอน ยืนพิงกำแพงมองดูที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ของเจ้าชายนาธีคราเต้นอยู่
วานรินทร์สะดุ้ง ผงะไปข้างหลัง เมื่อเห็นร่างกำยำใหญ่โตของผู้บุกรุกที่ยืนอยู่เงียบๆ อีกเป็นอึดใจ กว่าที่สมองจะรับรู้ว่า นั่นคือ ผู้กองจเรนทร คทาวุธ
หัวใจหนุ่มร่างบางเต้นระทึกอยู่ในอกที่ยังสะท้อนขึ้นลงแรงๆ วานรินทร์พยายามหายใจให้ทัน ขณะถลึงตามองอีกฝ่าย ไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่า จเรนทรเข้ามาในห้องนอนของเขาได้อย่างไร
นายร้อยเอกจากหน่วยรบพิเศษกองทัพบก มองตอบกลับมา รู้สึกเหมือนตัวเองหลงวนอยู่ในสีดำลึกลับในดวงตาของวานรินทร์ ขณะที่เสียงดนตรีโอบรอบทั้งสองคนเอาไว้ ท่าทางของคนหน้าสวยเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ เหมือนสัตว์ตัวเปรียวๆ ที่ไม่แน่ใจว่า ควรจะหยุดอยู่กับที่หรือวิ่งหนีไปให้พ้น
จู่ๆ คนที่เขาจ้องมองก็หมุนตัวเดินไปปิดสวิตช์สเตริโอ เสียงเพลงเงียบลงปุบปับ ก่อนที่เรือนผมย้อมสีน้ำตาลหลายเฉดของวานรินทร์ จะหันกลับมาเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง “คุณมาทำอะไรที่นี่”
“พิสูจน์ให้เห็น” จเรนทรบอกง่ายๆ เสียงฟังตึงเครียดและแหบห้าวแม้แต่กับหูตัวเอง และสาเหตุที่เสียงเขาเป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่ความลับ เพราะการได้เห็นอีกฝ่ายในสภาพอย่างนี้ ทำให้ความดันโลหิตในตัวเขาพุ่งสูง เช่นเดียวกับสิ่งอื่นเหมือนกัน
“ผมไม่เข้าใจฮะ” วานรินทร์พูด หรี่ตาลงขณะมองหน้าเขาอย่างเพ่งพิศ ราวกับค้นหาคำตอบ “คุณเข้ามาได้ยังไง ประตูผมล็อกเอาไว้”
จเรนทรบุ้ยใบ้ไปทางประตูเลื่อนที่เปิดออกไปสู่ระเบียง “เปล่านี่นะ อันที่จริง มันแง้มอยู่ด้วยซ้ำ คืนนี้อากาศดี ถ้าคุณสูดลมหายใจลึก ๆ อาจจะได้กลิ่นแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยละ”
วานรินทร์ได้แต่มองหน้าเขาขณะพยายามทบทวนคำพูดของชายหนุ่มกับความจริงที่ตนรู้มา ห้องนี้อยู่บนชั้นสิบของโรงแรม สูงขึ้นจากพื้นดินสิบชั้นด้วยกัน แขกของโรงแรมคงไม่สามารถเดินทะลุประตูระเบียงห้องแขกคนอื่นได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน
ในขณะที่ฝ่ายจเรนทรเองก็ไม่สามารถถอนสายตา ที่คอยแต่จะเลื่อนลงไปตามเรือนร่างของหนุ่มร่างบางราวผู้หญิงที่ออกกำลังเป็นประจำสักคน เฮ้อ... นายหน้าหวานนี่ช่างเป็นกล่องของขวัญที่เย้ายวนใจเสียเหลือเกิน...
กางเกงขาสั้นรัดรูปดึงเปรี๊ยะ สีม่วงสลับเทา กระชับชัดทั้งด้านหน้าและหลัง กับเสื้อยืดหลังเว้ากระชับรูปร่างสีดำตัวสั้น ที่เปิดหน้าท้องที่มีลอนกล้ามเนื้อน่าลูบเล่น พร้อมเผยให้เห็นผิวผุดผาดดุจครีมเนื้อเนียนแน่น ปลายผมขอดสลวยระอยู่เหนือบ่าขาวผ่อง ท่าทางทั้งเนื้อทั้งตัว ของคนเพิ่งเต้นรัวๆ อยู่มากกว่าครึ่งชั่วโมง เหมือนพร้อมจะระเบิดออกมาเป็นไอ
หนุ่มน้อยตรงหน้าเขา เป็นคนผอมเพรียว แต่ก็ไม่ผอมแห้งอย่างที่เขาเคยคิด เอวเล็ก หน้าท้องแบนเรียบ ก่อนค่อยๆ ผายออก...อย่างกับผู้หญิง... มัน... แบบว่า บั้นท้ายกลมมนหนั่นแน่นนั่น...
ส่วนขานั้นสวยเสียจนแทบไม่น่าเชื่อ แต่จเรนทรก็เคยเห็นมาก่อนแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะออกไปประชุมแผนการเมื่อครู่ก่อนหน้า กระนั้น เมื่อมันมาอยู่ใต้กางเกงขาสั้นรัดรูปอย่างนี้ ขาเรียวยาวของเขาก็ยิ่งสะดุดตามาขึ้น เหมือนจะยาวยิ่งขึ้น ส่วนบนนั้นทรวงอกนูนขึ้นมาตามมัดกล้ามเนื้อ เขายังเห็นไตเล็กๆ ของยอดอก และความรัดรูปด้วยคุณภาพสุดจะสมบูรณ์แบบนั้น ก็ทำให้จเรนทรพิจารณาทุกสัดส่วนได้ถนัดตา
อา... โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่าเต้นที่เขาเห็นเมื่อแรกปืนข้ามระเบียงเข้ามานั้น ก็ยิ่งเย้ายวนใจ ก่อให้เกิดอารมณ์หวามๆ อย่างยากจะหักห้าม เห็นไหมล่ะ... เขามองอีกฝ่ายถูกตั้งแต่แรก ที่ว่าวานรินทร์จะต้องซ่อนเร้นปิดบังอะไรบางอย่าง ไว้ภายใต้สูททื่อๆ ทึมๆ โบราณและท่าทางเย็นชาห่างเหิน ใครเลยจะคิดว่า หนุ่มร่างบางท่าทางขี้โรค จะใช้เวลายามว่างเต้นรัวๆ หนักๆ เหมือนที่เขาเห็นจากช่องดนตรีข้ามชาติ
วานรินทร์ยังคงหอบหายใจแรง เนื่องจากการออกแรงเต้น หรือไม่ก็... อาจจะเป็นไปได้มากว่า หนุ่มร่างบางหายใจแรงเพราะยังตกใจไม่หาย ที่เห็นเขาโผล่มาเงียบๆ แบบนี้
อันที่จริงจเรนทรเข้ามายืนอยู่ข้างในเกือบยี่สิบนาทีได้แล้ว กว่าที่วานรินทร์จะเงยหน้าขึ้นมอง เขาเองก็ไม่คิดจะรีบร้อนขัดจังหวะ ยินดีด้วยซ้ำ หากจะได้ยืนดูหนุ่มหน้าสวยเต้นๆ ไปทั้งคืนอย่างมีความสุข
เฮ้อ... ก็อาจจะ... ไม่ทั้งคืน...
วานรินทร์ก้าวถอยหลัง หนีห่างจากเขา ราวกับมองเห็นความคิดอีกฝ่ายได้จากสายตาวาววามคู่นั้น “คุณเข้ามา... ทางระเบียง... อย่างนั้นหรือฮะ...”
จเรนทรพยักหน้าแล้วยื่นอะไรบางอย่างในมือให้ วานรินทร์ตระหนักว่า มันคือดอกไม้นั่นเอง ช่อดอกไฮเดรนเยียฟ้าเข้มขลิบม่วง คออ่อนและชอกช้ำ ปลายกลีบเริ่มเกรียมร้อน เขาเห็นดอกไม้ชนิดนี้ปลูกอยู่ในกระถางข้างนอกโรงแรมนี่เอง
“ผมปีนลงไปข้างล่าง แล้วได้มันติดมือขึ้นมา” นายร้อยรบพิเศษบอก เสียงทุ้มพร่าของเขาอ่อนเบาประเล้าประโลม ให้ความอบอุ่นและสนิทชิดเชื้อ “เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า ผมลงไปที่นั่นมาจริงๆ”
เขายังยื่นดอกไม้ในมือให้ แต่วานรินทร์ไม่อาจขยับเขยื้อนเนื้อตัวได้ สมองแทบจะไม่รับรู้คำพูดของเขา ที่หน้าผากของผู้กองมีแถบผ้าสีดำคาดเอาไว้ คงเพื่อกันไม่ให้ผมยาวของเขาตกระลงมานั่นเอง
กางเกงและเสื้อคอเต่าแขนยาวที่สวมเป็นสีดำ และมีเครื่องมือบางอย่างคาดไขว้ทับเอาไว้ แม้ว่าอากาศของฤดูต้นหนาวจะค่อนข้างยะเยือกเย็น แต่น่าแปลกที่เขาไม่สวมรองเท้า หน้าเขาไม่ยิ้ม สีหน้าดูกระด้างไร้ความปรานี และน่ากลัว น่ากลัวเอามากๆ เสียด้วย
วานรินทร์มองดูคนตรงหน้า หัวใจเหมือนจะโลดขึ้นมาอยู่ที่ลำคอ เมื่อชายหนุ่มร่างหนาตัวสูงล่ำ ก้าวเข้ามาหาแล้วยัดดอกไม้ใส่มือ
คนทำตัวไม่ถูกรู้สึกเหมือนตัวเอง ถูกดึงดูลงสู่ความล้ำลึกของดวงตา เปลวไฟในแววตาที่เห็นนั่น ยังรวมถึงริมฝีปากที่เม้มแน่นอย่างหิวกระหาย
แล้วความหมายในคำพูดคนตรงหน้า ก็แทรกเข้ามาในความคิด
เขาปีนลงไปถึงพื้นล่าง... แล้วปีนกลับขึ้นมาอีกครั้งงั้นหรือ สิบชั้นนี่นะ
“ปีน... ลงไปข้างล่าง นอกโรงแรมน่ะนะ โดย... แบบว่า... ไม่มีใครคิดจะห้ามคุณเลยงั้นหรือ” วานรินทร์ก้มลงมองดูดอกไม้ในมือ หวังว่าอีกฝ่ายคงไม่ทันได้สังเกตน้ำเสียงสั่นๆ ของตน
ผู้กองที่บ้าระห่ำที่สุด เท่าที่วานรินทร์เคยเห็นมา เดินไปยังบานประตูเลื่อน แล้วดึงม่านให้ปิดลง
นั่นเพื่อความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวกันแน่นะ คนยังอยู่ในชุดรัดรูปแนบเนื้อแอบสงสัยเมื่อหันหนี กลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นแววปรารถนาแบบเดียวกัน ที่สะท้อนอยู่ในดวงตาตน
ความปรารถนา... นี่เกิดอะไรขึ้น ... จริงอยู่ ที่ว่านายร้อยเอกรบพิเศษจะเป็นคนหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาเหลือร้าย แต่แม้ว่ารูปร่างหน้าตาเขาจะมีเสน่ห์ดึงดูดใจขนาดไหน เนื้อแท้แล้ว เขาก็ยังคนหยาบคาย ไม่รู้จักกาลเทศะ ดูหมิ่นคนอื่น หยาบกระด้างไปทั้งกิริยาและลักษณะท่าทาง
อันที่จริงนายผู้กองคนนี้ ยังห่างไกลคำว่า เจ้าชาย มากยิ่งกว่าใครคนไหนๆ ที่เขาเคยรู้จักมาก่อน สองคนไม่เคยคุยกันดีๆ ตามประสาคนมีมารยาทในสังคม กลับทะเลาะถกเถียงกันตลอดเวลา แต่ว่า... แล้วทำไมวานรินทร์ถึงคิดถึงเรื่องอื่นไม่ออก นอกจากสัมผัสจากมือหนาแน่นเนื้อและอบอุ่นที่แตะลงมาบนผิวกาย ริมฝีปากที่จะประทับลงมา และทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาที่... บด... เบียด
“ไม่มีใครเห็นผมปีนลงไป หรือ ปีนขึ้นมา” ผู้กองจากหน่วยรบพิเศษบอก น้ำเสียงกังวานอยู่รอบตัวอีกฝ่าย มัน... ฟังคล้ายๆ... กำมะหยี่นุ่มละมุน “ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ทางด้านนี้ของตัวอาคารเลย ทีมจากกองปราบไม่ได้เห็นระเบียงนี่เป็นประตูหลังบ้าน...อย่างที่มันเป็น มันเป็นประตูหลัง... ที่ทำให้ผมสามารถเข้าถึงตัวคุณได้”
“แต่... มันก็ไกลจากพื้นดินตั้งเยอะนะฮะ” วานรินทร์เถียง พยายามไม่คิดถึงความหมายแฝงเร้นในถ้อยคำที่ได้ยิน
“มันปีนขึ้นมาได้ง่ายมาก ขึ้นลงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ”
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง... นี่หรือคือสิ่งที่ผู้กองเจนเสียเวลาทำลงไป...
(มีต่อ)
นิยาย : เจ้าชายในฝัน (Y-story) : บทที่ 9
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
************************************************************
เจ้าชายในฝัน
บทที่ 9
วานรินทร์ตื่นขึ้นมาเมื่อเวลาทุ่มครึ่ง แม้จะยังเพลีย แต่ก็กังวลเกินกว่าจะหลับต่อไปได้ จเรนทรจะหัดเลียนแบบท่าทางให้เหมือนเจ้าชายนาธีคราได้อย่างไร ถ้าหากไม่ยอมให้สอนกันเสียที
หนุ่มร่างบางผู้รับภาระหนักหนา ลุกขึ้นมาจดรายละเอียดทั้งเรื่องใหญ่เรื่องย่อยที่นายร้อยเอกนั่นไม่มีทางจะรู้ได้อีกครั้ง... เช่น เจ้าชายเป็นคนถนัดมือขวา ซึ่งตามปกติแล้วก็ไม่ควรจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด ยกเว้นตอนที่สังเกตเห็นว่า จเรนทรเป็นคนถนัดซ้าย
วานรินทร์จดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไว้ด้วย เช่น เจ้าชายมีนิสัยชอบหมุนแหวนตราประจำพระองค์ ที่สวมอยู่บนนิ้วมือข้างขวา เวลาที่ทรงใช้ความคิด
คนยังกังวล ลุกขึ้นจากโต๊ะ เริ่มต้นออกเดินกลับไปกลับมา กึ่งวิกตกึ่งหงุดหงิดและโมโหนายผู้กองหน้าหล่อนั่น...
อันที่จริง... ใครจะสนใจว่าธีคราทำอะไรกับเครื่องประดับของตัวเอง ใครกันที่จะสนใจมองอย่างจริงจัง... ก็แล้วทำไมเขาต้องจดรายละเอียดเสียยาวเหยียด ในเรื่องขี้ปะติ๋ว ในขณะที่เรื่องพื้นๆ อย่างเช่นท่าเดินและการยืนตัวตรงแข็งทื่อของธีครานั่น ก็ยังไม่เห็นจเรนทรจะใส่ใจ
ด้วยความหงุดหงิด วานรินทร์จึงหันไปรื้อเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทาง หยิบกางเกงขาสั้นสำหรับขี่จักรยานกับเสื้อแขนกุดตัวสั้นสำหรับสวมออกกำลังกายออกมา ถึงเวลาที่เขาจะต้องปลดปล่อยความเครียดออกจากตัวเสียแล้ว
ชายหนุ่มหน้าสวยควานลึกลงไปยิ่งขึ้นเพื่อค้นซีดีแผ่นโปรด เขายิ้มเครียดๆ ขณะเดินไปที่สเตริโอราคาแพงที่ฝังอยู่ในผนัง แล้วสอดแผ่นซีดีเข้าในเครื่องเล่น...
เสียงเพลงดังกังวานขึ้น เมื่อกดปุ่มให้เล่นเพลง แล้วก็เร่งความดังให้มากขึ้นไปอีก
ซีดีแผ่นนี้มีเพลงโปรดหลายเพลง... เพลงเร็ว และดัง ด้วยเสียงกลองเป็นจังหวะเร็วถี่ มันเป็นเพลงที่ดี เมื่อสามารถทำให้ติดหูเขาได้
รองเท้าผ้าใบของวานรินทร์วางอยู่บนพื้นตู้ใกล้ห้องอาบน้ำ เขานั่งลงกับพื้นเพื่อสวมและผูกเชือกรองเท้า ปล่อยให้เสียงเพลงอาบไล้ไปทั่วตัว แค่นี้ก็รู้สึกดีขึ้นเยอะแล้ว
แล้วก็ลุกขึ้นยืน เดินไปหยุดยืนกลางห้องนั่งเล่น ผลักเฟอร์นิเจอร์ให้พ้นทาง เปิดฟลอร์ให้โล่ง เพื่อให้มีพื้นที่เคลื่อนไหวได้สะดวก
เมื่อทุกอย่างโล่งดีแล้ว วารินทร์ก็ค่อยๆ เหยียดแขนและขาเพื่อยืดกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้า พออุ่นเครื่องเรียบร้อยดีแล้ว เขาก็หลับตาแล้วปล่อยให้ดนตรีอาบไล้ไปทั่วร่างอีกหน
จากนั้นก็เริ่มเต้น...
เมื่อซีดีผ่านไปได้ครึ่งแผ่น... วานรินทร์ก็ได้คำตอบสำหรับความหงุดหงิดและความโกรธลึกๆ นั่นคือ... ตนเองถูกจ้างมาเพื่อสอนจเรนทรให้แสดงตัวเหมือนเจ้าชาย ซึ่งด้วยความไม่ยอมให้ความร่วมมือแบบนั้น งานนี้ก็ยากและน่ากลัวอยู่แล้ว และถ้านายนั่นไม่ยอมร่วมมือเอาจริงๆ ทุกอย่างก็ไม่มีทางเป็นไปได้... สงสัยต้องมีการข่มขู่กันบ้าง เดี๋ยวเจอกันจะบอกว่า หากยังไม่ร่วมมือ ตัวเขาเองนี่ละ ที่จะถอนตัว
ใช่แล้ว... นั่นละคือสิ่งที่ต้องทำ พอถึงเวลาสามทุ่ม วานรินทร์จะเดินไปยังห้องชุดซึ่งเป็นที่ประทับ ตรงดิ่งเข้าไปหาจเรนทร จ้องตาเขา... แล้วก็....
มีชายคนหนึ่งในชุดดำทั้งตัว ยืนอยู่ด้านในของประตูเฉลียงห้องนอน ยืนพิงกำแพงมองดูที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ของเจ้าชายนาธีคราเต้นอยู่
วานรินทร์สะดุ้ง ผงะไปข้างหลัง เมื่อเห็นร่างกำยำใหญ่โตของผู้บุกรุกที่ยืนอยู่เงียบๆ อีกเป็นอึดใจ กว่าที่สมองจะรับรู้ว่า นั่นคือ ผู้กองจเรนทร คทาวุธ
หัวใจหนุ่มร่างบางเต้นระทึกอยู่ในอกที่ยังสะท้อนขึ้นลงแรงๆ วานรินทร์พยายามหายใจให้ทัน ขณะถลึงตามองอีกฝ่าย ไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่า จเรนทรเข้ามาในห้องนอนของเขาได้อย่างไร
นายร้อยเอกจากหน่วยรบพิเศษกองทัพบก มองตอบกลับมา รู้สึกเหมือนตัวเองหลงวนอยู่ในสีดำลึกลับในดวงตาของวานรินทร์ ขณะที่เสียงดนตรีโอบรอบทั้งสองคนเอาไว้ ท่าทางของคนหน้าสวยเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ เหมือนสัตว์ตัวเปรียวๆ ที่ไม่แน่ใจว่า ควรจะหยุดอยู่กับที่หรือวิ่งหนีไปให้พ้น
จู่ๆ คนที่เขาจ้องมองก็หมุนตัวเดินไปปิดสวิตช์สเตริโอ เสียงเพลงเงียบลงปุบปับ ก่อนที่เรือนผมย้อมสีน้ำตาลหลายเฉดของวานรินทร์ จะหันกลับมาเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง “คุณมาทำอะไรที่นี่”
“พิสูจน์ให้เห็น” จเรนทรบอกง่ายๆ เสียงฟังตึงเครียดและแหบห้าวแม้แต่กับหูตัวเอง และสาเหตุที่เสียงเขาเป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่ความลับ เพราะการได้เห็นอีกฝ่ายในสภาพอย่างนี้ ทำให้ความดันโลหิตในตัวเขาพุ่งสูง เช่นเดียวกับสิ่งอื่นเหมือนกัน
“ผมไม่เข้าใจฮะ” วานรินทร์พูด หรี่ตาลงขณะมองหน้าเขาอย่างเพ่งพิศ ราวกับค้นหาคำตอบ “คุณเข้ามาได้ยังไง ประตูผมล็อกเอาไว้”
จเรนทรบุ้ยใบ้ไปทางประตูเลื่อนที่เปิดออกไปสู่ระเบียง “เปล่านี่นะ อันที่จริง มันแง้มอยู่ด้วยซ้ำ คืนนี้อากาศดี ถ้าคุณสูดลมหายใจลึก ๆ อาจจะได้กลิ่นแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยละ”
วานรินทร์ได้แต่มองหน้าเขาขณะพยายามทบทวนคำพูดของชายหนุ่มกับความจริงที่ตนรู้มา ห้องนี้อยู่บนชั้นสิบของโรงแรม สูงขึ้นจากพื้นดินสิบชั้นด้วยกัน แขกของโรงแรมคงไม่สามารถเดินทะลุประตูระเบียงห้องแขกคนอื่นได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน
ในขณะที่ฝ่ายจเรนทรเองก็ไม่สามารถถอนสายตา ที่คอยแต่จะเลื่อนลงไปตามเรือนร่างของหนุ่มร่างบางราวผู้หญิงที่ออกกำลังเป็นประจำสักคน เฮ้อ... นายหน้าหวานนี่ช่างเป็นกล่องของขวัญที่เย้ายวนใจเสียเหลือเกิน...
กางเกงขาสั้นรัดรูปดึงเปรี๊ยะ สีม่วงสลับเทา กระชับชัดทั้งด้านหน้าและหลัง กับเสื้อยืดหลังเว้ากระชับรูปร่างสีดำตัวสั้น ที่เปิดหน้าท้องที่มีลอนกล้ามเนื้อน่าลูบเล่น พร้อมเผยให้เห็นผิวผุดผาดดุจครีมเนื้อเนียนแน่น ปลายผมขอดสลวยระอยู่เหนือบ่าขาวผ่อง ท่าทางทั้งเนื้อทั้งตัว ของคนเพิ่งเต้นรัวๆ อยู่มากกว่าครึ่งชั่วโมง เหมือนพร้อมจะระเบิดออกมาเป็นไอ
หนุ่มน้อยตรงหน้าเขา เป็นคนผอมเพรียว แต่ก็ไม่ผอมแห้งอย่างที่เขาเคยคิด เอวเล็ก หน้าท้องแบนเรียบ ก่อนค่อยๆ ผายออก...อย่างกับผู้หญิง... มัน... แบบว่า บั้นท้ายกลมมนหนั่นแน่นนั่น...
ส่วนขานั้นสวยเสียจนแทบไม่น่าเชื่อ แต่จเรนทรก็เคยเห็นมาก่อนแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะออกไปประชุมแผนการเมื่อครู่ก่อนหน้า กระนั้น เมื่อมันมาอยู่ใต้กางเกงขาสั้นรัดรูปอย่างนี้ ขาเรียวยาวของเขาก็ยิ่งสะดุดตามาขึ้น เหมือนจะยาวยิ่งขึ้น ส่วนบนนั้นทรวงอกนูนขึ้นมาตามมัดกล้ามเนื้อ เขายังเห็นไตเล็กๆ ของยอดอก และความรัดรูปด้วยคุณภาพสุดจะสมบูรณ์แบบนั้น ก็ทำให้จเรนทรพิจารณาทุกสัดส่วนได้ถนัดตา
อา... โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่าเต้นที่เขาเห็นเมื่อแรกปืนข้ามระเบียงเข้ามานั้น ก็ยิ่งเย้ายวนใจ ก่อให้เกิดอารมณ์หวามๆ อย่างยากจะหักห้าม เห็นไหมล่ะ... เขามองอีกฝ่ายถูกตั้งแต่แรก ที่ว่าวานรินทร์จะต้องซ่อนเร้นปิดบังอะไรบางอย่าง ไว้ภายใต้สูททื่อๆ ทึมๆ โบราณและท่าทางเย็นชาห่างเหิน ใครเลยจะคิดว่า หนุ่มร่างบางท่าทางขี้โรค จะใช้เวลายามว่างเต้นรัวๆ หนักๆ เหมือนที่เขาเห็นจากช่องดนตรีข้ามชาติ
วานรินทร์ยังคงหอบหายใจแรง เนื่องจากการออกแรงเต้น หรือไม่ก็... อาจจะเป็นไปได้มากว่า หนุ่มร่างบางหายใจแรงเพราะยังตกใจไม่หาย ที่เห็นเขาโผล่มาเงียบๆ แบบนี้
อันที่จริงจเรนทรเข้ามายืนอยู่ข้างในเกือบยี่สิบนาทีได้แล้ว กว่าที่วานรินทร์จะเงยหน้าขึ้นมอง เขาเองก็ไม่คิดจะรีบร้อนขัดจังหวะ ยินดีด้วยซ้ำ หากจะได้ยืนดูหนุ่มหน้าสวยเต้นๆ ไปทั้งคืนอย่างมีความสุข
เฮ้อ... ก็อาจจะ... ไม่ทั้งคืน...
วานรินทร์ก้าวถอยหลัง หนีห่างจากเขา ราวกับมองเห็นความคิดอีกฝ่ายได้จากสายตาวาววามคู่นั้น “คุณเข้ามา... ทางระเบียง... อย่างนั้นหรือฮะ...”
จเรนทรพยักหน้าแล้วยื่นอะไรบางอย่างในมือให้ วานรินทร์ตระหนักว่า มันคือดอกไม้นั่นเอง ช่อดอกไฮเดรนเยียฟ้าเข้มขลิบม่วง คออ่อนและชอกช้ำ ปลายกลีบเริ่มเกรียมร้อน เขาเห็นดอกไม้ชนิดนี้ปลูกอยู่ในกระถางข้างนอกโรงแรมนี่เอง
“ผมปีนลงไปข้างล่าง แล้วได้มันติดมือขึ้นมา” นายร้อยรบพิเศษบอก เสียงทุ้มพร่าของเขาอ่อนเบาประเล้าประโลม ให้ความอบอุ่นและสนิทชิดเชื้อ “เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า ผมลงไปที่นั่นมาจริงๆ”
เขายังยื่นดอกไม้ในมือให้ แต่วานรินทร์ไม่อาจขยับเขยื้อนเนื้อตัวได้ สมองแทบจะไม่รับรู้คำพูดของเขา ที่หน้าผากของผู้กองมีแถบผ้าสีดำคาดเอาไว้ คงเพื่อกันไม่ให้ผมยาวของเขาตกระลงมานั่นเอง
กางเกงและเสื้อคอเต่าแขนยาวที่สวมเป็นสีดำ และมีเครื่องมือบางอย่างคาดไขว้ทับเอาไว้ แม้ว่าอากาศของฤดูต้นหนาวจะค่อนข้างยะเยือกเย็น แต่น่าแปลกที่เขาไม่สวมรองเท้า หน้าเขาไม่ยิ้ม สีหน้าดูกระด้างไร้ความปรานี และน่ากลัว น่ากลัวเอามากๆ เสียด้วย
วานรินทร์มองดูคนตรงหน้า หัวใจเหมือนจะโลดขึ้นมาอยู่ที่ลำคอ เมื่อชายหนุ่มร่างหนาตัวสูงล่ำ ก้าวเข้ามาหาแล้วยัดดอกไม้ใส่มือ
คนทำตัวไม่ถูกรู้สึกเหมือนตัวเอง ถูกดึงดูลงสู่ความล้ำลึกของดวงตา เปลวไฟในแววตาที่เห็นนั่น ยังรวมถึงริมฝีปากที่เม้มแน่นอย่างหิวกระหาย
แล้วความหมายในคำพูดคนตรงหน้า ก็แทรกเข้ามาในความคิด
เขาปีนลงไปถึงพื้นล่าง... แล้วปีนกลับขึ้นมาอีกครั้งงั้นหรือ สิบชั้นนี่นะ
“ปีน... ลงไปข้างล่าง นอกโรงแรมน่ะนะ โดย... แบบว่า... ไม่มีใครคิดจะห้ามคุณเลยงั้นหรือ” วานรินทร์ก้มลงมองดูดอกไม้ในมือ หวังว่าอีกฝ่ายคงไม่ทันได้สังเกตน้ำเสียงสั่นๆ ของตน
ผู้กองที่บ้าระห่ำที่สุด เท่าที่วานรินทร์เคยเห็นมา เดินไปยังบานประตูเลื่อน แล้วดึงม่านให้ปิดลง
นั่นเพื่อความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวกันแน่นะ คนยังอยู่ในชุดรัดรูปแนบเนื้อแอบสงสัยเมื่อหันหนี กลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นแววปรารถนาแบบเดียวกัน ที่สะท้อนอยู่ในดวงตาตน
ความปรารถนา... นี่เกิดอะไรขึ้น ... จริงอยู่ ที่ว่านายร้อยเอกรบพิเศษจะเป็นคนหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาเหลือร้าย แต่แม้ว่ารูปร่างหน้าตาเขาจะมีเสน่ห์ดึงดูดใจขนาดไหน เนื้อแท้แล้ว เขาก็ยังคนหยาบคาย ไม่รู้จักกาลเทศะ ดูหมิ่นคนอื่น หยาบกระด้างไปทั้งกิริยาและลักษณะท่าทาง
อันที่จริงนายผู้กองคนนี้ ยังห่างไกลคำว่า เจ้าชาย มากยิ่งกว่าใครคนไหนๆ ที่เขาเคยรู้จักมาก่อน สองคนไม่เคยคุยกันดีๆ ตามประสาคนมีมารยาทในสังคม กลับทะเลาะถกเถียงกันตลอดเวลา แต่ว่า... แล้วทำไมวานรินทร์ถึงคิดถึงเรื่องอื่นไม่ออก นอกจากสัมผัสจากมือหนาแน่นเนื้อและอบอุ่นที่แตะลงมาบนผิวกาย ริมฝีปากที่จะประทับลงมา และทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาที่... บด... เบียด
“ไม่มีใครเห็นผมปีนลงไป หรือ ปีนขึ้นมา” ผู้กองจากหน่วยรบพิเศษบอก น้ำเสียงกังวานอยู่รอบตัวอีกฝ่าย มัน... ฟังคล้ายๆ... กำมะหยี่นุ่มละมุน “ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ทางด้านนี้ของตัวอาคารเลย ทีมจากกองปราบไม่ได้เห็นระเบียงนี่เป็นประตูหลังบ้าน...อย่างที่มันเป็น มันเป็นประตูหลัง... ที่ทำให้ผมสามารถเข้าถึงตัวคุณได้”
“แต่... มันก็ไกลจากพื้นดินตั้งเยอะนะฮะ” วานรินทร์เถียง พยายามไม่คิดถึงความหมายแฝงเร้นในถ้อยคำที่ได้ยิน
“มันปีนขึ้นมาได้ง่ายมาก ขึ้นลงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ”
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง... นี่หรือคือสิ่งที่ผู้กองเจนเสียเวลาทำลงไป...
(มีต่อ)