บทที่ 1-2
http://pantip.com/topic/34581823
บทที่ 3
http://pantip.com/topic/34641272
บทที่ 4-5
http://pantip.com/topic/34657924
บทที่ 6
http://pantip.com/topic/34686112
บทที่ 7
http://pantip.com/topic/34709647
บทที่ 8
http://pantip.com/topic/34730781
บทที่ 9
http://pantip.com/topic/34740745
บทที่ 10
http://pantip.com/topic/34855480
บทที่ 11 คนร่วมเตียง ?!
เสียงเพลงจากนาฬิกาปลุกฟุรุคาวะจนตื่น สิ่งแรกที่ทำหลังจากเปิดเปลือกตาคือนึกทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เขาจำได้รางๆว่าถูกปิศาจจำนวนมากรุมทำร้ายและโดนหนวดประหลาดรัดจนขยับไม่ได้ จิ้งจอกจิ๋วที่เคยช่วยเหลือก็โดนจัดการจนได้รับบาดเจ็บ สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือใบหน้าของซาคาโมโตะ
หมอนี่อีกแล้ว เด็กหนุ่มคิดพลางถอนใจและเตรียมลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่กลับขยับร่างกายไม่ได้เพราะมีอะไรบางอย่างกอดรัดเอาไว้ เจ้าหนวดน่าขยะแขยงนั่นอีกแล้วหรือ ! เขาคิดอย่างตระหนกพร้อมกับมองข้างตัวและเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าต้นเหตุคือใคร
“ซาคาโมโตะ!!!”
“อือ” คนถูกเรียกขานรับในคอ “อยู่กันแค่นี้ไม่ต้องเรียกดังขนาดนั้นก็ได้”
ฟุรุคาวะโกรธจนตัวสั่น เขารีบผลักแขนที่โอบรอบตัวเอาไว้ออกจากตัว “นายมาทำอะไรบนเตียงฉัน!” ถามลั่นก่อนดีดตัวลุกไปยืนหน้าซีดสองมือไล่สำรวจไปตามร่างกายเหมือนอยากรู้ว่ามีรอยอะไรประทับบ้างหรือเปล่า ท่าทางลุกลนของเขาทำให้ซาคาโมโตะขำจนต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงนายยังบริสุทธิ์อยู่” เขาพูดเชิงล้อก่อนยันตัวขึ้นนั่งและถามด้วยใบหน้าที่ดูเป็นจริงเป็นจังขึ้น “จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เหรอ”
ฟุรุคาวะหยุดคิด ใช่แล้วเมื่อคืนเขาเจอปิศาจอสุรกายจำนวนมากกว่าทุกครั้ง จิ้งจอกน้อยพยายามช่วยแต่กลับโดนทำร้ายจนหมอบ จากนั้นก็ถูกผู้ชายประหลาดลากเข้าไปในโพรงมืดๆโชคดีที่ซาคาโมโตะกับทาคุมาช่วยเอาไว้ได้ทัน และนอนค้างเป็นเพื่อนเพื่อความปลอดภัย
“เมื่อคืนนี้นายช่วยฉันจากพวกปิศาจ”
ซาคาโมโตะอมยิ้มน้อยๆก่อนพยักหน้ารับ “ใช่”
“แล้วนายอาสาอยู่เป็นเพื่อนเผื่อพวกมันจะกลับมาอีก” เด็กหนุ่มหยุด เม้มปากหน้าแดงก่ำเมื่อนึกถึงสภาพเมื่อเช้า “แล้วกอดฉันทำไม”
ชายหนุ่มยักไหล่ “ฉันเป็นคนติดหมอนข้าง”
“แต่ฉันไม่ใช่” ฟุรุคาวะสวนทันควันแต่ต้องหน้าแดงเมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างมีความหมายของชายหนุ่ม เขาอมยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“ตอนกอดนายก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรนี่”
“ก็ตอนนั้นฉัน...” เด็กหนุ่มหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อนึกได้ว่าขืนเถียงต่อมีหวังเข้าตัว แต่เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ชอบการกระทำแบบนี้เขาจึงกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆก่อนหันไปคว้าผ้าเช็ดตัว ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรซาคาโมโตะยังไม่วายถาม
“อ้าว! จะไปไหนล่ะ?”
“อาบน้ำ!”
ตอบห้วนๆพร้อมกับกระแทกประตูดังปังชายหนุ่มเลยแกล้งตะโกนไล่หลัง “อยากได้คนช่วยถูหลังก็บอกนะ”
เสียงโครมครามในห้องน้ำทำให้รู้ว่าคนที่อยู่ข้างในคงเหวี่ยงข้าวของเพื่อระบายอารมณ์ แทนที่จะโกรธเขากลับยิ้มกริ่ม
“น่ารัก”
เขาลุกเดินสำรวจรอบห้องเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีภูตผีปิศาจตนใดซ่อนอยู่ไม่ว่าจะเป็นตู้ โต๊ะหรือแม้แต่ในอ่างล้างจาน จากนั้นจึงเดินออกไปยังห้องรับแขกและทำแบบเดียวกันอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม ระหว่างการตรวจจิตก็สัมผัสถึงพลังงานบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาที่ห้อง ชายหนุ่มจึงหงายมือขึ้นรับดวงไฟสีเงินที่ลอยละลิ่วเข้ามาจากทางหน้าต่าง
“ไงเจ้าตัวน้อย” เขาทักทายจิ้งจอกสีเงินตัวจ้อยที่กำลังโบกพวงหางบนฝ่ามือ “แข็งแรงดีแล้วใช่ไหม”
พอเจ้าตัวเล็กพยักหน้ารับชายหนุ่มจึงยิ้ม “งั้นก็ดี ข้าอนุญาตให้เจ้าพักได้หนึ่งวันแต่ต้องอยู่ในห้องห้ามออกไปไหนอย่างเด็ดขาด”
พวงหางพองฟูสีขาวโบกหนึ่งครั้งเพื่อรับคำสั่งจากนั้นจิ้งจอกน้อยก็กลายเป็นดวงไฟลอยหายไปทางหิ้งบูชาในห้องนอนเป็นเวลาเดียวกับที่ฟุรุคาวะเปิดประตูออกจากห้องน้ำพอดี
“ตานายแล้ว” ถึงไม่อยากพูดด้วยแต่ก็อดหลุดปากบอกไม่ได้ ซาคาโมโตะจึงเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตากลับออกมาก็เจอเด็กหนุ่มกำลังสวมเสื้อผ้าพอดี พอเห็นอีกฝ่ายยังอยู่ในชุดเดิมก็ขมวดคิ้ว
“ไม่อาบน้ำหน่อยเหรอ”
“ก็อยากอยู่หรอกแต่ฉันไม่ได้เตรียมอะไรมา”
ฟุรุคาวะเม้มปากน้อยๆเหมือนไม่เต็มใจนักแต่ก็ยังอุตส่าห์เปิดตู้หยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กกับแปรงสีฟันใหม่เอี่ยมส่งให้ ยังไม่ทันรับทั้งคู่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตูพอเปิดจึงรู้ว่าตัวการเป็นใคร
“อรุณสวัสดิ์” ทาคุร้องทักเสียงดังตามนิสัยก่อนจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ซาคาโมโตะ “เข้าหอคืนแรกเป็นไงบ้าง เจ้าสาวดื้อหรือเปล่า”
ใบหน้าของฟุรุคาวะแดงซ่านด้วยความอายผิดกับซาคาโมโตะที่แม้ยังคงตีหน้าขรึมแต่ดวงตาวาววับบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาอยากจับเจ้าคนปากมากโยนลงจากอพาร์ทเม้นท์เต็มแก่
“พูดพอหรือยัง” น้ำเสียงที่ทำให้คนฟังต้องเงียบ “แล้วของที่สั่งให้เอามาล่ะ”
ทาคุส่งกระเป๋าลากใบย่อมให้ปากก็สาธยายไปด้วย “ในนั้นมีทั้งชุดนักเรียนเสื้อนอนถุงเท้าผ้าเช็ดตัวยันกางเกงใน อ้ออันหลังเพิ่งซื้อที่ร้านสะดวกซื้อน่ะ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิใครจะกล้าจับกางเกงในผู้ชายด้วยกันฟระ แปรงสีฟันสบู่ยาสระผมยัดไว้ตรงกระเป๋าหน้า ส่วนหนังสือฉันไม่รู้ว่าต้องใช้อะไรบ้างเลยขนมาหมด”
เขาลดตาลงมองกระเป๋าสีดำใบใหญ่ที่วางไว้ตรงประตูและชูถุงพลาสติกที่อยู่ในมืออีกข้าง
“เดาเอาว่าเมื่อคืนนายสองคนคงหักโหมกันจนเพลียเลยซื้อข้าวเช้ามาให้ แถมไข่ไก่สดๆอีกโหล”
“นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบไข่” คนเป็นนายบ่นแต่สารถีหนุ่มกลับทำหน้าทะเล้นก่อนตอบ
“ไม่ชอบก็ต้องกิน ออกกำลังตอนกลางคืนหนักๆแบบนี้ขืนไม่บำรุงมีหวังหมดแรงตาย”
ถึงจะเป็นการพูดแบบทีเล่นทีจริงแต่ฟุรุคาวะก็เข้าใจความหมายทุกอย่างทั้งหมด หน้าที่แดงอยู่แล้วเข้มขึ้นจากความรู้สึกผสมกันทั้งโกรธและอาย
“คุยอะไรกันน่ะ” เขาถามเสียงห้วนสารถีหนุ่มยักคิ้วแผล็บก่อนตอบ
“อธิบายของที่ขนมาให้หมอนี่”
เด็กหนุ่มมองกระเป๋าสองใบที่คนตัวใหญ่ลากมากองรวมกันไว้ในห้องรับแขกอย่างไม่พอใจ แค่เจอที่โรงเรียนไม่พอยังขนเสื้อผ้ามาที่ห้องเขาอีก
“อย่าบอกนะว่านายสองคนจะมาอยู่ด้วย”
ทาคุรีบโบกมือก่อนชี้นิ้วไปที่ซาคาโมโตะ “แค่หมอนี่”
ฟุรุคาวะหันขวับไปทางซาคาโมโตะทันที “บ้านนายก็มีจะมานอนค้างที่นี่ทำไม?”
ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นตีหน้าซื่อ
“ตอนนี้ที่บ้านกำลังซ่อมฉันหนวกหูนอนไม่ได้”
“โรงแรมมีตั้งเยอะแยะ” ฟุรุคาวะยังคงปฏิเสธด้วยการยกเหตุผลอื่นขึ้นมาอ้างแต่ซาคาโมโตะกลับยักไหล่
“ฉันไม่ชอบอยู่คนเดียว”
“งั้นก็ให้หมอนี่ไปนอนเป็นเพื่อนสิ” พูดพร้อมกับชี้มือไปทางทาคุ สารถีหนุ่มส่ายหน้าโบกมือและรีบพูดอย่างเร็ว
“กับเจ้านี่น่ะเหรอ ไม่มีทาง”
“ฉันเองก็เหมือนกัน หมอนี่กินจุแถมยังนอนกรนอีกต่างหาก อีกอย่าง” ชายหนุ่มเว้นคำพูดเล็กน้อยพลางชำเลืองหางตามองพลขับจอมกวนแวบหนึ่ง “ไม่อยากนอนเตียงเดียวกับหมา”
“ใครเป็นหมามิทราบ ระวังคำพูดหน่อยนะวะไอ้คุณเจ้านาย” ทาคุหันสวนคำอย่างไม่จริงจังนักก่อนเบนสายตากลับไปทางฟุรุคาวะ “อย่าปฏิเสธเลยครับคุณหนูขอให้เขาอยู่ด้วยแค่คืนสองคืนจนกว่าจะแน่ใจ”
คำพูดดังกล่าวทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “แน่ใจเรื่องอะไร”
“ว่านายปลอดภัย” คราวนี้ซาคาโมโตะเป็นคนตอบพอเห็นอีกฝ่ายตีหน้าเหมือนไม่เข้าใจเลยอธิบายด้วยการตั้งคำถาม “ลืมเรื่องเมื่อคืนไปแล้วเหรอ”
แน่นอนว่าฟุรุคาวะจำได้แม่นและแน่ใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ภาพหลอนแต่ถ้าเขายอมรับก็เหมือนอนุญาตให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอยู่ร่วมชายคาด้วย
“ลืมไปหมดแล้ว” ปฏิเสธโดยพยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุดแต่ซาคาโมโตะกลับส่งยิ้มให้
“โกหกไม่เก่งเลยนะ นายจำได้ดีแต่ไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยเลยตอบแบบนั้น ใช่ไหม” จบประโยคด้วยคำถาม เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆด้วยความเจ็บใจก่อนตอบ
“ใช่ รู้แล้วก็ดี ลากกระเป๋าออกจากห้องฉันไปเดี๋ยวเลย”
ทาคุเลิกคิ้วอย่างนึกขันที่เห็นคนตัวเล็กทำใจกล้าออกปากไล่ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้ากลุ่มอิทธิพลออกจากห้อง ส่วนซาคาโมโตะยังคงตีหน้าเฉยเพียงแต่เปลี่ยนท่าจากยืนสบายๆเป็นยกมือขึ้นกอดอกก่อนกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ฉันขอปฏิเสธ”
“ก็ได้ งั้นฉันจะเป็นคนโยนมันออกไปเอง” ไม่พูดเปล่ายังเดินตรงรี่ไปหากระเป๋าทั้งสองใบแต่ยังไม่ทันลงมือต้องหยุดเพราะชายหนุ่มคว้าไหล่ไว้ก่อน
“รู้ว่าไม่ชอบแต่อยากให้เข้าใจว่าตอนนี้นายกำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าเราสองคนออกจากห้องไปตอนนี้นายถูกปิศาจพวกนั้นฆ่าตายแน่”
น้ำเสียงที่ใช้ทุ้มนุ่มแฝงไว้ซึ่งความเป็นห่วงจนเด็กหนุ่มบังเกิดความอบอุ่นอย่างประหลาด แต่ด้วยทิฐิทำให้เขาไม่อาจทำใจยอมรับความรู้สึกนั้น
“แบบนั้นก็ดีเพราะฉันเองก็ไม่อยากอยู่บนโลกบ้าๆนี่อีกแล้ว โอ๊ย!” เขาร้องเมื่อมือแกร่งบีบแน่นขึ้นจนแทบทำให้กระดูกแตก “ทำบ้าอะไรของนาย มันเจ็บนะ!”
ต่อว่าด้วยความโกรธและเงียบเสียงเมื่อเห็นนัยน์ตาของซาคาโมโตะลุกโชนด้วยแสงสีอำพัน
“เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าบนโลกบ้าๆนี่มีหลายคนกำลังเป็นห่วงนายอยู่ และรู้หรือเปล่าว่าบางคนรักนายมากแค่ไหน”
“ฉันไม่สน”
“แต่ฉันสน” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหมุนตัวเด็กหนุ่มให้หันมาประจันหน้า “ถ้านายไม่สนใจใครก็อยากให้นึกถึงคนที่ตายไปแล้วบ้าง พวกเขาจะเสียใจแค่ไหนถ้ารู้ว่าคนที่เขายอมสละชีวิตให้ไม่อยากมีลมหายใจอยู่บนโลก”
คำพูดของซาคาโมโตะเหมือนเหล็กแหลมแทงทะลุเข้าไปในหัวใจ ฟุรุคาวะยืนหน้าซีดตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายล่วงรู้ถึงอดีตเพราะมันไม่ใช่ความลับอะไร แต่ไม่พอใจที่หมอนี่ดึงพ่อแม่ของเขามาเกี่ยวข้องด้วย
“กล้าดียังไง” เด็กหนุ่มเค้นเสียงที่สั่นพร่าออกมาโดยมีน้ำตาเอ่อคลอเบ้า “นายไม่รู้จักฉันเลยสักนิดแล้วกล้าดียังไงถึงพูดแบบนี้”
ซาคาโมโตะอยากเล่าเรื่องราวในอดีต บอกกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเด็กหนุ่มใจแทบขาดแต่รู้ดีว่าพูดไปอีกฝ่ายคงไม่เชื่อดีไม่ดีอาจต่อต้านด้วยการไม่ยอมให้เข้าใกล้อีกเลย
“ขอโทษที่ทำให้นายไม่พอใจแต่อยากให้รู้ว่าฉันเป็นห่วง” เขาถอนใจเบาๆ “เมื่อก่อนนายต้องอยู่บนโลกเพียงลำพังตอนนี้ฉันจะขอยืนเคียงข้างและคอยปกป้องนาย”
คำพูดที่กล่าวออกมาจากใจกับใบหน้าจริงจังทำให้ฟุรุคาวะถึงกับอึ้งกระนั้นเขายังมองซาคาโมโตะอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก
“ทำไม”
“ฉันตอบไม่ได้หรอกว่าทำไมแต่อีกหน่อยนายจะรู้เอง” ชายหนุ่มตอบสั้นๆพลางนึกภาวนาขอให้เด็กหนุ่มเชื่อใจยอมตกลง คำอธิษฐานของเขาเป็นจริงเมื่อฟุรุคาวะผงกศีรษะ
“ถ้าพูดถึงขนาดนี้แล้ว...” คิ้วมุ่นเข้าหากันด้วยความลังเลว่าควรตอบตกลงดีหรือไม่แต่ก็ตัดสินใจในที่สุด “ก็ได้ฉันยอมให้นายอยู่ด้วย”
คนยิ้มแป้นไม่ใช่ซาคาโมโตะหากเป็นทาคุ ชายหนุ่มชูสองแขนขึ้นร้องไชโยออกมาดังๆพอเห็นสายตาดุจากเจ้านายเขาก็ค่อยๆลดมันลงพร้อมกับกล่าวแก้ตัว “แหมก็ฉันกลัวว่าจะหอบกระเป๋ามาเก้อน่ะ”
“เจ้าบ้า” เสียงพึมพำอย่างเอือมระอาก่อนคนพูดหันกลับไปทางฟุรุคาวะ “ขอบใจที่เชื่อ”
“แค่ไม่อยากเห็นหมอนั่นหอบของพะรุงพะรังกลิ้งลงไปตามบันไดต่างหาก” เด็กหนุ่มทำปากแข็ง “ขอเตือนไว้ก่อนนะว่าฉันยอมให้อยู่ด้วยก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าจะอนุญาตให้นายทำอะไรตามอำเภอใจ”
สายใยรักจิ้งจอกพันปี (Yaoi) บทที่ 11 คนร่วมเตียง
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/34641272
บทที่ 4-5 http://pantip.com/topic/34657924
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/34686112
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/34709647
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/34730781
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/34740745
บทที่ 10 http://pantip.com/topic/34855480
บทที่ 11 คนร่วมเตียง ?!
เสียงเพลงจากนาฬิกาปลุกฟุรุคาวะจนตื่น สิ่งแรกที่ทำหลังจากเปิดเปลือกตาคือนึกทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เขาจำได้รางๆว่าถูกปิศาจจำนวนมากรุมทำร้ายและโดนหนวดประหลาดรัดจนขยับไม่ได้ จิ้งจอกจิ๋วที่เคยช่วยเหลือก็โดนจัดการจนได้รับบาดเจ็บ สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือใบหน้าของซาคาโมโตะ
หมอนี่อีกแล้ว เด็กหนุ่มคิดพลางถอนใจและเตรียมลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่กลับขยับร่างกายไม่ได้เพราะมีอะไรบางอย่างกอดรัดเอาไว้ เจ้าหนวดน่าขยะแขยงนั่นอีกแล้วหรือ ! เขาคิดอย่างตระหนกพร้อมกับมองข้างตัวและเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าต้นเหตุคือใคร
“ซาคาโมโตะ!!!”
“อือ” คนถูกเรียกขานรับในคอ “อยู่กันแค่นี้ไม่ต้องเรียกดังขนาดนั้นก็ได้”
ฟุรุคาวะโกรธจนตัวสั่น เขารีบผลักแขนที่โอบรอบตัวเอาไว้ออกจากตัว “นายมาทำอะไรบนเตียงฉัน!” ถามลั่นก่อนดีดตัวลุกไปยืนหน้าซีดสองมือไล่สำรวจไปตามร่างกายเหมือนอยากรู้ว่ามีรอยอะไรประทับบ้างหรือเปล่า ท่าทางลุกลนของเขาทำให้ซาคาโมโตะขำจนต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงนายยังบริสุทธิ์อยู่” เขาพูดเชิงล้อก่อนยันตัวขึ้นนั่งและถามด้วยใบหน้าที่ดูเป็นจริงเป็นจังขึ้น “จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เหรอ”
ฟุรุคาวะหยุดคิด ใช่แล้วเมื่อคืนเขาเจอปิศาจอสุรกายจำนวนมากกว่าทุกครั้ง จิ้งจอกน้อยพยายามช่วยแต่กลับโดนทำร้ายจนหมอบ จากนั้นก็ถูกผู้ชายประหลาดลากเข้าไปในโพรงมืดๆโชคดีที่ซาคาโมโตะกับทาคุมาช่วยเอาไว้ได้ทัน และนอนค้างเป็นเพื่อนเพื่อความปลอดภัย
“เมื่อคืนนี้นายช่วยฉันจากพวกปิศาจ”
ซาคาโมโตะอมยิ้มน้อยๆก่อนพยักหน้ารับ “ใช่”
“แล้วนายอาสาอยู่เป็นเพื่อนเผื่อพวกมันจะกลับมาอีก” เด็กหนุ่มหยุด เม้มปากหน้าแดงก่ำเมื่อนึกถึงสภาพเมื่อเช้า “แล้วกอดฉันทำไม”
ชายหนุ่มยักไหล่ “ฉันเป็นคนติดหมอนข้าง”
“แต่ฉันไม่ใช่” ฟุรุคาวะสวนทันควันแต่ต้องหน้าแดงเมื่อเห็นสายตาที่มองมาอย่างมีความหมายของชายหนุ่ม เขาอมยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“ตอนกอดนายก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรนี่”
“ก็ตอนนั้นฉัน...” เด็กหนุ่มหยุดคำพูดไว้แค่นั้นเมื่อนึกได้ว่าขืนเถียงต่อมีหวังเข้าตัว แต่เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ชอบการกระทำแบบนี้เขาจึงกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆก่อนหันไปคว้าผ้าเช็ดตัว ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรซาคาโมโตะยังไม่วายถาม
“อ้าว! จะไปไหนล่ะ?”
“อาบน้ำ!”
ตอบห้วนๆพร้อมกับกระแทกประตูดังปังชายหนุ่มเลยแกล้งตะโกนไล่หลัง “อยากได้คนช่วยถูหลังก็บอกนะ”
เสียงโครมครามในห้องน้ำทำให้รู้ว่าคนที่อยู่ข้างในคงเหวี่ยงข้าวของเพื่อระบายอารมณ์ แทนที่จะโกรธเขากลับยิ้มกริ่ม
“น่ารัก”
เขาลุกเดินสำรวจรอบห้องเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีภูตผีปิศาจตนใดซ่อนอยู่ไม่ว่าจะเป็นตู้ โต๊ะหรือแม้แต่ในอ่างล้างจาน จากนั้นจึงเดินออกไปยังห้องรับแขกและทำแบบเดียวกันอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม ระหว่างการตรวจจิตก็สัมผัสถึงพลังงานบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาที่ห้อง ชายหนุ่มจึงหงายมือขึ้นรับดวงไฟสีเงินที่ลอยละลิ่วเข้ามาจากทางหน้าต่าง
“ไงเจ้าตัวน้อย” เขาทักทายจิ้งจอกสีเงินตัวจ้อยที่กำลังโบกพวงหางบนฝ่ามือ “แข็งแรงดีแล้วใช่ไหม”
พอเจ้าตัวเล็กพยักหน้ารับชายหนุ่มจึงยิ้ม “งั้นก็ดี ข้าอนุญาตให้เจ้าพักได้หนึ่งวันแต่ต้องอยู่ในห้องห้ามออกไปไหนอย่างเด็ดขาด”
พวงหางพองฟูสีขาวโบกหนึ่งครั้งเพื่อรับคำสั่งจากนั้นจิ้งจอกน้อยก็กลายเป็นดวงไฟลอยหายไปทางหิ้งบูชาในห้องนอนเป็นเวลาเดียวกับที่ฟุรุคาวะเปิดประตูออกจากห้องน้ำพอดี
“ตานายแล้ว” ถึงไม่อยากพูดด้วยแต่ก็อดหลุดปากบอกไม่ได้ ซาคาโมโตะจึงเดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตากลับออกมาก็เจอเด็กหนุ่มกำลังสวมเสื้อผ้าพอดี พอเห็นอีกฝ่ายยังอยู่ในชุดเดิมก็ขมวดคิ้ว
“ไม่อาบน้ำหน่อยเหรอ”
“ก็อยากอยู่หรอกแต่ฉันไม่ได้เตรียมอะไรมา”
ฟุรุคาวะเม้มปากน้อยๆเหมือนไม่เต็มใจนักแต่ก็ยังอุตส่าห์เปิดตู้หยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กกับแปรงสีฟันใหม่เอี่ยมส่งให้ ยังไม่ทันรับทั้งคู่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตูพอเปิดจึงรู้ว่าตัวการเป็นใคร
“อรุณสวัสดิ์” ทาคุร้องทักเสียงดังตามนิสัยก่อนจะส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ซาคาโมโตะ “เข้าหอคืนแรกเป็นไงบ้าง เจ้าสาวดื้อหรือเปล่า”
ใบหน้าของฟุรุคาวะแดงซ่านด้วยความอายผิดกับซาคาโมโตะที่แม้ยังคงตีหน้าขรึมแต่ดวงตาวาววับบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาอยากจับเจ้าคนปากมากโยนลงจากอพาร์ทเม้นท์เต็มแก่
“พูดพอหรือยัง” น้ำเสียงที่ทำให้คนฟังต้องเงียบ “แล้วของที่สั่งให้เอามาล่ะ”
ทาคุส่งกระเป๋าลากใบย่อมให้ปากก็สาธยายไปด้วย “ในนั้นมีทั้งชุดนักเรียนเสื้อนอนถุงเท้าผ้าเช็ดตัวยันกางเกงใน อ้ออันหลังเพิ่งซื้อที่ร้านสะดวกซื้อน่ะ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิใครจะกล้าจับกางเกงในผู้ชายด้วยกันฟระ แปรงสีฟันสบู่ยาสระผมยัดไว้ตรงกระเป๋าหน้า ส่วนหนังสือฉันไม่รู้ว่าต้องใช้อะไรบ้างเลยขนมาหมด”
เขาลดตาลงมองกระเป๋าสีดำใบใหญ่ที่วางไว้ตรงประตูและชูถุงพลาสติกที่อยู่ในมืออีกข้าง
“เดาเอาว่าเมื่อคืนนายสองคนคงหักโหมกันจนเพลียเลยซื้อข้าวเช้ามาให้ แถมไข่ไก่สดๆอีกโหล”
“นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบไข่” คนเป็นนายบ่นแต่สารถีหนุ่มกลับทำหน้าทะเล้นก่อนตอบ
“ไม่ชอบก็ต้องกิน ออกกำลังตอนกลางคืนหนักๆแบบนี้ขืนไม่บำรุงมีหวังหมดแรงตาย”
ถึงจะเป็นการพูดแบบทีเล่นทีจริงแต่ฟุรุคาวะก็เข้าใจความหมายทุกอย่างทั้งหมด หน้าที่แดงอยู่แล้วเข้มขึ้นจากความรู้สึกผสมกันทั้งโกรธและอาย
“คุยอะไรกันน่ะ” เขาถามเสียงห้วนสารถีหนุ่มยักคิ้วแผล็บก่อนตอบ
“อธิบายของที่ขนมาให้หมอนี่”
เด็กหนุ่มมองกระเป๋าสองใบที่คนตัวใหญ่ลากมากองรวมกันไว้ในห้องรับแขกอย่างไม่พอใจ แค่เจอที่โรงเรียนไม่พอยังขนเสื้อผ้ามาที่ห้องเขาอีก
“อย่าบอกนะว่านายสองคนจะมาอยู่ด้วย”
ทาคุรีบโบกมือก่อนชี้นิ้วไปที่ซาคาโมโตะ “แค่หมอนี่”
ฟุรุคาวะหันขวับไปทางซาคาโมโตะทันที “บ้านนายก็มีจะมานอนค้างที่นี่ทำไม?”
ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นตีหน้าซื่อ
“ตอนนี้ที่บ้านกำลังซ่อมฉันหนวกหูนอนไม่ได้”
“โรงแรมมีตั้งเยอะแยะ” ฟุรุคาวะยังคงปฏิเสธด้วยการยกเหตุผลอื่นขึ้นมาอ้างแต่ซาคาโมโตะกลับยักไหล่
“ฉันไม่ชอบอยู่คนเดียว”
“งั้นก็ให้หมอนี่ไปนอนเป็นเพื่อนสิ” พูดพร้อมกับชี้มือไปทางทาคุ สารถีหนุ่มส่ายหน้าโบกมือและรีบพูดอย่างเร็ว
“กับเจ้านี่น่ะเหรอ ไม่มีทาง”
“ฉันเองก็เหมือนกัน หมอนี่กินจุแถมยังนอนกรนอีกต่างหาก อีกอย่าง” ชายหนุ่มเว้นคำพูดเล็กน้อยพลางชำเลืองหางตามองพลขับจอมกวนแวบหนึ่ง “ไม่อยากนอนเตียงเดียวกับหมา”
“ใครเป็นหมามิทราบ ระวังคำพูดหน่อยนะวะไอ้คุณเจ้านาย” ทาคุหันสวนคำอย่างไม่จริงจังนักก่อนเบนสายตากลับไปทางฟุรุคาวะ “อย่าปฏิเสธเลยครับคุณหนูขอให้เขาอยู่ด้วยแค่คืนสองคืนจนกว่าจะแน่ใจ”
คำพูดดังกล่าวทำให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว “แน่ใจเรื่องอะไร”
“ว่านายปลอดภัย” คราวนี้ซาคาโมโตะเป็นคนตอบพอเห็นอีกฝ่ายตีหน้าเหมือนไม่เข้าใจเลยอธิบายด้วยการตั้งคำถาม “ลืมเรื่องเมื่อคืนไปแล้วเหรอ”
แน่นอนว่าฟุรุคาวะจำได้แม่นและแน่ใจว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ภาพหลอนแต่ถ้าเขายอมรับก็เหมือนอนุญาตให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอยู่ร่วมชายคาด้วย
“ลืมไปหมดแล้ว” ปฏิเสธโดยพยายามทำหน้าให้นิ่งที่สุดแต่ซาคาโมโตะกลับส่งยิ้มให้
“โกหกไม่เก่งเลยนะ นายจำได้ดีแต่ไม่อยากให้ฉันอยู่ด้วยเลยตอบแบบนั้น ใช่ไหม” จบประโยคด้วยคำถาม เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆด้วยความเจ็บใจก่อนตอบ
“ใช่ รู้แล้วก็ดี ลากกระเป๋าออกจากห้องฉันไปเดี๋ยวเลย”
ทาคุเลิกคิ้วอย่างนึกขันที่เห็นคนตัวเล็กทำใจกล้าออกปากไล่ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้ากลุ่มอิทธิพลออกจากห้อง ส่วนซาคาโมโตะยังคงตีหน้าเฉยเพียงแต่เปลี่ยนท่าจากยืนสบายๆเป็นยกมือขึ้นกอดอกก่อนกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ฉันขอปฏิเสธ”
“ก็ได้ งั้นฉันจะเป็นคนโยนมันออกไปเอง” ไม่พูดเปล่ายังเดินตรงรี่ไปหากระเป๋าทั้งสองใบแต่ยังไม่ทันลงมือต้องหยุดเพราะชายหนุ่มคว้าไหล่ไว้ก่อน
“รู้ว่าไม่ชอบแต่อยากให้เข้าใจว่าตอนนี้นายกำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าเราสองคนออกจากห้องไปตอนนี้นายถูกปิศาจพวกนั้นฆ่าตายแน่”
น้ำเสียงที่ใช้ทุ้มนุ่มแฝงไว้ซึ่งความเป็นห่วงจนเด็กหนุ่มบังเกิดความอบอุ่นอย่างประหลาด แต่ด้วยทิฐิทำให้เขาไม่อาจทำใจยอมรับความรู้สึกนั้น
“แบบนั้นก็ดีเพราะฉันเองก็ไม่อยากอยู่บนโลกบ้าๆนี่อีกแล้ว โอ๊ย!” เขาร้องเมื่อมือแกร่งบีบแน่นขึ้นจนแทบทำให้กระดูกแตก “ทำบ้าอะไรของนาย มันเจ็บนะ!”
ต่อว่าด้วยความโกรธและเงียบเสียงเมื่อเห็นนัยน์ตาของซาคาโมโตะลุกโชนด้วยแสงสีอำพัน
“เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าบนโลกบ้าๆนี่มีหลายคนกำลังเป็นห่วงนายอยู่ และรู้หรือเปล่าว่าบางคนรักนายมากแค่ไหน”
“ฉันไม่สน”
“แต่ฉันสน” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหมุนตัวเด็กหนุ่มให้หันมาประจันหน้า “ถ้านายไม่สนใจใครก็อยากให้นึกถึงคนที่ตายไปแล้วบ้าง พวกเขาจะเสียใจแค่ไหนถ้ารู้ว่าคนที่เขายอมสละชีวิตให้ไม่อยากมีลมหายใจอยู่บนโลก”
คำพูดของซาคาโมโตะเหมือนเหล็กแหลมแทงทะลุเข้าไปในหัวใจ ฟุรุคาวะยืนหน้าซีดตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายล่วงรู้ถึงอดีตเพราะมันไม่ใช่ความลับอะไร แต่ไม่พอใจที่หมอนี่ดึงพ่อแม่ของเขามาเกี่ยวข้องด้วย
“กล้าดียังไง” เด็กหนุ่มเค้นเสียงที่สั่นพร่าออกมาโดยมีน้ำตาเอ่อคลอเบ้า “นายไม่รู้จักฉันเลยสักนิดแล้วกล้าดียังไงถึงพูดแบบนี้”
ซาคาโมโตะอยากเล่าเรื่องราวในอดีต บอกกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเด็กหนุ่มใจแทบขาดแต่รู้ดีว่าพูดไปอีกฝ่ายคงไม่เชื่อดีไม่ดีอาจต่อต้านด้วยการไม่ยอมให้เข้าใกล้อีกเลย
“ขอโทษที่ทำให้นายไม่พอใจแต่อยากให้รู้ว่าฉันเป็นห่วง” เขาถอนใจเบาๆ “เมื่อก่อนนายต้องอยู่บนโลกเพียงลำพังตอนนี้ฉันจะขอยืนเคียงข้างและคอยปกป้องนาย”
คำพูดที่กล่าวออกมาจากใจกับใบหน้าจริงจังทำให้ฟุรุคาวะถึงกับอึ้งกระนั้นเขายังมองซาคาโมโตะอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก
“ทำไม”
“ฉันตอบไม่ได้หรอกว่าทำไมแต่อีกหน่อยนายจะรู้เอง” ชายหนุ่มตอบสั้นๆพลางนึกภาวนาขอให้เด็กหนุ่มเชื่อใจยอมตกลง คำอธิษฐานของเขาเป็นจริงเมื่อฟุรุคาวะผงกศีรษะ
“ถ้าพูดถึงขนาดนี้แล้ว...” คิ้วมุ่นเข้าหากันด้วยความลังเลว่าควรตอบตกลงดีหรือไม่แต่ก็ตัดสินใจในที่สุด “ก็ได้ฉันยอมให้นายอยู่ด้วย”
คนยิ้มแป้นไม่ใช่ซาคาโมโตะหากเป็นทาคุ ชายหนุ่มชูสองแขนขึ้นร้องไชโยออกมาดังๆพอเห็นสายตาดุจากเจ้านายเขาก็ค่อยๆลดมันลงพร้อมกับกล่าวแก้ตัว “แหมก็ฉันกลัวว่าจะหอบกระเป๋ามาเก้อน่ะ”
“เจ้าบ้า” เสียงพึมพำอย่างเอือมระอาก่อนคนพูดหันกลับไปทางฟุรุคาวะ “ขอบใจที่เชื่อ”
“แค่ไม่อยากเห็นหมอนั่นหอบของพะรุงพะรังกลิ้งลงไปตามบันไดต่างหาก” เด็กหนุ่มทำปากแข็ง “ขอเตือนไว้ก่อนนะว่าฉันยอมให้อยู่ด้วยก็จริงแต่ไม่ได้หมายความว่าจะอนุญาตให้นายทำอะไรตามอำเภอใจ”