นิยาย : เจ้าชายในฝัน : บทที่ 4

ขาประจำเริ่มเข้าตา หวังว่าขาจรคงไม่รังเกียจนะคะ เรื่องนี้คนเขียนเขียนไปก็อมยิ้มไปค่ะ
ขอบคุณทุกโหวตทุกไลค์ เป็นกำลังใจมากๆ ให้คนเขียน
ขอบคุณไลค์จากคุณ lovereason ถูกใจ, พิธันดร ถูกใจ, เขมปัณณ์ ถูกใจ, ออมอำพัน ทึ่ง, GTW ถูกใจ
ขอบคุณทุกความคิดเห็น จากคุณ GTW,คุณ ออมอำพัน และคุณพิธันดร ตอบทุกความคิดเห็นไว้ในกระทู้ที่แล้ว http://pantip.com/topic/35507720
ขอบคุณแนวปกสวยๆ จากคุณออมอำพัน
ขอบคุณทุกท่านที่ได้อ่าน "เจ้าชายในฝัน เดอะ วาย-สตอรี่" เรื่องนี้แล้ว
ขอบคุณจากใจเลยค่ะ
********************************


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

**********************************************



เจ้าชายในฝัน บทที่ 4




วานรินทร์หัวใจแทบวาย ผวาไปที่ประตูแล้วรีบล็อกไว้อย่างร้อนรน จะเป็นไอ้นักฆ่าบ้านั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้...

“เดาเอาว่าคุณคงไม่รู้ ว่าผมเข้ามาอยู่ในห้อง” เสียงนั้นยังคงพูดต่อไป เมื่อคนในห้องน้ำรีบสวมเสื้อคลุมผ้าพลิ้วผืนสวยอย่างรวดเร็ว “เท่าที่เห็นจากที่พาดไว้บนเตียง ผมคิดว่าเวลาที่มีคนอื่นอยู่ด้วย คุณคงไม่อยากเดินออกมาจากห้องน้ำ ด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว... หรือน้อยกว่านั้น ผมก็เลย... จัดการเอาเสื้อคลุมไปแขวนไว้ให้คุณที่หลังประตู”

วารินทร์กระชับสายคาดเอว แล้วดึงสาบเสื้อสีขาวประลายช่อลาเวนเดอร์อยู่ที่ชายขอบ ให้กระชับมิดชิด รู้สึกหวงเนื้อหวงตัวขึ้นมาอีกมาก ถ้าคนข้างนอกเกิดเป็นนายจเรนทรขึ้นมาจริงๆ

คนยังอยู่ในห้องน้ำ สูดลมหายใจยาว แล้วค่อยๆ ระบายออก มันช่วยควบคุมให้เขารู้สึกมั่นคงขึ้น และน้ำเสียงคงสั่นเครือน้อยลง ตอนที่ถามขึ้นว่า “คุณเป็นใคร!”

“แล้วคุณล่ะ... เป็นใคร” เสียงนั้นย้อนกลับมา เป็นเสียงทุ้มต่ำที่ทรงพลัง แฝงไว้ด้วยความหยาบกระด้างอย่างชัดเจน “ผมน่ะ ถูกพามาที่นี่ แล้วก็บอกให้คอย ถูกลากตัวมาร่วมพันกิโลเมตร ยังกับเป็นพัสดุส่งด่วนของเฝดเอ๊กซ์อย่างนั้นละ แต่ไม่มีใครสักคนจะอธิบายได้ว่า ผมต้องมาที่นี่ทำไม หรือต้องมาพบใคร...

“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ไม่ใช่ภารกิจเร่งด่วนและลับสุดยอดที่กองบัญชาการ แต่เป็นโรงแรมหรูหราบ้าบอนี้ และ... นอกเหนือจากที่บ่นมานี่ ผมก็ยังจะบอกให้คุณรู้ไว้ด้วยว่า ผมเหนื่อย ผมหิว กางเกงที่ผมใส่ทั้งตัวนอกตัวในเนี่ย มันยังไม่ได้มีโอกาสได้แห้งเลย เป็นสิบชั่วโมงมาแล้ว

“รู้ไหม ผมแทบพังประตูเข้าไป ตอนที่รู้ว่าคุณที่ระเริงระรื่นอยู่ใต้ฝักบัวนั่น เป็นผู้ชายด้วยกัน ผมอยากอาบน้ำ มันคัน มันหนึบมันหนับ มันเหนอะเหนียว เหม็นเปรี้ยวจนจะบูดอยู่แล้ว!” เขากระแทกคำท้าย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่อ่อนจางลง “ส่วนนอกนั้นผมไม่มีปัญหา คิดว่ายินดีที่ได้พบคุณ ดีกว่าจะได้เจอผู้หญิงจู้จี้สักคน ที่คิดว่าตัวเองรู้ดีที่สุดใจโลก”

“ผู้กองจเรนทรหรือฮะ” วานรินทร์ถาม

“ถูกต้องนะคร้าบบบบ” เขาตอบคำเลียนแบบพิธีกรรายการเกมโชว์ชื่อดัง “คุณครับ คุณเพิ่งตอบคำถามของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว”

อีกฝ่ายออกจะงง “แล้วชื่อคุณล่ะ...” ต้องตั้งสติถามให้ชัดๆ อีกครั้ง

“ผม ผู้กองจเรนทร คทาวุธ สังกัดรบพิเศษกองทัพบก”

“ชื่อเล่นล่ะ...”

“เอ่อ! เจน...” คนตอบก็งงๆ เช่นกัน ว่าชื่อเล่นจะช่วยระบุตัวจริงได้หรือยังไง

วานรินทร์กระชากประตูห้องน้ำให้เปิดออก

สิ่งแรกที่สังเกตเห็นในตัวผู้ชายคนนี้ ก็คือขนาดของเขา...

ร้อยเอกจเรนทรเป็นคนตัวใหญ่ สูงกว่าเจ้าชายนาธีคราประมาณห้าเซนติเมตร สูงและล่ำสันไปด้วยมัดกล้าม ผมดำเส้นใหญ่แลดูดกหนา ตัดสั้นกว่าเจ้าชาย และมีไรหนวดเคราที่ไม่ได้โกนมาอย่างน้อยสองวัน ขึ้นครึ้มไปทั่วใบหน้า นั่น... ทำให้เขาดูคมเข้มยิ่งขึ้น

หลังจากเห็นรูปถ่ายในตอนแรก ชายหนุ่มตรงหน้า ไม่ได้เหมือนเจ้าชายเปี๊ยบเหมือนอย่างที่คิด เมื่อพิจารณาดูใกล้ๆ อย่างนี้ วานรินทร์เห็นว่าส่วนจมูกไม่เหมือนเสียทีเดียว... มันคงเคยหักมาก่อน และอาจจะมากกว่าหนึ่งครั้ง และถ้าจะเปรียบเทียบกันอย่างตรงไปตรงมา ผู้ชายตรงหน้านี้ หล่อเหลากว่าเจ้าชายรัชทายาทแห่งบรูนาดารูสเสียอีก

คางของผู้กองจเรนทรออกเหลี่ยมมากกว่า ดูดื้อดึงกว่าเจ้าชาย ส่วนดวงตานั้นเล่า... ยามที่เขามองตอบสายตาตรวจสอบของวานรินทร์ เปลือกตาที่หลุบต่ำลงปิดนัยน์ตาสีดำขลับแจ่มใสไว้ครึ่งๆ แลคล้ายราวกับกำลังพยายามปิดบังความลับสูงสุดเอาไว้จากทุกคนในโลก

ทว่า... ความแตกต่างเหล่านั้น แม้แต่ขนาดรูปร่างที่ไม่เหมือนกันระหว่างชายทั้งสองคน... ก็ยังนับว่าน้อยมาก  คนที่ไม่รู้จักเจ้าชายนาธีคราดีพอ จะไม่มีวันสังเกตเห็นสิ่งเหล่านั้น และความแตกต่างกันนี้ ก็จะไม่มีเอกอัครราชทูตคนใด หรือบรรดาเหล่านักการทูต ที่จะเข้าเฝ้าตามหมายกำหนดการ สังเกตเห็นได้เช่นกัน

“และจากป้ายชื่อที่ติดบนกระเป๋าเดินทางของคุณ คุณก็คือ คุณวานรินทร์ สุขโขจร ใช่ไหม” เขาถาม ออกเสียงนามสกุลอีกฝ่ายผิดเพี้ยน เช่นเดียวคนอื่นทั่วไป

“สุ โข จร...” วานรินทร์บอกด้วยความรู้สึกไม่ไว้วางใจ “คุณจะอ่านว่าสุขโขไม่ได้ เพราะรูปศัพท์ที่แท้จริง มันต่างก็เป็นพยางค์ของตัวเอง ไม่มีตัวสะกด”

จเรนทรไม่สนคำอธิบาย เขามองหน้าคนตัวเล็ก ที่เพียงบอบบางกว่าตนเท่านั้น แต่ไม่ได้เตี้ยกว่าสักเท่าไร เรียกว่ารูปร่างพอฟัดพอเหวี่ยงเลยเชียวละ ไม่ว่าจะเป็นทางแนวตั้งหรือแนวนอน

สายตาของนายทหารรบพิเศษสำรวจอีกฝ่าย แบบเดียวกับที่ตนเพิ่งโดนเมื่ออึดใจก่อนหน้า ทำให้คนถูกจ้องเขม็งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเปลือยเปล่า

และจะว่าไป วานรินทร์ก็นึกเสียใจไม่น้อย ที่ไม่รู้จะรีบร้อนสวมเสื้อคลุมอาบน้ำออกมาทำไม ในเมื่อทั้งเสื้อทั้งกางเกงก็อยู่ในห้องน้ำทั้งชุด

แต่ว่าสารรูปของจเรนทรก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าเขา เสื้อผ้าของทหารร่างล่ำสัน ตรงแขนเสื้อเชิ้ตเหมือนถูกกระชากให้หลุดออก โดยไม่ต้องใช้กรรไกรช่วย กางเกงทหารที่สวมอยู่ก็ถูกตัดขาออก ให้กลายเป็นขาสั้นรุ่งริ่ง ส่วนเท้าก็สวมรองเท้าผ้าใบ แบบที่ใช้สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก มันดูเก่ามอมและแทบหุ้มเท้าใหญ่ๆ นั้นไว้ไม่ได้แล้ว

รวมทั้ง... ท่าทางเขาเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน และ... คุณพระช่วยทอดกล้วยด้วยเถิด!... กลิ่นตัวของเขา มันแย่กว่าสารรูปนั่นเป็นร้อยเป็นพันเท่า

“พุทโธ่!” วานรินทร์อุทานออกมาดังๆ เมื่อเพิ่งได้เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่มองข้ามไปในตอนแรก

จเรนทรไม่ได้สวมเข็มขัด แต่ใช้เชือกเส้นหนาๆ ร้อยหูกางเกงเอาไว้ แล้วผูกเป็นปมแปลกๆ แทนหัวเข็มขัด เขามีรอยสักด้วย... รูปสายฟ้า... บนกล้ามต้นแขนด้านซ้าย มือดำปื๋อด้วยคราบน้ำมันเครื่อง ปลายเล็บนั่น ตัดสั้นแต่ขรุขระ... มันดูห่างไกลกับเล็บที่เจียนมนได้รูปของเจ้าชายนาธีครามากเหลือเกิน

“แล้ว...” วานรินทร์พูดไม่ออก ถ้าต้องเริ่มต้นด้วยการให้คนตรงหน้ารู้จักดูแลความสะอาดของตัวเองละก็  ไม่มีทางที่ตนจะแปลงโฉมนายทหารหนุ่มคนนี้ ให้กลายเป็นเจ้าชายภายในเวลาสามวันได้อย่างแน่นอน

“อะไรล่ะ” จเรนทรทำหน้าบึ้งใส่ น้ำเสียงออกจะป้องกันตัวนิดๆ และแววตาเข้มขึ้นพร้อมการจ้องหน้ากันตรงๆ “ผมไม่ใช่อย่างที่คุณเคยใฝ่ฝันไว้หรือไงล่ะ”

นี้แสดงว่า ผู้กองตัวใหญ่มองออกตั้งแต่แรกใช่ไหม ว่ารสนิยมความรักเขาเป็นเช่นไร แต่วานรินทร์ก็ปฏิเสธคำถามนั้นไม่ได้ เพราะคิดว่าจะได้เห็นนายร้อยเอกแห่งกองทัพบกไทย มาถึงในชุดเครื่องแบบเรียบกริบ ลงแป้งแข็งตามแบบฉบับของนายทหารที่เคร่งครัด... และมีกลิ่นคล้ายมนุษย์มากกว่านี้ หรือไม่ก็ มีกลิ่นของทหารจริงๆ ไม่ใช่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของชาวประมงเช่นนี้... คนต้องรับภาระหนัก ส่ายหน้า เพราะพูดอะไรไม่ออก

สายตาของจเรนทรจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า และเห็นชัดว่าตนเองกำลังถูกจ้องมองอยู่ไม่จบไม่สิ้นเช่นกัน ดวงตาของหนุ่มร่างบอบบาง กลมโตเป็นสีน้ำตาลเข้มจัด ตัดกับผิวขาวผ่องราวกระเบื้องเคลือบเนื้อดี ส่วนผมนั้นยากที่จะบอกได้ว่า สีที่แท้จริงคืออย่างไร เพราะมันเปียกชื้นเพราะอุ้มน้ำ ซ้ำยังถูกย้อมไว้อย่างประณีต เป็นผู้ชายที่ไว้ผมยาวที่น่ามองที่สุดเท่าที่ เขาเคยเห็น

ผมย้อม... น้ำตาลเข้ม... อาจจะประกายทองด้วยกระมัง... และบางทีอาจจะเป็นผมหยักศกด้วย

ถึงจเรนทรจะดูออกตั้งแต่แรก ว่าวานรินทร์ต้องเป็นหนุ่มน้อยที่นิยมชมชอบเพศเดียวกัน แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่า ผมที่ย้อมเป็นสีเหมือนแดดกัดนั่น จะเหมาะกับดวงหน้าขาวละมุน ดวงตาโตกลม ส่งแววหวานเป็นประกาย และกำลังสบตาเขาอยู่อย่างนี้

ยังดีที่ไม่มีทีท่าว่าวานรินทร์จะกันคิ้ว หรือทำศัลยกรรมอะไร ใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้าจเรนทร ดูอ่อนเยาว์จนน่าตกใจ รูปหน้าบอบบางจนเกือบจะเป็นเปราะบาง ไม่อาจพูดได้เต็มปากนักว่าหนุ่มในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ เป็นคนน่ารัก อย่างน้อยก็ตามมุมมองของผู้หญิงทั่วไป แต่สำหรับเจรนทร โหนกแก้มสูงรับกับสันจมูกเล็กๆ น่าขบเล่นนั่น กับริมฝีปากบางแต่อิ่มเต็มและเป็นสีชมพูคล้ำๆ นิดๆ นั่น มันน่าจูบชะมัด...

ไม่สิ... ผู้กองหนุ่มต้องถอยสติของตัวเองออกมา ก็ตรงหน้านี้มันเป็นผู้ชาย ถึงจะไม่ใช่สเป๊กของผู้หญิงทั่วๆ ไป หรือไม่มีความมาดแมนเหมือนอย่างที่ผู้ชายควรจะเป็น แต่... ทว่า... วานรินทร์คนนี้กลับดูมีเสน่ห์สะดุดตาอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างที่เขาเองก็ไม่อาจอธิบายได้

ส่วนเสื้อคลุมของ ชายหนุ่มที่เขาน่าจะรวบเอวไว้ได้ด้วยแขนข้างเดียวนั้นเล่า ก็ตัวใหญ่โคร่งเกินไป พลิ้วบางเกินไป มันดึงดูดความสนใจเขา ให้มองดูรูปร่างซึ่งถ้าเป็นผู้หญิงก็ต้องเรียกว่า อ้อนแอ้น แต่มันก็ยังเน้นให้เห็นข้อมือและข้อเท้ากลมกลึงเรียวบาง ของคนที่อยู่ในชุดใหญ่กว่าตัวนี่ไปด้วย

คนที่จะร่วมงานกับผู้กองจเรนทร เหมือนเด็กตัวเล็กๆ ที่เล่นแต่งตัวโดยขโมยชุดคลุมนอนผ้าแพรของแม่มาสวมเล่นมากกว่า

น่าขัน... เพราะจากแนวตะเข็บและแบบชุดสูทที่พับเรียบร้อยอยู่ในกระเป๋าเดินทางของวานรินทร์ ทำให้เขาคาดว่า อีกฝ่ายจะต้องแก่กว่านี้ คาดว่าจะได้พับกับใครสักคนที่อยู่ระหว่างสี่สิบกลางๆ เป็นอย่างน้อย หรืออาจแก่กว่านั้น

แต่ชายหนุ่มตรงหน้า อายุไม่น่าเกินยี่สิบห้าไปได้ ให้ตายเถอะ! ยิ่งตอนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำใหม่ๆ มีน้ำหยดติ๋งๆ ออกจากตัว คนตรงหน้านี้ เหมือนเด็กหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ดก็ไม่ปาน

“คุณก็ไม่เหมือนกับที่ผมคิดไว้เหมือนกัน” จเรนทรเอ่ย แล้วทรุดตัวลงนั่งริมขอบเตียง “เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าเราหายกัน”

นายร้อยเอกแห่งกองทัพไทยรู้ว่า เขาทำให้อีกฝ่ายพรั่นพรึง ที่ลงนั่งอยู่ตรงนี้ เพราะกลัวว่าจะทำให้ผ้าปูที่นอนสกปรก กลัวว่าเขาจะทิ้งกลิ่นเหมือนปลาเน่าไว้ในห้อง หลังจากออกไปแล้ว... แต่จะให้ทำอย่างไรได้ นั่นมันมาจากเหยื่อตกปลาเหม็นคาวหึ่งในถังที่น้ำเงินเตะล้มเมื่อเช้านี้ สาบานก็ได้นะ ว่าเขาเองก็ยังกลัวกลิ่นตัวของตัวเองในตอนนี้เช่นกัน

และนั่นยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้นไปอีก ชายหนุ่มตรงหน้านี่ต้องมีส่วนรับผิดชอบ ที่ลากเขามาจากการพักร้อนอันแสนสุข คนที่ชื่อวานรินทร์นี่ ต้องรับผิดชอบที่เขาถูกลากข้ามน้ำข้ามทะเลมาอย่างด่วนจี๋ ทำให้หมดโอกาสแม้กระทั่งจะได้อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า

ให้ตายสิ! มันต้องเป็นความผิดของหนุ่มหน้าหวานตรงหน้านี้ละ ที่ทำให้เขาต้องเข้ามาในโรงแรมหรูห้าดาว ทั้งที่ยังอยู่ในชุดเหมือนผ้าขี้ริ้วขัดกระบอกปืนใหญ่ มันทำให้ต้องรู้สึกต่ำต้อยผิดที่ผิดทางอย่างช่วยไม่ได้เลยจริงๆ

จเรนทรไม่ชอบให้ตัวเองรู้สึกเช่นนี้  ไม่ชอบร่องรอยของความรังเกียจที่ปิดไว้ไม่มิด ที่เห็นได้จากดวงตาของหนุ่มน้อยไฮโซคนนี้ ไม่ชอบที่ถูกย้ำเตือนให้รู้ว่า เขาไม่เหมาะสมกับโลกปัจจุบันของคนมั่งคั่งร่ำรวยอย่างอีกฝ่าย... โลกที่เต็มไปด้วยอำนาจเงิน อิทธิพลและชนชั้น

ก็ไม่ใช่ว่าเขาอยากเข้าไปอยู่ในสังคมแบบนั้นหรอกนะ เพราะเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงเดือนแน่ๆ ถ้าต้องไปจมอยู่ในโลกแบบนั้น...

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่