หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
ลองผิดลองถูก..จาก 96 เหลือ 64 กิโลกรัม..จนได้วิธีมีรูปร่างดีตลอดไป ไม่กลัวอีกแล้วความอ้วน!!!!
กระทู้สนทนา
ลดความอ้วน
คลับสุขภาพ
ฟิตเนส
อาหารคลีน
ก็ไม่เสียเวลานะครับ เข้าเรื่องเลย...พื้นเพผมเป็นคนอ้วนตั้งแต่เด็ก ลดความอ้วนครั้งแรกตอน ม.2 ด้วยการลดอาหาร งดน้ำอัดลม(มาจนถึงทุกวันนี้ แต่ถ้าไปงานเลี้ยงหรือสังสรรค์ที่เลี่ยงไม่ได้ก็ดื่มได้ปกติครับ) แต่สิ่งที่ทำให้กลับมาอ้วนอีกคือ ขนม ของทอด ของมันและของหวานที่ไม่เคยคิดจะอดมันเลย5555 ไม่นานก็กลับมาอ้วนใหม่จำได้ว่าตอนเข้าปี 1 ตอนนั้นน้ำหนัก 80 กิโลกรัม จนเวลาผ่านไป 1 ปี ขึ้นมาเป็น 86 ก็ตัดสินใจลดอีก แต่ครั้งนี้ใช้วิธีอด!!!! 2 วัน กิน 1 วัน ครับ เพียงไม่ถึง 2 เดือน น้ำหนักหายไปเกือบ 20 โลครับ แต่สิ่งที่ตามมาคือปวดท้องอย่างแรงจนเพื่อนต้องหามส่ง รพ.555...หลังจากนั้นก็กลับมาใช้ชีวิตปกติ เเต่เนื่อวจากปี 3-4 เป็นเด็กกิจกรรม จึงใช้พลังงานมหาศาล555 เลยน้ำหนักไม่ค่อยขึ้นก็ประคองๆหลัก 6 ปลายๆมาตลอด จนจบเริ่มทำงานปีแรกก็ทรงตัว หลังจากนั้นได่ขึ้นเลข 7 เลข 8 และในที่สุดเมื่อสิ้นปี 2557 ก็มาจบที่หลัก 9 ไม่หยุดครับ ต้นปี 2558 ก็ไปต่อ จนช่วงกุมภาพันธ์ 2558 ถือว่าพีคครับ 96 กิโลกรัม เอว 38 นิ้ว กินดึกกินดื่นกินของมันของทอดขนมของหวานดึกๆทุกวัน จนร่างกายเริ่มต่อต้าน ในคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 ก็ท้องเสียอย่างรุนแรชั่วโมงละรอบทั้งคืนจนเช้าทำงานไม่ไหว ต้องไป รพ. หมอบอกว่ากระเพาะและลำไส้อักเสบ ต้องงดอาหารหนัก 2 สัปดาห์ กินโจ๊ก ซุป ข้าวต้มแทน5555ชอบซะด้วย(ประชด)แต่ทำไงได้มาถึงขั้นนี้ก็ต้องกินสิครับ... ผ่านไปครบ 2 สัปดาห์ดีใจมากกกก จะได้กลับมากินปกติแล้ววว เอ๊ะ!!! เหมือนตัวเบาๆ ชั่งน้ำหนักนิดดีกว่า โอ้!!!! น้ำหนักลงครับ ลงมา 3 กิโล...นี่จึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการลดความอ้วนครั้งสุดท้ายของชีวิตผม...
...ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2558 ผมก็ลดอย่างจริงจังมากมาย คือ ทานน้อยลงมากๆๆๆ แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนอาหารแต่อย่างใดนะครับ และจุดโหดคือ วิ่งๆๆๆๆๆ วิ่งจนปวดเข่าก็วิ่งๆๆๆๆ วันละ 20 กิโลเมตร เช้า 10 เย็น 10 กิโลเมตร ไม่ช่วงเดือนนี้ไม่ได้เข้าฟิตเนสนะครับ วิ่งที่สวนสาธารณะอย่างเดียวครับ "สวนนวมินทร์ภิรมย์" ที่นี่ดีมากครับบรรยากาศดี อากาศโปร่งโล่งสบาย ปลอดภัย มีป้ายบอกระยะทางทางชัดเจนทุกๆ 200 เมตร...ก็ทำแบบนี้ ตลอด 1 เดือน มีแอบกลับไปใช้วิธีเดิมอยู่คือ อด อิอิ ก็มันรีบนินา(แต่วิธีที่ผมทำในเดือนนี้ ไม่ถูกต้องนะครับ แต่เดี๋ยวเดือนหน้าหนักกว่า5555) ผลปรากฎว่า สิ้นเดือนมีนาคม 2558 น้ำหนักลดครับ ลดไป 10 โล โอ้โห!!!! 1 เดือนมหัศจรรย์ กำลังใจมาล่ะสิครับทีนี้...
ไปกันต่อเลยนะครับสำหรับเดือนเมษายน 2558 เนื่องจากเดือนนี้เป็นเทศกาล มีวันหยุดยาววว ผมมีเวลาจริงจังกับมันน้อยลง แต่ไม่ลดระดับความเข้มข้นครับ ช่วงต้นเดือนถึงก่อนหยุดช่วงสงกรานต์ผมก็ทานน้อยลงกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนอาหาร แต่เพิ่มการวิ่งๆๆๆๆๆๆ เช้า-เย็น ทีนี้เหมือนร่างกายเริ่มปรับตัวได้ เลยเหนื่อยน้อยลงวิ่งทำระยะทางติดต่อกันได้มากขึ้นที่ทำได้ก็ประมาณ 3 รอบ 6 กิโลเมตร แต่วิ่งไม่เร็วนะครับ ผมยังไม่ได้ศึกษาจริงจังว่าการเบิร์นควรทำอย่างไรในช่วง 3-4 เดือนแรกนี่แทบใช้คำว่างมโข่งเลยครับ ไม่ศึกษา ไม่อะไรทั้งสิ้น รู้แต่ว่า กินน้อย วิ่ง แล้วน้ำหนักลด มันจริงๆนะครับ ตั้งแต่ที่ท้องเสีย ยันสงกรานต์ หุ่นลงด้วย(แต่ไม่รู้เลยว่าที่หายไป มันเป็นไขมันน้อยมาก หายไปแต่น้ำกับกล้ามเนื้อ) จากเอว 38 มาเหลือ 35 นิ้วครับ ไงครับเกือบ 2 เดือน น้ำหนักก็ลงมาอยู่ที่ 79 กิโลกรัม เลขสวย555 จำได้ว่าจากวันที่ 12-22 เมษายน ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเพราะกลับบ้านและลงไปเที่ยวใต้ จนน้ำหนักกระดิกขึ้นกางเกงใหม่เริ่มอึดอัด เลยกลับมาเอาจริงเอาจังอีกครั้งทีนี้ยาวเลยครับ ใช้วิธีเดิมๆจนถึงช่วงสิ้นพฤษภาคม น้ำหนักก็ยังลงนะครับ ตอนนี้มาเหลือ 74 กิโลกรัม ครับ จากนี้แหละครับ เริ่มประสบภาวะน้ำหนักค้างหลายรอบในช่วงเดือน มิถุนายนถึงสิ้นกันยายน แต่อาจเป็นเพราะผมลดการวิ่งลงด้วย เปลี่ยนมาเข้าฟิตเนสบ้างไม่จริงจังเท่าไหร่ อาหารก็กินแบบเหมือนจะลดน้ำหนัก555 ปล่อยผีบ่อยๆ งัดข้อกับร่างกายด้วยวิธีผิดๆ ย้ำครับ ผิดๆ แต่น้ำหนักก็ขยับลงบ้างขึ้นบ้าง ค้างบ้าง จนมาอยู่ที่ 71 กิโลกรัม เอวมาอยู่ที่ 32-33 นิ้วในช่วงสิ้นเดือนกันยายน...
จากนี้ล่ะครับ คือ จุดเปลี่ยนชีวิต ที่ผมบอกกับตัวเองและคนอื่นได้เลยว่า "ผมจะไม่มีทางกลับมาอ้วนได้อีก" ...จากการเริ่มศึกษาอย่างจริงจังจากผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลดความอ้วน จากในอินเตอร์เน็ตนี่ล่ะครับ หาข้อมูลต่างๆทั้งการกินและการออกกำลังกาย ผมเปลี่ยนคำแล้วนะครับ แต่ก่อนผมใช้คำว่าลดน้ำหนัก ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาเป็น "ลดความอ้วน"...จนผมได้วิธีที่น่าจะดีที่สุดที่ผมใช้มาจนถึงวันนี้ราวเกือบๆ 3 เดือนครับ แต่ก็ยังศึกษาอยู่นะครับ เพราะเชื่อว่าทางขึ้นเขามีหลายทาง...ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมมา หลังจากมีข้อมูล ประกอบกับหุ่นเหมาะแก่การสร้างกล้าม จึงโฟกัสเพิ่มมาเป็นสร้างกล้ามเนื้อด้วยและเอาน้ำหนักลงด้วย แต่ครั้งนี้น้ำหนักที่ลงผมขอให้เป็น "ไขมัน"ซะส่วนใหญ่ครับ มันยากและหนักนะทำสองอย่างไปพร้อมๆกัน!!!แต่ทุกอย่างอยู่ที่ "ใจ" ครับ...เพราะผมเรียนรู้ว่าการลดความอ้วนที่ถูกคือเอา "ไขมันที่ไม่ดี" ออกจากร่างกายให้เหลือใน%ที่พอเหมาะ และเอา "ของใหม่ที่ดี" ใส่เข้าไป ทำได้ 2 วิธีควบคู่กันเท่านั้น คือ"ดูแลโภชนาการอาหาร(ส่วนใหญ่เรียกคุมอาหาร)และออกกำลังกาย" ผมได้หลักจากคนดังมาข้อหนึ่งว่า "อย่างใช้การออกกำลังกายมาชดเชยการกินที่แย่ เพราะมันทำไม่ได้" จริงที่สุดครับ!!!!!!....
แล้วผมทำยังไง????ง่ายๆครับ เรื่องการกินก่อนนะครับ...ผมเเบ่งอาหารออกเป็น 5 มื้อครับ ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆยิ่งดื่มยิ่งผอม!!! คือเช้ามื้อนี้ผลกินกล้วยหอม 2-3 ลูกทุกวันกับน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องครับ (08.00-08.30 น.) สาย(10.00-10.30 น.) กลางวัน (12.30-13.00 น.) บ่าย(ก่อนเข้ายิมมื้อนี้จัดหนักครับเน้นคาร์บกับโปรตีน 15.30-16.00) และสุดท้ายดึกหน่อยเพราะกว่าจะออกจากยิมก็มืดแล้วและควรเว้นระยะห่างด้วย (20.30-21.00 น. หรืออาจดึกกว่านั้น แต่ไม่เกิน 22.30 น. เพราะผมนอนเที่ยงคืนนิดๆครับ)... คนมักเข้าใจผิดว่า "แป้ง" คือตัวการทำให้อ้วน จริงๆมันก็ไม่ผิดเสียทีเดียว "ถ้ากินมากเกินความจำเป็น" อาหารมีประโยชน์อื่นๆก็เช่นกัน ฉะนั้นให้ลดแป้งตามความต้องการใช้ในช่วงเวลา เช่น เช้า-เที่ยง ร่างกายต้องใช้พลังงานและต้องเผื่อไว้ครึ่งวันบ่ายก็ทานได้ปกติ แต่หลังช่วงบ่ายไปก็ให้ลดไม่ใช่ "งด" สำหรับแป้ง หลักๆผมจะได้จากข้าวและขนมปังครับ ข้าวผมจะเปลี่ยนเป็นข้าวไรซ์เบอรี่ไม่ผสม(หุงเอง)ส่วนใหญ่จะผสมลูกเดือย ถั่วขาว และถั่วแดงลงไปด้วย เว้น หมด555 ส่วนขนมปังเปลี่ยนเป็นโฮลวีตธัญพืช หรือของทั่วไปตามเซเว่น ถ้าวันไหนอยากกินเส้นก็เป็นเส้นหมี่ข้าวกล้องเอามาทำอาหารครับ...
ทีนี้มาดูกับข้าวผมบ้างนะครับ...สิ่งที่ทำหลักๆเลยคือ งดของทอดและของมัน ทำทานเองครับ "ไม่ใช้น้ำมันทุกชนิด ไม่ใส่น้ำตาลหรือสารให้ความหวานทุกชนิดและไม่ใส่ผงชูรส ควบคุมปริมาณโซเดียม ครบ 5 หมู่" แต่ถ้าจำเป็นต้องกินจากร้านก็เลือกกินได้ครับ เช่น เคเอฟซี ก็เอาหนังกับแป้งออก ร้านอาหารตามสั่งก็เลือกเมนูที่ใช้น้ำมันน้อยกำชับเรื่องรสชาติ หรือเข้าเซเว่นซื้อเอาครับ แค่นี้ก็อยู่ได้อย่างสบายครับ ขนมกรุบกรอบก็กินได้ครับเดี๋ยวนี้ขนมเพื่อสุขภาพไม่ทอดไม่ใช้น้ำมันไขมันต่ำขาย เช่น ธัญพืชบาร์ 10 บาท ลูกเดือยอบกรอบ 10 บาท เม็ดฟังทอง เมล็ดทานตะวัน(ก็เลือกสูตรที่โซเดียมต่ำๆไม่มีแป้งหรือมีน้อย น้ำตาลน้อยสุด แคลน้อยสุดเปรียบเทียบหลายๆยี่ห้อจากข้อมูลโภชนาการหลังซอง) ตัวอย่างอาหารที่ทำเองมีทั้งของคาวและของหวาน แต่ไม่ทิ้ง concept ครับ...
ถ้าจะคุมแคลอรี่ด้วย มื้อนึงก็จัดไปเบาๆสัก 300 พออิ่มครับ อย่าลืมเรากิน 5 มื้อ!!!ไม่ต้องกลัวหิว หิวก็กินมื้อที่ 6 และ 7 ได้ครับ แต่เบาแคลฯมานิด เป็นสแน๊คก็ได้สักบาร์สองบาร์ ท่องไว้นะครับ ยิ่งกินบ่อย ยิ่งผอม!! ถ้ากินแบบถูกวิธีนะ แล้วอย่าลืมเว้นระยะห่างของเวลาให้ดีด้วยครับ ตารางแคลอรี่ศึกษาได้จากอินเตอร์เน็ตครับ...ทุกครั้งที่ที่จะกินนอก 5 มื้อหลัก ให้ถามตัวเองให้แน่ใจว่า "หิวจริง หรือ แค่อยาก???"
ต่อมาเป็นเรื่องของการออกกำลังกายครับ... ผมเน้นเข้ายิมครับ ทำสองอย่างควบคู่กันไปตลอดคือ เวท กับ คาร์ดิโอ เพราะผมต้องการเอาไขมันออก...ไม่รู้สำเร็จมั้ย 2 เดือนกว่าๆผ่านไป น้ำหนักผมหายไปแค่ 7 กิโลกรัม เหลือ 64 กิโลกรัม(ตอนนี้ไม่ลงแล้วครับ กำลังขุนให้ขึ้นด้วยของดีๆที่กินเข้าไปใหม่เพื่อสร้างกล้าม) เอวเหลือ 30-31 นิ้วครับ ผมเข้าสัปดาห์ละ 6 วันครับ(โหดมั้ย555) เดือนตุลาคม เข้าวันละ 3-4 ชั่วโมง พอได้รับคำแนะนำจากพี่ๆน้องๆในยิมก็บริหารจัดการเวลาใหม่เป็นครั้งละ 1.5-2 ชั่วโมง แต่แอบเกินบ่อยๆ555 ช่าง 3 เดือนแรกนี้(กำลังจะสิ้นสุด) ผมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทุกส่วนครับยังไม่จำเพาะเจาะจงส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่อาจเป็นเพราะผมดูแลอาหารด้วยจึงเห็นผลลัพธ์ค่อนข้างเร็ว...ย้ำนิดครับ การกินผมเน้นโปรตีนในมื้อหารหลักนะครับ ตามกฎ "กินถึง" แต่ก็ไม่เคยครบ555 และ "เล่นถึง" ก็ยังไม่ถึง5555 แต่กำลังจะถึงครับ หลังๆมามีพี่ๆแนะนำการเล่นให้โดนครบเกือบทุกจุดล่ะ ไม่นานเกินรอครับ...ในที่สุดผมก็ได้วิธีการไม่ทำให้ตัวเองกลับไปอ้วนอีก ลอกเลียนแบบได้ครับ หรือเอาไปปรับใช้ อะไรที่พอจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่กำลังตามหาฝันเหมือนผมอยู่ ผมยินดีครับ หรือจะแอดเฟชมาคุยแชร์ประสบการณ์กันก็ได้ครับ เพราะผมยังไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ยังอยากได้คำแนะนำดีๆจากคนคอเดียวกันหรือผู้มีประสบการณ์อยู่ เฟชผมนะครับ : Mylife MyInspiration
เมื่อวานนี้ครับรูปล่าง
ผมจะใช้วิธีการสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองทุกวัน โดยดูจากคนที่ทำสำเร็จ คนเก่งๆ ให้กำลังใจตัวเองมากๆ กำหนดเป้าหมายเป็นระยะๆ "เปลี่ยนความเชื่อ ปรับวิธีคิด แล้วทำมันเดี๋ยวนี้!!!!" ขอแค่เชื่อว่าเราทำได้ แล้วทำมันอย่างจริงจัง มุ่งมั่น...สู้ๆนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคน...ผมก็ยังต้องสู้ต่อไป สู่การมีหุ่นดี แล้วอีกไม่นานนี้ผมจะมารีวิวต่อนะครับ สู้ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
หมอเผย 5 เหตุผลที่คุณกำลัง ‘อ้วนเงียบ’ และไขมันยังพอกหลอดเลือด
นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการกิจการด้านปฐมภูมิ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์เฟซบุ๊ก “หมอเจด”ให้ความรู้เรื่องสุขภาพ ระบุว่า หลายคนดีใจมากที่ “น้ำตาลกลับมาปกติ” หลังล
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้สามตัวตรง
ไขมันพุ่ง ทั้งที่กินไม่เยอะ! เผาผลาญพัง เพราะ 5 สัญญาณนี้!!
หลายคนสงสัยว่าทำไมกินก็น้อย ออกกำลังกายก็แล้ว แต่ร่างกายกลับอ่อนเพลีย น้ำหนักไม่ลง หน้าท้องยังมาไม่หยุด คำตอบคือระบบเผาผลาญของเราอาจกำลังทำงานช้าลงแบบเงียบ ๆ ครับ เมื่อร่างกายเราเข้าสู่โหมดประหยัดพลัง
parn 256
ความรู้รอบตัว - EP11 : วิ่ง vs เดินเร็ว แบบไหนเป็นการออกกำลังกายที่ดีกว่ากัน?
วิ่ง vs เดินเร็ว - แบบไหนที่ดีกว่ากันแน่? การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (Cardiovascular Exercise) เป็นหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาน้ำหนักตัว การเสริมสร้างระบบหัวใจและหลอดเลือด หรือก
สมาชิกหมายเลข 933113
มาแชร์ผลการออกกำลังกายตามใจฉัน (ตามสภาพอารมณ์และทรงผม 555)
ไม่มีรูปนะคะ ทั้งหมดนี้คือผลลัพธ์ที่เกิดกับตัวเรา ไม่สามรถฟันธงว่าคนอื่นจะได้ผลลัพธ์แบบเดียวกับเรา วิ่ง/ โดดเชือก เคยเห็น เคยอ่านผ่าน ๆ ที่ไหนสักแห่ง ถามกันว่าถ้าวิ่ง โดดเชือก ขาจะใหญ่มั้ย สำหรับเรา
สมาชิกหมายเลข 2215334
🩺 ชีวิตใหม่ไร้ไขมัน : สูตรจัดการไขมันพอกตับที่ทำได้จริง เห็นผลทันใจ
โรคไขมันพอกตับ หรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า Hepatic Steatosis เป็นภาวะที่ไขมันสะสมในเซลล์ตับมากเกินไป หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะตับอักเสบ ตับแข็ง และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคตับเรื้อรังแ
CaiJinlian
รบกวนดูค่าวัดร่างกาย body fat muscle mass ของ body composition ที่สัดมาให้หน่อนค่ะ
เราอยากปั้นก้นค่ะ เลยเวทมาจริงจังได้หกเดือนแล้วค่ะ ออกกำลังเกือบทุกวันค่ะ เน้นเล่น lower แล้วupper core body ก้เล่นบ้างค่ะๆ แต่เราไม่ค่อยคุมอาหารค่ะ กินค่อนข้างแส้บมากค่ะ ตอนนี้เอว 26 สพ 40 อยากจะลดไข
สมาชิกหมายเลข 5212254
*** ถ้าเป้าหมาย คือ การรีดไขมัน ***
ถ้าเป้าหมายคือการ "รีดไขมัน (Fat Oxidation)" ไม่ใช่แค่เบิร์นแคลอรี่ อ้างอิงตามสรีรวิทยาการตอบสนองของร่างกาย <<< ดีที่สุด >>> คือ ออกกำลังกายตอนท้องว่าง (Fasted Cardi
Lady_Simplicity
🍽️ ไม่ต้องอด! เคล็ดลับ "ลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน" ฉบับคนยุคใหม่ ผอมสวย สุขภาพดี ไม่มีโยโย่!
หลายคนเข้าใจผิดว่าการลดน้ำหนักคือการอดอาหารหรือหักโหมออกกำลังกาย แต่แท้จริงแล้ว การลดน้ำหนักที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพคือการปรับสมดุลวิถีชีวิต ซึ่งจะช่วยให้คุณผอมลงได้จริง และไม่กลับไปอ้วนซ้ำ นี่คือหลัก
สมาชิกหมายเลข 7090482
จะรู้ได้อย่างไรว่า กินน้ำตาลมากเกินไป และน้ำตาลแฝงคืออะไร ?
สิ่งสำคัญสำหรับทุกคนคือการติดตามปริมาณน้ำตาลที่บริโภค คุณอาจกินน้ำตาลมากกว่าที่คิด และการบริโภคน้ำตาลมากเกินไปทำให้คุณมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 โรคหัวใจ รวมถึงโรคมะเร็ง ในช่วงไม่กี่ท
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้สามตัวตรง
เมนู 10 อาหารลดน้ำหนัก
“อาหารลดน้ำหนัก” เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องอดอาหารหรือกินน้อยจนเกินไป การเลือกเมนูที่เหมาะสมกับแต่ละมื้อ ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานและยั
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้สามตัวตรง
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ลดความอ้วน
คลับสุขภาพ
ฟิตเนส
อาหารคลีน
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 33
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
ลองผิดลองถูก..จาก 96 เหลือ 64 กิโลกรัม..จนได้วิธีมีรูปร่างดีตลอดไป ไม่กลัวอีกแล้วความอ้วน!!!!
ก็ไม่เสียเวลานะครับ เข้าเรื่องเลย...พื้นเพผมเป็นคนอ้วนตั้งแต่เด็ก ลดความอ้วนครั้งแรกตอน ม.2 ด้วยการลดอาหาร งดน้ำอัดลม(มาจนถึงทุกวันนี้ แต่ถ้าไปงานเลี้ยงหรือสังสรรค์ที่เลี่ยงไม่ได้ก็ดื่มได้ปกติครับ) แต่สิ่งที่ทำให้กลับมาอ้วนอีกคือ ขนม ของทอด ของมันและของหวานที่ไม่เคยคิดจะอดมันเลย5555 ไม่นานก็กลับมาอ้วนใหม่จำได้ว่าตอนเข้าปี 1 ตอนนั้นน้ำหนัก 80 กิโลกรัม จนเวลาผ่านไป 1 ปี ขึ้นมาเป็น 86 ก็ตัดสินใจลดอีก แต่ครั้งนี้ใช้วิธีอด!!!! 2 วัน กิน 1 วัน ครับ เพียงไม่ถึง 2 เดือน น้ำหนักหายไปเกือบ 20 โลครับ แต่สิ่งที่ตามมาคือปวดท้องอย่างแรงจนเพื่อนต้องหามส่ง รพ.555...หลังจากนั้นก็กลับมาใช้ชีวิตปกติ เเต่เนื่อวจากปี 3-4 เป็นเด็กกิจกรรม จึงใช้พลังงานมหาศาล555 เลยน้ำหนักไม่ค่อยขึ้นก็ประคองๆหลัก 6 ปลายๆมาตลอด จนจบเริ่มทำงานปีแรกก็ทรงตัว หลังจากนั้นได่ขึ้นเลข 7 เลข 8 และในที่สุดเมื่อสิ้นปี 2557 ก็มาจบที่หลัก 9 ไม่หยุดครับ ต้นปี 2558 ก็ไปต่อ จนช่วงกุมภาพันธ์ 2558 ถือว่าพีคครับ 96 กิโลกรัม เอว 38 นิ้ว กินดึกกินดื่นกินของมันของทอดขนมของหวานดึกๆทุกวัน จนร่างกายเริ่มต่อต้าน ในคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 ก็ท้องเสียอย่างรุนแรชั่วโมงละรอบทั้งคืนจนเช้าทำงานไม่ไหว ต้องไป รพ. หมอบอกว่ากระเพาะและลำไส้อักเสบ ต้องงดอาหารหนัก 2 สัปดาห์ กินโจ๊ก ซุป ข้าวต้มแทน5555ชอบซะด้วย(ประชด)แต่ทำไงได้มาถึงขั้นนี้ก็ต้องกินสิครับ... ผ่านไปครบ 2 สัปดาห์ดีใจมากกกก จะได้กลับมากินปกติแล้ววว เอ๊ะ!!! เหมือนตัวเบาๆ ชั่งน้ำหนักนิดดีกว่า โอ้!!!! น้ำหนักลงครับ ลงมา 3 กิโล...นี่จึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการลดความอ้วนครั้งสุดท้ายของชีวิตผม...
...ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2558 ผมก็ลดอย่างจริงจังมากมาย คือ ทานน้อยลงมากๆๆๆ แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนอาหารแต่อย่างใดนะครับ และจุดโหดคือ วิ่งๆๆๆๆๆ วิ่งจนปวดเข่าก็วิ่งๆๆๆๆ วันละ 20 กิโลเมตร เช้า 10 เย็น 10 กิโลเมตร ไม่ช่วงเดือนนี้ไม่ได้เข้าฟิตเนสนะครับ วิ่งที่สวนสาธารณะอย่างเดียวครับ "สวนนวมินทร์ภิรมย์" ที่นี่ดีมากครับบรรยากาศดี อากาศโปร่งโล่งสบาย ปลอดภัย มีป้ายบอกระยะทางทางชัดเจนทุกๆ 200 เมตร...ก็ทำแบบนี้ ตลอด 1 เดือน มีแอบกลับไปใช้วิธีเดิมอยู่คือ อด อิอิ ก็มันรีบนินา(แต่วิธีที่ผมทำในเดือนนี้ ไม่ถูกต้องนะครับ แต่เดี๋ยวเดือนหน้าหนักกว่า5555) ผลปรากฎว่า สิ้นเดือนมีนาคม 2558 น้ำหนักลดครับ ลดไป 10 โล โอ้โห!!!! 1 เดือนมหัศจรรย์ กำลังใจมาล่ะสิครับทีนี้...
ไปกันต่อเลยนะครับสำหรับเดือนเมษายน 2558 เนื่องจากเดือนนี้เป็นเทศกาล มีวันหยุดยาววว ผมมีเวลาจริงจังกับมันน้อยลง แต่ไม่ลดระดับความเข้มข้นครับ ช่วงต้นเดือนถึงก่อนหยุดช่วงสงกรานต์ผมก็ทานน้อยลงกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนอาหาร แต่เพิ่มการวิ่งๆๆๆๆๆๆ เช้า-เย็น ทีนี้เหมือนร่างกายเริ่มปรับตัวได้ เลยเหนื่อยน้อยลงวิ่งทำระยะทางติดต่อกันได้มากขึ้นที่ทำได้ก็ประมาณ 3 รอบ 6 กิโลเมตร แต่วิ่งไม่เร็วนะครับ ผมยังไม่ได้ศึกษาจริงจังว่าการเบิร์นควรทำอย่างไรในช่วง 3-4 เดือนแรกนี่แทบใช้คำว่างมโข่งเลยครับ ไม่ศึกษา ไม่อะไรทั้งสิ้น รู้แต่ว่า กินน้อย วิ่ง แล้วน้ำหนักลด มันจริงๆนะครับ ตั้งแต่ที่ท้องเสีย ยันสงกรานต์ หุ่นลงด้วย(แต่ไม่รู้เลยว่าที่หายไป มันเป็นไขมันน้อยมาก หายไปแต่น้ำกับกล้ามเนื้อ) จากเอว 38 มาเหลือ 35 นิ้วครับ ไงครับเกือบ 2 เดือน น้ำหนักก็ลงมาอยู่ที่ 79 กิโลกรัม เลขสวย555 จำได้ว่าจากวันที่ 12-22 เมษายน ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเพราะกลับบ้านและลงไปเที่ยวใต้ จนน้ำหนักกระดิกขึ้นกางเกงใหม่เริ่มอึดอัด เลยกลับมาเอาจริงเอาจังอีกครั้งทีนี้ยาวเลยครับ ใช้วิธีเดิมๆจนถึงช่วงสิ้นพฤษภาคม น้ำหนักก็ยังลงนะครับ ตอนนี้มาเหลือ 74 กิโลกรัม ครับ จากนี้แหละครับ เริ่มประสบภาวะน้ำหนักค้างหลายรอบในช่วงเดือน มิถุนายนถึงสิ้นกันยายน แต่อาจเป็นเพราะผมลดการวิ่งลงด้วย เปลี่ยนมาเข้าฟิตเนสบ้างไม่จริงจังเท่าไหร่ อาหารก็กินแบบเหมือนจะลดน้ำหนัก555 ปล่อยผีบ่อยๆ งัดข้อกับร่างกายด้วยวิธีผิดๆ ย้ำครับ ผิดๆ แต่น้ำหนักก็ขยับลงบ้างขึ้นบ้าง ค้างบ้าง จนมาอยู่ที่ 71 กิโลกรัม เอวมาอยู่ที่ 32-33 นิ้วในช่วงสิ้นเดือนกันยายน...
จากนี้ล่ะครับ คือ จุดเปลี่ยนชีวิต ที่ผมบอกกับตัวเองและคนอื่นได้เลยว่า "ผมจะไม่มีทางกลับมาอ้วนได้อีก" ...จากการเริ่มศึกษาอย่างจริงจังจากผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลดความอ้วน จากในอินเตอร์เน็ตนี่ล่ะครับ หาข้อมูลต่างๆทั้งการกินและการออกกำลังกาย ผมเปลี่ยนคำแล้วนะครับ แต่ก่อนผมใช้คำว่าลดน้ำหนัก ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาเป็น "ลดความอ้วน"...จนผมได้วิธีที่น่าจะดีที่สุดที่ผมใช้มาจนถึงวันนี้ราวเกือบๆ 3 เดือนครับ แต่ก็ยังศึกษาอยู่นะครับ เพราะเชื่อว่าทางขึ้นเขามีหลายทาง...ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมมา หลังจากมีข้อมูล ประกอบกับหุ่นเหมาะแก่การสร้างกล้าม จึงโฟกัสเพิ่มมาเป็นสร้างกล้ามเนื้อด้วยและเอาน้ำหนักลงด้วย แต่ครั้งนี้น้ำหนักที่ลงผมขอให้เป็น "ไขมัน"ซะส่วนใหญ่ครับ มันยากและหนักนะทำสองอย่างไปพร้อมๆกัน!!!แต่ทุกอย่างอยู่ที่ "ใจ" ครับ...เพราะผมเรียนรู้ว่าการลดความอ้วนที่ถูกคือเอา "ไขมันที่ไม่ดี" ออกจากร่างกายให้เหลือใน%ที่พอเหมาะ และเอา "ของใหม่ที่ดี" ใส่เข้าไป ทำได้ 2 วิธีควบคู่กันเท่านั้น คือ"ดูแลโภชนาการอาหาร(ส่วนใหญ่เรียกคุมอาหาร)และออกกำลังกาย" ผมได้หลักจากคนดังมาข้อหนึ่งว่า "อย่างใช้การออกกำลังกายมาชดเชยการกินที่แย่ เพราะมันทำไม่ได้" จริงที่สุดครับ!!!!!!....
แล้วผมทำยังไง????ง่ายๆครับ เรื่องการกินก่อนนะครับ...ผมเเบ่งอาหารออกเป็น 5 มื้อครับ ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆยิ่งดื่มยิ่งผอม!!! คือเช้ามื้อนี้ผลกินกล้วยหอม 2-3 ลูกทุกวันกับน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องครับ (08.00-08.30 น.) สาย(10.00-10.30 น.) กลางวัน (12.30-13.00 น.) บ่าย(ก่อนเข้ายิมมื้อนี้จัดหนักครับเน้นคาร์บกับโปรตีน 15.30-16.00) และสุดท้ายดึกหน่อยเพราะกว่าจะออกจากยิมก็มืดแล้วและควรเว้นระยะห่างด้วย (20.30-21.00 น. หรืออาจดึกกว่านั้น แต่ไม่เกิน 22.30 น. เพราะผมนอนเที่ยงคืนนิดๆครับ)... คนมักเข้าใจผิดว่า "แป้ง" คือตัวการทำให้อ้วน จริงๆมันก็ไม่ผิดเสียทีเดียว "ถ้ากินมากเกินความจำเป็น" อาหารมีประโยชน์อื่นๆก็เช่นกัน ฉะนั้นให้ลดแป้งตามความต้องการใช้ในช่วงเวลา เช่น เช้า-เที่ยง ร่างกายต้องใช้พลังงานและต้องเผื่อไว้ครึ่งวันบ่ายก็ทานได้ปกติ แต่หลังช่วงบ่ายไปก็ให้ลดไม่ใช่ "งด" สำหรับแป้ง หลักๆผมจะได้จากข้าวและขนมปังครับ ข้าวผมจะเปลี่ยนเป็นข้าวไรซ์เบอรี่ไม่ผสม(หุงเอง)ส่วนใหญ่จะผสมลูกเดือย ถั่วขาว และถั่วแดงลงไปด้วย เว้น หมด555 ส่วนขนมปังเปลี่ยนเป็นโฮลวีตธัญพืช หรือของทั่วไปตามเซเว่น ถ้าวันไหนอยากกินเส้นก็เป็นเส้นหมี่ข้าวกล้องเอามาทำอาหารครับ...
ทีนี้มาดูกับข้าวผมบ้างนะครับ...สิ่งที่ทำหลักๆเลยคือ งดของทอดและของมัน ทำทานเองครับ "ไม่ใช้น้ำมันทุกชนิด ไม่ใส่น้ำตาลหรือสารให้ความหวานทุกชนิดและไม่ใส่ผงชูรส ควบคุมปริมาณโซเดียม ครบ 5 หมู่" แต่ถ้าจำเป็นต้องกินจากร้านก็เลือกกินได้ครับ เช่น เคเอฟซี ก็เอาหนังกับแป้งออก ร้านอาหารตามสั่งก็เลือกเมนูที่ใช้น้ำมันน้อยกำชับเรื่องรสชาติ หรือเข้าเซเว่นซื้อเอาครับ แค่นี้ก็อยู่ได้อย่างสบายครับ ขนมกรุบกรอบก็กินได้ครับเดี๋ยวนี้ขนมเพื่อสุขภาพไม่ทอดไม่ใช้น้ำมันไขมันต่ำขาย เช่น ธัญพืชบาร์ 10 บาท ลูกเดือยอบกรอบ 10 บาท เม็ดฟังทอง เมล็ดทานตะวัน(ก็เลือกสูตรที่โซเดียมต่ำๆไม่มีแป้งหรือมีน้อย น้ำตาลน้อยสุด แคลน้อยสุดเปรียบเทียบหลายๆยี่ห้อจากข้อมูลโภชนาการหลังซอง) ตัวอย่างอาหารที่ทำเองมีทั้งของคาวและของหวาน แต่ไม่ทิ้ง concept ครับ...
ถ้าจะคุมแคลอรี่ด้วย มื้อนึงก็จัดไปเบาๆสัก 300 พออิ่มครับ อย่าลืมเรากิน 5 มื้อ!!!ไม่ต้องกลัวหิว หิวก็กินมื้อที่ 6 และ 7 ได้ครับ แต่เบาแคลฯมานิด เป็นสแน๊คก็ได้สักบาร์สองบาร์ ท่องไว้นะครับ ยิ่งกินบ่อย ยิ่งผอม!! ถ้ากินแบบถูกวิธีนะ แล้วอย่าลืมเว้นระยะห่างของเวลาให้ดีด้วยครับ ตารางแคลอรี่ศึกษาได้จากอินเตอร์เน็ตครับ...ทุกครั้งที่ที่จะกินนอก 5 มื้อหลัก ให้ถามตัวเองให้แน่ใจว่า "หิวจริง หรือ แค่อยาก???"
ต่อมาเป็นเรื่องของการออกกำลังกายครับ... ผมเน้นเข้ายิมครับ ทำสองอย่างควบคู่กันไปตลอดคือ เวท กับ คาร์ดิโอ เพราะผมต้องการเอาไขมันออก...ไม่รู้สำเร็จมั้ย 2 เดือนกว่าๆผ่านไป น้ำหนักผมหายไปแค่ 7 กิโลกรัม เหลือ 64 กิโลกรัม(ตอนนี้ไม่ลงแล้วครับ กำลังขุนให้ขึ้นด้วยของดีๆที่กินเข้าไปใหม่เพื่อสร้างกล้าม) เอวเหลือ 30-31 นิ้วครับ ผมเข้าสัปดาห์ละ 6 วันครับ(โหดมั้ย555) เดือนตุลาคม เข้าวันละ 3-4 ชั่วโมง พอได้รับคำแนะนำจากพี่ๆน้องๆในยิมก็บริหารจัดการเวลาใหม่เป็นครั้งละ 1.5-2 ชั่วโมง แต่แอบเกินบ่อยๆ555 ช่าง 3 เดือนแรกนี้(กำลังจะสิ้นสุด) ผมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทุกส่วนครับยังไม่จำเพาะเจาะจงส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่อาจเป็นเพราะผมดูแลอาหารด้วยจึงเห็นผลลัพธ์ค่อนข้างเร็ว...ย้ำนิดครับ การกินผมเน้นโปรตีนในมื้อหารหลักนะครับ ตามกฎ "กินถึง" แต่ก็ไม่เคยครบ555 และ "เล่นถึง" ก็ยังไม่ถึง5555 แต่กำลังจะถึงครับ หลังๆมามีพี่ๆแนะนำการเล่นให้โดนครบเกือบทุกจุดล่ะ ไม่นานเกินรอครับ...ในที่สุดผมก็ได้วิธีการไม่ทำให้ตัวเองกลับไปอ้วนอีก ลอกเลียนแบบได้ครับ หรือเอาไปปรับใช้ อะไรที่พอจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่กำลังตามหาฝันเหมือนผมอยู่ ผมยินดีครับ หรือจะแอดเฟชมาคุยแชร์ประสบการณ์กันก็ได้ครับ เพราะผมยังไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ยังอยากได้คำแนะนำดีๆจากคนคอเดียวกันหรือผู้มีประสบการณ์อยู่ เฟชผมนะครับ : Mylife MyInspiration
เมื่อวานนี้ครับรูปล่าง
ผมจะใช้วิธีการสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองทุกวัน โดยดูจากคนที่ทำสำเร็จ คนเก่งๆ ให้กำลังใจตัวเองมากๆ กำหนดเป้าหมายเป็นระยะๆ "เปลี่ยนความเชื่อ ปรับวิธีคิด แล้วทำมันเดี๋ยวนี้!!!!" ขอแค่เชื่อว่าเราทำได้ แล้วทำมันอย่างจริงจัง มุ่งมั่น...สู้ๆนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคน...ผมก็ยังต้องสู้ต่อไป สู่การมีหุ่นดี แล้วอีกไม่นานนี้ผมจะมารีวิวต่อนะครับ สู้ๆ