🗡️ รู้จัก ‘Revenge Porn’ หรือ ‘การปล่อยคลิปลับหลังเลิกรา’ พฤิตกรรมของคนขี้แพ้ ที่ใช้ความไว้ใจของคนเคยรักเป็นอาวุธ ​​

MIND: รู้จัก ‘Revenge Porn’
หรือ ‘การปล่อยคลิปลับหลังเลิกรา’
พฤิตกรรมของคนขี้แพ้
ที่ใช้ความไว้ใจของคนเคยรักเป็นอาวุธ  ​​
.
ในความสัมพันธ์ของคู่รักบางคู่ ยามรัก รักกันหวานชื่น แต่ทำไมตอนจบความสัมพันธ์กลับทำร้ายกันแบบไม่เหลือเยื่อใย โดยเฉพาะ ‘การปล่อยคลิปส่วนตัว’ ที่ไม่ได้ทำลายเพียงสายสัมพันธ์อันเปราะบางให้สุดสิ้นลง หากแต่ยังกระทบต่อการใช้ชีวิตและสภาพจิตใจของ ‘เหยื่อ’ ไปทั้งชีวิตหลังจากนั้นอีกด้วย
.
ก่อนจะไปดูกันว่าเบื้องหลังพฤติกรรมของผู้กระทำเหล่านั้นคืออะไร ผู้เขียนเชื่อว่า หลายคนคงสงสัยว่า “แล้วทำไมคู่รักหลายคู่ถึงต้องส่งภาพ วิดีโอ หรือข้อความเชิงสวาทให้กันและกัน” ด้วยนะ?
.
นั่นเพราะในความสัมพันธ์ยุคดิจิทัล สิ่งที่ทำให้คู่รักรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในเชิงกายภาพอย่างการกอด จับมือ หรือการพูดคุยเท่านั้นอีกต่อไปแล้ว แต่ยังรวมถึงการส่งภาพ วิดีโอ หรือข้อความทางเพศให้กันอีกด้วย
.
สิ่งนี้เรียกว่า ‘Sexting’ ซึ่งส่วนหนึ่งของงานวิจัย ‘Delete it and Move On: Digital Management of Shared Sexual Content after a Breakup’ พบว่าพฤติกรรมนี้เป็นเรื่องปกติในหมู่ผู้ใหญ่จำนวนมาก และน่าสนใจกว่านั้นคือ มันยังเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ที่แข็งแรงด้วย เพราะช่วยเพิ่มความใกล้ชิด ความพึงพอใจทางเพศ ความสัมพันธ์โดยรวม และความมั่นใจในตัวเอง เป็นพื้นที่ปลอดภัยของคู่รักที่กำลังไว้วางใจและเปิดเผยตัวตนให้กันในแบบที่คนภายนอกไม่มีวันเห็นได้ แต่สิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นภายใต้สมมติฐานข้อสำคัญว่า ‘ความสัมพันธ์นั้นจะปลอดภัยเสมอ’ และคนที่ได้รับภาพลับของเราเป็น ‘คนรัก’ และจะยังเป็นคนรักของเราในอนาคต
.
ทว่าโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้โรแมนติกขนาดนั้น เมื่อความสัมพันธ์เดินมาถึงจุดสิ้นสุด และยิ่งถ้าเป็นการจบแบบแตกหัก ความเชื่อใจเดิมอาจกลายเป็นอาวุธทำร้ายกันภายในพริบตา หลายคนไม่ได้คาดคิดว่าคลิปหรือภาพที่เคยส่งให้ด้วยความรักนั้นจะถูกนำออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะหลังเลิกรา พฤติกรรมเช่นนี้มีชื่อเรียกว่า ‘Revenge Porn’ หรือ ‘การเผยแพร่ภาพลับโดยปราศจากความยินยอม’
.
คำถามคือ “ทำไมพฤติกรรมเหล่านี้จึงเกิดขึ้น?”
.
ข้อมูลจากบทความ ‘Why Men Post Revenge Porn Pictures’ อธิบายไว้อย่างน่าสนใจว่า ผู้กระทำส่วนใหญ่มักเป็นผู้ชาย และเหตุผลเบื้องหลังไม่ได้มีเพียง ‘การแก้แค้น’ เท่านั้น บางคนโพสต์เพื่ออวดเพื่อนชายว่า “ฉันเป็นเจ้าของผู้หญิงคนนี้แล้ว” และพวกเขาจะยิ่งรู้สึกว่าตนเหนือกว่าเพราะมีหลักฐานเป็นวิดีโอหรือภาพที่ถ่ายไว้ด้วยตนเอง
.
บางคนทำเพื่อ ‘ลงโทษ’ ฝ่ายหญิงที่บอกเลิก เพราะไม่อยากยอมรับความเจ็บปวดของตัวเองและเลือกจะโยนความอับอายไปให้อีกฝ่ายแทน ขณะที่อีกหลายคนตกอยู่ในแรงกดดันของกลุ่มสังคมออนไลน์ ที่ยึดการ ‘แลกภาพลับ’ เป็นระบบยอมรับสมาชิกภายใน การแชร์จึงกลายเป็นวิธีแสวงหาความเท่หรือสถานะบางอย่างโดยแทบไม่คำนึงถึงผลกระทบ
.
อีกทั้งยังมีผู้ชายบางกลุ่มที่มีความเชื่อผิดๆ ว่า การแชร์ภาพของผู้หญิงจะทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นเหมือนที่พวกเขาเชื่อว่าตนจะรู้สึก หากผู้หญิงได้รับการชมว่าร่างกายของเธอเป็นที่ต้องการมากมายแค่ไหน
.
แต่ความเป็นจริงคือ สังคมตีตราผู้หญิงอย่างไม่เท่าเทียมมานาน ผลลัพธ์ที่ตามมาสำหรับฝ่ายหญิงจึงหนักหนาและรุนแรงกว่าที่ผู้ชายส่วนใหญ่จะจินตนาการได้
.
เรามาดูตัวอย่างผลกระทบของเหยื่อที่ไม่ควรถูกมองข้าม จากบทความของสำนักข่าว BBC ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ แจสมิน (Jasmine) หญิงวัย 28 ปี กัน เธอถูกแฟนเก่านำภาพท็อปเลสของเธอไปเผยแพร่ และถึงแม้เวลาจะผ่านไปแล้วถึง 8 ปี แต่เธอยังรู้สึก ‘หวาดระแวงตลอดเวลา’ แม้แต่ตอนที่มีผู้ชายยิ้มให้เธอบนถนน เธอก็อดสงสัยไม่ได้ว่า “เขาเป็นคนสุภาพ หรือเขาเคยเห็นภาพฉันบนเว็บไซต์เหล่านั้น?” แจสมินยังคงใช้ชีวิตอยู่กับความไม่มั่นคง ความอับอายที่ไม่ควรเป็นของเธอ และความกลัวที่ติดตัวไปทุกวัน นี่คือรอยแผลที่ยาวนานเกินกว่าจะลบเลือนได้ง่ายๆ
.
ประเด็นสำคัญคือ ในสายตาของผู้ปล่อยคลิป พวกเขาอาจคิดว่าเป็น ‘แค่เรื่องสนุก’ หรือ ‘ก็เธอเคยส่งให้เอง’ หรือ ‘ไม่มีใครรู้หรอกว่าเป็นใคร’ หรือจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม แต่ในความเป็นจริงการกระทำเช่นนี้คือ ‘การละเมิดความเป็นส่วนตัวขั้นรุนแรง’ เป็นการหักหลังความไว้วางใจที่อีกฝ่ายมอบให้ และสะท้อนความบกพร่องด้านวุฒิภาวะทางอารมณ์อย่างชัดเจน ยิ่งกว่านั้น มันคือการตอกย้ำโครงสร้างสังคมที่กดทับเพศหญิงมาโดยตลอด และทำให้เหยื่อแบกรับผลกระทบหนักกว่าอีกหลายเท่า
.
ในหลายประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักร การเผยแพร่หรือข่มขู่เพื่อเผยแพร่ภาพลับโดยไม่ได้รับความยินยอม ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย และกำลังมีการผลักดันให้การครอบครองภาพเหล่านี้กลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายเช่นกัน เพราะแม้การเสพคลิปหลุดจะไม่ได้ทำให้คุณเป็น ‘ผู้เผยแพร่’ แต่คุณกำลังเป็นฟันเฟืองหนึ่งของระบบที่สร้างความทุกข์ให้เหยื่อโดยตรง การค้นหาและเสพคลิปหลุดไม่เคยเป็นเรื่องธรรมดา และไม่ควรถูกทำให้เป็นวัฒนธรรมบนความอยากรู้อยากเห็นของผู้ชม เพราะขณะที่คนดูรู้สึกตื่นเต้นเพียงไม่กี่วินาที ใครบางคนอาจกำลังทรมานกับความหวาดกลัวที่ไม่รู้จบ
.
ท้ายที่สุด สิ่งที่เราควรทำคือทบทวนให้ดีว่าเรากำลังใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มคุณค่าหรือทำร้ายใคร การลบเมื่ออีกฝ่ายขอ การตกลงกันก่อนส่งภาพลับ การไม่แชร์ต่อแม้จะพบโดยบังเอิญ และการไม่สนับสนุนวัฒนธรรมคลิปหลุด ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยป้องกันไม่ให้ความใกล้ชิดกลายเป็นอาวุธทำร้ายกัน
.
สำหรับเหยื่อทุกคน แน่นอนว่าทุกคนคงรู้สึกอับอายและเสียใจไม่น้อย แต่โปรดจำไว้ว่า ‘นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ’ ความไว้วางใจไม่ใช่ความโง่หรือความประมาท มันคือการมอบหัวใจให้ใครสักคนด้วยความซื่อสัตย์ และไม่มีใครควรนำสิ่งนี้กลับมาทำร้ายกัน หากวันนี้คุณคือเหยื่อที่กำลังอยู่ในจุดที่เจ็บปวด ขอให้รู้ว่าคุณยังมีคุณค่า สมควรได้รับพื้นที่ปลอดภัย และสมควรได้รับความยุติธรรม
.
และสำหรับผู้ที่กำลังอยู่ในความสัมพันธ์ทุกคน สิ่งสำคัญคือการตระหนักรู้อย่างถ้วนถี่ พูดคุยเรื่องข้อตกลง และเคารพกันทั้งในโลกออนไลน์และออฟไลน์อย่างเท่าเทียม คือวิธีการปกป้องความรักไม่ให้กลายเป็นบาดแผลในวันที่มันจบลง
.
แล้วทุกคนล่ะ มีความเห็นหรืออยากแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในประเด็นนี้อย่างไรบ้าง?
.
#MIND
#BrandThink #CreativeChange
#Empowering #Diversity #PositiveImpact
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่