นี่นายผู้กองจอมกวนจะว่าอย่างไรนะ ถ้าเกิดเขาเอียงหน้าไปทางขวาอีกสักนิ้ว แล้วแนบแก้มลงกับคางสากๆ นั่น แล้วนายนั่นจะทำอย่างไร ถ้าหากเขาเงยหน้าขึ้นกระซิบใส่หูว่า “ตกลงฮะ”
แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่นายเจ้าชายตัวปลอมจะคาดถึง แต่ความจริงก็คือ นี่ไม่ใช่เรื่องเซ็กส์ แต่เป็นเรื่องอิทธิพลเหนืออีกฝ่าย วานรินทร์เคยใช้วิธีนี้กับเพื่อนผู้ชายที่เข้ามาวอแว คือปรับกระบวนท่าจากการตกเป็นฝ่ายรับ บุกเข้าไปก่อน ฉวยจังหวะจุ๊บแก้มมันเบาๆ เท่านั้นละ แค่นั้น... ไอ้พวกที่ชอบเล่นๆ เป็นหมาหยอกไก่ก็เผ่นแน่บ
แต่ไม่ใช่เพราะ ผู้กองจะไม่น่าสนใจหรอกนะ... ก็พ่อคุณแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ด้วยการคอยจ้องมองสำรวจเขามาทั้งคืน แต่วานรินทร์ก็ยังกล้าพนันเลยว่า คนที่เดินนำนี่ก็แค่กำลังขู่ให้กลัว
เอาเถอะ... แต่คนตัวเล็กๆ หน้าหวานๆ อย่างเขานี่ละจะสอนให้รู้ว่า แม้ว่าร่างกายผู้กองจะใหญ่โตและแข็งแรงกว่า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนตัวโตๆ เคราครึ้มๆ และหน้าหล่อๆ จะเป็นฝ่ายชนะเสมอไป
ดังนั้นวานรินทร์จึงเงยหน้าขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นจนเกือบจะเป็นเย็นชา “น่าจะมีใครสักคนคิดออกว่า พวกรบพิเศษจากกองทัพบกคนหนึ่งอาจตกอยู่ในอันตรายก็ได้ ถ้ายังมัวยืนโอ้เอ้อยู่กลางทางเดิน นานขนาดนี้ ลองคิดดูสิว่า ถ้ามีคนต้องการให้ธีคราตายๆ ไปซะ...จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ เพราะคุณบังเอิญหน้าตาเมื้อนเหมือน...ก็ตายไงล่ะ”
คนฟังหัวเราะออกมา
มันไม่ใช่ปฏิกิริยาตอบสนอง ที่วานรินทร์คาดว่าจะได้รับ หลังจากเขาโจมตีด้วยคำพูดแบบนั้น ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงหงุดหงิดไปแล้ว ที่เห็นว่าการพยายามจะแกล้งข่มขู่กันใช้ไม่ได้ผล ผู้ชายคนอื่นคงจบลงด้วยคำพูดเหยียดหยาม คนอย่างเขาว่าอ่อนแอ อ่อนหวาน เป็นผู้ชายดีๆ ไม่ชอบ... หรือกระทั่งการเสียชาติเกิด... แต่จเรนทรกลับหัวเราะ
“ไม่รู้เหมือนกันนะที่รัก” ผู้กองรบพิเศษบอก แล้วปล่อยคนตัวบอบบางกว่ามากให้เป็นอิสระ ดวงตาของเขาฉายแววขบขันอย่างแท้จริง อีกทั้งแฝงประกายอย่างอื่นด้วย มันจะเป็นการนับถือน้ำใจกันมากขึ้นสักนิด ได้ไหมนะ “ฟังเหมือนคนเจ้าระเบียบจังเลย แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นอย่างนั้นนะ ผมคิดว่า เป็นแค่แสดงออกเฉยๆ มากกว่า ผมคิดว่าเวลาที่คุณเลิกงานแล้วกลับถึงบ้าน คุณคงถอดเสื้อผ้าแบบค่อยๆ เปลื้องออกทีละชิ้นๆ ช้าๆ ไรงั้น อาจปล่อยผมให้สยาย เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าสีดำๆ ปักเลื่อมวาวๆ กับรองเท้าส้นแหลมๆ ก่อนจะออกไปเต้นๆ ดิ้นๆ ตามคลับตามบาร์จนถึงรุ่งเช้ามากกว่า”
วานรินทร์ยกมือขึ้นกอดอก “ลืมคุณตัวไปอีกอย่างนะ” เขาพูดเสียงแข็ง “ผมจะต้องแวะไปโฉบคุณตัวแถวท่าราชวรดิษฐ์ แล้วค่อยไปเต้นๆ ดิ้นๆ อะไรนั่นจนถึงเช้าต่างหาก”
“งั้นอย่าลืมบอกให้ผมรู้ด้วยล่ะ เวลาคุณจะไปที่นั่น เผื่อผมจะไปดักโบก นะครับที่รักของผม” ผู้กองเจนทำหน้าทะเล้น “ผมอยากลองอะไรอย่างนั้นกับคุณบ้างเหมือนกัน”
แววขบขันหายไปจากดวงตา น้ำเสียงก็จริงจังจนคนฟังไม่กล้าจินตนาการ วานรินทร์หันหน้าหนี ด้วยกลัวคนตัวใหญ่กว่าจะรู้ว่า ตนก็มีความคิดที่จะได้มีอะไรๆ กับเขาไปจนรุ่งเช้ามันน่าสนใจมาก โดยเฉพาะตอนที่ร่างทั้งสองแนบชิดสนิทกัน ยามเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเร้าใจของทำนองเพลงรัก
“เราอย่าปล่อยให้หมวดเวฆินรอดีกว่าพระเจ้าค่ะ” วานรินทร์ว่า “...ฝ่าพระบาท”
“ให้ตายสิ!” จเรนทรสบถ “คุณนี่มันจอมเผด็จการชัดๆ” เขาแกล้งทำเป็นไม่สบอารมณ์
“ก็ขอโทษด้วยแล้วกันฮะ ที่ทำให้คุณต้องคิดว่านิสัยผม... จะเหมือนกับรูปร่างหน้าตา” วานรินทร์พึมพำ ขณะเดินเข้าไปในห้องชุดของหน่วยงานลับ “แต่... ผมก็เป็นอย่างนี้ละฮะ”
“รพ.จุฬา ไม่ไกลนะฮะ...” วานรินทร์แย้งจากเก้าอี้ที่เขานั่งติดอยู่กับจเรนทรในโต๊ะประชุมตัวใหญ่ “ใครนะที่คอยแต่จะดึงการเยี่ยมชมแล้วได้ภาพลักษณ์ดีๆ แบบนั้นออกจากหมายกำหนดการทุกครั้งไป”
“ก็มันไม่จำเป็น” ร้อยโทเวฆิน ละภยันต์พูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบติดจะออกเบื่อๆ ด้วยสำเนียงของคนอิสานใต้
“แต่ผมไม่เห็นด้วย” วานรินทร์พูดเสียงเบาแต่หนักแน่น
“ฟังนะคุณวาว่า” สว.สมเกียรติพูดขึ้นบ้าง ทำให้หนุ่มร่างบางต้องหลับตาลงตั้งสตินิดหนึ่ง ให้ตายสิ... ผู้กองเจน ทำให้ทุกคนเรียกเขาว่า วาว่า ตามกันไปหมดแล้ว “คุณอาจไม่เข้าใจเรื่องนี้ดีนัก แต่รพ.นั่นไม่ได้ช่วยอะไรเราให้ดีขึ้นเลย ตัวอาคารมันคับแคบ และได้รับการป้องกันอย่างดีเกินไป ซึ่งทำให้พวกผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้าไปได้ยาก อีกอย่างหนึ่งมันไม่ใช่พิธีการทั่วไปที่ประชาชนให้ความสนใจ... พวกผู้ก่อการร้ายต้องการทำอะไรที่เป็นข่าว เพราะต้องการให้คนเป็นล้านได้เห็น เวลาที่มันปลงพระชนม์เจ้าชาย อีกอย่างหนึ่งในตัวอาคารไม่มีบริเวณเปิดโล่งให้เห็นเป้าได้ชัดเจน มันจะทำให้เราเสียเวลาไปเปล่าๆ”
“แต่การเยือนครั้งนี้ถูกกำหนดล่วงหน้าไว้หลายเดือนแล้ว” วานรินทรพยายามพูดเสียงเรียบ “มันอยู่ในรายการตั้งแต่ที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแถลงกำหนดการเยือนไทยของเจ้าชายนาธีคราโน่นแล้ว ผมคิดว่าเราจัดแค่หนึ่งชั่วโมงในวันไหนสักวันเพื่อให้เจ้าชายได้ทำตามที่ทรงรับปากไว้แล้ว”
เนธีรโย นรายา ทูตบูรนาดารูสประจำประเทศไทยขยับตัว “เอาเป็นว่าเราจัดให้เจ้าชายเสด็จไปที่รพ.นั่น ตอนเสด็จกลับจากการล่องเรือไปบางปะอินดีไหม ตอนก่อนจะเสด็จกลับประเทศ”
“มันน่าจะช้าเกินไป” วานรินทร์ท้วง
“ล่องเรือ” จเรชนทรทวนคำ “ถ้าหากการลอบสังหารไม่ได้เกิดขึ้นก่อนการล่องเรือไปอยุธยา เราจะไม่มีวันป้องกันอะไรบนเรือสำราญนั่นได้เลยนะครับ” เขามองไปรอบโต๊ะ “เรือที่ลอยอยู่กลางแม้น้ำกว้างนั่น มันโดดเดี่ยวเกินไป และง่ายต่อการเป็นลูกหมูด้วย ตลอดทางเลยละ” เขายิ้มให้สีหน้าว่างเปล่าของทุกคน “ลูกหมู” จเรนทรย้ำ “ผมหมายถึง เป้าหมายการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่มีอาวุธครบมือ”
อา... สีหน้าทุกคนแสดงว่าเข้าใจแจ่มแจ้งในตอนนี้
“ยกเว้นเสียแต่ว่า พวกเราพร้อมจะนั่งรอมัน” ผู้กองรบพิเศษพูดต่อ “ซึ่งอาจเป็นความคิดที่ไม่เลวนัก จัดหน่วยทหารจากรบพิเศษเข้าไปแทนที่เจ้าหน้าที่ประจำเรือและผู้โดยสาร แล้ว...”
“ไม่ได้!” เวฆินขัดขึ้นทันที “กองปราบเป็นหน่วยที่รับผิดชอบหน้าที่นี้ มันไม่ใช่แผนปฏิบัติการทางทหาร กองทัพบกไม่เกี่ยวข้องกับงานนี้”
“แต่มันมีผู้ก่อการร้ายมาเกี่ยวข้องด้วย” จเรนทรแย้ง “หน่วยผมได้รับการฝึกตอบโต้การก่อการร้ายมาเป็นอย่างดี คนของผมพร้อมสำหรับ...”
“สงคราม!” เวฆินต่อให้ “คนของคุณเตรียมพร้อมและถูกฝึกมาสำหรับสงคราม แต่นี่ไม่ใช่ในสงครามครับผู้กอง”
จเรนทรชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือซึ่งวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าอีกฝ่าย “ถ้างั้นคุณควรจะโทร.ไปหาพวกผู้ก่อการร้ายดูนะ โทร.หากลุ่มสหายรัฐอิสระ โทร.หาไอซีสแล้วบอกมันว่า นี่ไม่ใช่สงคราม มันคงจะเชื่อหรอกนะ เพราะสำหรับพวกมันแล้ว นี่คือสงครามขนานแท้เลยละ”
“ขอร้องเถอะฮะ” วานรินทร์ขัดขึ้น “ก่อนที่เราจะคุยกันต่อ ทุกคนเห็นด้วยหรือเปล่าว่าจะเก็บรพ.จุฬาเอาไว้ตามเดิม”
สว.สมเกียรติขมวดคิ้ว แล้วก้มลงมองกระดาษตรงหน้า “จากกำหนดการเดิม ผมว่าไม่มีการทำข่าวเยือนรพ.จุฬาแน่ๆ ”
“ไม่ใช่ว่าเราต้องการทำข่าวในทุกงานที่เจ้าชายจะเสด็จนะฮะ ท่านสอวอ” วานรินทร์พูดเรียบๆ อีกครั้ง แล้วหันไปมองรอบๆ โต๊ะอีกหน“คุณสุภาพบุรุษทุกท่าน การจัดกำหนดการใหม่ หมายถึงเวลาที่เราต้องนั่งทำงานกันอีกหลายต่อหลายชั่วโมง ผมพยายามอย่างเต็มที่แล้วที่ให้ความร่วมมืออย่างดีที่สุด และก็แน่ใจว่าพวกคุณก็ตั้งใจเช่นนั้น แต่เผอิญผมรู้มาว่า การไปปรากฎองค์ที่รพ.นั่น สำคัญมากต่อเจ้าชายนาธีครา”
วานรินทร์เบิกตากว้าง เขาจะต้องไม่เผยพิรุธว่าที่จริงตนเองต่างหากเป็นคนผลักดันให้เจ้าชายได้พบกับเด็กหญิงจรรยา “และ... ถ้าจำเป็น ผมจะโทร.ไปหาเจ้าชายเพื่อขอรับฟังความคิดเห็นจากท่านและ...” เขาต้องทำเป็นหน้าซื่อตาใส เมื่อพูดประโยคนี้
“ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอกน่ะ” สว.สมเกียรติรีบพูดทันที
เพราะการดึงเจ้าชายนาธีคราที่ไม่คิดถึงอะไรเลยนอกจากตัวเอง เข้ามาเกี่ยวข้องในการวางแผนนี้ เป็นสิ่งที่สุดท้ายที่ทุกคนปรารถนา
และคำว่า ‘ความเห็น’ จากเจ้าชายดังที่วานรินทร์พูดนั่น ก็ก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกกับทุกคน ดูเขาพร้อมกันทันทีเลยทีเดียว ที่จะทำทุกอย่าง ที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อให้การเสด็จเยือนรพ.จุฬาฯ อยู่ในหมายกำหนดการให้ได้
สว.สมเกียรติหันไปมองรอบโต๊ะบ้าง “ผมคิดว่า เราน่าจะเก็บรพ.เอาไว้ในรายการตามเดิม” มีเสียงพึมพำเป็นเชิงเห็นด้วยดังขึ้นเบาๆ
จเรนทรมองหน้าวานรินทร์ ผมสลวยเป็นคลื่นของหนุ่มร่างบางถูกรวบขึ้นให้ดูหวานๆ ราวเป็นผู้หญิงทั้งตัว ใบหน้าบอบบางกระจุ๋มกระจิ๋มและดวงตาแวววาวสุกใส ทำให้ดูคล้ายคนเสงี่ยมหงิมตามแบบฉบับของคุณชายราชนิกูลที่นายหน้าหวานๆ ใช้แสดงออกนั่นละ
ผู้กองเจนมั่นใจว่า ท่าทีเหล่านี้เป็นเพียงฉากหน้าของคนที่ตนจับจ้อง แสดงออกมาเท่านั้นเอง วานรินทร์ไม่ใช่คนเสงี่ยมหงิมหรือเย็นชา ซึ่งถ้าความรู้สึกลึกๆ ของจเรนทรถูกต้อง ฝ่ายนั้นอาจกำลังหลอกทุกคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะนี้ก็ได้ ให้ตายสิ ก็วานรินทร์เพิ่งทำไปหยกๆ ไม่ใช่หรือ แต่มันแนบเนียน เสียจนไม่มีใครรู้สึกว่า ตัวเองกำลังถูกหลอก
“แล้วเรื่องการเสด็จไปบางปะอินทางเรือ...” สว.สมเกียรติพูดต่อ
“นั่นเป็นตอนท้ายๆ ของการเสด็จเยือน” จเรนทรเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ “กันรายการนี้ออกจากประกาศให้ประชาชนรู้ก่อนก็แล้วกัน เราไม่ต้องการให้พวกมัน... พวกผู้ก่อการร้ายน่ะ มีโอกาสได้เลือกว่า จะลงมือตอนไหน เราต้องการให้พวกมันลงมือโดยเร็วที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราควรเริ่มติดต่อทีมของผม แล้วให้พวกเขาเตรียมตัว สำหรับปฏิบัติการที่จำเป็นตอนไปล่องเรือนั่น”
“จะไม่มีรบพิเศษ” เวฆิน ละภยันต์ พูดห้วนๆ
(มีต่อ)
นิยาย : เจ้าชายในฝัน (Y-story) : บทที่ 8
เงียบๆ เหงาๆ แต่จะแปะไปจนกว่าจะจบค่ะ
เจ้าชายในฝันบทก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ติดตามบทต่อไปได้เลยค่ะ
**********************************
เจ้าชายในฝัน บทที่ 8
นี่นายผู้กองจอมกวนจะว่าอย่างไรนะ ถ้าเกิดเขาเอียงหน้าไปทางขวาอีกสักนิ้ว แล้วแนบแก้มลงกับคางสากๆ นั่น แล้วนายนั่นจะทำอย่างไร ถ้าหากเขาเงยหน้าขึ้นกระซิบใส่หูว่า “ตกลงฮะ”
แน่นอนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่นายเจ้าชายตัวปลอมจะคาดถึง แต่ความจริงก็คือ นี่ไม่ใช่เรื่องเซ็กส์ แต่เป็นเรื่องอิทธิพลเหนืออีกฝ่าย วานรินทร์เคยใช้วิธีนี้กับเพื่อนผู้ชายที่เข้ามาวอแว คือปรับกระบวนท่าจากการตกเป็นฝ่ายรับ บุกเข้าไปก่อน ฉวยจังหวะจุ๊บแก้มมันเบาๆ เท่านั้นละ แค่นั้น... ไอ้พวกที่ชอบเล่นๆ เป็นหมาหยอกไก่ก็เผ่นแน่บ
แต่ไม่ใช่เพราะ ผู้กองจะไม่น่าสนใจหรอกนะ... ก็พ่อคุณแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ด้วยการคอยจ้องมองสำรวจเขามาทั้งคืน แต่วานรินทร์ก็ยังกล้าพนันเลยว่า คนที่เดินนำนี่ก็แค่กำลังขู่ให้กลัว
เอาเถอะ... แต่คนตัวเล็กๆ หน้าหวานๆ อย่างเขานี่ละจะสอนให้รู้ว่า แม้ว่าร่างกายผู้กองจะใหญ่โตและแข็งแรงกว่า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนตัวโตๆ เคราครึ้มๆ และหน้าหล่อๆ จะเป็นฝ่ายชนะเสมอไป
ดังนั้นวานรินทร์จึงเงยหน้าขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นจนเกือบจะเป็นเย็นชา “น่าจะมีใครสักคนคิดออกว่า พวกรบพิเศษจากกองทัพบกคนหนึ่งอาจตกอยู่ในอันตรายก็ได้ ถ้ายังมัวยืนโอ้เอ้อยู่กลางทางเดิน นานขนาดนี้ ลองคิดดูสิว่า ถ้ามีคนต้องการให้ธีคราตายๆ ไปซะ...จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ เพราะคุณบังเอิญหน้าตาเมื้อนเหมือน...ก็ตายไงล่ะ”
คนฟังหัวเราะออกมา
มันไม่ใช่ปฏิกิริยาตอบสนอง ที่วานรินทร์คาดว่าจะได้รับ หลังจากเขาโจมตีด้วยคำพูดแบบนั้น ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นคงหงุดหงิดไปแล้ว ที่เห็นว่าการพยายามจะแกล้งข่มขู่กันใช้ไม่ได้ผล ผู้ชายคนอื่นคงจบลงด้วยคำพูดเหยียดหยาม คนอย่างเขาว่าอ่อนแอ อ่อนหวาน เป็นผู้ชายดีๆ ไม่ชอบ... หรือกระทั่งการเสียชาติเกิด... แต่จเรนทรกลับหัวเราะ
“ไม่รู้เหมือนกันนะที่รัก” ผู้กองรบพิเศษบอก แล้วปล่อยคนตัวบอบบางกว่ามากให้เป็นอิสระ ดวงตาของเขาฉายแววขบขันอย่างแท้จริง อีกทั้งแฝงประกายอย่างอื่นด้วย มันจะเป็นการนับถือน้ำใจกันมากขึ้นสักนิด ได้ไหมนะ “ฟังเหมือนคนเจ้าระเบียบจังเลย แต่ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นอย่างนั้นนะ ผมคิดว่า เป็นแค่แสดงออกเฉยๆ มากกว่า ผมคิดว่าเวลาที่คุณเลิกงานแล้วกลับถึงบ้าน คุณคงถอดเสื้อผ้าแบบค่อยๆ เปลื้องออกทีละชิ้นๆ ช้าๆ ไรงั้น อาจปล่อยผมให้สยาย เปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าสีดำๆ ปักเลื่อมวาวๆ กับรองเท้าส้นแหลมๆ ก่อนจะออกไปเต้นๆ ดิ้นๆ ตามคลับตามบาร์จนถึงรุ่งเช้ามากกว่า”
วานรินทร์ยกมือขึ้นกอดอก “ลืมคุณตัวไปอีกอย่างนะ” เขาพูดเสียงแข็ง “ผมจะต้องแวะไปโฉบคุณตัวแถวท่าราชวรดิษฐ์ แล้วค่อยไปเต้นๆ ดิ้นๆ อะไรนั่นจนถึงเช้าต่างหาก”
“งั้นอย่าลืมบอกให้ผมรู้ด้วยล่ะ เวลาคุณจะไปที่นั่น เผื่อผมจะไปดักโบก นะครับที่รักของผม” ผู้กองเจนทำหน้าทะเล้น “ผมอยากลองอะไรอย่างนั้นกับคุณบ้างเหมือนกัน”
แววขบขันหายไปจากดวงตา น้ำเสียงก็จริงจังจนคนฟังไม่กล้าจินตนาการ วานรินทร์หันหน้าหนี ด้วยกลัวคนตัวใหญ่กว่าจะรู้ว่า ตนก็มีความคิดที่จะได้มีอะไรๆ กับเขาไปจนรุ่งเช้ามันน่าสนใจมาก โดยเฉพาะตอนที่ร่างทั้งสองแนบชิดสนิทกัน ยามเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเร้าใจของทำนองเพลงรัก
“เราอย่าปล่อยให้หมวดเวฆินรอดีกว่าพระเจ้าค่ะ” วานรินทร์ว่า “...ฝ่าพระบาท”
“ให้ตายสิ!” จเรนทรสบถ “คุณนี่มันจอมเผด็จการชัดๆ” เขาแกล้งทำเป็นไม่สบอารมณ์
“ก็ขอโทษด้วยแล้วกันฮะ ที่ทำให้คุณต้องคิดว่านิสัยผม... จะเหมือนกับรูปร่างหน้าตา” วานรินทร์พึมพำ ขณะเดินเข้าไปในห้องชุดของหน่วยงานลับ “แต่... ผมก็เป็นอย่างนี้ละฮะ”
“รพ.จุฬา ไม่ไกลนะฮะ...” วานรินทร์แย้งจากเก้าอี้ที่เขานั่งติดอยู่กับจเรนทรในโต๊ะประชุมตัวใหญ่ “ใครนะที่คอยแต่จะดึงการเยี่ยมชมแล้วได้ภาพลักษณ์ดีๆ แบบนั้นออกจากหมายกำหนดการทุกครั้งไป”
“ก็มันไม่จำเป็น” ร้อยโทเวฆิน ละภยันต์พูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบติดจะออกเบื่อๆ ด้วยสำเนียงของคนอิสานใต้
“แต่ผมไม่เห็นด้วย” วานรินทร์พูดเสียงเบาแต่หนักแน่น
“ฟังนะคุณวาว่า” สว.สมเกียรติพูดขึ้นบ้าง ทำให้หนุ่มร่างบางต้องหลับตาลงตั้งสตินิดหนึ่ง ให้ตายสิ... ผู้กองเจน ทำให้ทุกคนเรียกเขาว่า วาว่า ตามกันไปหมดแล้ว “คุณอาจไม่เข้าใจเรื่องนี้ดีนัก แต่รพ.นั่นไม่ได้ช่วยอะไรเราให้ดีขึ้นเลย ตัวอาคารมันคับแคบ และได้รับการป้องกันอย่างดีเกินไป ซึ่งทำให้พวกผู้ก่อการร้ายแฝงตัวเข้าไปได้ยาก อีกอย่างหนึ่งมันไม่ใช่พิธีการทั่วไปที่ประชาชนให้ความสนใจ... พวกผู้ก่อการร้ายต้องการทำอะไรที่เป็นข่าว เพราะต้องการให้คนเป็นล้านได้เห็น เวลาที่มันปลงพระชนม์เจ้าชาย อีกอย่างหนึ่งในตัวอาคารไม่มีบริเวณเปิดโล่งให้เห็นเป้าได้ชัดเจน มันจะทำให้เราเสียเวลาไปเปล่าๆ”
“แต่การเยือนครั้งนี้ถูกกำหนดล่วงหน้าไว้หลายเดือนแล้ว” วานรินทรพยายามพูดเสียงเรียบ “มันอยู่ในรายการตั้งแต่ที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศแถลงกำหนดการเยือนไทยของเจ้าชายนาธีคราโน่นแล้ว ผมคิดว่าเราจัดแค่หนึ่งชั่วโมงในวันไหนสักวันเพื่อให้เจ้าชายได้ทำตามที่ทรงรับปากไว้แล้ว”
เนธีรโย นรายา ทูตบูรนาดารูสประจำประเทศไทยขยับตัว “เอาเป็นว่าเราจัดให้เจ้าชายเสด็จไปที่รพ.นั่น ตอนเสด็จกลับจากการล่องเรือไปบางปะอินดีไหม ตอนก่อนจะเสด็จกลับประเทศ”
“มันน่าจะช้าเกินไป” วานรินทร์ท้วง
“ล่องเรือ” จเรชนทรทวนคำ “ถ้าหากการลอบสังหารไม่ได้เกิดขึ้นก่อนการล่องเรือไปอยุธยา เราจะไม่มีวันป้องกันอะไรบนเรือสำราญนั่นได้เลยนะครับ” เขามองไปรอบโต๊ะ “เรือที่ลอยอยู่กลางแม้น้ำกว้างนั่น มันโดดเดี่ยวเกินไป และง่ายต่อการเป็นลูกหมูด้วย ตลอดทางเลยละ” เขายิ้มให้สีหน้าว่างเปล่าของทุกคน “ลูกหมู” จเรนทรย้ำ “ผมหมายถึง เป้าหมายการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่มีอาวุธครบมือ”
อา... สีหน้าทุกคนแสดงว่าเข้าใจแจ่มแจ้งในตอนนี้
“ยกเว้นเสียแต่ว่า พวกเราพร้อมจะนั่งรอมัน” ผู้กองรบพิเศษพูดต่อ “ซึ่งอาจเป็นความคิดที่ไม่เลวนัก จัดหน่วยทหารจากรบพิเศษเข้าไปแทนที่เจ้าหน้าที่ประจำเรือและผู้โดยสาร แล้ว...”
“ไม่ได้!” เวฆินขัดขึ้นทันที “กองปราบเป็นหน่วยที่รับผิดชอบหน้าที่นี้ มันไม่ใช่แผนปฏิบัติการทางทหาร กองทัพบกไม่เกี่ยวข้องกับงานนี้”
“แต่มันมีผู้ก่อการร้ายมาเกี่ยวข้องด้วย” จเรนทรแย้ง “หน่วยผมได้รับการฝึกตอบโต้การก่อการร้ายมาเป็นอย่างดี คนของผมพร้อมสำหรับ...”
“สงคราม!” เวฆินต่อให้ “คนของคุณเตรียมพร้อมและถูกฝึกมาสำหรับสงคราม แต่นี่ไม่ใช่ในสงครามครับผู้กอง”
จเรนทรชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือซึ่งวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าอีกฝ่าย “ถ้างั้นคุณควรจะโทร.ไปหาพวกผู้ก่อการร้ายดูนะ โทร.หากลุ่มสหายรัฐอิสระ โทร.หาไอซีสแล้วบอกมันว่า นี่ไม่ใช่สงคราม มันคงจะเชื่อหรอกนะ เพราะสำหรับพวกมันแล้ว นี่คือสงครามขนานแท้เลยละ”
“ขอร้องเถอะฮะ” วานรินทร์ขัดขึ้น “ก่อนที่เราจะคุยกันต่อ ทุกคนเห็นด้วยหรือเปล่าว่าจะเก็บรพ.จุฬาเอาไว้ตามเดิม”
สว.สมเกียรติขมวดคิ้ว แล้วก้มลงมองกระดาษตรงหน้า “จากกำหนดการเดิม ผมว่าไม่มีการทำข่าวเยือนรพ.จุฬาแน่ๆ ”
“ไม่ใช่ว่าเราต้องการทำข่าวในทุกงานที่เจ้าชายจะเสด็จนะฮะ ท่านสอวอ” วานรินทร์พูดเรียบๆ อีกครั้ง แล้วหันไปมองรอบๆ โต๊ะอีกหน“คุณสุภาพบุรุษทุกท่าน การจัดกำหนดการใหม่ หมายถึงเวลาที่เราต้องนั่งทำงานกันอีกหลายต่อหลายชั่วโมง ผมพยายามอย่างเต็มที่แล้วที่ให้ความร่วมมืออย่างดีที่สุด และก็แน่ใจว่าพวกคุณก็ตั้งใจเช่นนั้น แต่เผอิญผมรู้มาว่า การไปปรากฎองค์ที่รพ.นั่น สำคัญมากต่อเจ้าชายนาธีครา”
วานรินทร์เบิกตากว้าง เขาจะต้องไม่เผยพิรุธว่าที่จริงตนเองต่างหากเป็นคนผลักดันให้เจ้าชายได้พบกับเด็กหญิงจรรยา “และ... ถ้าจำเป็น ผมจะโทร.ไปหาเจ้าชายเพื่อขอรับฟังความคิดเห็นจากท่านและ...” เขาต้องทำเป็นหน้าซื่อตาใส เมื่อพูดประโยคนี้
“ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอกน่ะ” สว.สมเกียรติรีบพูดทันที
เพราะการดึงเจ้าชายนาธีคราที่ไม่คิดถึงอะไรเลยนอกจากตัวเอง เข้ามาเกี่ยวข้องในการวางแผนนี้ เป็นสิ่งที่สุดท้ายที่ทุกคนปรารถนา
และคำว่า ‘ความเห็น’ จากเจ้าชายดังที่วานรินทร์พูดนั่น ก็ก่อให้เกิดความรู้สึกขนลุกกับทุกคน ดูเขาพร้อมกันทันทีเลยทีเดียว ที่จะทำทุกอย่าง ที่เห็นว่าจำเป็นเพื่อให้การเสด็จเยือนรพ.จุฬาฯ อยู่ในหมายกำหนดการให้ได้
สว.สมเกียรติหันไปมองรอบโต๊ะบ้าง “ผมคิดว่า เราน่าจะเก็บรพ.เอาไว้ในรายการตามเดิม” มีเสียงพึมพำเป็นเชิงเห็นด้วยดังขึ้นเบาๆ
จเรนทรมองหน้าวานรินทร์ ผมสลวยเป็นคลื่นของหนุ่มร่างบางถูกรวบขึ้นให้ดูหวานๆ ราวเป็นผู้หญิงทั้งตัว ใบหน้าบอบบางกระจุ๋มกระจิ๋มและดวงตาแวววาวสุกใส ทำให้ดูคล้ายคนเสงี่ยมหงิมตามแบบฉบับของคุณชายราชนิกูลที่นายหน้าหวานๆ ใช้แสดงออกนั่นละ
ผู้กองเจนมั่นใจว่า ท่าทีเหล่านี้เป็นเพียงฉากหน้าของคนที่ตนจับจ้อง แสดงออกมาเท่านั้นเอง วานรินทร์ไม่ใช่คนเสงี่ยมหงิมหรือเย็นชา ซึ่งถ้าความรู้สึกลึกๆ ของจเรนทรถูกต้อง ฝ่ายนั้นอาจกำลังหลอกทุกคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะนี้ก็ได้ ให้ตายสิ ก็วานรินทร์เพิ่งทำไปหยกๆ ไม่ใช่หรือ แต่มันแนบเนียน เสียจนไม่มีใครรู้สึกว่า ตัวเองกำลังถูกหลอก
“แล้วเรื่องการเสด็จไปบางปะอินทางเรือ...” สว.สมเกียรติพูดต่อ
“นั่นเป็นตอนท้ายๆ ของการเสด็จเยือน” จเรนทรเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ “กันรายการนี้ออกจากประกาศให้ประชาชนรู้ก่อนก็แล้วกัน เราไม่ต้องการให้พวกมัน... พวกผู้ก่อการร้ายน่ะ มีโอกาสได้เลือกว่า จะลงมือตอนไหน เราต้องการให้พวกมันลงมือโดยเร็วที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เราควรเริ่มติดต่อทีมของผม แล้วให้พวกเขาเตรียมตัว สำหรับปฏิบัติการที่จำเป็นตอนไปล่องเรือนั่น”
“จะไม่มีรบพิเศษ” เวฆิน ละภยันต์ พูดห้วนๆ
(มีต่อ)