อวสานโชว์รูมรถ ปี 68 ปิดเกือบ 100 หายนะเศรษฐกิจไทย [ThaiFranchise Today]

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ตลาดรถยนต์หดตัวหนัก ธุรกิจผู้จำหน่ายรถยนต์ หรือ “ดีลเลอร์” กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในตลาดที่ยอดขายรวมไม่ถึง 6 แสนคัน  พูดง่ายๆว่าดีลเลอร์ขายรถทั้งญี่ปุ่น-จีน ถอดใจแห่เลิกกิจการ เผยตัวเลขแค่ปีกว่า ปิดโชว์รูมหายไปแล้ว 100 แห่ง

สถานการณ์ที่ยอดขายรถตามโชรูมลดลงก็สะท้อนให้เห็นความเปราะบางของธุรกิจนี้ว่าอยู่ในภาวะที่เสี่ยงมากอันมีผลมาจากหลายปัจจัยคือ

รายได้จากบริการและซ่อมบำรุงลดลง ในภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบาก ผู้คนมีแนวโน้มที่จะนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อบำรุงซ่อมแซมน้อยลง หรือหากต้องซ่อมจริง ๆ ก็เลือกที่จะใช้บริการอู่นอก หรือยืดระยะเวลาการซ่อมออกไปเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ทำให้โชรูมสูญเสียรายได้ส่วนนี้ไปมากเช่นกัน

ต้นทุนดำเนินงานสูง โชว์รูมรถยนต์ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงจากการสต็อกรถยนต์ที่ยังขายไม่ออกและดอกเบี้ยเงินกู้ ทำให้โชรูมหลาย ๆ เจ้าต่างพยายามปรับตัวเพื่อหาช่องทางเพิ่มรายได้

การแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง ตลาดรถยนต์ไทยในช่วง 2-3 ปีมานี้มีการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้น โดยเฉพาะจากการเข้ามาของค่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน ที่เลือกใช้กลยุทธ์ “ตัดราคา” เพื่อตีตลาด ทำให้รถ EV มีราคาเข้าถึงง่าย เช่น รถซีดานไฟฟ้าบางรุ่นที่มีราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 1 ล้านบาท ในขณะที่ค่ายญี่ปุ่นกับยุโรปที่ครองตลาดมานานก็โต้กลับด้วยการออกโปรโมชั่นแรง ๆ ตามมา ทำให้ตลาดกลายเป็นสงครามราคาครั้งใหญ่

หนี้ครัวเรือที่สูงกว่า 91% ของ GDP ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดสินเชื่อ อัตราปฏิเสธ 70% โดยเฉพาะกระบะ ส่งผลยอดขายลดลงกว่ารวมน่าจะไม่ต่ำกว่า 30% และคาดว่าจะมีรถถูกยึดประมาณ 300,000 คัน และมีหนี้เสีย 1.97 แสนล้านบาท
.
Cr : https://www.youtube.com/watch?v=04mFTiinpnk&t=97s
ที่มา: ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่