[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บทที่ 1-2 http://pantip.com/topic/34581823
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/34641272
บทที่ 4-5 http://pantip.com/topic/34657924
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/34686112
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/34709647
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/34730781
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/34740745
บทที่ 10 http://pantip.com/topic/34855480
บทที่ 11 http://pantip.com/topic/34899050
บทที่ 12 http://pantip.com/topic/34910335
บทที่ 13 http://pantip.com/topic/34928427
บทที่ 14 http://pantip.com/topic/34939664
บทที่ 15 http://pantip.com/topic/34947967
บทที่ 16 http://pantip.com/topic/34956823
บทที่ 17 http://pantip.com/topic/35057360
บทที่ 18 ทะเลเลือดในเปลวไฟ
ซาคาโมโตะ เคียวยะ ยืนดูร่างที่ถูกเจาะจนเป็นรูพรุนของปิศาจหน้าตาเหมือนหนูภายในคุก ห้องใต้ดินของเรือนจำซึ่งอยู่ห่างจากชิรายูกิยาชิกิ สภาพที่น่าทุเรศของมันเกิดจากฝีมือของโฮตารุ ที่ใช้หิ่งห้อยนับพันตัวขอนไขเข้าไปในร่าง กัดกินเลือดเนื้อ อวัยวะภายในทีละน้อยสร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเพื่อรีดความลับจากนักโทษ หลังถูกทรมานมาสองวันเต็มๆ ปิศาจหนูจึงยอมเปิดปากแต่สิ่งที่ไหลพร่างพรูออกก่อให้เกิดความหวั่นวิตกจนยายเฒ่าต้องรีบติดต่อกับเจ้านาย
“แน่ใจหรือว่าสิ่งที่มันพูดเป็นความจริง” ทั้งที่รู้ว่าไม่ว่าใครก็ตามหากโดนหิ่งห้อยมรณะของโฮตารุแล้ว ต่อให้ปากแข็งแค่ไหนก็ต้องคายความจริงออกมา ถึงอย่างนั้นซาคาโมโตะก็ยังอดถามไม่ได้ ปิศาจรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ค้อมกายอย่างอ่อนน้อม
“เด็กๆของข้าสามารถจับคำโกหกได้” ดวงตาสีเขียวเรืองเหมือนหิ่งห้อยชำเลืองไปยังนักโทษ “ทีแรกมันก็ปดแต่พอโดนลูกของข้าเจาะเข้าไปถึงภายใน สุดท้ายจึงยอมสารภาพ”
พอพูดจบโฮตารุก็ปรบมือหนึ่งครั้ง ซากกะรุ่งกะริ่งของปิศาจหนูก็สะดุ้งสุดตัว มันเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากก่อนหลุดคำพูดแหบแห้ง
“ข้าบอกความจริงไปหมดแล้ว”
“แต่ข้าอยากฟังอีกครั้ง ต่อหน้าท่านไรโชมารุ”
ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวของปิศาจหนูเบิกกว้าง มันเลื่อนผ่านร่างโฮตารุไปยังด้านหลัง จ้องบุรุษผู้มีร่างกายอันสง่างามอย่างหวาดกลัว
“ไรโชมารุ” มันทวนคำเสียงสั่นบ่งบอกถึงความประหวั่นที่มีต่อผู้นำกินกิซึเนะมากยิ่งกว่าการทรมานของยายเฒ่าหิ่งห้อยเสียอีก “ข้าสาบานต่อความยิ่งใหญ่ของท่านว่าทุกอย่างที่พูดออกไปคือความจริง”
“ไม่ต้องมาทำเป็นสอพลอ” โฮตารุตวาด “บอกสิ่งที่เจ้าพูดให้ข้าฟังอีกครั้ง”
ทีแรกปิศาจหนูทำท่าอิดเอื้อนแต่พอเห็นแมลงตัวน้อยบนปลายนิ้วของยายเฒ่ามหาภัย มันก็รีบร้องเพื่อวอนขอความเมตตา
“อย่า! ข้าจะพูดเดี๋ยวนี้แล้ว” ปิศาจหนูทำเสียงสะอื้นก่อนหันไปทางซาคาโมโตะ “ที่มาชิรายูกิยาชิกิก็เบนความสนใจท่านจากฟูจิน เอ้อ ฟุรุคาวะ ฟุบุกิ”
คำพูดของปิศาจหนูทำให้ซาคาโมโตะมุ่นคิ้ว “แกรู้ด้วยหรือว่าฟุบุกิเป็นใคร”
“ท่านคาราสุเฮบิรู้ทุกอย่าง” ปิศาจหนูไม่ตอบตามตรงหากเลี่ยงไปที่เจ้านาย “ที่สั่งแบบนั้นก็เพื่อจะเปิดโอกาสให้คุโระอินุมารุทำลายนาง”
สิ่งที่ได้ยินสร้างความตระหนกต่อโฮตารุเพราะนึกไม่ถึงว่าทาคุจะทำในสิ่งที่ปิศาจหนูพูด แต่พอเห็นสีหน้าของผู้เป็นนายแล้ว นางจึงรู้ว่าเป็นความจริง แต่ซาคาโมโตะไม่สนใจเรื่องนี้เพราะมัวแต่มุ่งถึงเป้าหมายที่แท้จริงของผู้นำโอโรจิ
“ทำไม” เขาถามเสียงห้วน พอเห็นอีกฝ่ายอึกอักไม่กล้าพูดจึงสำทับคำเดิมอีกครั้งด้วยเสียงทรงอำนาจ “ข้าถามว่าทำไม!”
ปิศาจหนูก้มหน้าไม่ตอบ แน่นอนว่ามันกลัวผู้นำกินกิซึเนะผู้ยืนอยู่ตรงหน้าแต่ยังน้อยกว่าหากเทียบกับคาราสุเฮบิ เมื่อเห็นนักโทษไม่ยอมปริปากโฮตารุจึงโปรยหิ่งห้อยไปยังร่างที่ปรุพรุน พอเจ้าแมลงเรืองแสงตัวเล็กๆสัมผัสผิว มันก็มุดลงไปในเนื้อกัดกินลึกลงไปในร่างกาย การถูกกัดแทะทั้งที่ยังมีลมหายใจสร้างความเจ็บปวดอย่างเหลือคณานับจนปิศาจหนูต้องกรีดเสียงร้องอย่างน่าเวทนา
“ได้โปรด” มันคร่ำครวญวอนขอความเมตตา ยายเฒ่ามหาภัยยังคงยืนมองด้วยดวงตาปราศจากความรู้สึกจนพอใจแล้วจึงดีดนิ้วเรียกบริวารของนางกลับคืน
“พูดออกมาให้หมด” โฮตารุสั่ง ปิศาจหนูกลืนก้อนสะอื้นเข้าไปเฮือกใหญ่ก่อนยอมเปิดปาก
“ฟูจินเป็นภูตเพียงหนึ่งเดียวที่หน้ากากของท่านคาราสุเฮบิไม่อาจครอบงำ แต่หากสร้างความเจ็บช้ำอย่างแสนสาหัสจนนางเห็นโลกทั้งใบกลายเป็นสีเทาแล้ว พลังแห่งลมของภูตวายุจะกลายเป็นสื่อชักนำอย่างดี ต่อให้เป็นท่าน” มันจ้องซาคาโมโตะอย่างมาดร้าย “ก็จะถูกสวมหน้ากากได้อย่างง่ายดาย”
หลุดปากออกมาเพียงแค่นั้นปิศาจหนูก็ตัวสั่นไปทั้งร่าง มันเงยหน้าขึ้นจ้องเพดานด้วยดวงตาเหลือกลาน ปากบิดเบี้ยวเหยเกกรีดเสียงร้องที่ทำให้คนได้ยินต้องขนลุกซู่
“อย่าทำข้า ท่านคาราสุ_”
นัยน์ตาสีดำพลิกกลับเข้าไปอยู่ด้านในจนเหลือแต่ตาขาว ปากบนและปากล่างถ่างออกเหมือนโดนคีมง้างจนกรามแยกจากกัน ปิศาจหนูสะบัดตัวอย่างรุนแรงดึงแขนขาของตัวเองจนฉีกออกจากตรวน ยังไม่ทันที่ร่างของมันจะล้ม กลับถูกมือที่มองไม่เห็นกรีดทึ้งจนขาดเป็นริ้วกลายเป็นเศษผ้าขาดวิ่นกองอยู่บนพื้น สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันทำให้โฮตารุขยับเข้าไปดูด้วยความสงสัยแต่ซาคาโมโตะคว้าไหล่นางเอาไว้พร้อมกับร้องห้าม
“พลังเวทของคาราสุเฮบิ” ดวงตาสีอำพันจ้องกองขยะตรงหน้าและใช้พลังไฟจิ้งจอกเผามันจนไหม้เป็นจุณ จากนั้นจึงเดินออกจากคุกกลับไปยังเรือนหิมะ ยืนจ้องสะพานโค้งสีแดงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด โฮตารุซึ่งตามหลังมาติดๆจึงถาม
“กำลังคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ นายน้อย”
กิริยาเต็มไปด้วยความนอบน้อมเพราะรู้ดีว่าไม่ควรซักไซ้ผู้เป็นนาย แต่ความเป็นบริวารสนิทที่คอยรับใช้ตระกูลกิซึเนะมาตั้งแต่สมัยทสึเมะเคทสุเอกิ ยายเฒ่าหิ่งห้อยจึงรู้สึกเป็นห่วงจนอดพูดอะไรซักคำไม่ได้ พอเห็นสายตาเชิงดุของซาคาโมโตะ นางจึงรีบก้มศีรษะลง “ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่ถามออกไปแบบนั้น”
“ช่างเถอะ” ชายหนุ่มพูดก่อนจะหันกลับมามองหน้าโฮตารุตรงๆ “เจ้าเข้าใจสิ่งที่ปิศาจหนูตัวนั้นพูดหรือเปล่า”
ปิศาจผู้ภักดีพยักหน้าช้าๆ “คาราสุเฮบิต้องการใช้คุณหนูฟูจินเป็นเครื่องมือ และรู้ด้วยว่าเวลานี้นางเกิดใหม่ในร่างของฟุรุคาวะ ฟุบุกิ”
ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยความกังวล
“ด้วยเหตุนี้เองเขาถึงได้ถูกพวกปิศาจตามรังควาน ข้าว่าท่านควรจะพาคุณหนูฟุบุกิกลับมาที่เรือนหิมะจะดีกว่านะเจ้าคะ”
“ตอนนี้ยังไม่ได้” ซาคาโมโตะปฏิเสธ โฮตารุมองด้วยความสงสัย
“ทำไมหรือเจ้าคะ”
“เจ้าเองก็น่าจะรู้นะโฮตารุ ตอนนี้ฟุบุกิเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ตราบใดที่เขายังนึกเรื่องในอดีตไม่ออกก็ไม่มีวันเข้ามาในนี้ได้”
“ถ้าเช่นนั้นท่านจะทำยังไงล่ะเจ้าคะ” โฮตารุถามด้วยความเป็นห่วง “ให้ข้าน้อยไปคอยอารักขานางดีไหม”
“คุโระอินุมารุกำลังทำหน้าที่นั้นอยู่” ซาคาโมโตะบอกแต่ยายเฒ่ากลับเบ้หน้า
“หมาป่าอย่างเจ้านั่นจะมีปัญญาอะไร” นางหยุดนิ่งเหมือนสะดุดใจบางอย่าง “จริงสิ เมื่อครู่ปิศาจหนูพูดถึงคุโระอินุมารุ มันหมายความว่าอะไรหรือเจ้าคะ”
“แค่โดนผลกระทบจากหน้ากากนิดหน่อยแต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ซาคาโมโตะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวเป็นเรื่องปกติแต่โฮตารุกลับทำตาโต
“นายน้อยหมายถึงโดนสวมหน้ากากหรือเจ้าคะ เป็นไปได้ยังไง เจ้าหมาบ้านั่นเป็นคนของเผ่าอินุที่ได้ชื่อว่ามีจิตใจแข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
“ไม่มีสิ่งใดแข็งแกร่งที่สุดหรอกโฮตารุ” ซาคาโมโตะพูด “โดยเฉพาะคนที่อยู่ในอำนาจของความรัก”
ประโยคสุดท้ายเหมือนเป็นการบอกตัวเองมากกว่า แต่โฮตารุกลับสั่นศีรษะ
“ไม่จริงหรอกเจ้าค่ะ เมื่อใดที่มีรัก เราก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นและยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่เรารัก”
คำพูดที่กล่าวตรงไปตรงมาของโฮตารุทำให้ซาคาโมโตะได้คิด ใช่แล้ว นับตั้งแต่ท่านพ่อนำฟูจินเข้าบ้านเขาก็ถูกสั่งให้คอยดูแลนาง หากด้วยวัยที่ห่างกันถึงสิบปีทำให้เขาไม่สนใจเด็กหญิงตัวน้อยที่เนื้อตัวสกปรกเปรอะเปื้อนไปด้วยขี้เถ้าคนนี้สักเท่าไหร่ แต่พอสบดวงตากลมโตใสซื่อบริสุทธิ์ที่คอยมองเขาอย่างเทิดทูนอยู่ตลอดเวลาแล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มยอมรับว่านางเป็นน้องขึ้นมาบ้าง กระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกลอบทำร้าย สายตาที่เต็มไปด้วยความตระหนกตอนเห็นเลือดของฟูจินยังคงฝังใจเขามาจนถึงทุกวันนี้ มันไม่ใช่แค่ความตกใจเท่านั้นหากเต็มไปด้วยความหวาดกลัวของคนที่จะต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไปอีกครั้ง การเฝ้าพยาบาลด้วยความเป็นห่วงของนางทำให้ซาคาโมโตะหรือไรโชมารุในตอนนั้นตัดสินใจว่าจะไม่ยอมให้น้องสาวคนนี้ต้องหลั่งน้ำตาอีกอย่างเด็ดขาด ยิ่งนานวันความผูกพันของทั้งสองก็ยิ่งแนบแน่น เมื่อฟูจินย่างเข้าสู่วัยแรกรุ่น หัวใจของไรโชมารุก็ตกเป็นของนางโดยบริบูรณ์ และด้วยเหตุนี้เองเขาจึงพยายามฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้อง แต่สุดท้ายแล้วแผนชั่วของคาราสุเฮบิทำให้เขาต้องสูญเสียคนสำคัญที่สุดไปตลอดกาล
หลังการตายของฟูจินทั้งเขาและทาคุนำคนของกินกิซึเนะไล่ล่า กวาดล้างพวกโอโรจิอย่างปราศจากความปรานี จนกระทั่งคาราสุเฮบิยอมยกธงขาวขอทำสัญญาสงบศึก สงครามระหว่างกินกิซึเนะกับโอโรจิจึงยุติลง แม้จะมีการกระทบกระทั่งกันบ้างแต่ก็ไม่มีเรื่องร้ายแรงถึงขั้นคอขาดบาดตาย เมื่อเข้าสู่ความสงบและสังคมของมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ธรรมชาติถูกรุนรานจนเผ่าพันธุ์ปิศาจต้องถอยร่นเข้าไปในป่าลึกกระนั้นก็ยังไม่อาจหลีกพ้น ต้นไม้ถูกโค่นแหล่งน้ำถูกทำลายจนไม่อาจอยู่อาศัยได้อีกต่อไป
เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์เขาจึงปรับโครงสร้างของกินกิซึเนะใหม่ทั้งหมดด้วยการตั้งตัวเป็นกลุ่มอิทธิพลชื่อซาคาโมโตะ ทำงานด้านธุรกิจทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง มอบหน้าที่ให้ปิศาจที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมบังหน้า เมื่อตั้งตัวเป็นปึกแผ่นก็ใช้เงินซื้อภูเขาทั้งลูกไว้เป็นที่ซ่อนตัวของพวกพ้อง ส่วนเขาแฝงตัวอยู่ในคราบของนักเรียนมัธยมปลายย้ายไปตามที่ต่างๆเพื่อค้นหาฟูจินด้วยความหวังว่านางจะกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง วันเวลาผ่านไปนานนับร้อยปีก็ไม่พบแม้เงาจนทาคุยอมตัดใจกับเรื่องนี้ไปแล้ว หากแต่เขายังคงมีความมุ่งมั่นตระเวนหาไม่หยุดโดยไม่สนใจคำเตือนของใคร และแล้วในที่สุดความฝันก็กลายเป็นความจริงเมื่อเขาพบฟูจินในร่างใหม่ ฟุรุคาวะ ฟุบุกิ
แรกเห็นไม่เพียงใบหน้า กระทั่งพลังวิญญาณซึ่งแม้จะเจือจางหากซาคาโมโตะรู้ได้ทันทีว่าฟุรุคาวะคือฟูจินกลับชาติมาเกิด เขาไม่สนเลยแม้แต่น้อยว่าการกลับมาในครั้งนี้คนรักจะอยู่ในร่างใด ขอเป็นแค่ ฟูจิน หญิงเดียวที่เขารัก เท่านั้นก็พอแล้ว
สิ่งที่ทำให้ซาคาโมโตะกังวลก็คือความทรงจำ เพราะถ้าฟุรุคาวะยังนึกเรื่องราวในอดีตไม่ออก ก็ไม่สามารถกลับมายังชิรายูกิยาชิกิได้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรนัก ถึงความจำยังไม่กลับมาแต่หากใจตรงกันไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเขาก็อยู่ได้ทั้งนั้น ส่วนเรื่องอายุขัย ถ้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เขาก็สามารถถ่ายโอนพลังจิ้งจอกให้เข้าไปสถิตในร่างได้อยู่แล้ว เรื่องหนักใจที่สุดในเวลานี้คือ การปรากฏตัวของคาราสุเฮบิ เห็นได้ชัดว่าหมอนั่นรู้เช่นเดียวกันว่าฟุรุคาวะเป็นใคร หนำซ้ำยังมีเจตนาเดิมคือพยายามดึงจิตใจของเด็กหนุ่มให้จ่อมจมอยู่ในความมืดด้วยวิธีการสกปรก บางทีการก่อกวนของมนุษย์ที่ชื่อคาวาเบะ อาจเป็นหนึ่งในแผนที่ชั่วร้ายของเจ้าปิศาจงูจอมเจ้าเล่ห์
สายใยรักจิ้งจอกพันปี บทที่ 18 ทะเลเลือดในเปลวไฟ
บทที่ 18 ทะเลเลือดในเปลวไฟ
ซาคาโมโตะ เคียวยะ ยืนดูร่างที่ถูกเจาะจนเป็นรูพรุนของปิศาจหน้าตาเหมือนหนูภายในคุก ห้องใต้ดินของเรือนจำซึ่งอยู่ห่างจากชิรายูกิยาชิกิ สภาพที่น่าทุเรศของมันเกิดจากฝีมือของโฮตารุ ที่ใช้หิ่งห้อยนับพันตัวขอนไขเข้าไปในร่าง กัดกินเลือดเนื้อ อวัยวะภายในทีละน้อยสร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเพื่อรีดความลับจากนักโทษ หลังถูกทรมานมาสองวันเต็มๆ ปิศาจหนูจึงยอมเปิดปากแต่สิ่งที่ไหลพร่างพรูออกก่อให้เกิดความหวั่นวิตกจนยายเฒ่าต้องรีบติดต่อกับเจ้านาย
“แน่ใจหรือว่าสิ่งที่มันพูดเป็นความจริง” ทั้งที่รู้ว่าไม่ว่าใครก็ตามหากโดนหิ่งห้อยมรณะของโฮตารุแล้ว ต่อให้ปากแข็งแค่ไหนก็ต้องคายความจริงออกมา ถึงอย่างนั้นซาคาโมโตะก็ยังอดถามไม่ได้ ปิศาจรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ค้อมกายอย่างอ่อนน้อม
“เด็กๆของข้าสามารถจับคำโกหกได้” ดวงตาสีเขียวเรืองเหมือนหิ่งห้อยชำเลืองไปยังนักโทษ “ทีแรกมันก็ปดแต่พอโดนลูกของข้าเจาะเข้าไปถึงภายใน สุดท้ายจึงยอมสารภาพ”
พอพูดจบโฮตารุก็ปรบมือหนึ่งครั้ง ซากกะรุ่งกะริ่งของปิศาจหนูก็สะดุ้งสุดตัว มันเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากก่อนหลุดคำพูดแหบแห้ง
“ข้าบอกความจริงไปหมดแล้ว”
“แต่ข้าอยากฟังอีกครั้ง ต่อหน้าท่านไรโชมารุ”
ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวของปิศาจหนูเบิกกว้าง มันเลื่อนผ่านร่างโฮตารุไปยังด้านหลัง จ้องบุรุษผู้มีร่างกายอันสง่างามอย่างหวาดกลัว
“ไรโชมารุ” มันทวนคำเสียงสั่นบ่งบอกถึงความประหวั่นที่มีต่อผู้นำกินกิซึเนะมากยิ่งกว่าการทรมานของยายเฒ่าหิ่งห้อยเสียอีก “ข้าสาบานต่อความยิ่งใหญ่ของท่านว่าทุกอย่างที่พูดออกไปคือความจริง”
“ไม่ต้องมาทำเป็นสอพลอ” โฮตารุตวาด “บอกสิ่งที่เจ้าพูดให้ข้าฟังอีกครั้ง”
ทีแรกปิศาจหนูทำท่าอิดเอื้อนแต่พอเห็นแมลงตัวน้อยบนปลายนิ้วของยายเฒ่ามหาภัย มันก็รีบร้องเพื่อวอนขอความเมตตา
“อย่า! ข้าจะพูดเดี๋ยวนี้แล้ว” ปิศาจหนูทำเสียงสะอื้นก่อนหันไปทางซาคาโมโตะ “ที่มาชิรายูกิยาชิกิก็เบนความสนใจท่านจากฟูจิน เอ้อ ฟุรุคาวะ ฟุบุกิ”
คำพูดของปิศาจหนูทำให้ซาคาโมโตะมุ่นคิ้ว “แกรู้ด้วยหรือว่าฟุบุกิเป็นใคร”
“ท่านคาราสุเฮบิรู้ทุกอย่าง” ปิศาจหนูไม่ตอบตามตรงหากเลี่ยงไปที่เจ้านาย “ที่สั่งแบบนั้นก็เพื่อจะเปิดโอกาสให้คุโระอินุมารุทำลายนาง”
สิ่งที่ได้ยินสร้างความตระหนกต่อโฮตารุเพราะนึกไม่ถึงว่าทาคุจะทำในสิ่งที่ปิศาจหนูพูด แต่พอเห็นสีหน้าของผู้เป็นนายแล้ว นางจึงรู้ว่าเป็นความจริง แต่ซาคาโมโตะไม่สนใจเรื่องนี้เพราะมัวแต่มุ่งถึงเป้าหมายที่แท้จริงของผู้นำโอโรจิ
“ทำไม” เขาถามเสียงห้วน พอเห็นอีกฝ่ายอึกอักไม่กล้าพูดจึงสำทับคำเดิมอีกครั้งด้วยเสียงทรงอำนาจ “ข้าถามว่าทำไม!”
ปิศาจหนูก้มหน้าไม่ตอบ แน่นอนว่ามันกลัวผู้นำกินกิซึเนะผู้ยืนอยู่ตรงหน้าแต่ยังน้อยกว่าหากเทียบกับคาราสุเฮบิ เมื่อเห็นนักโทษไม่ยอมปริปากโฮตารุจึงโปรยหิ่งห้อยไปยังร่างที่ปรุพรุน พอเจ้าแมลงเรืองแสงตัวเล็กๆสัมผัสผิว มันก็มุดลงไปในเนื้อกัดกินลึกลงไปในร่างกาย การถูกกัดแทะทั้งที่ยังมีลมหายใจสร้างความเจ็บปวดอย่างเหลือคณานับจนปิศาจหนูต้องกรีดเสียงร้องอย่างน่าเวทนา
“ได้โปรด” มันคร่ำครวญวอนขอความเมตตา ยายเฒ่ามหาภัยยังคงยืนมองด้วยดวงตาปราศจากความรู้สึกจนพอใจแล้วจึงดีดนิ้วเรียกบริวารของนางกลับคืน
“พูดออกมาให้หมด” โฮตารุสั่ง ปิศาจหนูกลืนก้อนสะอื้นเข้าไปเฮือกใหญ่ก่อนยอมเปิดปาก
“ฟูจินเป็นภูตเพียงหนึ่งเดียวที่หน้ากากของท่านคาราสุเฮบิไม่อาจครอบงำ แต่หากสร้างความเจ็บช้ำอย่างแสนสาหัสจนนางเห็นโลกทั้งใบกลายเป็นสีเทาแล้ว พลังแห่งลมของภูตวายุจะกลายเป็นสื่อชักนำอย่างดี ต่อให้เป็นท่าน” มันจ้องซาคาโมโตะอย่างมาดร้าย “ก็จะถูกสวมหน้ากากได้อย่างง่ายดาย”
หลุดปากออกมาเพียงแค่นั้นปิศาจหนูก็ตัวสั่นไปทั้งร่าง มันเงยหน้าขึ้นจ้องเพดานด้วยดวงตาเหลือกลาน ปากบิดเบี้ยวเหยเกกรีดเสียงร้องที่ทำให้คนได้ยินต้องขนลุกซู่
“อย่าทำข้า ท่านคาราสุ_”
นัยน์ตาสีดำพลิกกลับเข้าไปอยู่ด้านในจนเหลือแต่ตาขาว ปากบนและปากล่างถ่างออกเหมือนโดนคีมง้างจนกรามแยกจากกัน ปิศาจหนูสะบัดตัวอย่างรุนแรงดึงแขนขาของตัวเองจนฉีกออกจากตรวน ยังไม่ทันที่ร่างของมันจะล้ม กลับถูกมือที่มองไม่เห็นกรีดทึ้งจนขาดเป็นริ้วกลายเป็นเศษผ้าขาดวิ่นกองอยู่บนพื้น สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันทำให้โฮตารุขยับเข้าไปดูด้วยความสงสัยแต่ซาคาโมโตะคว้าไหล่นางเอาไว้พร้อมกับร้องห้าม
“พลังเวทของคาราสุเฮบิ” ดวงตาสีอำพันจ้องกองขยะตรงหน้าและใช้พลังไฟจิ้งจอกเผามันจนไหม้เป็นจุณ จากนั้นจึงเดินออกจากคุกกลับไปยังเรือนหิมะ ยืนจ้องสะพานโค้งสีแดงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความครุ่นคิด โฮตารุซึ่งตามหลังมาติดๆจึงถาม
“กำลังคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ นายน้อย”
กิริยาเต็มไปด้วยความนอบน้อมเพราะรู้ดีว่าไม่ควรซักไซ้ผู้เป็นนาย แต่ความเป็นบริวารสนิทที่คอยรับใช้ตระกูลกิซึเนะมาตั้งแต่สมัยทสึเมะเคทสุเอกิ ยายเฒ่าหิ่งห้อยจึงรู้สึกเป็นห่วงจนอดพูดอะไรซักคำไม่ได้ พอเห็นสายตาเชิงดุของซาคาโมโตะ นางจึงรีบก้มศีรษะลง “ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยที่ถามออกไปแบบนั้น”
“ช่างเถอะ” ชายหนุ่มพูดก่อนจะหันกลับมามองหน้าโฮตารุตรงๆ “เจ้าเข้าใจสิ่งที่ปิศาจหนูตัวนั้นพูดหรือเปล่า”
ปิศาจผู้ภักดีพยักหน้าช้าๆ “คาราสุเฮบิต้องการใช้คุณหนูฟูจินเป็นเครื่องมือ และรู้ด้วยว่าเวลานี้นางเกิดใหม่ในร่างของฟุรุคาวะ ฟุบุกิ”
ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยความกังวล
“ด้วยเหตุนี้เองเขาถึงได้ถูกพวกปิศาจตามรังควาน ข้าว่าท่านควรจะพาคุณหนูฟุบุกิกลับมาที่เรือนหิมะจะดีกว่านะเจ้าคะ”
“ตอนนี้ยังไม่ได้” ซาคาโมโตะปฏิเสธ โฮตารุมองด้วยความสงสัย
“ทำไมหรือเจ้าคะ”
“เจ้าเองก็น่าจะรู้นะโฮตารุ ตอนนี้ฟุบุกิเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ตราบใดที่เขายังนึกเรื่องในอดีตไม่ออกก็ไม่มีวันเข้ามาในนี้ได้”
“ถ้าเช่นนั้นท่านจะทำยังไงล่ะเจ้าคะ” โฮตารุถามด้วยความเป็นห่วง “ให้ข้าน้อยไปคอยอารักขานางดีไหม”
“คุโระอินุมารุกำลังทำหน้าที่นั้นอยู่” ซาคาโมโตะบอกแต่ยายเฒ่ากลับเบ้หน้า
“หมาป่าอย่างเจ้านั่นจะมีปัญญาอะไร” นางหยุดนิ่งเหมือนสะดุดใจบางอย่าง “จริงสิ เมื่อครู่ปิศาจหนูพูดถึงคุโระอินุมารุ มันหมายความว่าอะไรหรือเจ้าคะ”
“แค่โดนผลกระทบจากหน้ากากนิดหน่อยแต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว”
ซาคาโมโตะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวเป็นเรื่องปกติแต่โฮตารุกลับทำตาโต
“นายน้อยหมายถึงโดนสวมหน้ากากหรือเจ้าคะ เป็นไปได้ยังไง เจ้าหมาบ้านั่นเป็นคนของเผ่าอินุที่ได้ชื่อว่ามีจิตใจแข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
“ไม่มีสิ่งใดแข็งแกร่งที่สุดหรอกโฮตารุ” ซาคาโมโตะพูด “โดยเฉพาะคนที่อยู่ในอำนาจของความรัก”
ประโยคสุดท้ายเหมือนเป็นการบอกตัวเองมากกว่า แต่โฮตารุกลับสั่นศีรษะ
“ไม่จริงหรอกเจ้าค่ะ เมื่อใดที่มีรัก เราก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นและยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่เรารัก”
คำพูดที่กล่าวตรงไปตรงมาของโฮตารุทำให้ซาคาโมโตะได้คิด ใช่แล้ว นับตั้งแต่ท่านพ่อนำฟูจินเข้าบ้านเขาก็ถูกสั่งให้คอยดูแลนาง หากด้วยวัยที่ห่างกันถึงสิบปีทำให้เขาไม่สนใจเด็กหญิงตัวน้อยที่เนื้อตัวสกปรกเปรอะเปื้อนไปด้วยขี้เถ้าคนนี้สักเท่าไหร่ แต่พอสบดวงตากลมโตใสซื่อบริสุทธิ์ที่คอยมองเขาอย่างเทิดทูนอยู่ตลอดเวลาแล้ว ชายหนุ่มก็เริ่มยอมรับว่านางเป็นน้องขึ้นมาบ้าง กระทั่งวันหนึ่งเขาได้รับบาดเจ็บจากการถูกลอบทำร้าย สายตาที่เต็มไปด้วยความตระหนกตอนเห็นเลือดของฟูจินยังคงฝังใจเขามาจนถึงทุกวันนี้ มันไม่ใช่แค่ความตกใจเท่านั้นหากเต็มไปด้วยความหวาดกลัวของคนที่จะต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไปอีกครั้ง การเฝ้าพยาบาลด้วยความเป็นห่วงของนางทำให้ซาคาโมโตะหรือไรโชมารุในตอนนั้นตัดสินใจว่าจะไม่ยอมให้น้องสาวคนนี้ต้องหลั่งน้ำตาอีกอย่างเด็ดขาด ยิ่งนานวันความผูกพันของทั้งสองก็ยิ่งแนบแน่น เมื่อฟูจินย่างเข้าสู่วัยแรกรุ่น หัวใจของไรโชมารุก็ตกเป็นของนางโดยบริบูรณ์ และด้วยเหตุนี้เองเขาจึงพยายามฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้อง แต่สุดท้ายแล้วแผนชั่วของคาราสุเฮบิทำให้เขาต้องสูญเสียคนสำคัญที่สุดไปตลอดกาล
หลังการตายของฟูจินทั้งเขาและทาคุนำคนของกินกิซึเนะไล่ล่า กวาดล้างพวกโอโรจิอย่างปราศจากความปรานี จนกระทั่งคาราสุเฮบิยอมยกธงขาวขอทำสัญญาสงบศึก สงครามระหว่างกินกิซึเนะกับโอโรจิจึงยุติลง แม้จะมีการกระทบกระทั่งกันบ้างแต่ก็ไม่มีเรื่องร้ายแรงถึงขั้นคอขาดบาดตาย เมื่อเข้าสู่ความสงบและสังคมของมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ธรรมชาติถูกรุนรานจนเผ่าพันธุ์ปิศาจต้องถอยร่นเข้าไปในป่าลึกกระนั้นก็ยังไม่อาจหลีกพ้น ต้นไม้ถูกโค่นแหล่งน้ำถูกทำลายจนไม่อาจอยู่อาศัยได้อีกต่อไป
เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์เขาจึงปรับโครงสร้างของกินกิซึเนะใหม่ทั้งหมดด้วยการตั้งตัวเป็นกลุ่มอิทธิพลชื่อซาคาโมโตะ ทำงานด้านธุรกิจทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง มอบหน้าที่ให้ปิศาจที่มีสติปัญญาเฉียบแหลมบังหน้า เมื่อตั้งตัวเป็นปึกแผ่นก็ใช้เงินซื้อภูเขาทั้งลูกไว้เป็นที่ซ่อนตัวของพวกพ้อง ส่วนเขาแฝงตัวอยู่ในคราบของนักเรียนมัธยมปลายย้ายไปตามที่ต่างๆเพื่อค้นหาฟูจินด้วยความหวังว่านางจะกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง วันเวลาผ่านไปนานนับร้อยปีก็ไม่พบแม้เงาจนทาคุยอมตัดใจกับเรื่องนี้ไปแล้ว หากแต่เขายังคงมีความมุ่งมั่นตระเวนหาไม่หยุดโดยไม่สนใจคำเตือนของใคร และแล้วในที่สุดความฝันก็กลายเป็นความจริงเมื่อเขาพบฟูจินในร่างใหม่ ฟุรุคาวะ ฟุบุกิ
แรกเห็นไม่เพียงใบหน้า กระทั่งพลังวิญญาณซึ่งแม้จะเจือจางหากซาคาโมโตะรู้ได้ทันทีว่าฟุรุคาวะคือฟูจินกลับชาติมาเกิด เขาไม่สนเลยแม้แต่น้อยว่าการกลับมาในครั้งนี้คนรักจะอยู่ในร่างใด ขอเป็นแค่ ฟูจิน หญิงเดียวที่เขารัก เท่านั้นก็พอแล้ว
สิ่งที่ทำให้ซาคาโมโตะกังวลก็คือความทรงจำ เพราะถ้าฟุรุคาวะยังนึกเรื่องราวในอดีตไม่ออก ก็ไม่สามารถกลับมายังชิรายูกิยาชิกิได้ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรนัก ถึงความจำยังไม่กลับมาแต่หากใจตรงกันไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเขาก็อยู่ได้ทั้งนั้น ส่วนเรื่องอายุขัย ถ้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เขาก็สามารถถ่ายโอนพลังจิ้งจอกให้เข้าไปสถิตในร่างได้อยู่แล้ว เรื่องหนักใจที่สุดในเวลานี้คือ การปรากฏตัวของคาราสุเฮบิ เห็นได้ชัดว่าหมอนั่นรู้เช่นเดียวกันว่าฟุรุคาวะเป็นใคร หนำซ้ำยังมีเจตนาเดิมคือพยายามดึงจิตใจของเด็กหนุ่มให้จ่อมจมอยู่ในความมืดด้วยวิธีการสกปรก บางทีการก่อกวนของมนุษย์ที่ชื่อคาวาเบะ อาจเป็นหนึ่งในแผนที่ชั่วร้ายของเจ้าปิศาจงูจอมเจ้าเล่ห์