(1)
‘ฉันคิดว่าฉันแอบชอบคนๆ หนึ่งล่ะ’
นั่นคือคำสารภาพของฉันที่พิมพ์ลงไปในช่องสนทนาฟรีของโปรแกรมติดต่อสื่อสารชื่อดังที่หากเอ่ยชื่อขึ้นมาแล้วทุกคนจะต้องร้องอ๋ออย่างไม่มีข้อสงสัย ก่อนจะตัดสินใจกดส่งข้อความไปให้กลุ่มเพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังจับกลุ่มกันวิพากษ์เรื่องจิปาถะในชีวิตประจำวันของแต่ละคนอยู่อย่างเพลิดเพลิน
‘ใคร!?’ ทั้งสองสาวพิมพ์ตอบกลับมาแทบจะพร้อมกัน ตามมาด้วยการกระหน่ำกดสติกเกอร์ตัวการ์ตูนหน้าตาตระหนกตกใจ ที่ทำให้เธอหลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้
‘ผู้ชาย หรือ ผู้หญิง ทอม ดี้ เกย์ ไบ รี่ หรือเพื่อนสาวข้ามเพศยะ ยัยคุณหนูลี?’
นลินี หรือ
หนูลี ทำตาโตใส่คำถามของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสาวคนสนิทของตน ก่อนจะรีบดีดสติกเกอร์อีโมชั่นควันออกหูใส่แม่เพื่อนปากไม่สร้างสรรค์ในบทสนทนาอย่างทันท่วงที
‘แกจะบ้าเรอะ หยง ก็ต้องผู้ชายสิยะ!’
‘แหม...ฉันก็ลองถามดู สมัยนี้คนชอบของแปลกมันเยอะ เผื่อแกจะนำเทรนด์ ฉันจะได้เอาเรื่องแกไปเล่าให้พี่อ้อยพี่ฉอดทำซีรีย์’
‘เอาซีรีย์ชีวิตแกก่อนดีไหม ไอ้คุณตันหยง’
‘พอแล้ว หยง หนูลี เลิกเถียงกันสักที ฉันขี้เกียจอ่าน เลื่อนหน้าจอขึ้นลงเยอะๆ เนี่ยมันเมื่อยนะรู้ไหม’
พลอยชมพู เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของเธอรีบขัดตาทัพขึ้นมา ก่อนที่บทสนทนาต้นเรื่องจะลอยออกสู่อวกาศไปไกลจนกู่ไม่กลับ
‘แล้วตกลงแกไปกิ๊กกั๊กกับหนุ่มหน้าไหนไว้ฮึ คุณหนูลีเพื่อนเลิฟ ทำไมพวกฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย โปรดชี้แจงแถลงไขแก่เพื่อนสาวบัดเดี๋ยวนี้’
‘บ้า! พลอย นี่ก็พูดเกินไป กิ๊กเกิ๊กอะไรกัน ฉันแค่...แอบชอบเขาเฉยๆ’
เป็นอีกครั้งที่สองเพื่อนสาวต่างพร้อมใจกันส่งอีโมชั่นตัวการ์ตูนทำตารูปหัวใจปิ๊งๆ มาให้เธอ นลินีหัวเราะกับตัวเองอย่างเขินๆ พร้อมทั้งไล่สายตาเลือกหาอีโมชั่นน่ารักที่ตรงใจเธอที่สุดตอนนี้ แล้วจึงกดส่งกลับไปให้แม่เพื่อนสาวทั้งสองคนหมั่นไส้เล่นๆ ก่อนจะตัดสินใจปิดหน้าจอบทสนทนากลุ่ม ที่เพื่อนซี้สาวทั้งสองยังคงกระหน่ำข้อความใส่กันไปมาลงชั่วคราว จากนั้นจึงบรรจงพิมพ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เป็นคำนำหน้าชื่อของใครบางคน ลงในช่องค้นหาของเว็บเพจสังคมออนไลน์ยอดฮิตที่เปิดรอไว้อยู่นานแล้วอย่างรวดเร็วด้วยความเคยชิน
‘Tiwatt’
รายชื่อพร้อมใบหน้าแสนคุ้นเคยโผล่ขึ้นมาในลิสต์ค้นหาทันทีที่เธอเริ่มพิมพ์ ซึ่งถึงแม้ใบหน้านั้นจะเป็นเพียงจุดเล็กๆ ไกลลิบในรูปภาพที่เขาตั้งเอาไว้เป็นรูปประจำตัว แต่เธอกลับจำแทบทุกรายละเอียดของภาพนั้นได้เป็นอย่างดี นลินีกดคลิกเข้าไปในหน้าเพจนั้นและรอให้มันดาวน์โหลดขึ้นมาอย่างใจลอย หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งสำรวจตรวจตราทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในหน้าเพจของเขาอีกรอบแล้วจนได้ หญิงสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายปนสมเพชเวทนาตนเอง กับพฤติกรรมที่กำลังทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นี่มันไม่สมกับเป็นตัวเธอเลยสักนิด
ถึงนลินีจะไม่ใช่สาวโหดแสนห้าวจนหนุ่มๆ เข็ดขยาดอย่างตันหยง แต่เธอก็ไม่ใช่สาวกุลสตรีไทยนิยมแสนเรียบร้อยอย่างพลอยชมพูเช่นกัน เอาเข้าจริงแล้วนลินีพบว่าตนเองเป็นส่วนผสมกึ่งกลางระหว่างสองเพื่อนรัก ด้วยบุคลิกนิ่งๆ แต่ดูอ่อนโยนเป็นกันเองทว่าเข้มแข็งและชัดเจนเยี่ยงอุปนิสัยของสาวสมัยใหม่พึงมี ในบางครั้งออกจะเด็ดขาดกว่าตันหยงเสียด้วยซ้ำ
แต่นี่อะไรกัน แค่พอมีใครบางคนก้าวเข้ามาปั่นป่วนในหัวใจ ความเจนจัดชัดเจนที่เคยมีก็มลายหายไปในธาตุอากาศเสียอย่างนั้น เคยได้ยินมาว่าความรักทำให้คนตัวเล็กลง ในตอนแรกเธอไม่ค่อยจะเข้าใจนักหรอกแต่ตอนนี้เธออยากเสริมคำพูดดังกล่าวนี้เข้าไปอีกตัวโตๆ เลยด้วยว่านอกจากตัวจะหดเล็กลงจนต้องเอาหัวใจไปฝากไว้ที่คนอื่นแล้ว ยังแอบติดโรคใจปลาซิวมาจากไหนด้วยก็ไม่รู้เหมือนกัน
ใช่แล้วล่ะ..หล่อนแอบทำแบบนี้มาเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เขากับเธอได้รู้จักกันโดยบังเอิญในระหว่างการทำงานและได้รับการแนะนำให้รู้จักกัน พูดกันตามตรงแล้ว เธอไม่เข้าใจตนเองเลยด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้ให้ความสนใจเขามากมายขนาดนี้ ทั้งที่ดูๆ แล้วรูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับสเป็คของเธอเลยสักนิด
ก็ได้! เธอยอมรับว่าเขาหน้าตาดีทีเดียว ถึงกระนั้นท่าทางสุภาพเรียบร้อยแสนจะจริงจังบวกกับแว่นตาสุดเนิร์ดนี่ ต่อให้ตีลังกาดูยังไงก็ไม่ใช่ ‘แนว’ ผู้ชายในฝันของเธอเลยสักนิด แต่มันอาจเป็นเพราะอุปนิสัยที่ใจดี เป็นกันเอง ผิดกับบุคลิกสุดเฮี๊ยบภายนอกที่แสดงออกให้ทุกคนเห็นกระมังที่ทำให้ผู้ร่วมงานหลายคนเกิดความประทับใจ นี่ยังไม่รวมถึงรอยยิ้มอ่อนที่เจิดจ้าราวกับแสงอาทิตย์ ที่เธออดสังเกตเห็นไม่ได้นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน แล้วมันก็คงจะเป็นเพราะเหตุผลนั้นเองด้วยกระมังที่ทำให้เธอรู้สึกดีที่ได้คุยกับเขา นลินียังคงจำได้ดีถึงเหตุการณ์น่าอายที่ทำให้เธอเริ่มสนใจผู้ชายใส่แว่นยิ้มสวยคนนี้
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณหนูลีพอจะมีทรัมไดรฟ์สักอันให้ผมยืมคัดลอกเอกสารตรงนี้ไหมครับ เผอิญของผมลืมเอาติดตัวมาพอดี”
“มีค่ะ แต่ว่า..เอ่อ..”
นลินีอึกๆ อักๆ ขณะที่ก้มลงค้นสิ่งที่ต้องการในกระเป๋าทำงาน ก่อนจะวางตุ๊กตาเรซิ่นรูปตุ๊กตาแม่มดวูดูกำลังแลบลิ้นปลิ้นตาน่าขัน ลงบนมือของชายหนุ่มที่กำลังแบรอเอาไว้อยู่อย่างกระอักกระอ่วนใจเป็นที่สุด ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะห้าวดังก้องไปทั้งห้องประชุมที่เธอกับเขายืนคุยเรื่องรายละเอียดที่เหลือของงานกันอยู่เพียงสองคน จนเธอแทบอยากจะมุดพื้นฐรณีหนีไปเลยด้วยความอับอาย
“ปกติฉันมีอันที่ดูเป็นทางการนะคะ คุณที แต่วันนี้ฉันก็ลืมหยิบมาเหมือนกัน อันนี้เป็นของส่วนตัวน่ะค่ะ” เธอแก้ตัวอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีไปมากกว่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าน่ารักดีออก ” เขาส่งยิ้มกว้างขวางให้เธออย่างเป็นมิตร “อีกอย่างถ้าวันนี้ผมไม่ลืมเอามา คุณคงจะต้องเป็นฝ่ายหัวเราะผมแทน เพราะว่าทรัมไดรฟ์ของผมก็เป็นรูปสไปเดอร์แมนวูดูเหมือนกันครับ”
เธอไม่รู้หรอกนะว่าเขามีทรัมไดรฟ์รูปสไปเดอร์แมนวูดูจริงๆ หรือไม่ แต่นลินีก็อดยิ้มหวานให้คนรู้จักพูดจารักษาน้ำใจตรงหน้าไม่ได้จริงๆ ซึ่งเขาก็แจกยิ้มอ่อนโยนกลับมาให้เธออีกทีราวกับรู้กัน
หลังจากการติดต่อพูดคุยเบื้องต้นเพียงวันเดียวในครั้งนั้น ไม่นานเธอก็พบว่าเขากลายมาเป็นหนึ่งในรายชื่อที่แสดงเจตจำนงขอเป็นเพื่อนกับเธอทางหน้าเพจส่วนตัวตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน สืบไปสืบมาจึงรู้ว่าเขาได้ User ของเธอมาจากเพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งซึ่งเข้าร่วมประชุมงานในวันนั้น โดยให้เหตุผลว่าเพื่อทำความรู้จักและเป็นประโยชน์สำหรับการร่วมงานกันในครั้งต่อๆ ไป
‘แต่ผมว่าพี่ทีเขาต้องชอบพี่แน่ๆ เลยเชื่อเถอะ ผู้ชายด้วยกันมันดูออก’ ภาสกรหรือนายเต๋า รุ่นน้องของเธอคนนั้นเล่าให้ฟังอย่างยิ้มๆ
นลินีไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าหัวใจดวงเล็กๆ ของเธอรู้สึกอะไรบางอย่าง ทันทีที่ได้ยินประโยคบอกเล่านั้นออกมาจากปากของเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกัน ซึ่งถึงแม้เธอจะปฏิเสธอย่างแข็งขันทั้งกับตนเองและคำยุยุงส่งเสริมของเพื่อนว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่ระหว่างเธอกับทิวัตถ์อย่างที่เขาเข้าใจหรอก แต่หญิงสาวก็เลือกที่จะกดรับเขาเป็นเพื่อนอย่างไม่ลังเลใจเลยสักนิด โดยที่เธอก็ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองดีเหมือนกัน
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา นอกจากการทักทายกันเบื้องต้นและการติดตามความคืบหน้าเรื่องงานเล็กๆ น้อยๆ อย่างไม่เป็นทางการผ่านช่องสนทนาฟรีของเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว เขาและเธอก็ไม่เคยได้มีโอกาสได้พูดคุยกันอีกเลย นลินียอมรับว่าตัวเธอเองรู้สึกผิดหวังไม่น้อยกับท่าทีเงียบจนออกจะเมินเฉยของเขา แต่ก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่ามันไม่ได้มีอะไรในกอไผ่อย่างที่เธอเคยออกปากเอาไว้จริงๆ
บางครั้งในหัวของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโกรธ สับสน น้อยใจ แล้วก็ผิดหวังทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตนเองดีเลยด้วยซ้ำ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเธอไม่มีสิทธิอะไรจะไปรู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด สุดท้ายแล้วหญิงสาวจึงลงเอยด้วยการคอยตามดูข่าวคราวความเคลื่อนไหวของเขาในแต่ละวันอย่างเงียบๆ เท่านั้น
ข้อดีที่เปรียบเสมือนดาบสองคมของโลกสังคมออนไลน์นั้น คือ ช่วยให้เราได้รู้จักถึงตัวตน บุคลิกลักษณะนิสัย ความชอบ รวมถึงเรื่องราวส่วนตัวหลายๆ อย่างของบุคคลผ่านคำพูดหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับคนๆ นั้นได้อย่างง่ายดาย ซึ่งถึงแม้เธอจะรู้ดีอยู่แล้วว่าสังคมโลกเสมือนแบบนี้อาจเป็นเพียงแค่ภาพมายาที่บุคคลบรรจงสร้างขึ้นให้เป็นไปในรูปแบบใดก็ได้ แต่จากสิ่งที่เธอคอยเฝ้าดูมาโดยตลอดก็พอจะทำให้หญิงสาวมั่นใจไปเปลาะหนึ่งว่า เขาไม่ได้วางตัวแปลกแตกต่างไปจากผู้ชายอัธยาศัยดี เป็นกันเองคนนั้น ที่เธอเคยได้มีโอกาสรู้จักแต่อย่างใด มิหนำซ้ำโลกเสมือนใบนี้กลับยิ่งทำให้เธอรู้จักความเป็นเขาในหลายๆ ทางได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เอาเข้าจริงแล้ว นลินีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเริ่มชอบเขาตั้งแต่ตอนไหน เริ่มแรกนั้นเธอคิดว่าตนเองเพียงแค่ให้ความสนใจเขา ‘นิดหน่อย’ ในฐานะคนรู้จักที่พูดจากันได้ถูกคอคนหนึ่งก็เท่านั้น แต่ยิ่งเธอได้ทำความรู้จักเขาบนโลกอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเท่าไหร่ หญิงสาวก็ยิ่งพบว่าเธอและเขามีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันมากกว่าที่เธอเคยคิดเอาไว้ ทั้งความคิด รสนิยม หรือแม้แต่สิ่งที่ชอบ ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เธอรู้สึกให้ความสนใจในตัวเขามากกว่าเดิมและเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีเธอก็ชอบเขาเข้าไปแล้ว
‘แล้วเขาคิดกับแกเหมือนที่แกคิดกับเขาด้วยหรือเปล่าล่ะ?’
นลินีมองประโยคคำถามเล็กๆ ของตันหยงที่ส่งมาหาทางข้อความส่วนตัวอยู่นานสองนาน โดยส่วนตัวแล้วเธอก็ไม่ใช่คนที่มีประสบการณ์รักอย่างโชกโชนพอที่จะตอบได้ตั้งแต่แรกเห็นว่าเขาคนนั้นมีใจให้กับเราบ้างหรือไม่ แต่ถึงจะมีประสบการณ์ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำขนาดไหนก็เถอะ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแล้วย่อมไม่อยากตัดสินใจโดยการ ‘มโน’ ไปเองแค่ฝ่ายเดียวอย่างแน่นอน ดูอย่างเรื่องการขอเป็นเพื่อนในเว็บไซต์นั่นปะไร
‘ถ้ารู้แล้วฉันจะมาปรึกษาพวกแกทำแมวคิตตี้อะไรยะ ไอ้คุณหยง’
หญิงสาวพิมพ์กลับไปแบบนั้นอย่างเก้อๆ เพราะนอกจากเธอจะไม่มีวันรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรแล้ว เธอเองก็ยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าทิวัตถ์รู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าเธอเคยมีตัวตนโลดแล่นอยู่ในโลกของเขา ถึงจะกินเวลาแค่..เท่าไหร่นะ 3-4 ชั่วโมงเองก็เถอะ
(มีต่อ)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
สวัสดีค่ะ เดิมแล้วเรื่องนี้ตั้งใจจะเขียนเป็นเรื่องสั้นเพื่อขยายความจากนิยายหลักเรื่องหนึ่ง แต่ทำไปทำมาไฉนถึงกลายเป็นเรื่องยาวไปแล้วก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน 55 แนะนำติชมหรือพูดคุยกันได้ตามอัธยาศัยเลยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
Love Between The Lines เรื่องรักระหว่างบรรทัด
‘ฉันคิดว่าฉันแอบชอบคนๆ หนึ่งล่ะ’
นั่นคือคำสารภาพของฉันที่พิมพ์ลงไปในช่องสนทนาฟรีของโปรแกรมติดต่อสื่อสารชื่อดังที่หากเอ่ยชื่อขึ้นมาแล้วทุกคนจะต้องร้องอ๋ออย่างไม่มีข้อสงสัย ก่อนจะตัดสินใจกดส่งข้อความไปให้กลุ่มเพื่อนสาวคนสนิทที่กำลังจับกลุ่มกันวิพากษ์เรื่องจิปาถะในชีวิตประจำวันของแต่ละคนอยู่อย่างเพลิดเพลิน
‘ใคร!?’ ทั้งสองสาวพิมพ์ตอบกลับมาแทบจะพร้อมกัน ตามมาด้วยการกระหน่ำกดสติกเกอร์ตัวการ์ตูนหน้าตาตระหนกตกใจ ที่ทำให้เธอหลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้
‘ผู้ชาย หรือ ผู้หญิง ทอม ดี้ เกย์ ไบ รี่ หรือเพื่อนสาวข้ามเพศยะ ยัยคุณหนูลี?’
นลินี หรือ หนูลี ทำตาโตใส่คำถามของหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสาวคนสนิทของตน ก่อนจะรีบดีดสติกเกอร์อีโมชั่นควันออกหูใส่แม่เพื่อนปากไม่สร้างสรรค์ในบทสนทนาอย่างทันท่วงที
‘แกจะบ้าเรอะ หยง ก็ต้องผู้ชายสิยะ!’
‘แหม...ฉันก็ลองถามดู สมัยนี้คนชอบของแปลกมันเยอะ เผื่อแกจะนำเทรนด์ ฉันจะได้เอาเรื่องแกไปเล่าให้พี่อ้อยพี่ฉอดทำซีรีย์’
‘เอาซีรีย์ชีวิตแกก่อนดีไหม ไอ้คุณตันหยง’
‘พอแล้ว หยง หนูลี เลิกเถียงกันสักที ฉันขี้เกียจอ่าน เลื่อนหน้าจอขึ้นลงเยอะๆ เนี่ยมันเมื่อยนะรู้ไหม’
พลอยชมพู เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของเธอรีบขัดตาทัพขึ้นมา ก่อนที่บทสนทนาต้นเรื่องจะลอยออกสู่อวกาศไปไกลจนกู่ไม่กลับ
‘แล้วตกลงแกไปกิ๊กกั๊กกับหนุ่มหน้าไหนไว้ฮึ คุณหนูลีเพื่อนเลิฟ ทำไมพวกฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย โปรดชี้แจงแถลงไขแก่เพื่อนสาวบัดเดี๋ยวนี้’
‘บ้า! พลอย นี่ก็พูดเกินไป กิ๊กเกิ๊กอะไรกัน ฉันแค่...แอบชอบเขาเฉยๆ’
เป็นอีกครั้งที่สองเพื่อนสาวต่างพร้อมใจกันส่งอีโมชั่นตัวการ์ตูนทำตารูปหัวใจปิ๊งๆ มาให้เธอ นลินีหัวเราะกับตัวเองอย่างเขินๆ พร้อมทั้งไล่สายตาเลือกหาอีโมชั่นน่ารักที่ตรงใจเธอที่สุดตอนนี้ แล้วจึงกดส่งกลับไปให้แม่เพื่อนสาวทั้งสองคนหมั่นไส้เล่นๆ ก่อนจะตัดสินใจปิดหน้าจอบทสนทนากลุ่ม ที่เพื่อนซี้สาวทั้งสองยังคงกระหน่ำข้อความใส่กันไปมาลงชั่วคราว จากนั้นจึงบรรจงพิมพ์ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เป็นคำนำหน้าชื่อของใครบางคน ลงในช่องค้นหาของเว็บเพจสังคมออนไลน์ยอดฮิตที่เปิดรอไว้อยู่นานแล้วอย่างรวดเร็วด้วยความเคยชิน
‘Tiwatt’
รายชื่อพร้อมใบหน้าแสนคุ้นเคยโผล่ขึ้นมาในลิสต์ค้นหาทันทีที่เธอเริ่มพิมพ์ ซึ่งถึงแม้ใบหน้านั้นจะเป็นเพียงจุดเล็กๆ ไกลลิบในรูปภาพที่เขาตั้งเอาไว้เป็นรูปประจำตัว แต่เธอกลับจำแทบทุกรายละเอียดของภาพนั้นได้เป็นอย่างดี นลินีกดคลิกเข้าไปในหน้าเพจนั้นและรอให้มันดาวน์โหลดขึ้นมาอย่างใจลอย หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งสำรวจตรวจตราทุกความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในหน้าเพจของเขาอีกรอบแล้วจนได้ หญิงสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายปนสมเพชเวทนาตนเอง กับพฤติกรรมที่กำลังทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นี่มันไม่สมกับเป็นตัวเธอเลยสักนิด
ถึงนลินีจะไม่ใช่สาวโหดแสนห้าวจนหนุ่มๆ เข็ดขยาดอย่างตันหยง แต่เธอก็ไม่ใช่สาวกุลสตรีไทยนิยมแสนเรียบร้อยอย่างพลอยชมพูเช่นกัน เอาเข้าจริงแล้วนลินีพบว่าตนเองเป็นส่วนผสมกึ่งกลางระหว่างสองเพื่อนรัก ด้วยบุคลิกนิ่งๆ แต่ดูอ่อนโยนเป็นกันเองทว่าเข้มแข็งและชัดเจนเยี่ยงอุปนิสัยของสาวสมัยใหม่พึงมี ในบางครั้งออกจะเด็ดขาดกว่าตันหยงเสียด้วยซ้ำ
แต่นี่อะไรกัน แค่พอมีใครบางคนก้าวเข้ามาปั่นป่วนในหัวใจ ความเจนจัดชัดเจนที่เคยมีก็มลายหายไปในธาตุอากาศเสียอย่างนั้น เคยได้ยินมาว่าความรักทำให้คนตัวเล็กลง ในตอนแรกเธอไม่ค่อยจะเข้าใจนักหรอกแต่ตอนนี้เธออยากเสริมคำพูดดังกล่าวนี้เข้าไปอีกตัวโตๆ เลยด้วยว่านอกจากตัวจะหดเล็กลงจนต้องเอาหัวใจไปฝากไว้ที่คนอื่นแล้ว ยังแอบติดโรคใจปลาซิวมาจากไหนด้วยก็ไม่รู้เหมือนกัน
ใช่แล้วล่ะ..หล่อนแอบทำแบบนี้มาเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว นับตั้งแต่ครั้งแรกที่เขากับเธอได้รู้จักกันโดยบังเอิญในระหว่างการทำงานและได้รับการแนะนำให้รู้จักกัน พูดกันตามตรงแล้ว เธอไม่เข้าใจตนเองเลยด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้ให้ความสนใจเขามากมายขนาดนี้ ทั้งที่ดูๆ แล้วรูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับสเป็คของเธอเลยสักนิด
ก็ได้! เธอยอมรับว่าเขาหน้าตาดีทีเดียว ถึงกระนั้นท่าทางสุภาพเรียบร้อยแสนจะจริงจังบวกกับแว่นตาสุดเนิร์ดนี่ ต่อให้ตีลังกาดูยังไงก็ไม่ใช่ ‘แนว’ ผู้ชายในฝันของเธอเลยสักนิด แต่มันอาจเป็นเพราะอุปนิสัยที่ใจดี เป็นกันเอง ผิดกับบุคลิกสุดเฮี๊ยบภายนอกที่แสดงออกให้ทุกคนเห็นกระมังที่ทำให้ผู้ร่วมงานหลายคนเกิดความประทับใจ นี่ยังไม่รวมถึงรอยยิ้มอ่อนที่เจิดจ้าราวกับแสงอาทิตย์ ที่เธออดสังเกตเห็นไม่ได้นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน แล้วมันก็คงจะเป็นเพราะเหตุผลนั้นเองด้วยกระมังที่ทำให้เธอรู้สึกดีที่ได้คุยกับเขา นลินียังคงจำได้ดีถึงเหตุการณ์น่าอายที่ทำให้เธอเริ่มสนใจผู้ชายใส่แว่นยิ้มสวยคนนี้
“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณหนูลีพอจะมีทรัมไดรฟ์สักอันให้ผมยืมคัดลอกเอกสารตรงนี้ไหมครับ เผอิญของผมลืมเอาติดตัวมาพอดี”
“มีค่ะ แต่ว่า..เอ่อ..”
นลินีอึกๆ อักๆ ขณะที่ก้มลงค้นสิ่งที่ต้องการในกระเป๋าทำงาน ก่อนจะวางตุ๊กตาเรซิ่นรูปตุ๊กตาแม่มดวูดูกำลังแลบลิ้นปลิ้นตาน่าขัน ลงบนมือของชายหนุ่มที่กำลังแบรอเอาไว้อยู่อย่างกระอักกระอ่วนใจเป็นที่สุด ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะห้าวดังก้องไปทั้งห้องประชุมที่เธอกับเขายืนคุยเรื่องรายละเอียดที่เหลือของงานกันอยู่เพียงสองคน จนเธอแทบอยากจะมุดพื้นฐรณีหนีไปเลยด้วยความอับอาย
“ปกติฉันมีอันที่ดูเป็นทางการนะคะ คุณที แต่วันนี้ฉันก็ลืมหยิบมาเหมือนกัน อันนี้เป็นของส่วนตัวน่ะค่ะ” เธอแก้ตัวอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีไปมากกว่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมว่าน่ารักดีออก ” เขาส่งยิ้มกว้างขวางให้เธออย่างเป็นมิตร “อีกอย่างถ้าวันนี้ผมไม่ลืมเอามา คุณคงจะต้องเป็นฝ่ายหัวเราะผมแทน เพราะว่าทรัมไดรฟ์ของผมก็เป็นรูปสไปเดอร์แมนวูดูเหมือนกันครับ”
เธอไม่รู้หรอกนะว่าเขามีทรัมไดรฟ์รูปสไปเดอร์แมนวูดูจริงๆ หรือไม่ แต่นลินีก็อดยิ้มหวานให้คนรู้จักพูดจารักษาน้ำใจตรงหน้าไม่ได้จริงๆ ซึ่งเขาก็แจกยิ้มอ่อนโยนกลับมาให้เธออีกทีราวกับรู้กัน
หลังจากการติดต่อพูดคุยเบื้องต้นเพียงวันเดียวในครั้งนั้น ไม่นานเธอก็พบว่าเขากลายมาเป็นหนึ่งในรายชื่อที่แสดงเจตจำนงขอเป็นเพื่อนกับเธอทางหน้าเพจส่วนตัวตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน สืบไปสืบมาจึงรู้ว่าเขาได้ User ของเธอมาจากเพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งซึ่งเข้าร่วมประชุมงานในวันนั้น โดยให้เหตุผลว่าเพื่อทำความรู้จักและเป็นประโยชน์สำหรับการร่วมงานกันในครั้งต่อๆ ไป
‘แต่ผมว่าพี่ทีเขาต้องชอบพี่แน่ๆ เลยเชื่อเถอะ ผู้ชายด้วยกันมันดูออก’ ภาสกรหรือนายเต๋า รุ่นน้องของเธอคนนั้นเล่าให้ฟังอย่างยิ้มๆ
นลินีไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าหัวใจดวงเล็กๆ ของเธอรู้สึกอะไรบางอย่าง ทันทีที่ได้ยินประโยคบอกเล่านั้นออกมาจากปากของเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกัน ซึ่งถึงแม้เธอจะปฏิเสธอย่างแข็งขันทั้งกับตนเองและคำยุยุงส่งเสริมของเพื่อนว่ามันไม่มีอะไรในกอไผ่ระหว่างเธอกับทิวัตถ์อย่างที่เขาเข้าใจหรอก แต่หญิงสาวก็เลือกที่จะกดรับเขาเป็นเพื่อนอย่างไม่ลังเลใจเลยสักนิด โดยที่เธอก็ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองดีเหมือนกัน
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา นอกจากการทักทายกันเบื้องต้นและการติดตามความคืบหน้าเรื่องงานเล็กๆ น้อยๆ อย่างไม่เป็นทางการผ่านช่องสนทนาฟรีของเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว เขาและเธอก็ไม่เคยได้มีโอกาสได้พูดคุยกันอีกเลย นลินียอมรับว่าตัวเธอเองรู้สึกผิดหวังไม่น้อยกับท่าทีเงียบจนออกจะเมินเฉยของเขา แต่ก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่ามันไม่ได้มีอะไรในกอไผ่อย่างที่เธอเคยออกปากเอาไว้จริงๆ
บางครั้งในหัวของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโกรธ สับสน น้อยใจ แล้วก็ผิดหวังทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตนเองดีเลยด้วยซ้ำ และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเธอไม่มีสิทธิอะไรจะไปรู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด สุดท้ายแล้วหญิงสาวจึงลงเอยด้วยการคอยตามดูข่าวคราวความเคลื่อนไหวของเขาในแต่ละวันอย่างเงียบๆ เท่านั้น
ข้อดีที่เปรียบเสมือนดาบสองคมของโลกสังคมออนไลน์นั้น คือ ช่วยให้เราได้รู้จักถึงตัวตน บุคลิกลักษณะนิสัย ความชอบ รวมถึงเรื่องราวส่วนตัวหลายๆ อย่างของบุคคลผ่านคำพูดหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับคนๆ นั้นได้อย่างง่ายดาย ซึ่งถึงแม้เธอจะรู้ดีอยู่แล้วว่าสังคมโลกเสมือนแบบนี้อาจเป็นเพียงแค่ภาพมายาที่บุคคลบรรจงสร้างขึ้นให้เป็นไปในรูปแบบใดก็ได้ แต่จากสิ่งที่เธอคอยเฝ้าดูมาโดยตลอดก็พอจะทำให้หญิงสาวมั่นใจไปเปลาะหนึ่งว่า เขาไม่ได้วางตัวแปลกแตกต่างไปจากผู้ชายอัธยาศัยดี เป็นกันเองคนนั้น ที่เธอเคยได้มีโอกาสรู้จักแต่อย่างใด มิหนำซ้ำโลกเสมือนใบนี้กลับยิ่งทำให้เธอรู้จักความเป็นเขาในหลายๆ ทางได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
เอาเข้าจริงแล้ว นลินีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเริ่มชอบเขาตั้งแต่ตอนไหน เริ่มแรกนั้นเธอคิดว่าตนเองเพียงแค่ให้ความสนใจเขา ‘นิดหน่อย’ ในฐานะคนรู้จักที่พูดจากันได้ถูกคอคนหนึ่งก็เท่านั้น แต่ยิ่งเธอได้ทำความรู้จักเขาบนโลกอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเท่าไหร่ หญิงสาวก็ยิ่งพบว่าเธอและเขามีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันมากกว่าที่เธอเคยคิดเอาไว้ ทั้งความคิด รสนิยม หรือแม้แต่สิ่งที่ชอบ ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เธอรู้สึกให้ความสนใจในตัวเขามากกว่าเดิมและเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีเธอก็ชอบเขาเข้าไปแล้ว
‘แล้วเขาคิดกับแกเหมือนที่แกคิดกับเขาด้วยหรือเปล่าล่ะ?’
นลินีมองประโยคคำถามเล็กๆ ของตันหยงที่ส่งมาหาทางข้อความส่วนตัวอยู่นานสองนาน โดยส่วนตัวแล้วเธอก็ไม่ใช่คนที่มีประสบการณ์รักอย่างโชกโชนพอที่จะตอบได้ตั้งแต่แรกเห็นว่าเขาคนนั้นมีใจให้กับเราบ้างหรือไม่ แต่ถึงจะมีประสบการณ์ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำขนาดไหนก็เถอะ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแล้วย่อมไม่อยากตัดสินใจโดยการ ‘มโน’ ไปเองแค่ฝ่ายเดียวอย่างแน่นอน ดูอย่างเรื่องการขอเป็นเพื่อนในเว็บไซต์นั่นปะไร
‘ถ้ารู้แล้วฉันจะมาปรึกษาพวกแกทำแมวคิตตี้อะไรยะ ไอ้คุณหยง’
หญิงสาวพิมพ์กลับไปแบบนั้นอย่างเก้อๆ เพราะนอกจากเธอจะไม่มีวันรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรแล้ว เธอเองก็ยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าทิวัตถ์รู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าเธอเคยมีตัวตนโลดแล่นอยู่ในโลกของเขา ถึงจะกินเวลาแค่..เท่าไหร่นะ 3-4 ชั่วโมงเองก็เถอะ
(มีต่อ)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
สวัสดีค่ะ เดิมแล้วเรื่องนี้ตั้งใจจะเขียนเป็นเรื่องสั้นเพื่อขยายความจากนิยายหลักเรื่องหนึ่ง แต่ทำไปทำมาไฉนถึงกลายเป็นเรื่องยาวไปแล้วก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน 55 แนะนำติชมหรือพูดคุยกันได้ตามอัธยาศัยเลยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ