รายงานลับเพนตากอน ชี้แรงสั่นสะเทือน ไต้หวันไม่ใช่สมรภูมิที่สหรัฐฯ เล่นง่ายอีกต่อไป

รายงานลับเพนตากอน ชี้แรงสั่นสะเทือน ไต้หวันไม่ใช่สมรภูมิที่สหรัฐฯ เล่นง่ายอีกต่อไป PLA มีทั้ง Hypersonic–A2/AD–DF-26 กดดันเรือบรรทุกเครื่องบิน จนวอชิงตันต้องรื้อยุทธศาสตร์ใหม่
SCMP อ้างรายงานลับของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ซึ่งถูกเปิดเผยผ่านเดอะนิวยอร์กไทมส์ว่า การจำลองสงครามล่าสุดในเอกสารชื่อ “Overmatch brief” ให้ภาพที่น่ากังวลอย่างยิ่งต่อแสนยานุภาพของสหรัฐฯ หากต้องเข้าแทรกแซงสมรภูมิไต้หวันโดยตรง รายงานระบุว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) มีขีดความสามารถเพียงพอในการทำลายเครื่องบินขับไล่ เรือรบหลัก และดาวเทียมของอเมริกา รวมถึงชี้จุดอ่อนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานด้านยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ เอง  

ในการจำลองสงครามภายใต้กรอบ Overmatch brief เรือบรรทุกเครื่องบินทันสมัยอย่าง USS Gerald R. Ford มักถูกโจมตีจนไม่สามารถรอดจากสมรภูมิได้ ขณะที่ข้อมูลประเมินชี้ว่า จีนสะสมคลังแสงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic weapons) ประมาณ 600 ลูก ซึ่งสามารถโจมตีเป้าหมายได้ด้วยความเร็วสูงกว่ามากกว่า 5 เท่าของเสียง ทำให้เรือรบและระบบป้องกันของสหรัฐฯ เสี่ยงถูกโจมตีตั้งแต่ยังไม่เข้าใกล้ไต้หวัน รายงานวิจัยทั้งจากหน่วยงานรัฐสภาและเพนตากอนเองชี้ตรงกันว่า PLA มีขีปนาวุธมากพอที่จะทำลายอาวุธชั้นนำของอเมริกาได้จำนวนมากก่อนเข้าถึงพื้นที่ปฏิบัติการ  

รายงานระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่มั่นคงระดับสูงของรัฐบาลโจ ไบเดน ถึงกับ “หน้าถอดสี” เมื่อได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นในปี 2021 ว่าจีนได้เตรียมแผนสำรองและระบบป้องกันเหนือกว่าทุกกลยุทธ์ที่สหรัฐฯ เคยคิดไว้ในสมการเดิม หลู่ ลี่ซือ อดีตนาวาโทกองทัพเรือไต้หวันให้ความเห็นว่าการจำลองสงครามของเพนตากอนครั้งนี้มีความแม่นยำและจริงจังมากกว่างานจากคลังสมองทั่วไป เพราะสะท้อนให้เห็นขีดความสามารถด้าน anti-access/area-denial (A2/AD) ของจีนที่ถูกเสริมมาต่อเนื่องหลายปี  

ฝู เฉียนเซา นักวิเคราะห์การทหารของจีน ระบุว่าความกังวลของสหรัฐฯ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะหากวอชิงตันเข้าแทรกแซงทางทหารในไต้หวันจริง จะต้องไปรบ “หน้าประตูบ้านของจีน” ซึ่ง PLA ถือไพ่เหนือกว่าทั้งด้านระยะยิง ความหนาแน่นของฐานยิงบนแผ่นดิน และระบบอาวุธ “พิฆาตเรือบรรทุกเครื่องบิน” ไม่ว่าจะเป็นขีปนาวุธต่อต้านเรือรุ่นใหม่หรือระบบไฮเปอร์โซนิกที่เพิ่งเปิดตัวในพิธีสวนสนามล่าสุดเมื่อ 3 กันยายนที่ผ่านมา  

ด้านจาง เหยียนถิง อดีตพลอากาศโทไต้หวันมองว่า มูลค่าทางยุทธศาสตร์ของเรือบรรทุกเครื่องบินกำลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหากสหรัฐฯ ส่งเรือชั้นฟอร์ดเข้ามาในแนว First island chain ก็จะเสี่ยงตกเป็นเป้าโจมตีรอบทิศทางจากขีปนาวุธต่อต้านเรืออย่าง DF-26 ของจีน เขาชี้ว่า “จุดแข็งในอดีต” ของอเมริกาอย่างการใช้เรือบรรทุกเครื่องบินควบคุมทะเล กำลังถูกบั่นทอนลงอย่างต่อเนื่องในบริบทยุคใหม่  

รายงานของเดอะนิวยอร์กไทมส์เผยแพร่ออกมาในจังหวะอ่อนไหว หลังรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ (NSS) ฉบับปรับปรุงเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ลดน้ำหนักการนิยามจีนว่าเป็น “ความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์อันดับหนึ่ง” และหันไปเน้นการ “ปรับสมดุลความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน” แทน โดยมีแนวคิดว่าการรักษาความเป็นเลิศด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี คือวิธีป้องปรามที่ยั่งยืนกว่าการเผชิญหน้าทางทหารตรง ๆ ในระยะยาว

เตียว ต้าหมิง ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเหรินหมิน วิเคราะห์ว่าการถูกนำเสนอของข้อมูล War Game ในช่วงเวลานี้ อาจสะท้อนความพยายามของเพนตากอนที่จะรักษาระดับงบประมาณและการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ของกองทัพ ท่ามกลางแนวโน้ม “หดตัวเชิงยุทธศาสตร์” ของรัฐบาลชุดใหม่ เขาชี้ว่ายุทธศาสตร์ความมั่นคงปีนี้แสดงให้เห็นการขยับจากกรอบเผชิญหน้าแบบสงครามเย็น ไปสู่การจัดกรอบความสัมพันธ์แบบ “การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ” และปรับจากการเน้นสมดุลเชิงทหารไปสู่สมดุลทางเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะที่มุมมองต่อไต้หวันสะท้อนความกังวลลึก ๆ ว่า การเผชิญหน้าโดยตรงกับจีนในภูมิภาคนี้อาจเป็นเกมที่สหรัฐฯ ต้องจ่ายต้นทุนสูงกว่าที่เคยประเมินไว้  

https://www.facebook.com/61557037466190/posts/pfbid0267yPHuScUgk9Wzyr3JYanVvvrBSUWSyRsmYAKxwcEP3JR7fN9LM6az8TEKsPfP5yl/?mibextid=wwXIfr
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่